ท่านฝึกละสังโยชน์ ๓ เพื่อเตรียมตัวเป็นโสดาบันอย่างไร

ก็กลับมาที่เดิมหละครับ ถ้าคุณ Tboon ว่า แจ้งในส่วนอสังขตธรรมก่อน
ก็ลองอธิบายให้ผมฟังหน่อยว่า แจ้งแล้วนั้น เป็นอย่างไร
เริ่มใหม่ก็ได้ ถ้าคุณพูดถูก ผมจะได้เดินตามได้ ถ้าคุณพูดผิด ผมจะได้ไม่ตาม
ไม่งั้นจะมีห้องนี้ทำไมหละครับ

 

อ๋อ มันวัดกันตรงนี้เนาะ ขำอ่ะ ตรงคุณเล่นพระนี่ไม่ขำกว่าเหรอออ แค่ใช้คำว่า "เล่นพระ" ก็บ่งบอกอะไรตั้งเยอะแล้ว ผมไม่กล้าเล่นนะ ผมเคารพพระท่านมากกว่า

 

ยังงี้ค่อยมีหลักมีเกณฑ์เป็นบัณฑิตหน่อย..มาหาว่าไม่เล่า รอเดี๋ยวนะ..

 

วัดตรงนั้นหละครับ โดนแย้งแต่ไม่อธิบาย ก็แสดงว่า ยังยึดมั่นในตัวตน
แล้วจะบอกว่า ละสักกายทิฎฐิแล้ว ได้อย่างไร

ส่วนเล่นพระเครื่อง ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยครับ บ่งบอกอะไรไม่ได้หรอกครับ

 

คุณ Tboon นะถ้าด้านรู้ทางปัญญา
ดวงจิตเค้ารู้กว้างกว่าผมอีก
แม้เค้าเคยๆยึดมาก่อนในอดีต
แต่ว่าเด่วนี้ปล่อยวางเป็นแล้ว
การรู้เลยไปได้ดีขึ้น

คุณผ่านเนี่ยก็เร็วทางสัมผัสมาก
ความรู้เยอะ แต่ขี้เกียจเขียนตอบ
และไม่ชอบอ่านยาวๆ

ผมเนี่ยแค่ระดับหยาบๆ พื้นๆ
ผมยังบอกคุณ รโชฯได้ว่า
ที่คุณกล่าวมันคลาดเคลื่อนครับ
สัมผัสภายในคุณ Tboon เค้าก็มี
ละเอียดกว่าผมอีก แต่ไม่สน
และเค้าไม่เปรี้ยวและกล้าท้า
แสดงพิสูจน์การใช้งานทางจิตแบบผม
แต่ผมจะเลือกท้าเฉพาะบางคน
และเค้ารู้จักระวังในการพูด
ถึงได้พยายามพูดเชิงแลก
เปลี่ยนความเห็นกับคุณ รโชฯ

ก็บอกคุณรโชฯแล้วว่า ถ้ายังปฎิบัติไม่ถึง
ตรงนี้ อย่าพยายามคิด อย่าสรุป
เพราะพูดอย่างไรก็ผิดครับ

ปล ค่อยๆเป็นค่อยไปครับ
รู้ตัวตอนนี้ ยังไม่สายครับ
อย่าไปตัดสินแค่ภายนอก
ถ้าเราไม่รู้ภายตัวเองก่อนเราจะ
ยังดูอะไรๆไม่ออกครับ

ปฎิบัติให้เข้าถึงก่อนคับ
จิตมันจะเข้าถึงธรรมได้ก่อนคับ
สมมุติมันถึงจะตามมา
หากสมมุตินำ มันจะสร้าง
เป็นตัวตน มาปกปิดจิตเราได้ครับ

 

คำว่าแจ้ง คือรู้แล้วว่า ของจริงเขาเป็นยังไง คือของจริงเขาไม่ได้ว่าอะไรสักแอะ มีแต่เรานี่แหละว่าเอาเองเพียงข้างเดียวตลอด ปรุงแต่งไปเอง คิดไปเองทั้งนั้น นี่เบื้องต้นมันแจ้งอย่างนี้

พอแจ้งแบบนี้มันเห็นทุกข์ไง ทุกข์อยู่ตรงไหน ทุกข์อยู่ที่ใคร อยู่ที่ตัวเองมีอุปาทานยึดมั่นถือมั่นไปเองใช่ไหม ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกต้องสัมผัส ใจรับรู้ธรรมารมณ์ ไม่สักแต่ว่ารู้ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ก็สักแต่ว่า รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ถ้าไม่หลงปรุงไปเอง ไม่หลงคิดไปเอง มันจะมีทุกข์ไหม นี่มันมองเห็นทางออกจากทุกข์แบบนี้เป็นต้นไป ก็เริ่มมามีสติสำเหนียกรู้ทุกข์ตามความเป็นจริง

เวทนาเกิดถ้าไม่ไปหลงปรุงเป็นดีเป็นเลวเป็นชอบไม่ชอบมันจะมีทุกข์ไหม ก็ตัดความหลงข้องออกไปเลย ข้องด้วยอะไรบ้างล่ะ ไปถามคุณสับสนได้ จุดนี้เขาเอาพุทธวจนมาบอกก็ดีแล้ว เติมกันตรงนี้ได้ เพราะเราเริ่มเห็นแจ้งมาก่อนแล้ว จำไว้นะ เราแจ้งในทุกข์มาก่อนแล้ว เราเห็นทุกข์ตรงนี้อยู่ เขาเอาพุทธวจนมาบอกเท่ากับว่าพระพุทธองค์ทรงเสด็จมาเทศน์โปรดเราเลย

ความข้องในเวทนา มีเพราะอะไรบ้าง พอใจ กำหนัด เพลิดเพลิน ทะยานอยาก นี่มันเห็นกันจะจะได้เลยนะ ทรงให้ละความข้องตรงนี้ นี่เบื้องต้นของทางเท่านั้นเอง

 

คุณนพถ่อมตัวน่าดู ถ้าผมไม่ได้คุณนพวันนั้น ป่านนี้ผมคงยังงงอยู่ หลวงพ่อพูดถูกมาตลอด และท่านพูดเป็นปริศนาธรรมเอาไว้ตลอด คนไม่เก็ทคำของหลวงพ่อเอง คิดแล้วเสียวสันหลังวูบเลย ถ้าพลาดไปมีหนาวแน่ครับ

 

โอ้ยตาย ตาย ตาย ตาย


อสังขตธรรม

 

ขออนุญาตเอาเรือขวางลำนิดนึง
เวลานักปฏิบัติ กล่าวเรื่อง ผล บางอย่าง
เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ คนที่แย้งต้องฉลาด
ทวงได้นิดหน่อย ตรงให้เขา ซื่อตรง มีสัจจะ จบ .
อย่าไป ทำนาย หรือ คาดเดา คาดว่า เรื่อง ผล
ถ้าคนอื่นมาอ่านแล้วเข้าใจผิดไป มันจะมีกรรมแบบกู่ไม่กลับ
เซฟที่สุดคือกล่าวเฉพาะ มรรค ซึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับ……
กราบลา

 

มิน่าหละ ถึงแจ้งนิพพาน เพราะได้ธรรม isis พาไปนี่เอง
เดี๋ยวมาคุยด้วยครับ

คุณ Tboon ครับ ตอนนี้หละคุณงงไปแล้วหละครับ

 

สัมผัสไว ละเอียด
มีการใช้งานทางจิตได้ด้วย
มันเป็นยังไงหรือครับ การใช้งานทางจิตเนี่ยครับ
ขอความรู้หน่อยครับ

 

ก็แล้วแต่คุณ Tboon แล้วกันครับ กัมมุนาวัตติโลโก

ผมไม่รู้จักคุณสับสนหรอกครับ จะไปถามได้อย่างไร
รู้แต่ว่า มรรคต้องทำให้แจ้ง ผลต้องทำให้แจ้ง
นิพพานต้องทำให้แจ้ง
ไม่มีหรอกครับ แจ้งนิพพานก่อน คุณ Tboon คงต้องเข้าใจอะไรผิดไป

พระสูตรครับ

ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้ที่พอใจในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ยินดีในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ตามประกอบความพอใจในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ,เป็นผู้พอใจในหมู่, ยินดีในหมู่, ตามประกอบความพอใจในหมู่, อยู่แล้วหนอ ; เธอนั้น จักมาเป็นผู้โดดเดี่ยว ยินดียิ่งในความสงัดเงียบนั้น ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่มีได้.

เมื่อไม่เป็นผู้โดดเดี่ยวยินดียิ่งในความสงัดเงียบแล้ว จักถือเอานิมิตแห่งสมาธิจิต และวิปัสสนาจิตได้นั้น ข้อนี้ก็ไม่เป็นฐานะที่มีได้.

เมื่อไม่ได้ถือเอานิมิตแห่งสมาธิจิต และวิปัสสนาจิตแล้ว. จักยังสัมมาทิฏฐิ แห่งวิปัสสนาให้บริบูรณ์นั้น ข้อนี้ก็ไม่เป็นฐานะที่มีได้.

เมื่อไม่ทำสัมมาทิฏฐิแห่งวิปัสสนาให้บริบูรณ์แล้ว จักยังสัมมาสมาธิแห่ง มรรคและผลให้บริบูรณ์นั้น ข้อนี้ก็ไม่เป็นฐานะที่มีได้.

เมื่อไม่ทำสัมมาสมาธิแห่งมรรคและผลให้บริบูรณ์แล้ว จักละสัญโญชน์ ทั้งหลายนั้น ข้อนี้ก็ไม่เป็นฐานะที่มีได้.

เมื่อไม่ละสัญโญชน์ทั้งหลายแล้ว จักทำนิพพานให้แจ้งนั้น ข้อนี้ก็ไม่เป็นฐานะที่มีได้เลย.

ภิกษุ ท. ! ภิกษุผู้ที่ไม่พอใจในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ไม่ยินดีในความคลุกคลีกันเป็น
หมู่ ๆ, ไม่ตามประกอบความพอใจในความคลุกคลีกันเป็นหมู่ ๆ, ไม่เป็นผู้พอใจในหมู่, ไม่ยินดีในหมู่, ไม่ตามประกอบความพอใจในหมู่, อยู่แล้วหนอ ; เธอนั้น จักมาเป็นผู้โดดเดี่ยว ยินดียิ่งในความสงัดเงียบนั้น ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้.
เมื่อเป็นผู้โดดเดี่ยวยินดียิ่งในความสงัดเงียบแล้ว จักถือเอานิมิตของสมาธิจิตและของวิปัสสนาจิตได้นั้น ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้.
เมื่อถือเอานิมิตของสมาธิจิตและของวิปัสสนาจิตได้แล้ว จักยังสัมมาทิฏฐิแห่งวิปัสสนาให้บริบูรณ์ได้นั้น ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้.
เมื่อทำสัมมาทิฏฐิแห่งวิปัสสนาให้บริบูรณ์ได้แล้ว จักยังสัมมาสมาธิแห่ง มรรคและผลให้บริบูรณ์ได้นั้น ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้.
เมื่อทำสัมมาสมาธิแห่งมรรคและผลให้บริบูรณ์ได้แล้ว จักละสัญโญชน์ ทั้งหลายได้นั้น ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้.

เมื่อละสัญโญชน์ทั้งหลายได้แล้ว จักทำนิพพานให้แจ้งได้นั้น ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้เป็นได้แล.
. . . . . . . . . . . . . . .
- บาลี พระพุทธภาษิต ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๗๑/๓๓๙

 

ใช้งานทางจิตแบบพิเศษครับ
ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่ประเด็นหลัก
ในทางพุทธที่เน้นด้านปัญญา
ในการละคลายความยึดมั่นถือมั่นครับ
พวกนี้มันแล้วแต่เนื้อหาเดิมแท้ของแต่ละดวงจิตครับ แต่ที่แน่ๆ ถ้าเราสะสมทางปัญญา
โอกาศที่จิตเราจะพ้นได้สูงกว่าคับ
ซึ่งส่วนตัวก็นังแค่ระดับหยาบๆคับ

แต่ในระดับความสามารถทำอะไรได้
ทางจิตแบบพิเศษและความเป็นอัตโนมัติ
และการไม่ยึดมั่นถือมั่นในลาภยศ
สุขสรรเสริญได้แค่ไหนก็สามารถ
เป็นตัวชี้วัดคุณภาพจิตได้
แต่เป็นอย่างไร ก็ต้องอยู่กับปัญญาญาน
ที่จะเข้าใจ กะบวนการปรุงแต่ง
ของทั้งผู้ดูผู้รู้ จนจิตเข้าใจกระบวน
การเกิดของมันคับ หรือรอบรู้ในกองสังขาร
หรือจิตที่มีความสามารถตามเข้าใจ
ขันธ์ นามธรรมต่างๆที่มันรวมเป็นหนึ่ง
เดียวกันได้ แต่ต้องเห็นมันก่อนคับ
ทุกคนจะมีสติมีปัญญา เหมือนกัน
แต่ปัญญาญาน มันต้องอีกขั้นครับ
ตรงนี้บอกไม่ได้คับ ความสามารถผมไม่มี
ที่จะบอกได้ แต่ถ้าช่วยแก้ให้จิตเดินไปได้
ตรงนี้พอได้ ที่ผมบอกแค่พื้นๆ
พวกนี้ไม่ใช่การพยากรณ์
เป็นแค่การแนะแนวในฐานะที่ผ่านมาก่อนคับ
แต่ไม่ใช่ว่าผมเก่งหรือดี แค่เคยผ่าน
และผมไม่อิจฉาใครถ้าใครดีตรงไหน
ก็บอกตามตรง

ดังนั้นใครก็ตามไม่ต้องเอาเรื่องกรรมเรื่อง
วิบากตรงนี้มาอ้างว่าเป็นการพยากรณ์นะคับ
เพราะส่วนตัวทำอะไรได้ไม่เคยเสื่อม
มีแต่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆตามวาระคับ

รู้ตัวเองดีที่สุดครับ
เข้าใจที่สื่อนะครับ

 

กรรมแบบกู่ไม่กลับ เป็นอย่างไรครับ
สนทนาธรรม มีขู่ด้วยกรรมกันด้วยหรือครับ
สนทนาธรรมนี่ต้องมี ปลอดภัยไม่ปลอดภัยด้วยหรือครับ
ผมว่า คุณ ขาจอน คิดมากไปหรือเปล่า ทำวางฟอร์มรู้เกินไปหรือเปล่า

 

สีลพรตรปรามาส คือ การถือข้อวัตร แบบผิดๆ เพราะกลัวจึงเกิดการแสวงหาว่า จะถือข้อวัตรแบบนี้ จะไม่ทำแบบนั้นไม่ทำแบบนี้ เพื่อให้ตนนั้น พ้นทุกข์
สร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมากันเองนะครับ

คนทำกรรมดี ทำกรรมไม่ดี ก็ได้กับตัวเอง มาสนทนาธรรมก็ดีแล้วหละครับ

 

ก็ดีนะครับที่นำพระพุทธภาษิตมาให้ได้อ่านกัน อ่านแล้วก็วางครับ และผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไปขัดแย้งอะไรกับคำสอนของพระพุทธองค์เลย กลับรู้สึกว่า ได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์อยู่ตลอดเวลาเสียด้วยซ้ำไป มีหลุดบ้างอะไรบ้างก็เป็นธรรมดาครับ กิเลสยังมี ถ้าจับธรรมมาปฏิบัติก็จับให้มันถูกครับ ไม่ใช่ไปนั่งท่องแล้วก็จะให้เป็นไปตามตำราอย่างเดียว พระธรรมของพระพุทธองค์นี้อัศจรรย์นัก ทุกพระคาถาล้วนมีผู้บรรลุตามพระธรรมคำสอนมาแล้วทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์เลยไม่ใช่หรือครับ แสดงว่าความศรัทธาที่คุณมีต่อพระพุทธองค์ยังไม่มั่นคงพอไงครับ เรื่องธรรมดาครับ ค่อยๆเรียนรู้ไปครับ

 

ผมยกมาให้ คุณพิจารณาครับว่า ที่คุณกล่าวว่า ต้องแจ้งนิพพานก่อนนั้นไม่ตรงกับพระสูตร แต่ถ้าคุณจะบอกว่าตรงก็ไม่เป็นไรครับ แต่นั่นแหละครับคือ ความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธองค์ยังไม่มั่นคงพอ เพราะพระสูตรกล่าวอย่างหนึ่ง คุณกล่าวตรงข้าม
แสดงว่า คุณเชื่อตัวเองมากกว่าพระพุทธเจ้า แล้วจะให้ผมเชื่อคุณอย่างไรหละครับ

 

นึกว่าจะเป็นเรื่องคุณไสยซะอีก เห็นพูดซะน่ากลัวเลยครับ
คุณไสยหรือการพิสูจน์ทางจิตของคุณนี่ เป็น ติรัจฉานวิชานะครับ ระวังจะลงนรกได้ถ้าไปเล่นมัน

 

ก็แล้วแต่จะรับเอาไปพินา
อย่าสำคัญผิด คิดว่าพูดถึงคนนั้นนี้ ธรรมบอกไปแบบกลางๆ

เรื่องผล เรื่องทำนาย ว่าคนนั้นคนนี้จะบรรลุนั้นนี่
ได้ธรรมขั้นนั้นนี้ แม้จะพูดเป็นนัยๆ
ลองเอาไปพินาดีๆว่าเป็น ฐานะใคร
........
ถ้ายังนึกไม่ออก ไม่เข้าใจ ก็กล่าวแต่มรรค
ซึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับ....

 

นี่จะมาช่วยผมเถียงกับ ธรรมแจ้งนิพพาน กับ ธรรม isis ด้วยหรือเปล่าครับ
ลองมาสนทนาธรรมกันได้นะ
ผมแค่อยากลองคุยกับ คุณขาจอน ว่าจะมีธรรมแบบไหน