ทำไมวิญญาณถึงไม่มีตาหูจมูกปากมีแต่โครงหน้าขาวๆ

ทำไมวิญญาณถึงไม่มีตาหูจมูกปากมีแต่โครงหน้าขาวๆ
เนื่องจากครั้งนึงที่ผมใด้พบวิญญาณที่ปลายเท้าเวลาที่ผมนอน ผมจึงลุกขึ้นไปดูตัวผมกับวิญญาณนี้ห่างกันไม่ถึง1ฝุตจึงสมารถมองเห็นหน้าใด้แต่เขาไม่มี ตาหูจมูกปาก มีแต่โครงหน้าขาวๆและขาวไปหมดทั้งตัวเหมือนมีแสงเรืองๆนิดๆ ขาเขาลอยจากพื้นประมาณ 1 คืบแต่เข้าไม่มีเท้านะครับมีแต่ขาลอยๆจึงอยากทราบว่าเขามาให้เห็นแบบนี้หมายความว่าอย่างไรครับ และก็เห็นไกล้ สัก15-50เมตร แต่อันนี้ไม่ชัดครับ และเรื่องวิญญาณนี้ผมเขียนให้อ่านคงไม่จบครับ เจอเยอะพอสมควร คงต้องรอโอกาสว่างๆจะมานั้งพิมพ์ให้อ่านกันครับ

 

อยากทราบว่าเขามาให้เห็นแบบนี้หมายความว่าอย่างไรครับ

+++ตอบ กรณีที่คุณเห็นในครั้งนี้วิญญาณตรงปลายเท้า
๑. คุณเป็นคนมีเซ้นส์ตามที่พูดจริง และเห็นมามากตามที่บอก
๒. นอกจากคุณจะมีเซ้นส์เกี่ยวกับการเห็นแล้ว ทางความฝัน
ก็มีบ้าง
๓. การเห็นในครั้งนี้ เขาต้องการมาขอส่วนบุญโดยเฉพาะครับ
***อนุโมทนาบุญ***

 

ขอบคุณครับ

 

น่าจะเป็นวิญญาณที่ยังปั้นไม่เสร็จนะ. แอบหนีออกมาจากโรงงานปั้นวิญญาณ

 

ใครบอกครับ จะทำให้เห็นอย่างไรได้หมดครับ
ขึ้นอยู่กับกำลังบุญครับ
ที่คุณเจอนะเป็นประเภทที่ตายมานาน
และแอบไปด๊อดๆรับเศษบุญมาบ้าง
เค้าถึงทำให้คุณเห็นได้เท่านั้นครับ
นั่นคือเท่ห์สุดของการแสดงให้เห็น
สำหรับกำลังบุญระดับนั้นครับ
ปล.พวกขาไม่ติดพื้น อยู่ในกลุ่มที่ทางโลก
เรียกว่าภูตครับ มีสีขาวกับสีดำ
พวกสีดำชุดพริวๆนี่จะนิ่งๆครับ

 

ฟังดูเหมือนผีญี่ปุ่นหน้าโล้นๆเลย
ถ้าที่พี่นพบอกว่าภูต แสดงว่าคำว่า ภูต นี่ต้องต่างกับคำว่า ผี ใช่มั้ยค่ะ?
เห็นเอ่ยหลายครั้ง อิน้องงงค่ะว่าต่างกันยังไง ต้องมีจุดสังเกตุแน่ๆ (ว่าแต่ว่าไม่ต้องมาให้สังเกตุจะดีกว่าเนอะ)

แต่ข้าเจ้าเคยฝันถึงโครงร่างเหมือนคนแต่เป็นเส้นแสงสีส้ม กับที่โดนอำยังกะจะเข้ามาสวมร่างนี่ขาวอมเทาซีดๆ เข้าจากทางด้านหลัง(นอนตะแคงอยู่) ตอนนั้นรู้สึกไม่ชอบใจมากเลยสวดมนต์ไล่ ยังกะว่าต้านกันรู้สึกหน้าเขาที่สวมทับเราบิดเบี้ยวยืดโย้เย้ยังกะในหนัง รู้สึกว่าเขาทรมาณมากแต่ก็ไม่ไปง่ายๆน่ะเออ เหมือนจะเห็นว่าหน้าเขาที่ทับเราในขณะเบี้ยวบูดเป็นเส้นสีส้มคล้ายเปลวไฟ

แต่อันแรกฝันว่าเขาพุ่งมารุมเราในความมืด
แต่มีคนอีกกลุ่มนึงก็ออกมายืนกั้นกันเราไว้ กลุ่มสองนี่ดูสว่างกว่า
คล้ายสีแสงไฟส้มเหลืองๆ มีคนนึงหันมาบอกว่าจะกันไว้ให้ ให้เรารีบสวดรัตนสูตร
แล้วเราก็นั่งขัดสมาธิลง เหมือนหลุดออกมาเห็นตัวเองอีกคนนั่งพนมมือสวดมนต์แต่ไม่มีเสียง จู่ๆก็หลุดจากฝันเลย ที่แปลกคือเกิดมายังไม่เคยได้ยินชื่อรัตนสูตรมาก่อนในชีวิต เลยลองหาในเน็ตก็มีจริงๆด้วย ในฝันนี่สวดได้แต่ชีวิตจริงสวดไม่ได้ ลองสวดนี่เหมือนลิ้นจะพันคับปากสวดติดขัดจริงๆ

ส่วนที่โดนสวบทับนี่มาโดดๆรายเดียว

 

น่าจะเป็นพรหมนะครับ
อาจจะมีวิบากร่วมกันเลยมาหามั้งครับ

 

ถ้าเป็นระดับพรหมการปรากฏตัวจะเบาๆเงียบๆและนิ่ง
คือประมาณว่า ยิ่งระดับสูงยิ่งนิ่ง ยิ่งเบา ยิ่งนิ่ม
การปรากฏตัวก็คือ เหมือนเรารู้ว่ามีอะไร
แต่เราไม่ได้คิดว่าคืออะไรและเราก็เฉยๆไว้ก่อน
เผลอๆถ้าระดับนี้ปรากฏบางทีเราเห็นแบบสองตาเต็มๆ
ยังไม่รู้เลยครับว่าไม่ใช่คนครับ และเราเดินๆตามหลังอยู่ติดๆ
แต่พอเราเริ่มคิดได้ว่าเอะต้องมีอะไรเมื่อไร
ท่านก็ลอยไปค่อยๆเหาะไปต่อหน้าต่อตา
แบบเห็นๆเลยครับ
พูดแล้วป่านว่าหนังละครจักรๆวงศ์ๆตอนเช้า

แต่ถ้าเป็นพระพุทธฯพระโพธิ..ยิ่งนิ่มนุ่มครับ
ให้เรานั่งมองเราก็ยังรู้สึกนิ่มๆเฉยๆเหมือน
ไม่มีผลกระทบอะไรกับจิตเรา และให้เราขยี้ตาแล้ว
ขยี้ตาอีก หยิกหรือตบศรีษะตัวเองแล้วก็ยังอยู่
อย่างนั้นนี่คือระดับนี้....

แต่ถ้ามาแล้วเราก็รู้สิ่งที่เห็น
แต่พอหายไปแล้วเราลืมเลย
เหมือนไม่มีอะไรติดขัด
นี่คือระดับผู้โปรดมากบารมีครับ...

ถ้าอย่างระดับที่เป็นเทพมีชื่อ
ที่เราเชื่อว่าบารมีน่าจะเป็นพรหมได้นั้น
ที่ว่ามีหน้าที่ป้องกันทิศโน้นทิศนี้พอนึกออกเนาะ
ถ้าปรากฏตัวให้เราเห็นรับรองว่า
จะอลังการงานสร้างในเรื่องซาวด์เอฟเฟกครับ

วิธีสังเกตุพวกภูตคือ จะชอบเอาหน้ามาใกล้ๆเรา
จริงใกล้ได้ระยะห่างไม่เกินฝ่ามือก็ได้
แต่ว่าจะไม่โดนตัวเรา และยังไม่ทำอะไรเรา
ที่สำคัญขาไม่ติดพื้นหรือลอยได้
และพวกนี้จะเปลี่ยนหน้าได้
เปลี่ยนไปเผื่อ? ก็ดูว่าเราจะกลัวหรือเปล่า
ซึ่งมักจะมาหาพวกที่พอจะมีอะไรๆบ้าง
เพื่อทดสอบ ในช่วงแรกๆปกติจะเจอกันได้ทุกคน
ไม่มีอะไร ทำเป็นไม่สนใจซะ เด่วก็ไม่มาเอง...
และพวกภูตสังเกตุได้อีกอย่างคือชุดจะเหมือน
หลวมๆไม่รีด..ดูไม่เรียบร้อย

แต่ที่เราเรียกภูตอสูรกาย คือพวกนี้ขาเริ่มเหมือน
ติดพื้นได้ หน้าตาดูไม่ค่อยดี แต่งกายดูหลวมๆ
มองหน้าเรา แม้ว่าเราจะอุทิศส่วนกุศลหรืออะไรให้
ก็ยังมีทีท่าว่าเฉยๆ และคิดจะทำร้ายเรา
อย่างนี้ให้ระวัง แล้วแต่จะเอาตัวรอดอย่างไร...
พวกนี้ตาสีแดง ถ้าจิตเรายังทำอะไรไม่ได้
ให้ขอบารมีครูบาร์อาจารย์ช่วยนะครับ
เพราะพวกนี้เค้าจะพอตัว และที่สำคัญจะไม่มาเดี่ยวๆ
ชอบมาเป็นกลุ่ม เพียงแต่ว่า จะไม่มาถามว่า
มรึงเก๊าหรอ มรึงเก๊าหรือ เหมือนแก๊งค์วัยรุ่น
ที่อ้างว่า ลงไปคุยกับลุงวิศวกรนะครับ ๕๕๕๕

แต่ถ้ากึ่งอสูรกายกึ่งเทพ สังเกตุดูง่ายตาจะสีเหลืองสด
แม้เราจะพยายามสบตา พวกนี้เค้าจะไม่สบตากับเรา
แต่งกายอย่างไรก็ได้ แต่หน้าตาดูไม่ดี...
และถ้าได้เห็นจะทราบว่า เค้ากำลังทำหน้าที่
อะไรของเค้าอยู่ อย่าไปสนใจ..
แต่ถ้าเราศีลมั่นคงเราจะผ่านเค้าไปได้
โดยพวกนี้จะไม่มายุ่งอะไรกับเรา....

ที่เล่ามาคือการเห็นแบบตาเปล่าๆ
ลืมตาปกติทั่วไปนี่หละครับ
ยกเว้นพวกตาสีเหลืองที่อาจจะต้อง
เห็นอีกแบบที่ไม่ใช่ลืมตาเห็น
เพราะปกติจะไม่มายุ่งอะไรกับมนุษย์
ประมาณนี้หละครับ

ปล.พวกเส้นสายสีส้มคือพวกที่บำเพ็ญมาทางสายอสูรกาย
ที่สีดูออกส้มเพราะว่าในอดีตพวกนี้เคยเข้าไปแทรก
ในร่างคนอื่นๆและอาศัยแฮบบุญจากร่างนั้นๆ
ที่ตนเองได้เคยไปแทรกมานั่นหละ..
คือหล่อกว่าร่างทรงหน่อย ตรงนี้มีสัมผัสพิเศษภายใน
มีความสามารถภายใน(แต่เชื่อไหมว่าพวกนี้จะไม่รู้
ว่าตนเองทำได้อย่างไรและที่สำคัญคือสอนไม่ได้
และจะไม่สนใจเรื่องสติกับปัญญา)
พวกนี้เป็นกลุ่มเดียวกัน ที่ชอบไปแทรกในกลุ่มสำนัก
พลังวิเศษ สร้างโลก สร้างกายนิรันดร มีพลังเหนือโลก
ป่านไม่ใช่คนทั้งหลาย สังเกตุได้ใครผ่านสำนักแนวๆนี้
จะเป็นผู้วิเศษระดับโลกทั้งนั้นหละ ๕๕๕
ที่เรียกว่า บำเพ็ญสายอสูร เพราะพวกนี้เหมือนเหลือบ
พุทธศาสานา คือ ชอบอ้างพระพุทธฯแต่การปฏิบัติ
และพฤติกรรมจะตรงกันข้าม...

ส่วนที่ออกเหลืองๆ ก็เป็นภายนอกเป็นสายที่ดี
ที่มีพลังงานเหมือนกัน พลังงานเหล่านี้
เป็นไปตามการอฐิษฐานได้ และเป็นพลังงานเฉพาะ
ที่ป้องกันพวกบำเพ็ญสายอสูรกายได้ และจะใช้ในทางที่ดี
ใช้เพื่อผู้อื่น และไม่ฝืนกฏแห่งกรรม จะไม่ใช้
ในทางที่ยกตนหรือเพื่ออวดตัวตน
และไม่เป็นการเพื่อสะสมเอาไว้ใช้
เพื่อตนเอง(เอาไว้แปลงกายในอนาคต)..

ทุกอย่างที่จิตสัมผัสได้แสดงว่าจิตเคยผ่านมาแล้ว
ดังนั้นก็ให้เฉยๆกับมันไปซะไม่ว่าเรื่องอะไร
เราก็จะผ่านได้เอง...ไม่ต้องไปคิด ไปสนใจ
ไปอะไรๆกับมันทั้งมัน..
พูดง่ายๆ ช่างหัวมะพร้าวมันนั่นเอง(แปลเป็นภาษาสุภาพแล้ว)


ปล.พอขำๆเน้อ...

 

ขอ อนุญาต เล่าเรื่องเลยนะครับ เขาลอยมาทื่อๆครับผมนอนอยู่ก็คิดว่าพ่อมาหามีทุระอะไรก็เลยเปิดมุ้งออกไปดูสิ่งแรกที่เห็นคือใครว่ะเนียคิดในใจ ผมเลยเอาหน้าเข้าไปดูไกล้ๆห่างกันประมาณ1ไม้บรรทัดเพราะคิดว่าผึ่งตื่นเลยมองหน้าเขาไม่ชัดแต่ดูสักพักก็แปลกใจว่าลูกตาจมูกปากหายไปใหนมีแต่โครงหน้าขาวๆและแต่งตัวชุดขาวๆมีแสงเรืองๆในตัวเองจึงมองไปที่ขาเห็นขาลอยจากพื้นดินประมาณ 1คืบจึงรู้ว่าไม่ใช่คน เพราะตอนแรกมองขาไม่เห็นเพราะตัวเรากับเขาไกล้กันมากๆแบบเอามือแตะใหลกันใด้เลยทำให้ผมนี้มองเห็นแค่ส่วนทางด้านบน พอเรารู้ว่าไม่ใช่คนเราก็ด่าไปเสียๆหายๆ เขาก็ค่อยๆลอยไปทื่อๆและค่อยๆหายไปทางหลังบ้าน แต่ก่อนจะหายมีเสียงพูดว่า หนึ่ง หนึ่ง เสียงแบบนี้ผมไม่เคยใด้ยินที่ใหนมาก่อน เป็นเสียงที่ไพรเราะมากแต่ฝังดีๆก็หน้ากัววังเวงและเสียงออกเย็นเยือก ผมอธิบายความรู้สึกไม่ถูกครับ เสียงแบบนี้ไม่มีอะไรทำใด้และไม่มีอะไรที่จะเหมือน หลังจากนั้น ผมถูกหวย 11 สิบบาท แต่หลังจากนั้นไปไม่นานก็โดนรถชนจนรถพังทั้งคนแต่คนไม่เป็นไรเลยครับ หลังจะนั้นก็เริ่มเจอ อะไรแปลกๆมาเลื่อยๆ เดี๋ยวเรื่องอื่นๆมีเยอะครับที่ไม่ใช่ตัวขาวๆครับ ตัวดำๆยืนทมึนแข็งโด่หมุนไปหมุนมาในบ้านตัวเท่าๆรถเก๋งใด้ครับ หัวเท่าๆกระติกน้ำ10ลิตรใด้ครับ เดี๋ยวค่อยมาเล่าครับ วันนี้ขอพักใว้เพียงเท่านี้ก่อนครับ

 

ใช่ผีหรือเปล่า หรือเป็นคน
ถ้าเป็นผีคือกิริยาอย่างนี้คือ
พวกอยู่มานาน มีทุนด้านด้านสัมผัสภายใน
แต่ติดเรื่องอานิสงค์จากการทำทาน
พูดง่ายๆเวลาทำบุญจะชอบ
ขอตลอดนั้นหละ แต่ผลบุญบางส่วนทำให้ทำอย่างนี้ได้
ถ้าเป็นคนก็คือคนที่มีสัมผัสภายในปกตินี่หละ

เสียงอย่างนั้นเค้าเรียกเย็นละเยือกครับ
เสียงระดับสูงๆจะนิ่ม
อย่างพรหมเสียงจะคลายเด็ก
เสียงพระพุทธฯมาเป็นประโยค
แต่เราจะได้ยินพยางค์เดียว

 

ขอบพระคุณมากๆเลยครับ

 

คือเรื่องภาพมันไม่สามารถที่จะชี้ชัดอะไรลงไปได้
เพราะว่าเหตุในการทำให้เกิดมันสามารถทำได้
หลายอย่าง จะทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมากมาย
ดังนั้น เราควรเฉยๆกับเรื่องแบบนี้ไว้..

จะเล่าให้ฟังแต่ไม่ใช่ในรูปนะ
โดยปกติพวกที่ตายไปนานมากๆ
และอยู่มานานแล้ว จะมีสีผิวออกสีดำได้
แต่จะดำเหมือนถ่านและปนเขียว
ถึงจะพอมีกำลังไปไหนมาไหนได้แบบนี้...
และมีความสามารถปรากฏได้แม้ตอนกลางวัน
แบบทั้งตัว และจับตัวเราได้ด้วย.แต่จะถ่ายติดได้ยาก..
นามธรรมจะต่างกับเราตรง
ที่จะไม่มีเงาสะท้อนให้เห็นเหลี่ยมเห็นมุมได้..
เพราะเค้าไม่มีธาตุดินที่จะสะท้อนให้เกิดเงาขึ้นได้
แบบวัตถุทั่วไป...
เข้าใจที่พูดนะ...

 

ไม่ต้องเรียกอาจารย์ เรียกอย่างอื่นเด้อ
การที่เราไปข้องเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้
เป็นธรรมดาที่จะต้องโดนฝ่ายที่ทำเค้าเล่นกลับคืน
เรื่องธรรมดามากๆ
หน้าที่เราคือ ไม่ต้องไปทำกลับ ไม่ต้องสนว่าใครทำ
ใครจะทำก็ช่างหัวมะเขือมัน
ให้เรามาสร้างภูมิต้านทานให้ตัวเราเอง
ก็พอ เพื่อไม่ให้เค้าเข้าถึงและทำอะไรเราได้
แม้เค้าจะทำทุกวัน แต่ไม่เกินสองเดือนก็เลิกทำ
และเค้าจะมองว่าเราไม่ใช่ศัตรูเค้า
เค้าก็จะเลิกสนใจไปเอง.
เราก็คอยเก็บศพ ไม่ว่าตะขาบ
หรืออะไรไปทิ้งพอ

 

อุว้าว มีว่าด้วยการแปลงร่างแปลงกายด้วย เป็นงงจริงๆ
แต่เรื่องฝันแล้วรู้สึกเหมือนโดนแทรกแซง(การนอนหลับของคนขี้เซา)
ก็ขอบารมีครูบาอาจารย์ท่านๆค่ะ เคยมีคนบอกเหมือนกันว่าให้ทำแบบนี้
หลุดเด้งผึงเหมือนกดสวิตเลย (แต่ตอนตื่นจากสวดมนต์นี่ก็สงสารเขากลัวเขาเจ็บน่ะ)
บางครั้งระแวงการนอนกลัวจะฝันเลย

ตอนที่ฝันว่าโดนรุมอยู่ย่านมีตำหนักร่างทรงกลุ่มคนเลี้ยงผีเล่นของนะค่ะ(สรรหาที่อยู่เจงT_T)
มีส่งสมัครพรรคพวกตัวดำล่ำถึกน่าจะไม่ต่ำกว่า2เมตร พยายามเข้าบ้านให้ได้ หมาก็วิ่งไล่เห่าสกัดหน้าสกัดหลังนอกบ้าน ตอนนั้นกลัวสุดติ่งปวดฉี่ยังไม่กล้าลุกเลย ขอให้ท่านช่วยไล่ไปให้พ้นๆ(น้องปวดฉี่)

ตอนแรกไปอยู่นี่ก็อะไรเท่าไหร่ บังเอิญนั่งมอไซต์ซ้อนท้ายน้องสาวไปทำธุระผ่านดงหมู่บ้านดังเรื่องยาสั่ง(ตอนอายุ14-15เคยนั่งรถไปเที่ยวกับเพื่อนผ่านแถวนั่นคุณยายชีแกรู้เรื่องด่าเราขรมเลย)
อากาศมันเย็นยะเยือกแปลกๆ เห็นสะพานข้ามคลองมันยืดยาวถอยหลัง(กะสองตาเนื้อ)ตอนแรกคิดว่าตาฝาด แต่เส้นทางมันยาวั่งรถนานกว่าตอนขากลับที่แป็บเดียวถึง น้องสาวก็งงว่าเหมือนเวลาต่างกัน
และเราก็ปวดหัวคู่ ทนสองวันไม่ไหวสวดพาหุงเหงื่อออกตัวเย็นหายปวดเลย และก็ทยอยมีนั่นนี่มาเยี่ยมเรื่อยๆ(น้ำตาจิไหล มายุ่งช้านทำมายช้านไปทำอะไรให้)

เห็นว่าเพื่อนบ้านหลังนึงแกก็เลี้ยงผี(น้องรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบเขาและเขาก็ไม่ชอบน้องไม่แม้แต่มองหน้าน้องเลย)

แต่อย่างน้อยก็ยังมีผู้เมตตาเราบ้างโดนดุบ้างอะไรบ้าง ฉะนั้นต้องไมทำให้ความปรารถนาดีนั้นสูญเปล่า ต้องทำตัวดีๆเขาไว้

 

อาจารย์นพกานต์ครับ เวลาที่ผมนอนนี้ เหมือนมีคนเอามือมากดที่ขาและลูบขา ตรงที่ผมรู้สึกว่าโดนกดขานั้นแดงเป็นนิ้วมือใหญ่ๆและเย็นมากเหมือนเอาน้ำแข็งมาโปะใวครับ อันนี้เขามาทำไมครับ และบางวันก็ดึงหัวแม่เท้าบ่างทีก็ดึงขาจนตัวเกื่อบรวงเตียงครับ บางทีก็มาเรียกข้างๆห้องนอนด้านนอกบ้านว่า เสียงว่าไอ่แจ๊ก(นามสมุติ)เปิดบ้านให้กุเข้าหน่อย(เสียงสั่นๆเหมือนหนาว)แต่น้ำเสียงของเขาไม่เย็นไม่กังวานไพเราะเหมือนก่อนนั้นที่ผมเคยเจอหลังจากนั้นผมก็นอนฟังเรียกครั้งที่3เป๊ะอยู่ๆเมียผมที่หลับอยู่ อยู่ๆก็ปวดทองขี้และวิ่งไปเปิดบ้านเฉยๆโดยไม่รู้ว่ามีคนมาเรียกผม(เวลาตี4ตอนนั้น)พอเมียผมมันไปเปิดบ้านเพื่อออกไปเข้าห้องน้ำเท่านั่นชั่วเวลาแค่5วินาทีเท่านั้นกลิ่นทูปหอมๆก็เข้ามาในห้องนอนแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและสักพักก็หายไป เช้ามาผมถึงใด้บอกภรรยาว่าเมื่อก่อนเช้าทำไมอยู่ๆถึงตื่นแฟนผมตอบว่าเขาไม่รู้ เลยอยากสอบถามอาจารย์ครับว่าแบบนี้เขาจะมาดีหรือร้ายครับ

 

เหมือนที่ถ่ายได้ในรายการนี้หรือเปล่าครับ

 

เอ๊าเด่วเล่าให้ฟังแบบฟังหูไว้หู..
กรณีกลุ่มภูตที่แปลงกายได้
จะเป็นกรณีที่จะมาทดสอบคนปฏิบัติ
ถ้าหากถึงเวลาหนึ่ง..การทดสอบ
ก็เพียงเพื่อจะดูว่ากลัวหรือเปล่า
เล่าให้ฟังอีกรอบว่า พวกนี้ก็จะพยายาม
เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ ให้ดูน่ากลัวและเข้ามา
ใกล้ๆหน้าเรา แต่ว่าจะไม่โดนตัวเรา....

และกลุ่มที่บอกว่า มาจากสำนักทรงนั้น..
ประเภทนี้ความจริงเป็นกลุ่มเดียวกัน
ที่ใช้อุบายให้มาเปิดประตูให้นั่นหละ
เรียกว่า อสูรกายประเภทหนึ่ง
เพราะถ้าเราไปเปิดให้เอง ไปขานรับ
แสดงว่า เราได้ส่งการเชื่อมต่อไปยังเค้า
โดยตรงแล้ว ซึ่งจะกลายเป็นวิบากร่วมกัน
ระหว่างเรากับเค้าแล้ว ซึ่งต่อมาไม่ว่าอะไร
จะสามารถส่งผลกระทบกับตัวเราได้....
..ตรงนี้เทพเทวดาประจำตัว
เจ้าที่ท่านจะไม่ยุ่งกับเราหละ..
เพียงแต่ว่า ที่ขานเรียกชื่อเล่นเรา แบบมีไอ้ ขึ้นต้น
พวกนี้จะเก๋ากว่าพวกที่มาด้อมๆมองๆหน่อย....
จำเอาไว้ว่า ปกติการเรียกชื่อ จะเรียกแค่ชื่อเล่นเรา
ไม่มีเรียก ไอ้ๆ นำหน้า ถ้ามีไอ้ๆ นำหน้า
มาไม่ดีแน่นอน...

ส่วนที่จับขาแล้วทิ้งร่องรอยบนร่างกายเราได้..
พวกนี้ตอนนี้ก็คือ ต้องการกำลังบุญเพียงอย่างเดียว
เพื่อเอามาเสริมสัมผัสภายในที่ตนเองมี
เพื่อให้เกิดเป็นเมตตาขึ้นมา งงไหม..
ว่าทำไมต้องเอาบุญไปเสริมเมตตา พูดอะไรแปลกๆ ๕๕

ก็เพราะว่าพวกนี้สมัยเป็นคน เรียกได้ว่าเป็นพวกพอตัว
มีความสามารถพอสมควร มาทางด้านสายพลังงานด้วย
แต่เป็นลักษณะเหมือนจะค่อนข้างหลงตัวเองจัด
เผลอๆคิดว่าตัวเองบรรลุคุณธรรมด้วยนะนั้น
และสิ่งที่ตนทำได้ กลับใช้เพื่อตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง ยกตัวเอง
และที่สำคัญก็คือ พวกนี้ขาดเมตตาต่อคน ต่อสัตว์
พูดๆง่ายๆว่า มีเพื่อความหล่อเฉพาะตน
ไม่ได้สร้างให้มีเพื่อประโยชน์ของใคร
เวลาตายไปก็จะเจอวิบากแบบนี้
แต่ด้วยต้นทุนส่วนตัวที่พอมีมาจากการฝึก
เลยสามารถทำให้มีความสามารถ
มาจับและทิ้งร่อยงรอยบนร่างกายเราได้เท่านั้นเอง

กรณีเจอแบบนี้ให้อุทิศส่วนกุศลเน้นเฉพาะไปเลย...
ส่วนกรณีเจอพวกอสูรกาย ง่ายสุดคือขอบารมีพระฯ
ขอบารมีท่านต่างๆให้ช่วย...
แต่อย่าที่บอก ว่าเราสามารถมาสร้างตัวเราเองได้..
ไม่ว่าจะฝึกให้ตัวเองสามาถมีอะไรได้
หรือที่สำคัญที่สุดก็คือ. พันธมิตรทางภพภูมิ
ที่เราได้จากเมตตา ได้จากการอุทิศส่วนกุศลอยู่เรื่อยๆ

มีคำกล่าวว่า การที่จะดูว่า สภาพจิตเราประมาณไหน
ให้ดูที่การปฏิบัติตัวของภาคส่วนภพภูมิที่ทำกับเรา
เช่น ถ้าเรามีศีล ๕ ปกติมั่นคง ชอบทำบุญทำทาน
กลุ่มที่อาศัยระดับโลกที่ต้องการบุญก็จะเกรงใจเรา
ถ้าเรามีความละอายต่อบาป มีศีล ๕ ด้วย ทำบุญด้วย
เทวดาก็จะเกรงใจเป็นต้น พูดง่ายๆว่า จิตเราเป็นอย่างไร
ระดับนั้นๆก็จะเกรงใจเรา และนับเราเป็นเพื่อนนั้นเอง..
ตรงนี้ขึ้นอยู่กับตัวเรา ส่วนใครจะมีสมาธิ มีความสามารถ
ทำอะไรได้ มีเมตตาอย่างไร เรื่องแบบนี้ภาคส่วนภพภูมิ
จะทราบดี โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปบอกให้ใครทราบ
แต่ถ้าสมมุติว่า เราบอกคนอื่นๆว่า เราดีอย่างโน้นนี่นั้น
มีความสามารถระดับโน้นนั่นนี้ แต่ว่าแม้แต่ผีข้างทาง
หรือสัมพะเวสียังไม่เกรงใจเรา ไปไหนไม่มีสัมพะเวมา
ขอส่วนบุญเลย..หรือเจอระดับอสูรกาย ผีมีฤิทธิบ้าง
เล่นงานเราได้แบบธรรมดาๆ..ต้องนี้ให้ระวัง
มันฟ้องว่า เรากำลังหลงตัวเองสุดๆ...
ไม่ว่าเรื่องความสามารถและเรื่องความดีที่มีในตนเอง
ถ้ารู้ตัวให้ปรับปรุงซะ แต่ส่วนมากถ้าได้หลงตัวเองแล้ว
จะกลับตัวได้ยาก เพราะว่ายึดตัวตนไปแล้วนั่นเอง..

และการที่เรามุ่งทำแต่ประโยชน์เพื่อคนอื่นๆ
เราจะมีภาคส่วนภพภูมิที่คอยได้ส่งเสริม
เป็นพันธมิตรให้เราเรื่อยๆ การทำบุญหลังพระ
อยู่เบื้องหลังต่างๆแบบไม่แสดงออกก็เช่นกัน
การทำดีทังในที่หลับที่แจ้งก็เช่นกัน..
ซึ่งพวกนี้ยังส่งผลต่อความก้าวหน้า
ในทางปฏิบัติให้เราไปได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย...
เรียกรวมๆว่า คุณสมบัติพื้นฐานทางด้านจิตใจ
ที่ควรมีในใจเป็นปกตินั่นเอง...

ปล.จบแระ..

 

ถ้ากรณีที่เข้ามาถึงตัวเราได้
อย่างนี้ ส่งผลตรงได้อย่างนี้
ถือว่าเป็นวิบากเฉพาะครับ...

เล่าให้ฟังกรณีถ้าขับรถ
ถ้าจะขอส่วนบุญ
จะให้เราเห็นแว๊บๆ
หรือไม่ก็จะกระโดดมาทางด้านขวา
แต่ว่าจะไม่ชนเราเรา
ส่วนตัดหน้านี่ถือว่าเจตนาไม่ได้
เข้ามาในรถได้ เป็นวิบากระหว่างเรากับเค้า
แม้ว่ามาหลังรถถ้ามาขอบุญ
จะเห็นลอยอยู่หลังรถไม่ว่าเราจะขับอยู่
แต่จะไม่เข้ามาในรถ....

กรณีที่เป็นวิบากเฉพาะอย่างนี้
ถ้าเราเป็นคนธรรมดาทั่วไป
ควรจะต้องเร่งทำบุญ สร้างความดีให้มากๆ
และอุทิศส่วนกุศลแบบเฉพาะเจาะจงให้บ่อยๆ
จะพอแก้ไขได้ครับ การแก้ปัญหา โดยการไล่
การเอาออก อะไรก็ตาม ไม่ใช่เป็นวิธีแก้ที่ถาวร
เด่วพอเรากำลังบุญน้อย เจอวิบากแบบนี้อีก
เราก็มีสิทธิจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้อีก...
ไม่รู้นะ ที่เห็นเล่าๆมาในคลิบ มีแต่เล่าว่าเจออะไรบ้าง
ส่งผลอะไรบ้าง ทำให้เกิดอะไรบ้าง
แต่ยังฟังไม่เจอว่า พอได้เจอแล้วคิดจะทำบุญอุทิศส่วน
กุศลให้เค้าทันทีไหม คิดจะแผ่เมตตาให้ไหม..
หรือคิดแค่ตัวเองอยากไหวพระ นึกถึงพระแค่นั้น...
หลังจากได้เจอเหตุการณ์โน้นนั่นนี่
ให้ลองพิจารณากันดูเอาเองนะครับ
กลุ่มนี้ก็ตายโหงและอยู่มานาน
นั่นหละครับ ที่จะมีนิสัยประมาณนี้...

 

ก็ดีค่อยๆทำไปดีกว่าไม่ทำ
เหมาะสำหรับกรณีที่ของเข้าตัวแล้ว
ไม่ว่ากรณีใดๆส่วนที่ท้ายทอยต้องระวังนะ
ที่ดีๆจะขึ้นข้างบนหมด ที่มีผลตอนนี้
เหมือนดีแต่ว่ารอจังหวะเสียบ
ระวังการใช้ความคิดให้มากๆ
ลักษณะที่มาทางท้อยทอย
คือพวกชอบอ้างพระพุทธฯ
แต่จะส่งให้พฤติกรรมเราไม่ใช่พุทธได้แบบไม่รู้ตัว
ดังนั้นสร้างบารมีให้กับภาคส่วนภพภูมิมากๆ
ฝึกจิตให้มีกำลัง สร้างสติ สมาธิสะสมเอาไว้
ถึงจะปลอดภัยและลึกๆอย่าคิดว่าข้านะแน่
เพราะระดับนี้ ถ้าเดินออกนอกบ้าน
โอกาสตายสูง ที่พูดไม่ได้ดูถูกนะ
พูดเพื่อให้รู้กำลังตัวเองเอาไว้
จะได้ไม่ประมาท
เข้าใจที่สื่อนะ

 

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มากๆเลยครับ

เรื่องหลงตัวนี้ผมคิดว่าไม่หน้ามีเพราะผมนี้เพราะผมคิดว่าที่เราทำนี้ ยังไม่ใด้เศษส่วนของคนอื่นที่เขาปฏิบัตดีปฏิบัตชอบเลยครับ

ท่านอาจารย์ครับ อย่างที่เขามาเรียกชื่อเล่นเราว่าไอ... แต่เราไม่ใด้เป็นคนไปเปิดบ้านรับเขา และไม่ใด้เป็นคนสั่งให้ภรรยาไปเปิดบ้านอันนี้จะกลายเป็นวิบากร่วมกัน
ระหว่างเรากับเค้าใหมครับ ขอบคุณครับ