ที่ว่า จิตไม่เที่ยง คือจิต หรืออาการของจิต....

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย 2ชาติตรัสรู้, 2 ธันวาคม 2009.

  1. dokai

    dokai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +71
    <TABLE class=tborder id=post2745231 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_2745231 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ albertalos [​IMG]
    ศิล 5 มีไว้ให้ไม่หลงไปทำชั่ว เพราะจะได้รับผลเดือดร้อน
    ท่าดีที่ใจใด้จริงคงไม่ต้องมีข้อใดๆมากำหนดแต่หากเพราะใจมีปกติที่ไม่ดีมาก่อนผู้รู้ทางที่ดีและไม่ดีจึงตั้งจุดยืนให้เพื่อไม่ให้ทำในสิ่งที่ทำแล้วจะได้ผลร้ายตามมา ดีกว่าปล่อยไห้ไปรุ้เอง เอ้าเมื่อยังไม่รู้ชอบก้ทำตามที่ท่านผู้รู้บอกไว้ก่อนจะได้ไม่หลงทาง แล้วพอรู้ด้วยใจตนแล้วข้อบังคับใดๆก้ไม่สำคัน เพราะมัน ปกติเองที่ใจ แต่ใจยังไม่ปกติเนี่ยอย่าไปคิดว่ามันปกติแล้วนะ ปติบัติก่อน ผลจะตามมา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    กล่าวได้เข้าเป้า โดยเฉพาะคำว่า ปรกติ และ ผลแห่งความเดือนร้อน
    ขอเสริมอีกหน่อย ทุกชีวิตที่เกิดมานั้น ดำรงอยู่ในอัตตาภาพของตนเอง แล้วที่ มักจะได้ยินกันบ่อยๆ ว่า ศิลรักษาเรา หากกล่าวว่าศิลเป็น เครื่องยังอัตตาภาพของเรา ที่มีอยู่ ให้ดำรงค์อยุ่ ไม่เสื่อมถอย ตกต่ำ เช่นเมื่ออยุ่ในภพ ภูมิ มนุษย์ ความมีศิล คือความปรกติ เป็นนิจ ก็ยังสถานะภาพเราเอาไว้ ผู้ที่มีอัตตาภาพมนุษย์ที่ เกิดพร้อม มนุษย์ สมบัติ เมื่อมีความเป็นปรกติ รักษาความเป็นปรกติ ก็ไม่ตกต่ำลงไปกว่าฐานะเดิมที่ มีอยู่ แต่เมื่อใดที่พร่องไป อัตตาภาพ ฐานะก็สั่นคลอน ตกต่ำ เดือนร้อน เสียหาย อาจตกต่ำเปลี่ยน ไปจุติในภูมิ เดรัจฉาน หรือ อื่น ๆ ได้ เมื่อดับขันธ์ไป หรือ ขณะยังไม่ดับขันธ์ ภุมิจิตก็ตกต่ำลง เสือมถอย<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2745231")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    บังเอิญ เห็นกล่าวเรื่องนี้ คิดว่าคงจะไปยกมาจากประเด็นตรงนี้ กระมัง
    ก็ไม่แน่ใจว่า เพ่งเล็ง ใคร ขออนุญาติถาม จะได้ไม่ผิดตัวผิดฝา
    วิเคราะห์จาก วาจา ก็ไม่รุ้หมายถึงใคร เพราะตัวเองยังไม่เคยบอกไว้ตรงไหนว่าปิดอบายได้แล้ว งง

    แต่พอมาอ่านตรง เรื่องความปรกติ ก็คิดว่าน่าจะไปอ่านแล้วก็เพ็งเล็งคำพูด ก็ว่ากันตรง ๆเลย จะได้ไม่ผิดฝาผิดฝั่ง

    ที่ผมพยายามจะบอก คงเป็นความสับเพล่า ของตนเอง ทำให้คิดว่า บอกว่าไม่มีศิลให้รักษาแล้ว แต่ที่ผมจะกล่าว คือ ความมีศิลเป็นนิจ จะรักษา ความเป็นปรกติ ไม่ให้ หล่นออกจากความเป็นปรกติ หรือรักษาสถานะภาพของตัวเอง ให้อยู่เป็นปรกติ เมื่อขาดศิล ก็คือ รักษาความเป็นปรกติไม่ได้ รักษาสถานะภาพที่เป็นอยู่ไม่ได้ ก็จะล่วงลงต่ำ อันนี้คงจะเคลียรนะครับ

    ประเด็นนี้ ก็ขออภัยที่ทำให้ เข้าใจผิดไป

    ที่นี้ คงต้องมาประเด็น คนบางคนเขาบอกว่าปิดอบายได้แล้ว ตรงนี่สิ งง ว่าตรงไหนที่เคย ยืนยันเอาไว้ (คงมิได้เพ็งเล็งที่ผม) ถ้าใช้ มันก็คงมีอะไรไปทำให้เข้าใจผิด หรือไม่ก็ ชั่งดูถูกดูแคลน กันเสียจริง ยังไม่ทันไร ความผิดปรกติทางวาจา บังเกิดเสียแล้ว ส่อเสียด
     
  2. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
     
  3. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130
    และอีกอย่างหนึ่ง ฉันไม่เคยสนทนา กับ ID นี้เลย จะไปบังอาจว่าได้อย่างไง
    หากใครที่ไม่เคยสนทนาด้วย นี่ยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่เลย ไม่รู้จัก ก็ไม่กล่าวอะไรที่ไม่เหมาะสมออกมาหรอก คุณ Dokai
     
  4. dokai

    dokai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2009
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +71
    ถ้าเข้าใจผิด ต้องขออภัย ด้วยความจริงใจ ก็แล้วกัน มันคงบังเอิญเสียมากกว่า

    ขออภัย ก็แล้วกัน อย่าถือเป็นโทษ ต่อกัน
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    2ชาติ บรรลุธรรม. . .;เมื่อก่อนจะตั้งเจตนาไว้แล้วทำเจตนานั้นเนืองๆ
    --------------------------------------------
    ตั้งเจตนาไว้ว่า เราคือผู้รู้ แล้วค่อยรู้เนืองๆ ไม่ไปยุ่งกับอารมณ์หรือความคิดที่รู้รู้แบบไม่ต้องกำหนดรู้ ว่าอะไรคืออะไร ไช่หรือไม่...
    ตอบ ไม่เข้าใจคำถาม ขอตอบแบบนี้ละกัน ตั้งเจตนาว่าเราคือผู้รู้ แบบว่าตั้งสติ
    ไง ตั้งสติว่าจะไม่เผลอ จดจ่ออยู่กับอารมณ์เฉพาะหน้า พอตั้งเจตนา
    ไว้แล้ว ปรากฏว่า สติมีรู้ตัวตลอดมันก็ดีนะ แต่มันเสียที่ แย้มันก็เอาแต่หดหัวอยู่
    ในรู ไม่ยอมออกมา ตัวนิสัยสันดาน ที่เป็นธรรมชาติของเรา มันก็ไม่แพล่มออก
    มาให้เห็น เหมือนมีครูจ้องดูนักเรียนอยู่ มันก็ไม่ซน ทำตัวเรียบร้อย แต่ในส่วน
    ลึก แย้มันเก็บกด อยู่ พอครูเผลอปั๊บ แย้มันก็แผลงฤทธิ์ เต็มที่ ส่วนครูก็หลับไป
    แล้ว ก็เลยไม่ได้เห็นนักเรียนแย้ มันออกมาเกรียน เย้ยฟ้าท้าดิน ตีกับเด็กคนอื่น
    สนุกไปพอครูตื่นมาอีกที แย้ก็หดหัวเอ๊ยหมายถึงนักเรียน ก็กลับมาทำตัวเรียบ
    ร้อย ครูก็นึกว่านักเรียนเป็นคนดี เพราะไม่เคยเห็นนักเรียนตอนแสดงอิทธิฤทธิ์
    ไปตีกับคนอื่น ลับหลังครู

    มาวันนี้ไม่ต้องตั้งเจตนาแล้วธรรมชาติแล้ว รู้สึกเป็นผู้รู้เป็นปรกติแล้วโดยไม่ต้องกำหนดเจตนาแล้วสินะ ....ไช่หรือไม่เจ๊
    ตอบว่า ใช่ เพราะไม่จดจ่อที่อารมณ์เฉพาะหน้าแล้ว ปล่อยสบายๆ ไม่เพ่ง
    ไม่จ้อง ปล่อยให้เป็นไปแบบธรรมชาติรู้ เหมือนเปิดโปรแกรมแสกนไวรัส ทิ้งไว้
    ถ้าไม่มีอะไร มันก็เงียบๆ กลางๆ พอมีอารมณ์ใดๆ เกิด มีโทสะ มีหงุดหงิด มีชอบใจ
    มียินดี มีใจฟู ก็ค่อยกระเด้งมารู้ ว่ามี สิ่งผิดปกติเกิดขึ้น พอรู้แล้ว ก็ปล่อยไป
    มันก็ทำงานของมันต่อ เช่นพูดอยู่ก็พูดไป มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้น ก็กระเด้งขึ้นมา
    ดูเป็นระยะ และถ้าดันไปรู้ว่าคู่สนทนาหงุดหงิด รู้ว่าไม่ค่อยจะดี มีกลิ่นทะแม่ง
    ก็ปลีกตัวไป ถ้ายังสนุกต่อ ก็ปล่อยไป แต่ระวังเวลามีอารมณ์เกิดก็จะเด้งมารู้
    มันก็จะไม่เข้าตัว เพราะรู้ทันอามรณ์ที่ไม่ดี แต่ถ้าเผลอสติไปบางช่วงมีอารมณ์
    ไม่ดีเกิดแล้วรู้ไม่ทัน ก็โดนอารมณ์ครอบงำไป มารู้ทีหลังก็มี ก็เป็นข้อสอบ
    เตือนใจเรา ว่าเราพลาดไปแล้ว

    เพิ่มเติม เจ๊ไม่ต้องตอบก็ได้นะ เพราะผมรู้แล้วหละว่าทำไม เจ๊จึงบอกว่ารู้จักทุกข์คืออารมณ์ความคิด แต่ไม่รู้จักเหตุของทุกข์ที่เจ๊บอกว่าคือความคิด เพราะเจ๊ตั้งเจตนาไว้แต่แรกแล้วว่าเราคือผู้รู้ มีหน้าที่รู้เท่านั้น(รู้แบบไม่กำหนดอะไร)
    เมื่อเจ๊ถูกตั้งโปรแกรมไห้มีหน้าทีรู้เท่านั้นเจ๊ก็เห็นความคิดคือทุกข์ แต่เจ๊ไม่รู้เหตุของความคิด ก็เพราะเจ๊ไม่รู้จักว่าไครทุกข์ เพราะแยกตัวผู้ทุกข์ออกมาตั้งแต่แรกแล้ว พอไม่รู้จักผู้ทุกข์ ก็เลยไม่รู้เหตุของทุกข์ที่เจ๊ว่าคือความคิดหรืออารมณ์

    เจ๊อยากตอบ ง่ะ เจ๊รู้จักทุกข์ เพราะเจ๊ ดูทุกข์มันเกิด ดูทุกข์มันดับ แต่เจ๊ไม่รู้
    เหตุแห่งทุกข์ เพราะเจ๊ไม่สาวเรื่องราว เจ๊ไม่ทำอะไรไง เจ๊ดู เจ๊รู้ เท่าที่กำลัง
    สมาธิจะเห็นได้ มีสติรู้ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น ส่วนลึกๆจะเห็นได้เมื่อ อินทรีย์พร้อม
    เหมือนไฟฉาย มันมีวงสว่างของมันอยู่ วัตต์น้อยๆ ก็เห็นได้วงแคบ ถ้าวัตต์มัน
    เยอะ มันก็จะเห็นครอบไปถึงเหตุเอง เจ๊ไม่ทำการควานหา แสวงหา เจ๊ปล่อยให้
    บางสิ่งบางอย่าง เห็นด้วยตนเอง เปรียบไปเหมือนเจ๊เป็นคนถือไฟฉาย แต่
    ไฟฉายมันเป็นไฟฉายอัจฉริยะ ไฟฉายมันเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ตามกำลังของ
    สติและสมาธิ ส่วนความคิดมันคือขันธ์5นะ มันคือเรื่องราว ที่เราส่องไฟฉาย
    ตามมันไป ความคิดมันไม่ทุกข์ ขันธ์5ก็ไม่ทุกข์ ทุกข์มันรู้สึกได้ที่เรา มันแปลก
    ไหม แค่ตามดูความคิด หรือขันธ์5 แล้วเราก็รู้สึกได้ถึงทุกข์มันเกิด ทุกข์มันดับ
    ในใจเรา ไฟฉายนั้นก็ส่องกลับมาที่ใจ สลับกับส่องไปที่ความคิดหรือขันธ์5


    เหมือนคอมที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้แล้วเลยแฮะ ไม่ก็เหมือนคอมที่ถูกแผงไวรัสไว้ตั้งแต่เริ่มลงโปรแกรมกำหนดไว้แล้วแต่แรกว่าจะต้องเห็นเราคือผู้รู้ ทีหน้าที่รู้อย่างเดียวไม่ต้องกำหนดอะไร จนไม่เห็นเราคือผู้ทุกข์แบบนี้ ก็เลยไม่รู้เหตุของทุกข์ จะเห็นขัน5ได้ไงหว่าแบบนี้ มึนตึบ

    อธิบายไปเยอะ ไม่รู้ว่าน้าชาติ จะ มึนตึบ หนักกว่าเก่าไหม อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2009
  6. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คุน Dokai<!-- google_ad_section_end -->
    นานาเค้าชอบบ้าแบบนี้แหละแต่เค้าไม่ได้ว่าคุนหรอกน่าจะเป็นผมมากกว่า และที่ผมหมายถึงก้คือบอกนานา นั่นแหละว่าทำก่อน ให้ทำตามศิลที่กำหนดไว้ก่อน ก่อนจะคิดว่าใจได้สำเร็จอาการนั้นๆแล้ว อย่าหลงใจไปว่าจะดีทั้งหมด ให้ยึดหลักก่อน จะสิล 5 ศิล 10 ศิล 227 พระพุทธเจ้าก้ตรัสไว้ดีแล้ว เลือกให้เหมาะกับเรามันดีทั้งนั้นอย่าไปดูถูกว่าเป็นเรื่องเล็กเป็นธรรม ที่ไม่สำคัน จะบอกเค้าแบบนี้ แต่เค้าพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องชอบ แกล้งบ้า ก้ต้องพูดกันอย่างนี้ล่ะ หยอกไปหยอกมา เด่วแฟนเค้าก้หาว่าไปชอบอีก ยัยนานาบอกไว้เลยนะไม่ได้ชอบ เหนว่าเป็นเพื่อน ธรรม และชั้น รังเกียดเทอแล้วล่ะ กลับไปอ่านดูว่าเทอพูดคำนี้มาไงก้เลยพูดให้ฟังว่ามันเป็นยังไงนะ จะเข้าใจไม่เข้าใจก้ปล่อยมันไปเลย จะแกล้งบ้าก้ตามใจ เด่วพาพวกมาแกล้งบ้าอีก อีกคนคือเล่าปังเค้ามีนิสัยชอบอาละวาดแบบชนิดปลดปล่อยเลยทีเดียวเปนพวกเก็บกด นายเล่าปังอ่ะอย่าไปสนมาก หลบภัยเล่าปัง เล่าปังหลบภัย เด่วเค้าก้อ้างขึ้นมาอีกไม่ใช่คนพุทธ ปล่อยไปเลยสองคนนี้อยากทำไรอย่าไปสนใจพวกนอกรอย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2009
  7. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ไปเลยนะไปปิดฝายาระบายก่อนเลย อบายอะไรอย่าพึ่งคิดอย่ายึดติดฐานะใดๆ
    อ้าวเราเองทุกข์นี่หว่า รู้ก้ยังดีกว่าไม่รู้เห้อ เบื่อๆ
     
  8. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,210
    ค่าพลัง:
    +3,130

    นี่คือคำพูดที่เขา บอกว่ามีปัญญาแล้ว และฉันก็ไม่ได้ว่าเธออีกนั้นล่ะ
    อย่างเธอ ฉันไม่อยากเอามาใส่ใจนักหรอก บอกตามตรง เธอรังเกียดฉัน
    เธอทุกข์เอง ฉันว่างเปล่า เพราะฉันโง่ไง ไม่รู้จะเอาทุกข์มาใส่ใจทำไม
    ไม่ขอคุยกับเธออีกนะ ชื่อเธอมันดันติดมา ก็แค่นั้น ไ่ม่อยากไปแก้ไขโพส
    เดียวไปติดอดีต..
     
  9. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,463
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คุนวางใจได้แบบนี้ดีมากเลยนะ เพราะเราไม่อยากคุยแล้วเหมือนกันมันไร้สาระ
    แล้วผมจะมีปัญญารึเปล่าเนี่ยจงระงับตัวระงับใจตัวเองจะดีกว่า ทั้งสองคนเลยนะทั้งเล่าปังทั้งหลบภัยเอาตามนี้เลย
    อนุโมทนา สาทุสาทุ
    อเสวนา จ พาลานัง เป็นมงคลอย่างยิ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2009
  10. 1000lert

    1000lert เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +143
    เมื่อมองให้เป็นศิลปะ ก็สนุกสนานดี
     
  11. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    คนทั่วไปที่ยังยึดมั่นในขัน5ก็รู้จักทุกข์ แล้วก็รู้เหตุของทุกข์ หนทางออกจากทุกข์ วิธีออกจากทุกข์ในแบบของเขา คือรู้ครบเพราะมีผู้ทุกข์อยู่

    แต่ คนที่ตั้งเจตนาตั้งความเห็นว่าเราคือผู้รู้ไว้ตั้งแต่แรก จะรู้ว่าอะไรทำไห้ทุกข์
    แต่จะไม่รู้ว่าไครทุกข์ (ถ้าไม่ได้หลอกตัวเองว่าตัวเองไม่ทุกข์นะ)(ถ้าตรงนี้หลอกตัวเอง ศีลก็ไม่ได้แล้ว)
    เพราะเอาผู้ทุกข์ออกไปแล้วตั้งแต่ตั้งเจตนาว่าเราคือผู้รู้ทุกข์ไม่ไช่ผู้ทุกข์
    พอไม่รู้ว่าไครทุกข์ จะไปรู้เหตุของทุกข์มันก็ไม่ได้ เพราะผู้ทุกข์มันไม่มี
    ผู้ทุกข์ไม่มีก็ไม่ต้องไปรู้โจรหรือหัวหน้าโจรแล้ว เพราะถึงโจรหรือหัวหน้าโจรจะมี มันจะมาปล้นไครหละ ก็ผู้ทุกข์ไม่มี
    ไม่มีไครทุกข์ก็รอนิพพานได้เลยจริงหรือไม่หละเจ๊ไม่ถูกหรือ

    ที่จริงศีลไม่ถูกตั้งแต่ตั้งเจตนาว่าเราคือผู้รู้แล้วมั๊ง ถามจริงตอนที่กำหนดรู้ความคิดเฉยๆหนะกำหนดหลอกตัวเองไปด้วยตลอดหรือป่าว ว่า เราไม่ได้ทุกข์อะ
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    อืม...หรอ ก็ตามนั้น น้าชาติเข้าใจว่าไง ก็เป็นอย่างนั้นแหละ
    ที่พูดไปเพราะรู้สึกและเป็นอย่างนั้นจริงๆ
    ไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิด รู้เพียงว่า มันเกิดแล้วเรารู้ตามนั้น
    ไม่ได้แต่ง แค่บอกว่าเห็นอะไร และรู้อะไร
    ก็บอกแล้ว เจ๊ ยังไม่มีปัญญา อิอิ
     
  13. โป

    โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +256
    รู้เฉยๆ แบบรู้แล้วผ่าน ไม่เข้าไปปรุง ปล่อยให้สิ่งที่ถูกรู้ผ่านไป

    เหมือนคนนั่งมองสายน้ำไหลผ่านอยู่ริมฝั่ง ไม่ได้ลงไปว่ายน้ำเอง

    ใหม่ๆ ก็รู้แล้วไหลตามบ้าง ไหลตามไปแล้วมารู้สึกตัวที่หลังบ้าง

    แต่ความรู้สึกตัว หรือความระลึกได้ จะไวขึ้นเรื่อยๆเอง

    เห็นถี่เข้าก็จะเห็นเป็นการเกิดดับๆของจิต





    ใหม่ๆ...ความรู้ตัวนี้ อาจจะทำได้ยากพอสมควรสำหรับผู้เริ่มต้น

    ก็อาจจะสร้างขึ้นก่อนก็ได้ โดยทำสมถะแบบเบาๆประคองไปก่อน

    โดยเคาะนิ้วเป็นจังหวะกับพื้นโต๊ะ แรกเริ่มความรู้สึกตัวที่เกิดขึ้นจะเกิดไปปลายนิ้ว

    จะเป็นสมถะ ทำใจเบาๆสบายๆ เคาะนานเข้าโฟกัสความรู้สึกตัวจะเลื่อน

    มาอยู่ในทีที่หนึ่งเหมือนจะนอกร่างกาย แต่ก็ไม่ได้อยู่้ในร่างกาย ตรงนั้นเป็นฐานของจิต

    จิตจะจำได้ในตอนที่มีสติอยู่ที่ฐานหรือมีความรู้สึกตัวว่า จิตมีความสงบ ไม่มีความทุกข์

    และจำได้ว่าจิตเกิดความทุกข์เมื่อไม่มีความรู้สึกตัว เมื่อรู้จักความรู้สึกตัวมากๆเข้า

    จิตจะมีสติไวขึ้น ถี่และสั้นเข้าทุกที จากเดิมไหลตามความทุกข์ไปครึ่งวันจึงรู้สึกตัว

    มาเป็นจิตวูปไปปรุง สติก็เกิด ไม่ได้ปรุงอะไรให้จิตเป็นทุกข์

    เพราะจิตรู้แล้วว่าการเกิดทุกข์เกิดจากอะไร ก็เกิดจากการไปปรุงหลงคิดตามผัสสะนั่นเอง

    จิตก็ไม่อยากไปไหน จับอยู่กับความว่างอันเป็นตัวจิตนั่นเอง

    แต่ยังไม่คลายความถือมั่นในตัวมันเอง เอาเถิดเอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวงงกัน


    สายไหนสายไหน ก็เข้ามารวมกันทางนี้หมดไม่มีทางแยกไปไหนครับ





    แต่ใหม่ๆก็ควรทำสมาธิบ้าง

    เพื่อให้เป็นฐานพักของจิตให้มีกำลังและมีความสุขจากสมาธิบ้าง ดูจิตอย่างเดียวมันแห้งแล้ง
     
  14. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    แหมแจ๊ ถูกผิดก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ที่ถามว่าเคยรู้สึกหลอกตัวเองบ้างไหม ที่ว่าเราไม่ได้ทุกข์อะ เรารู้อย่างเดียวเคยไหมเจ๊ ไม่เคยหลอกตัวเองว่าเราไม่ทุกข์เลยหรือ หรือมองไม่เห็นว่ากำลังหลอกตัวเองว่าเราไม่ได้ทุกข์กันแน่ ตรงนี้ตอบตรงๆได้ไหม ว่าเคย หรือไม่เคย
    -----------------------------------------------------
    พวกดูคิดดูจิตนี้ทุเรดพอสมควรนะชอบอวดรู้เรื่องอะไรก็ไม่ว่าหรอก
    แต่อวดรู้จิตรู้ใจคนอื่นนี้อวดอุตริชัดๆ พูดมาได้ดูจากข้อความที่สนทนาก็รู้ไปถึงจิตของผู้พูดว่ากำลังรู้สึกยังไงตอแหลแท้ๆ
    รู้ใจคนอื่นแต่มองใจตัวเองไม่เห็นหรือว่าสะเหร่อกำหนดไว้ก่อนปรุงไว้เองแล้วว่าเขาจะรู้สึกยังไง อ่านข้อความแล้วรุ้ หรือคิดไปเองดูออกไหม

    แต่ก็เข้าใจนะ ว่าเป็นพวกประเภทชอบการถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วเวลากำหนดรู้ใจคนอื่นก็เลยคิดว่ารู้จริง แต่ดูไม่ออกว่ากำหนดปรุงไปเอง แต่เรียกโง่ไม่ได้นะ เพราะ เขาไม่รู้จริงๆ แค่รู้สึกน่าเวทนา ที่ใจตัวเองก็มองไม่เห็น ดันไปกำหนดรู้ใจคนอื่น แล้วยังมีหน้ามาคุยนะว่าฝึกดูจิต
    --------------------------------------------------


































































































































































    >>เป็นไงครับอ่านข้อความของผมแล้วรู้สึกอย่างไรกันพวกรู้จิต<<
    >>ซื่อๆกับความรู้สึกของใจตัวเองหน่อยนะว่ารู้สึกอย่างไร จะได้รู้ชัดๆ ว่าปรุงไปเองไช่ไหม<<



























































































































    >>ไม่ต้องบอกก็คงรู้แล้วนะครับว่า ผมแกล้งไม่ได้รู้สึกอะไร ถ้าไม่พอใจและคิดว่ารู้ว่าผมโกรธก็คงรู้แล้วนะว่าคิดไปเอง ไม่ได้รู้จริง<<:boo:
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ตอบน้าชาติ
    แหมแจ๊ถูกผิดก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ที่ถามว่าเคยรู้สึกหลอกตัวเองบ้างไหม ที่ว่าเราไม่ได้ทุกข์อะ เรารู้อย่างเดียวเคยไหมเจ๊ ไม่เคยหลอกตัวเองว่าเราไม่ทุกข์เลยหรือ หรือมองไม่เห็นว่ากำลังหลอกตัวเองว่าเราไม่ได้ทุกข์กันแน่ ตรงนี้ตอบตรงๆได้ไหม ว่าเคย หรือไม่เคย

    ตอบว่า มีทั้งเคยเห็นทุกข์ และเคยเป็นผู้ทุกข์ด้วย ก็ไม่รู้ว่าเป็นการหลอกตัวเองรึป่าว
    ถ้าเห็นทุกข์มันเกิด เช่นเห็นโทสะมันแพล่มขึ้นมา เราก็ไม่ได้เป็นผู้มีโทสะ แต่เราเห็นโทสะ
    มันเกิด แต่ถ้ามีโทสะแล้วไม่รู้สึกไม่เห็นที่มันแพล่มอยู่ แสดงว่าเราเป็นผู้มีโทสะครอบงำ เป็นผู้ทุกข์
    แล้วไม่เห็นทุกข์ ไม่รู้โทสะ เป็นผู้เสวยโทสะไป ทั้งโมหะ และโลภะก็นเช่นกัน


    -----------------------------------------------------
    พวกดูคิดดูจิตนี้ทุเรดพอสมควรนะชอบอวดรู้เรื่องอะไรก็ไม่ว่าหรอก
    แต่อวดรู้จิตรู้ใจคนอื่นนี้อวดอุตริชัดๆ พูดมาได้ดูจากข้อความที่สนทนาก็รู้ไปถึงจิตของผู้พูดว่ากำลังรู้สึกยังไงตอแหลแท้ๆ
    รู้ใจคนอื่นแต่มองใจตัวเองไม่เห็นหรือว่าสะเหร่อกำหนดไว้ก่อนปรุงไว้เองแล้วว่าเขาจะรู้สึกยังไง อ่านข้อความแล้วรุ้ หรือคิดไปเองดูออกไหม

    ตอบ ที่บอกว่ารู้นั้น หมายถึงรู้สิ่งที่เกิดในใจตนเอง ไม่ได้บอกว่ารู้ใจคนอื่น นะ
    ไม่ได้คิดเอาเอง ไม่ได้คิดล่วงหน้า ดูของสด ที่เกิดในใจเรา ส่วนคนที่โพสท์
    หรือคนที่คุยกับเราที่เป็นเหตุให้เรารู้สึก จะเป็นเหมือนสิ่งที่เกิดในใจเราหรือไม่ เราไม่
    ตัดสินว่าเขาจะเป็นอย่างที่เรารู้สึก เราก็ไม่ยึดเขาไว้ ก็วางเขาไป แต่รู้ทัน
    สิ่งผิดปกติที่เกิดในใจเรา เข้าใจตรงกันรึป่าวเนี่ย

    แต่ก็เข้าใจนะ ว่าเป็นพวกประเภทชอบการถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วเวลากำหนดรู้ใจคนอื่นก็เลยคิดว่ารู้จริง แต่ดูไม่ออกว่ากำหนดปรุงไปเอง แต่เรียกโง่ไม่ได้นะ เพราะ เขาไม่รู้จริงๆ แค่รู้สึกน่าเวทนา ที่ใจตัวเองก็มองไม่เห็น ดันไปกำหนดรู้ใจคนอื่น แล้วยังมีหน้ามาคุยนะว่าฝึกดูจิต

    ตอบ หรอคะ อิอิ
    --------------------------------------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2009
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ถึงน้าชาติ อีกที

    เวลาอ่านโพสท์ใดๆ หรือคำสอน หรือพระเทศนา เจ๊ใช้หลักดูใจตนเอง
    เมื่อรับรู้สิ่งที่มากระทบ เช่น ฟังธรรมแล้วเกิดปิติ อิ่มอกอิ่มใจ สุขใจ ก็จะชอบอ่านอันนั้น
    ส่วนอันไหนอ่านแล้ว ไม่สบายใจ เกิดเป็นอกุศลจิต เกิดเป็นโทสะ เป็นพยาบาทวิตก หรือ
    เกิดเป็นอาการคิดมาก เกิดเป็นอาการผิดปกติทางใจ เจ๊ก็จะเลี่ยงๆไป ไม่รับมาเข้าตัว

    ไม่ใช่ว่าเรื่องที่อ่านนั้น ไม่ดี แต่เป็นเพราะ ทำให้เราเกิดอาการผิดปกติทางใจในทางอกุศล
    เราก็ต้องวางสิ่งนั้นไว่ก่อน รักษาจิตตัวเองเอาไว้ให้เป็นปกติ ก็จะเป็นการช่วยให้จิตไม่เศร้า
    หมอง เมื่อมีกำลังใจแก่กล้ามีปัญญา รู้ผิดรู้ถูกได้ด้วยใจที่เป็นกลางแล้ว ค่อยรับพิจารณา
    อีกที แต่ถ้ารู้ตัวว่ายังโง่อยู่เยอะ ปัญญายังไม่มี ก็วางเรื่องนั้นไปก่อน ไม่ไปตัดสินใคร
     
  17. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    ครับ คุณขวัญรับทราบ หยุดแล้วหละเบื่อแล้ว ไว้หายเบื่อเอาไหม่มั๊ง..

    ฝากไว้อีกนิดเดี้ยว เรื่องคุณขวัญเห็นว่า ผู้ทุกข์ไม่มี เห็นจริงก็อนุโมทนานะ

    แต่ถ้าเริ่มมาจากการกำหนดไห้เราเป็นแค่ผู้ดู ถึงจะรู้สึกทุกข์ ก็บอกตัวเองว่าไม่ไช่ เราแค่ดูเท่านั้น ไม่ไช่เราทุกข์ นั่นคือหลอกตัวเองนะป้าการหลอกเนี่ย หลอกทีละนิด ทีละนิดก็ได้ แรกๆอาจจะยังไม่เชื่อที่เราหลอก แต่นานๆไปมันก็เชื่อเอง

    การปฏิบัติ ที่ท่านไห้เริ่มที่รักษาศีล เหตุผลข้อนึงก็อาจจะมีว่า ป้องกันการหลอกตัวเองนะ ถ้าพิจารณาเห็นว่า หลอกตัวเองมาก่อน จนมีความเห็นว่าเราไม่ได้ทุกข์ ผู้ทุกข์ไม่มี ก็อยากไห้ฉุกคิดสักนิดนะ

    เพราะเรามี ทุกข์จึงมี แต่เพราะเราไม่จริง เราจึงไม่มี

    ตรงนี้ถามเรื่องอื่นไม่รู้คุณขวัญจะรู้ไหม จะถามว่าพี่เล่า เขาเป็นพุทธภูมิ หรือ ผู้ปราถนาพุทธภูมิ ...
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,912
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เรียน น้าชาติ
    เรื่อง ท่านเล่า ไม่อยากก้าวล่วงว่าเป็นอย่างไร
    แต่ถ้าถามใจ เจ๊ นะ
    ผู้ใด ปรารถนาจะปวารณาตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่คิดถึงตนเอง
    เจ๊ ก็อนุโมทนา จิตใจที่ดีงาม ของท่านผู้สูงส่งนั้น ทุกผู้ทุกนาม
    ส่วนจะสำเร็จสมปรารถนาในเบื้องปลายหรือไม่ เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาที่จะเพียร
    สั่งสมบารมี ส่วนจะถอดใจวันไหน หรือจะเดินหน้าจนถึงที่สุด ล้วนแต่เป็นเรื่องที่น่า
    อนุโมทนาทั้งสิ้น ดีกว่าผู้ที่ไม่รู้จักตัวเอง หรือผู้ที่เดินหลงทาง แล้วไม่รู้ตัว
    หรือคิดว่าเดินไปทางนิพพาน แต่อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ เพราะปัญญายังไม่มี
    ก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่คิด ที่คิดว่าเข้าใจนั้น ถูกหรือไม่ถูก
     
  19. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    คุณซาโต้ บางครั้งการยกคำครูบาอาจารย์มา
    โดยไม่ได้ยกมาทั้งบทความ ว่าท่านกำลังกล่าวถึงเรื่องใด
    จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจท่านผิดพลาดไปได้

    (smile)
     
  20. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,708
    ค่าพลัง:
    +1,563
    โฮะๆๆๆๆ นี้เจ๊คิดอ่ารายอยู่หว่านี้ คิดว่าผมถามเรื่องพี่เล่าทำไมหรือเจ๊
    บอกไห้ก็ได้นะที่ถามนี้จะได้แก้ตัวได้ไง เรื่องที่ผมเคยว่าพุทธภูมิอะไรบอกสัจจะไม่สำคัญ ก็ถ้าพี่เล่าเป็นผู้ปราถนาพุทธภูมิ ก็ไม่เกี่ยวกับพี่เล่าไงละ

    ปรุงไปไหนนี้เจ๊
     

แชร์หน้านี้

Loading...