....ธรรมบท เรื่องพระติสสเถระผู้เข้าถึงสกุลนายช่างแก้ว....

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 27 มกราคม 2017.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ....ธรรมบท เรื่องพระติสสเถระผู้เข้าถึงสกุลนายช่างแก้ว....

    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระชื่อติสสะ ผู้เข้าถึงสกุลช่างแก้ว(ใกล้ชิดกับสกุลช่างเจียรไนอัญมณี) ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า

    ในกาลครั้งหนึ่ง ที่กรุงสาวัตถี มีนายช่างเจียระไนอัญมณีและภรรยาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง และมีพระเถระรูปหนึ่งเป็นพระอหันต์ ได้เข้าไปรับอาหารบิณฑบาตจากสองสามีภรรยาเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่นายช่างกำลังหั่นเนื้ออยู่นั้น ก็มีคนจากวังของพระเจ้าปเสนทิโกศลมาที่บ้านของนายช่าง พร้อมกับนำแก้วมณีก้อนหนึ่งมาส่งให้ แล้วบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งให้เจียรไนให้แล้วเสร็จแล้วส่งกลับไปถวาย นายช่างนำมือที่เปื้อนเลือดเนื้อสดๆออกรับแก้วมณีของพระราชาและนำไปวางไว้บนโต๊ะตัวหนึ่ง แล้วเข้าไปในเรือนเพื่อจะล้างมือ

    นกกะเรียนที่ครอบครัวนั้นเลี้ยงไว้ในบ้านเห็นแก้วมณีที่เลือดและชิ้นเนื้อติดอยู่นั้นเข้าใจว่าเป็นชิ้นเนื้อ จึงจิกกลืนลงท้องไปต่อหน้าต่อตาของพระเถระ เมื่อนายช่างเดินกลับมาแล้วพบว่าแก้วมณีนั้นหายไป ก็ได้ถามภรรยาและบุตรว่าใครเอาแก้วมณีไป เมื่อคนทั้งสองปฏิเสธ นายช่างก็หันไปเรียนถามพระเถระว่าท่านเอาไปหรือไม่ พระเถระตอบว่าท่านก็ไม่ได้เอาไปเหมือนกัน แต่นายช่างไม่เชื่อ เพราะว่าในบ้านไม่มีใครอีกแล้ว นายช่างจึงปักใจเชื่อว่าต้องเป็นพระเถระเอาแก้วมณีอันล้ำค่าของพระราชาไปแน่ๆ เขาจึงปรึกษากับภรรยาว่าเขาต้องทรมานร่างกายของพระเถระเพื่อให้ท่านรับสารภาพให้ได้ แต่ฝ่ายภรรยาไม่เห็นด้วย พยายามห้ามปรามสามีเพราะกลัวว่าจะเป็นบาปเป็นกรรม แต่สามีไม่ยอมได้ทำการทรมานร่างกายพระเถระด้วยการเอาเชือกพันรอบศีรษะแล้วใช้ไม้ขัน จนกระทั่งว่ามีโลหิตไหลออกมาจากศีรษะ หู และจมูก พระเถระได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส จนทรุดตัวลงนอนที่พื้นดิน ข้างนกกะเรียนได้กลิ่นเลือดจากกายของพระเถระ ก็ออกมาใช้งะงอยปากดูดกินโลหิตนั้น นายช่างเห็นก็เลยใช้เท้าเตะไปที่นกกะเรียนอย่างรุนแรงด้วยอารมณ์โกรธ พลางปากก็สำรากถ้อยคำว่า “มึงจะทำอะไรหรือ?”

    ผลของการเตะทำให้นกกะเรียนเสียชีวิตในทันที พระเถระเห็นนกแน่นิ่งไปเช่นนั้น จึงกล่าวขึ้นว่า อุบาสก ท่านจงผ่อนเชือกพันศีรษะของอาตมาให้หย่อน แล้วไปดูสิว่า นกมันตายแล้วหรือยัง นายช่างได้ยินก็พูดสวนกลับว่า ท่านก็จะตายเหมือนนกนี้เหมือนกัน พระเถระตอบว่า “ อุบาสก แก้วมณีนั้น นกนี้กลืนกินเข้าไปในท้อง หากนกนี้ยังไม่ตาย อาตมภาพแม้จะตาย ก็จะไม่บอกเรื่องนี้กับท่าน” นายช่างได้ใช้มีดแหวะท้องนกกะเรียนก็พบแก้วมณีอยู่ในนั้นจริงๆ เลยเกิดการช็อกสังเวชสลดใจ ก้มลงกราบพระเถระและกล่าวขอขมาลาโทษท่านว่า ขอพระคุณเจ้าจงยกโทษให้ผมด้วยเถิด ผมทำอะไรลงไปกับท่านด้วยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พระเถระตอบว่า อุบาสก ท่านไม่มีโทษหรอก อาตมาก็ไม่มีโทษเหมือนกัน มีแต่โทษของวัฏฏะ(เป็นเรื่องกรรมเวร) อาตมภาพยกโทษให้ท่าน นายช่างเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงพูดว่า ท่านครับเมื่อท่านยกโทษให้ผมแล้ว ก็ขอนิมนต์ท่านมารับบิณฑบาตในบ้านของผมเหมือนเดิมเถิด พระเถระกล่าวว่าท่านจะไม่เข้ามารับบิณฑบาตในบ้านของนายช่างอีกต่อไป เพราะที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ด้วยสาเหตุท่านเข้ามารับบิณฑบาตในบ้านของชาวบ้าน ท่านมีใจแน่วแน่ที่จะสมาทานธุดงควัตรอย่างเคร่งครัดด้วยกล่าวปฏิญาณว่า“ตั้งแต่นี้ไป เมื่อเท้าทั้งสองยังเดินไปได้ เราจักยืนที่ประตูเรือนรับภิกษาเท่านั้น” ครั้นต่อมาไม่นาน พระเถระก็ปรินิพพาน(มรณภาพ)ด้วยพิษบาดแผลจากการถูกทรมานนั้น

    ต่อมา พระภิกษุทั้งหลายได้ทูลถามถึงที่เกิดของบุคคลต่างๆในเรื่อง พระศาสดาตรัสว่า “นกกะเรียนกลับมาเกิดเป็นบุตรชายของนายช่าง นายช่างไปเกิดในนรก ภรรยานายช่างตายแล้วไปเกิดในเทวโลก เพราะมีจิตใจอ่อนโยนในพระเถระ ส่วนพระเถระ เป็นพระอรหันต์ ก็ปรินิพพาน

    จากนั้น พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
    ชนทั้งหลายบางพวก
    ย่อมเข้าถึงครรภ์(เกิดเป็นมนุษย์)
    ผู้มีกรรมลามก ย่อมเข้าถึงนรก
    ผู้มีกรรมเป็นเหตุแห่งสุคติ ย่อมไปสวรรค์
    ผู้ไม่มีอาสวะ ย่อมปรินิพพาน

    เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น

    เครดิต เฟสบุ้ค แก้วดารา บารมีธรรม FB_IMG_1485492652291.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...