ธรรมะจากหลวงพ่อ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 30 กันยายน 2008.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width=550 bgColor=#eeeeee align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ff9933 height=22>หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง ที่ ๔๑ : ค่าของคน ( ๑ )</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffcc66 height=22> โ ด ย : พระอาจารย์ ไพเราะ ฐิตสีโล วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellPadding=5 align=center><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD vAlign=top>
    มีคำพูดว่า
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width=550 bgColor=#eeeeee align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ff9933 height=22> หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง ที่ ๔๒ : ค่าของคน ( ๒ )</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffcc66 height=22> โ ด ย : พระอาจารย์ ไพเราะ ฐิตสีโล วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellPadding=5 align=center><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD vAlign=top>

    เกิดเป็นคนต้องทำที่พึ่งให้กับตัวเอง
    การพึ่งตน ก็คือ ทำตัวเองให้เป็นที่พึ่ง ทำตัวเองให้เป็นเกาะ ที่น้ำท่วมไม่ถึง ที่ป้องกันอันตรายได้ ผู้นั้นจะต้องมีหลักถึง 5 ประการ

    1. การศึกษา
    เกิดเป็นคนต้องศึกษาหาความรู้อยู่ร่ำไป ดังคำกล่อนว่า
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width=550 bgColor=#eeeeee align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ff9933 height=22>หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง ที่ ๔๓ : ค่าของคน ( ๓ )</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffcc66 height=22> โ ด ย : พระอาจารย์ ไพเราะ ฐิตสีโล วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellPadding=5 align=center><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD vAlign=top>

    ต่อจากหัวข้อว่า : เกิดเป็นคนต้องทำที่พึ่งให้กับตัวเอง
    1. การทำตนให้เป็นอิสระ
    การดำเนินชีวิตอยู่ในโลก ต้องไม่ติดโลกธรรม คือ มีอะไรให้เป็น เป็นอะไรเป็นให้เป็น ได้
    อะไรได้ให้เป็น แล้วชีวิตจะไม่เป็นทุกข์ ต้องรู้จักโลกธรรมโดยถ่องแท้ด้วยว่า
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width=550 bgColor=#eeeeee align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ff9933 height=22>หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง ที่ ๔๔ : สูตรปรุงของชีวิต</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffcc66 height=22> โ ด ย : พระพิพิธธรรมสุนทร วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellPadding=5 align=center><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD height=333 vAlign=top>
    เกิดมาเป็นคน ก็ต้องรู้จักปรุงชีวิต การปรุงชีวิตก็คือ ปรุงอารมณ์ของตัวเอง เพื่อจะเข้าไปอยู่กับคนอื่น ก็ให้นึกถึงแกงนึกถึงกับข้าว กับข้าวมันจะรสเดียวไม่ได้ คนที่มีอารมณ์เดียว เขาเรียกว่า "คนที่ไม่รู้จักปรุงชีวิต"
    บางคน มีอารมณ์เปรี้ยวจัด คือ เป็นคนแก่น เขาเรียก "แก่แดด แก่ฟัก แก่แฟง แก่แตง แก่น้ำเต้า แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน" อย่างนี้เปรี้ยวจัด ก็อยู่กับใครเขาไม่ได้
    บางคน ก็เค็มจัด คือ ไม่จับจ่ายใช้สอย เหนียวคนขี้เหนียวที่เรียกว่า "เค็ม" ก็หวังว่า เอ๊ ถ้าเรารวมแล้ว เราก็จะค่อยจับจ่ายใช้สอย แต่ท่านทั้งหลายลองดูเกลือเถอะ เกลือเม็ดใหญ่ยิ่งเค็มมาก แล้วบางคนเค็มจัดนี่ ใครคบหาสมาคมเขาก็จะรู้สึกเค็มไป คือ ไม่มีการเสียสละ
    บางคน ก็หวานจัด เจ้าชู้ไป โดยไม่เลือกวัยของตัวเอง และไม่เลือกว่าใครเป็นใคร ที่เขาบอกว่า เป็นผู้ชายคลำผู้หญิงแล้วไม่มีหางเป็นอันใช้ได้ อย่างนี้ก็หวานเกินไป จนเป็นที่ไม่วางใจ คนเขาก็ระแวง ระวังว่าคน ๆ นี้ มีนิสัยเจ้าชู้
    บางคน ก็รสเผ็ดจัด คือ ดุไปหน่อย มันดุ มันโหดไปหน่อย การที่เป็นคนดู คนโหด จะไปอยู่กับใคร เขาได้ มันเผ็ด ใครเขาก็ต้องมีอันต้องซี๊ด ไม่ไหว คือ คน ๆ นี้ไม่ไหว เผ็ดจัด
    บางคนก็ จืดไป อารมณ์จืดไป อยู่กับใครแล้วเหมือนเขาไม่มีความสนุกที่จะอยู่กับคนๆ นั้นเลย
    ดังนั้น ท่านทั้งหลาย เอาอารมณ์ทั้งหลายนี้มารวมกัน ปรุงเป็นรสชาติของอารมณ์ของชีวิต เอาเปรี้ยว เอาหวาน เอามัน เอาเค็ม เอาเผ็ด เอาจืด มารวมกันเข้า ก็เป็นแกงหม้อหนึ่งที่บริโภคได้
    คนก็เหมือนกัน ต้องรู้จักปรุงอารมณ์ หลาย ๆ สถานการณ์ จึงจะเป็นชีวิตที่สามารถ ที่คนอื่นจะบริโภค คืออยู่ร่วมด้วย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width=550 bgColor=#eeeeee align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ff9933 height=22> หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง ที่ ๔๕ : เกิดมาทั้งทีทำดี 3 กรรม</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffcc66 height=22> โ ด ย : พระพิพิธธรรมสุนทร วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellPadding=5 align=center><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD vAlign=top>
    ทุกท่านที่เกิดมาเป็นคนนั้นจะทำอะไรถึงจะดี ก็จะขอสรุปว่า การที่เราเกิดมาเป็นคนนั้นไม่ใช่ดีเฉพาะโลกเดียว ดีมันต้องดี 2 โลก โลกที่แล้วไม่ต้องไปพูดถึง แต่ว่าโลกนี้และโลกหน้า "สุขในโลกนี้ และดีในโลกหน้า" จะทำอย่างไร เรื่องนิพพานก็ยังไม่อยากพูดถึง
    "สุขในโลกนี้ และดีในโลกหน้า" ขอสรุปว่า "เกิดมาทั้งทีทำดี 3 กรรม เป็นทุนหนุนนำตายแล้วไปสวรรค์" นี่คือ "สุขในโลกนี้ และดีในโลกหน้า"
    "ดี 3 กรรม" คืออะไร 1. กรรมกิจ 2. กรรมบท 3 . กรรมฐาน
    "กรรมกิจ" ได้แก่ หน้าที่การงานต้องดี ต้องมีความรู้ รู้แล้วเป็น คือ ไม่ใช่รู้แล้วไม่เป็น ประเภทความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เมื่อเราทำกรรมกิจในฐานะที่เราเป็นกรรมกร คือทำหน้าที่การงาน ก็ต้องทำให้ประสบความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานนั้น ก็มีเงินมีทองใช้จ่ายใช้สอยเป็นทุน อย่างนี้ "อยู่ก็ไม่ร้อน นอนก็ไม่ทุกข์" ลูกเมียก็สบาย ลูกผัวก็สบาย ดังนั้นเรื่องกรรมกิจนี้ก็หมายถึงว่า
    " ทำแล้วมีเงินทองอย่างสมบูรณ์ " ก็มีความสุข

    "กรรมบท" ข้อนี้เป็นข้อที่พัฒนาตนเองไปสู่ความเคารพนับถือ ได้แก่ มีศีล กรรมบทไม่ต้องไปพูดถึงอะไรมาก คือพูดถึง "ศีล" อย่างเดียว อย่างไรก็ตามไม้มีดอกผล คนต้องมีศีล เราจึงเห็นว่าศีลนั้นสำคัญ
    1. ศีลส่งทำให้สูง 3. ศีลนำทำให้รวย
    2. ศีลปรุงทำให้สวย 4. ศีลช่วยทำให้รอด
    นี่ก็คือการเกิดมาเป็นคนต้องมีศีล เพราะศีลเป็นบันไดทองของชีวิต ทำให้เราได้รับความเคารพนับถือ คนไม่มีศีลนั้นใครจะไหว้ การจัดลำดับของคนนั้นเขาเรียกจัดลำดับตามศีล ไม่มีศีล เขาก็เรียก "ไอ้" เรียก "อี" แต่มีศีลเขาก็เรียก "พ่อ" เรียก "แม่" เรียก "คุณ" ดังนั้น กรรมบทเรื่อง "ศีล" เป็นเรื่องสำคัญ เป็นขั้นที่ 2

    และสุดท้ายอีกกรรมคือ "กรรมฐาน" กรรมฐานคือ "สมถกรรมฐาน" ใจต้องนิ่ง ใจต้องแน่ ใจจะได้ไม่เน่า และเรื่องของวิปัสสนากรรมฐาน ต้องสว่างไม่ใช่มืดบอด เมื่อเรารู้เรื่องกรรมฐาน
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ไตรลักษณ์" ให้เห็นว่า
    "อนิจจัง
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width=550 bgColor=#eeeeee align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ff9933 height=22>หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง ที่ ๔๖ : นักบริหารมืออาชีพ</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffcc66 height=22> โ ด ย : พระพิพิธธรรมสุนทร วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellPadding=5 align=center><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD vAlign=top>
    เดี๋ยวนี้ เราอยากเป็นนักบริหารกัน มาถามว่า คำว่า "นักบริหาร" คือ อะไร ? ทุกคนตอบไม่ได้ ก็จะขอจำกัดความให้เข้าใจกันเสียก่อนว่า คำว่า "บริหาร" นั้น มาจากคำว่า บริ หรือปริ นั้น แปลว่า รอบด้าน รอบข้าง รอบรู้ ส่วนคำว่า "หาร" แปลว่า นำไป
    คำว่า "บริหาร" ก็คือว่า ต้องนำไปได้ทั้งหมด ทุกกระบวนการ
    สำหรับ "ฆารวาส" บริหาร 6 อย่าง พระก็ 6 อย่าง ให้ท่านทั้งหลาย ได้ลำดับความดังนี้
    อย่างแรกที่สุด บริเวณ
    อย่างที่สอง บริวาร
    อย่างที่สาม บริภัณฑ์
    อย่างที่สี่ บริการ
    อย่างที่ห้า บริกรรมกิจ
    อย่างที่หก บริกรรมภาวนา

    บริเวณ ต้องบริหารให้เป็น ต้องศึกษาศาสตร์ของบริเวณ ว่าสถานที่นั้นประดับอย่างไร ตกแต่งอย่างไร ใช้สอยอย่างไร สีเป็นอย่างไร อารมณ์เป็นอย่างไร
    บริวาร ต้องให้การศึกษา ต้องให้ความรู้ ให้แม่นในกฎเกณฑ์ และมั่นในกฏกรรม
    บริภัณฑ์ คือ เครื่องใช้ไม้สอย ต้องจัดหาให้ครบ และให้รู้จักใช้เครื่องไม้สอยให้ดี จัดหา จัดซื้อ จัดจำหน่าย
    บริการ คือ งานบริการ เป็นเรื่องสำคัญ
    บริกรรมกิจ คือ รับหน้าที่อะไรไว้ ต้องทำให้หมด ทุกอย่าง ในแต่ละวัน
    บริกรรมภาวนา คือ ต้องเป็นคนมีศีลธรรม ไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิสม่ำเสมอ

    "บริเวณ บริวาร บริภัณฑ์ บริการ บริกรรมกิจ" 5 อย่างนี้ ถ้าทำได้ดีทั้งหมด เรียกว่า "คนเก่ง"
    แต่ "บริกรรมภาวนา" เรียกว่า "คนดี"
    แต่ถ้าเก่งแล้วไม่มีดี อยู่ได้ไม่นาน "เก่ง" ต้องมี "ดี"
    เพราะฉะนั้น การบริหารนั้น อย่าลืม เรื่องของจิต เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ฉะนั้นแล้ว ก็จะเป็นนักบริหารที่เก่ง แต่โกง นี่คือ "การบริหาร"
    ส่วนพระสงฆ์นั้น เปลี่ยนจาก "บริภัณฑ์" มาเป็น "บริขาร" ก็ตรงกัน พระสงฆ์นั้น บริหารเป็นแล้ว 5 อย่าง ข้างต้น
    "บริเวณ บริวาร บริภัณฑ์ บริการ บริกรรมกิจ" เขาเรียกว่า "พระมีศักดิ์ศรี" เดี่ยวก็ ได้ยศ ได้ศักดิ์ แต่ถ้าไม่มี "บริกรรม" ก็มีแต่ศักดิ์ศรี เดี๋ยวก็พัง พระสงฆ์ต้องมี "บริกรรมภาวนา" จึงจะศักดิ์สิทธิ์ เพราะพระสงฆ์นั้นต้อง มีศักดิ์ศรี และมีความศักดิ์สิทธิ์ จึงจะเป็นนักบริหารที่ดี

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width=550 bgColor=#eeeeee align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ff9933 height=22> หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง ที่ ๔๗ : แก่ดี แก่เสีย</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffcc66 height=22> โ ด ย : พระพิพิธธรรมสุนทร วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellPadding=5 align=center><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD vAlign=top>
    อย่างไรก็ตาม เราเกิดมาแล้วก็ต้องผ่านการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งนั้น
    " เด็ก " ก็จะต้องแก่ "แก่" อยู่แล้วก็จะต้องแก่ต่อไป
    " แก่ " มีอยู่ 2 อย่าง มี "แก่กลวง" และ " แก่แก่น"
    " แก่แก่น " คือ แก่แล้วมีแก่น ยืนยง คงกระพัน หรือ ยืนยงคงที่
    " แก่กลวง " นี้เป็นอย่างไรท่านทั้งหลาย คือ แก่ แล้วมีของเสีย เขาเรียก "แก่นิสัยด้วย แก่ตัวด้วย" ถ้ายิ่งแก่เสียนิสัย แก่ตัว เขาเรียก "แก่กลวง" ดังท่าน ช. อิสรานนท์ ท่านให้ข้อคิดว่า
     
  8. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG][​IMG] ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...[​IMG][​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...