ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ถ้าใจมีธรรมเป็นที่อยู่แล้ว
    จะอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้
    ไม่มีความเดือดร้อน
    แต่ถ้าใจนั้นไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่แล้ว
    ต่อให้นั่งนอนอยู่ในปราสาททอง
    ก็ไม่มีความสุข
    เพราะไฟกิเลสมันเผาพลาญหัวใจ
    ให้ได้รับความเดือดร้อนอยู่มิเว้นวาย
    โอวาทของ
    (หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)วัดป่าสัมมมานุสรณ์ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

    1504449874_509_ถ้าใจมีธรรมเป็นที่อยู่.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” เรื่องความเพียรมันเกิดขึ้นเอง
    ไม่ได้ไปบังคับมันให้ยุ่งยากเลย
    เพียงแต่ครั้งแรกต้องบังคับมัน
    เหมือนที่เขาฝึกควายฝึกวัว
    ถ้าฝึกมันจนเป็นงานแล้ว
    เขาจะขี่ล้อขี่เกวียนก็ได้
    จะนอนไปก็ได้
    นี่ก็เหมือนกับจิตของเรา
    เมื่อฝึกมันเข้าไป
    มันจะเป็นของมันไปเอง.”

    หลวงปู่ลี กุสลธโร
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    1504449860_509_เรื่องความเพียรมันเกิด.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ของดีมีอยู่กับตัวเรา ทุกคนก็พากันปฏิบัติเอา ทำเอา เมื่อเวลาตายแล้วจึงวุ่นวายหานิมนต์พระมากุสลามาติกา ไม่ใช่เกาถูกที่คัน ต้องรีบแก้เสียบัดนี้ คือ เร่งทำความดีแต่บัดนี้ จะได้หายห่วงอะไร ๆ ที่เป็นสมบัติของโลก มิใช่สมบัติอันแท้จริงของเรา ตัวจริงไม่มีใครเหลียวแล สมบัติในโลกเราแสวงหามา หามาทุจริตก็เป็นไฟเผา เผาตัวทำให้ฉิบหายได้จริง ๆ ข้อนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดและความโง่เขลาของผู้แสวงหาแต่ละราย

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ
    นิตยสารธรรมจักษุ ปีที่ ๘๒ ฉบับที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๐

    -ทุ.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ร่ายกายกับคุณความดี
    แตกต่างกันไกลลิบลับ
    เพราะร่างกายสลายไปทุกขณะ
    ส่วนคุณความดี
    ดำรงอยู่ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์
    โอวาทธรรมของ (พระเทพวิสุทธิมงคล)
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    ศิษย์กรรมฐานรุ่นสุดท้ายของ (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เคยเห็นภาพนี้ไหม ?
    พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงกราบที่หีบทองท่านผู้ใด แสดงถึงความเคารพอย่างที่สุด..
    ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..พระเจ้าอยู่หัวทรงตื่นพระบรรทมแต่เช้า(ปกติพระองค์ท่านจะพระบรรทมทับตะวัน)แล้วทรงทอดพระเนตรเห็นพระรูปหนึ่งกำลังเดินบิณฑบาตอยู่ในพระราชวังสวนจิตรลดา เช้าวันนั้นพระองค์จึงทรงเสด็จลงมาใส่บาตรแล้วถามว่า หลวงพ่ออยู่ที่วัดไหน ? พระรูปนั้นตอบว่า อยู่ที่วัดป่าพรรณานิคม..แล้วพระรูปนั้นก็เดินหายไปตรงมุมพระตำหนัก
    พระเจ้าอยู่หัวจึงรับสั่งให้ฮ.เตรียมพร้อมแล้วตามไปที่วัดป่าพรรณนิคม ก็พบหลวงพ่อรูปนั้นกำลังนั่งฉันข้าวอยู่..
    พระรูปนั้นก็ คือ “พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร”นั่นเอง เมื่อพระอาจารย์ฝั้น อาจาโรละสังขาร พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงถวายหีบทองแด่ท่านผู้เป็น”พระอาจารย์สอนกรรมฐานแด่พระองค์”มาโดยตลอด.

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” ความคาดความหมายว่า
    รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์
    เป็นสมุทัยนะ
    ถ้าค้นเข้าไปหาเหตุมันจึงเป็นมรรค
    มรรคมันเป็นอนัตตานะไม่มีตัวตน
    ถ้าไม่มีตัวตนมันก็สุขเท่านั้นล่ะ
    จึงให้พากันดูอสุภะให้มันมากให้มันชัด
    ความกำหนัดยินดีมันจึงค่อยหมด
    ถ้าไปสำคัญมั่นหมายว่าเพศหญิงเพศชายมันก็ทุกข์
    เพศหญิงเพศชายมันเป็นของโลก
    มันเป็นของสมมุติเฉยๆ
    ถ้าเราดูอสุภะให้มันเห็นเป็นกองกระดูก
    มันก็ไม่มีตัวตน
    ความอยากได้ความกำหนัดยินดี
    ก็หมดเท่านั้นล่ะ
    จึงให้พากันดูใจตัวเอง
    ว่ามันจะเอาอะไร
    มันยังยินดีอะไร
    ถ้าเห็นใจแล้วมันก็มีความสุขเท่านั้นล่ะ
    เพราะสุขมันอยู่กับใจ
    ไม่ได้อยู่ที่อื่น ”

    หลวงปู่เพียร วิริโย
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ุคคลที่เป็นคนดีนั้นย่อมเป็นที่รักไปทั้งสามโลก

    ” ชีวิตมนุษย์นั้นมีขึ้นมีลง วันนี้สูงส่ง พรุ่งนี้อาจ
    ตกต่ำ ไม่มีสิ่งใดแน่นอนหรือยั่งยืนได้เลย
    หมั่นทำความดีหรือสร้างบุญกุศลไว้ให้มากๆเถิด
    แม้ยามที่ชีวิตตกต่ำ ก็จะมีบุญกุศลหนุนนำช่วยให้
    พ้นจากความมืดมิดได้อย่างแน่นอน บุคคลที่เป็น
    คนดีนั้น ย่อมเป็นที่รักไปทั้งสามโลก ”

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ฯ

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เหล็กไหลมีจริงหรือเปล่าครับหลวงพ่อ ?

    – มีจริง แต่มันเป็นของหายาก เอายาก ที่เขามาอวดกันมันไม่ใช่เหล็กไหลหรอก เหล็กไหลนี้มันจะไหลอยู่ไม่หยุด หลวงพ่อไล่ตะครุบเหล็กไหลนี่จนเหงื่อแตก มันก้อนโตขนาดเม็ดข้าวโพดเม็ดใหญ่ๆ ทีนี้วัตถุที่โตขนาดนี้ ถ้าเป็นสิ่งอื่นเราไปหยิบมันจะติดมือขึ้นมา อันนี้พอไปหยิบ หยิบแล้วทั้งๆ ที่มันแข็ง มันสัมผัสมือเหมือนกับหยิบสำลี คล้ายๆ กับมันยุบตัวลงไป แต่พอยกมือขึ้นมันจะไม่ติดมือ พอยกมือขึ้นปั๊บมันจะกลิ้ง พอไปจับจะหยิบขึ้นให้มันติดมือมาไม่มีติด

    ถ้ามันอยู่บนพื้นไม้กระดาน มันจะกลิ้งอยู่อย่างนั้น พอตกถูกพื้นปูนซีเมนต์มันจะหายจมลงไปในปูนซีเมนต์เลย หลวงพ่อนี่จับต้องมาด้วยมือ เห็นมาด้วยตา เพราะฉะนั้น ถ้าใครเอามาให้ดูแล้วมันไม่ใช่หรอก มีแต่ก้อนหินธรรมดานี่แหละเขาเอามาให้ดู อย่างดีก็พวกประเภทที่เขาเรียกว่าโคตรเหล็กไหล ไอ้ตัวเหล็กไหลจริงๆ นี่มันไม่ใช่อย่างนั้น สีมันดำเหมือนตาดำคน ที่นี้ พอจับปั๊บมันจะเย็นเหมือนจับน้ำแข็ง เวลาเอาวางไว้แม้อยู่ในที่ราบๆ มันก็จะกลิ้งของมัน มันอยู่ในฟันกรามเขาส่องดูก็มองเห็น พอเอาไม้แหย่มันจะวิ่งหลบเข้าไป หลบหนีเข้าไปทั้งที่ไม้ยังไม่ได้ถูกมันเลย
    พอเผลอๆ มันตกป๊อกลงมาอยู่ในอุ้งมือนี่ แทนที่มันจะไหลลงไปทางลาดๆ ต่ำลงไป มันกลับวิ่งลัดขึ้นมา วิ่งมาตามข้อศอกวิ่งขึ้นมาข้างบน วิ่งขึ้นมาทางสูง แทนที่มันจะกลิ้งลงไปทางต่ำ ตกลงบนไม้กระดานก็ไล่ตะครุบ ไล่ไปไล่มามันตกลงบนพื้นปูนซีเมนต์กลิ้งไปต่อหน้าต่อตา ไม่มีอะไร ราบๆ เกลี้ยงๆ ไม่มีวัตถุอะไร มันหายจมลงไปในพื้นปูนซีเมนต์ เมื่อก่อนนี้อยากได้เหล็กไหลเหมือนกัน พอไปไล่จับก็เลยหายสงสัย

    มันมาจากไหนครับเหล็กไหล ?

    – เหล็กไหลอันนี้ ตามประวัติส่วนใหญ่จะมาจากสมเด็จลุนบ้านเงินไทร บ้านอยู่ฝั่งทางประเทศลาว พระองค์นี้มีอิทธิปาฏิหาริย์ ขนาดเหยียบเรือกลไฟของฝรั่งนี่เอียงกะเท่เร่ เหมือนกับหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดทางภาคโน้น ก็อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน มีตำรวจคนหนึ่งเขาเรียกว่าไอ้เพ็งคอลาย หมอนี่ก็ได้มาจากสมเด็จลุน ของๆ มันนี้ ใครขอนี่มันยื่นให้เลย อยากได้เอาไป แต่พอเสร็จแล้วเขามีวิชาเรียก ให้ใครไปแล้วมันจะกลับไปอยู่กับเจ้าของ
    พระครูพิบูลย์ธรรมภาณ อาจารย์โชติที่อำเภอพิบูลฯ อุบลฯ นี่ท่านคุยให้ฟังว่า ของคนเมืองพิบูลฯ อำเภอพิบูลมังสาหาร มีอยู่คนหนึ่ง เขาเคยให้ท่านพาไปขาย ตกลงซื้อขายกันราคา ๕๐ ล้าน จะเอาเงินไปวางกันที่ธนาคารฝากเงินในบัญชีของเจ้าของแล้วก็จะมอบเหล็กไหลนี้ให้ พอตกลงกันแล้ว ตกกลางคืนได้ที่เอาใส่ในกระป๋องแล้วบัดกรีเอาไว้ ตื่นเช้ามาเห็นแต่รู มันหนีออกไปแล้ว เสร็จแล้วพอกลับมาบ้านมันมาอยู่ที่บ้าน เลยไม่ได้ขาย ส่วนใหญ่ถ้าใครเขามีแล้วเขาจะใช้โลหะต่างประเภท ถ้าประเภทเหล็กนี่เอามันไม่อยู่ ต้องใช้ทอง นาก เงิน ทองแดงหุ้มเอาไว้ ถ้าเอาไปวางไว้บนพานธรรมดาตื่นเช้ามาหาย

    เหล็กไหลเขามีไว้ทำไมครับ

    – เขาก็ถือว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ของดีวิเศษ ใครมีแล้วเป็นสิริมงคลอะไรทำนองนั้น แต่ว่าฝรั่งที่เขาเชื่อว่าเหล็กไหลมี และเขาทดสอบดูว่ามันเป็นวัตถุที่สามารถทุ่นแรงได้ คือมันมีแรงผลักดัน ทำให้เป็นวัตถุที่ทุ่นแรง ฝรั่งเขาต้องการ เขาจะไปทำให้มันสร้างวัตถุทุ่นแรงสำหรับยกสิ่งของหนักๆ
    อาจารย์บุญที่วัดป่าอะไรทางนี้ นั่นก็ไปเที่ยวหาเหล็กไหล ไปนอนอยู่ที่วัดป่าสาลวันหลายคืน ทีแรกให้โยมไปเฝ้าอยู่ก่อน ไม่ทราบว่าท่านไปได้ยินมาจากที่ไหนว่าหลวงพ่อมีเหล็กไหล หลวงพ่อก็พูดตลกๆ โอย เหล็กไหลมีถมเถไป เอาไหมจะขอเขาให้ เหล็กไหลผมนี่ตอนเช้ามันก็ไหลลงกรุงเทพฯ ไหลขึ้นหนองคาย อุบลฯ ทุกวัน (หลวงพ่อหมายถึงรถยนต์ รถโดยสาร) ไปหาสิ่งที่มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ ไอ้มีนะมีแน่ จะไปหาที่ไหนมันจึงจะพบ

    โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

    วัดป่าสาลวัน
    ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

    ติดตามสาระดีๆได้ที่ facebook.com/Luangpuwatpa

    1504449751_345_เหล็กไหลมีจริงหรือเปล่.png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “เสียงมันไม่ได้มารบกวนเรา
    เสียงมันก็อยู่ส่วนเสียง
    แต่เราไม่ได้ระวังจิต
    จิตเลยไปยึดเอาเสียง
    ได้ยินอะไรก็เป็นทุกข์
    เพราะไม่ได้พิจารณา”
    โอวาทธรรม หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ

    ติดตามสาระดีๆได้ที่ facebook.com/Luangpuwatpa

    1504254365_868_เสียงมันไม่ได้มารบกวนเ.jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ในโอกาส

    ” เป็นที่น่าอัศจรรย์ไหม พระพุทธองค์ทรงอุบัติเกิดขึ้นมาในกามภพ เป็นอยู่ในกามภูมิ แวดล้อมแล้วด้วยกามคุณ ๕ ยั่วยวนแล้วด้วยกามกิเลสเหมือนๆ กับปุถุชนคนเราทั้งหลาย แต่พระองค์เห็นโทษแล้วในกามทั้งหลาย จึงทรงแสดงหาอุบายหนีเอาตนรอดจนเป็นยอดของบุคคลผู้เป็นอิสระทั้งหลาย โดยไม่มีใครเป็นครูอาจารย์แต่รู้แจ้งด้วยพระองค์เอง

    ฉะนั้น พระอานนท์เถระจึงชมเชยพระองค์ว่า เป็นที่น่าอัศจรรย์หนอ “พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ในโอกาส” อธิบายว่า พระพุทธองค์ทรงอุบัติเกิดขึ้นมาในกามภพ แต่ไม่หลงติดอยู่ในกามภพ ถึงจะแวดล้อมไปด้วยกามคุณ ๕ แต่พระองค์ก็มิได้หลงใหลไปด้วย ถึงจะอุบัติอยู่ในกามภูมิแต่พระองค์ก็มิได้จมอยู่ในภูมินั้น รู้เท่าเข้าใจเห็นแจ้งชัดจริงทั้งคุณแลโทษพร้อมทั้งอุบายหนีให้พ้นจากมันเสียจนได้ ด้วยใจด้วยปัญญาอันเฉียบแหลมของพระองค์เอง

    อายตนะทั้ง ๖ ถึงแม้จะเป็นบ่อเกิดกองบุญของผู้ที่ยังปรารถนากามภพอยู่ก็จริงแล แต่ผู้ที่เห็นโทษในกามภพแล้ว ผลของบุญหรืออานิสงส์ของบุญนั้นมันกลับเป็นเครื่องผูกมัดจิตใจของผู้ต้องการพ้นจากกามไป เปรียบเหมือนสมบัติทั้งหลายย่อมเป็นที่ปรารถนาแต่เฉพาะผู้ต้องการเท่านั้น ส่วนผู้ที่ไม่ต้องการแล้ว แม้จะถูกคนบางคนหาว่าเป็นบ้าก็ตาม เขาผู้นั้นก็ยอมสละเพื่อเนกขัมมะ ”

    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” คนที่ฝึกจิตอบรมใจของตัวดี
    ถึงจะไม่มีความรู้ทางด้านโลกก็ตาม
    ไม่มีสมบัติทางโลกที่เขานิยมชมชอบกัน
    บ้านๆ รถเรือต่างๆ ผ้าผ่อนท่อนสไบสวยงาม
    จะไม่มีกับเขาก็ตาม
    แต่ท่านก็สุข ท่านก็สบาย
    เพราะใจของท่านบริสุทธิ์
    ใจของท่านสะอาด
    จะอยู่ในป่าในดง ในร่มไม้ ท่านก็สุขสบาย
    ไม่มีความทุกข์ความวุ่นวายทางจิตทางใจ
    ใจดีแล้วเป็นของประเสริฐ
    คนเราจึงมีคุณค่าอยู่ที่ใจ
    คนที่ไม่มีจิตใจบริสุทธ์
    ไม่มีจิตใจที่เคยอบรมทางธรรมะ
    คนนั้นไม่มีคุณค่าสาระในตัว
    ตัวเองก็ตำหนิตัวของตัวได้
    เพราะใจวุ่นวายขัดข้อง
    บ้านอยู่ บ้านอาศัยใหญ่โต
    ที่นั่งที่นอนนุ่มนวลขนาดไหน
    มันก็ทุกข์ร้อนอยู่อย่างนั้น
    เพราะใจมันไม่มีอรรถมีธรรม
    ไม่สุขไม่สบายให้
    ถ้าใจมีอรรถมีธรรม
    ท่านไปอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร
    ท่านก็เป็นสุข
    ถึงโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนกายหนักแน่นขนาดไหน
    ท่านก็เป็นสุขภายในใจ
    เป็นสุขอย่างไร
    เราต้องฝึกต้องอบรมตัวของตัว
    ให้รู้ให้เข้าใจ ”

    หลวงปู่สิงห์ทอง ธัมมวโร
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ไถ่ชีวิตแม่วัวขาว

    ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖

    เรา (อดีตครูบากล้วย) กับครูบาทองพูน เณรกุน บ้านแพง
    เณรเมี่ยง ม่วงหัก พากันมานอนเฝ้า “หลวงปู่ชอบ ฐานสโม”
    ที่ห้องพักศาลาบำเพ็ญกุศล วัดป่าโคกมน บ้านโคกมน
    ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
    หลวงปู่ท่านจงกรมอยู่ข้างนอกเกือบห้าทุ่ม
    เณรกุนมาบอกว่า หลวงปู่ท่านมีเรื่องจะคุยด้วย
    ถามท่านว่า พ่อแม่ครูอาจารย์มีเรื่องอะไรหรือ
    หลวงปู่ท่านถามว่า เรามีเงินอยู่เท่าไหร่
    บอกท่านว่ามีอยู่สองพันเก็บไว้กับโยม
    องค์ท่านบอกมันไม่พอ เราจะใช้มากกว่านั้น
    ถามท่านว่าหลวงปู่จะใช้เงินมากเท่าไหร่
    ท่านบอกใช้เงินเป็นหมื่น…

    ถ้าเป็นหมื่นผมจะบอกอาจารย์เหลียวเจ้าอาวาส
    ให้เบิกเงินกองกลางออกมาให้หลวงปู่
    องค์ท่านบอกมันเป็นเงินของสงฆ์จะเอามาใช้ส่วนตัวไม่ได้
    ของสงฆ์จะต้องใช้กับส่วนรวมเท่านั้น
    เงินจำนวนนี้เราจะเอามาใช้ในเรื่องส่วนตัว

    ถามองค์ท่านว่าหลวงปู่จะเอาเงินไปใช้ทำอะไร
    ท่านบอกเราจะเอาไปซื้อวัวอยู่โรงฆ่าสัตว์เมืองเลย
    แม่วัวขาวร้องไห้มาหาเรา เขามาขอให้เราไปช่วยชีวิตเขา
    ตอนนี้มันกำลังตั้งท้อง มันไม่อยากถูกฆ่าตาย
    ฟังองค์ท่านพูดแล้วตัวก็อึ้งไปเหมือนกัน…

    ถามองค์ท่านว่า เขามาบอกหลวงปู่ตอนไหน
    องค์ท่านบอก เขามาบอกเราเมื่อสักครู่นี้เอง
    เราจึงเรียกท่านมาคุยด้วยเพื่อหาทางช่วยเขา
    ถามท่านว่าผู้ที่มาบอกหลวงปู่เขาเป็นวัวหรือเทวดามาบอก
    ท่านบอก เขามาบอกเราโดยร่างสมมุติ เป็นผู้หญิงท้องแก่
    ใส่ชุดขาว ร้องไห้มาบอกช่วยชีวิตข้าน้อยด้วย
    ข้าน้อยบ่อยากถูกฆ่าตาย…

    บอกหลวงปู่ถ้ายังนั้นพรุ่งนี้ผมจะไปยืมเงินโยม
    มาไถ่ชีวิตแม่วัวตัวนี้ให้หลวงปู่เอง
    องค์ท่านบอกพระเป็นหนี้เป็นสินไม่ถูกต้องตามธรรมวินัย
    เราจะพิจารณาหาทางช่วยเหลือเขาเอง
    องค์ท่านบอกเราก็เมตตาเทวดามามาก
    เทวดาเขาจะไม่เอื้ออำนวยให้เราบ้างหรือ
    เราจะพิจารณาวาสนาผู้เกี่ยวข้องกับแม่วัวตัวนี้ดู
    ถ้าเขามีวาสนาก็รอดมีดรอดเขียง
    ถ้าบ่มีวาสนาทุกอย่างก็เป็นไปตามกรรมของสัตว์โลก…

    องค์ท่านนั่งนิ่งอยู่บนรถเข็นพักหนึ่ง
    ท่านบอกถ้าพรุ่งนี้มีคนมาหาเราตอนสิบโมงเป็นต้นไป
    ให้บอกเขาเรื่องแม่วัวขาว
    ถ้าคนมาก่อนหน้านั้นท่านไม่ต้องบอกเขา เพราะไม่มีวาสนาต่อกัน
    ท่านอย่าไปไหนให้อยู่กับเราตลอด อยู่สงเคราะห์แม่วัวด้วยกัน
    เราปากได้ (เราพูดได้) แต่อธิบายให้ท่านเป็นคนพูดแทน…

    ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖

    วันนี้หลวงปู่หลังจากองค์ท่านฉันภัตตาหารเช้าแล้ว
    ท่านไม่เข้าห้องพักผ่อนเลย นิมนต์องค์พักท่านก็ไม่ยอมพัก
    ชี้มือใส่ทางจงกรมอยู่อย่างนั้น
    หลวงปู่ท่านจงกรมอยู่ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดป่าโคกมน
    ตั้งแต่เก้าโมงโดยยอมไม่หยุดพักผ่อน
    พระเณรต้องหมุนเวียนสลับการเข็นจงกรมให้องค์ท่าน…

    สิบโมงกว่าเห็นลูกศิษย์หลวงปู่จากอำเภอชุมแพ
    พากันมาถวายอาหารเพลให้หลวงปู่
    ทักทายปราศรัยกับโยมทางเมืองชุมแพได้สักพัก
    เห็นรถตู้สีขาววิ่งเข้ามาจอดที่ลานเมรุ
    สอบถามเขาว่ามาจากกรุงเทพฯ ยังไม่เคยมากราบหลวงปู่ซักครั้ง
    นี่เป็นครั้งแรกที่ได้กราบและได้เห็นตัวจริงขององค์ท่าน
    จากนั้นเห็นลูกศิษย์หลวงปู่ในเมืองเลยพากันมาถวายเพลหลวงปู่…

    พอได้เวลา ๑๑.๐๐ น. เป็นเวลาที่หลวงปู่ท่านฉันเพล
    เพื่อฉันยาประจำขององค์ท่าน
    ขณะเข้าไปอุ้มองค์ท่านลงจากรถเข็น
    ถามท่านว่า ที่หลวงปู่บอกว่าหลังสิบโมง
    ใครมาหาเราให้บอกเขานั้น ใช่คนเหล่านี้หรือเปล่า
    องค์ท่านบอก อือ…ทั้งหมดนี่แหละ
    หลังจากหลวงปู่ท่านฉันเสร็จระหว่างที่โยมถวายของให้องค์ท่าน
    เราบอกกับโยมว่าหลวงปู่ท่านอยากไถ่ชีวิตแม่วัวสีขาวตัวหนึ่ง
    ที่กำลังจะถูกฆ่าอยู่โรงฆ่าสัตว์เมืองเลย
    โยมคนไหนอยากจะทำบุญสงเคราะห์ชีวิตแม่วัวขาวกับลูกในท้อง
    ก็ร่วมทำบุญกับหลวงปู่ได้…

    พวกโยมพากันถามหลวงปู่ถึงเรื่องความเป็นมา
    องค์ท่านเล่าเรื่องความเป็นมาที่แม่วัวมาขอความช่วยเหลือจากองค์ท่าน
    ตอนหลวงปู่ท่านเล่าให้ฟัง โยมบางคนถึงกับร้องไห้ออกมาเพราะสงสารแม่วัวตัวนี้

    โยมจากกรุงเทพฯ ถามหลวงปู่ว่า ตอนนี้วัวตัวนี้ถูกฆ่าหรือยัง
    หลวงปู่ท่านบอกตอนนี้ยังไม่ถูกฆ่า เขากำหนดจะฆ่าในคืนนี้
    พอหลวงปู่ว่าออกมา แต่ละคนควักกระเป๋า
    เอาเงินออกมารวมกันนับได้หนึ่งหมื่นกับเก้าร้อยบาท

    โยมแป๋วบอกถ้าเงินไม่พอเขาจะรับเพิ่มให้ทั้งหมด
    หลวงปู่ท่านจึงมอบหมายให้โยมแป๋วกับโยมโด่ง
    เป็นตัวแทนองค์ท่านไปไถ่ชีวิตแม่วัวขาวตัวนี้ออกมาจากโรงฆ่าสัตว์

    โดยองค์ท่านเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นวัวตัวเมียสีขาวเท่านั้น
    อยู่โรงฆ่าสัตว์ตอนนี้มีแม่วัวสีขาวตัวเดียวเท่านั้น…

    ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖

    เวลาบ่ายสองโมงกว่าหลังจากสรงน้ำแล้ว
    หลวงปู่ชอบท่านจงกรมอยู่ศาลาบำเพ็ญกุศล วัดป่าโคกมน
    ขณะเณรดอกเข็นจงกรมหลวงปู่ท่านก็ยิ้มอารมณ์ดีอยู่อย่างนั้น
    หลวงปู่ท่านมองเห็นเราท่านกวักมือเรียกให้เข้าไปหา
    เราก็พูดหยอกท่านว่า วันนี้คือยิ้มดีแท้พ่อพญา
    ใจดีม่วนนวลขาวคือดอกฝ้ายบ้อมื้อนี้

    หลวงปู่ท่านยิ้ม บอกว่าวันนี้เขาจะเอาแม่วัวขาวมาให้
    พอว่าจบหลวงปู่ท่านก็เอาฝ่ามือขวา
    ตบที่เบาะพักแขนรถเข็นของท่านเสียงตุ๊บๆ
    กิริยานี้เป็นอีกกิริยาหนึ่งที่หลวงปู่ชอบท่านจะแสดงออกมา
    เมื่อเวลาที่องค์ท่านชอบใจในเรื่องนั้นๆ
    คนใกล้ชิดจะรู้ในกิริยานี้ขององค์ท่านเป็นอย่างดี…

    ราวสามโมงกว่ารถกระบะนิสสันบิ๊กเอ็มสีน้ำตาล
    บรรทุกวัวสีขาวตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดที่ลานเมรุ
    มีรถฟร์อดสีดำลักษณะคล้ายรถเก๋งป้ายทะเบียนจังหวัดร้อยเอ็ด
    วิ่งตามกันเข้ามาอีกคัน
    พอเห็นวัวสีขาวแล้วเราก็ถามหลวงปู่ว่า
    ใช่วัวตัวนี้หรือเปล่าที่หลวงปู่ให้ไปไถ่ชีวิตเขาไว้
    หลวงปู่ท่านบอกว่า วัวตัวนี้แหละ
    เราก็พาหลวงปู่ออกไปดูวัว บอกให้เณรดอกไปตามเจ้าอาวาสมาที่นี่
    บอกว่ามีโยมเขาเอาวัวมาถวายหลวงปู่…

    พอแม่วัวขาวเห็นหลวงปู่ก็ร้องมอๆ อยู่ไม่หยุด
    คนที่นำวัวมาส่งเป็นแขกปาทานเขาก็เอาวัวลงจากรถ
    พอแม่วัวขาวลงจากรถก็เดินตรงดิ่งเข้ามาหาหลวงปู่ทันที
    แม่วัวขาวมาร้องมอๆ อยู่ต่อหน้าหลวงปู่

    หลวงปู่ท่านยื่นมือขวาไปแตะที่หน้าของวัว
    แม่วัวขาวดมที่มือของหลวงปู่และเลียที่มือขององค์ท่าน
    เราก็มองว่านี่เป็นกิริยาของสัตว์แสดงออกซึ่งความรัก…

    องค์ท่านหลวงปู่ชอบยิ้มพูดกับแม่วัวขาวว่า

    “บ่ตายแล้วล่ะอีนาง
    เราจะรักษาชีวิตเจ้าไว้ ต่อไปนี้บ่มีใผ๋มาฆ่าเจ้าอีกแล้ว”

    โยมที่เอาวัวมาถวายหลวงปู่เห็นกิริยาของแม่วัวขาว
    และได้ยินองค์ท่านหลวงปู่ชอบที่พูดกับแม่วัวขาว
    พวกโยมพากันร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน…

    เราเองอยู่กับองค์ท่านมาหลายปี
    เห็นวัวควายหลายตัวที่โยมไถ่ชีวิตมาถวายหลวงปู่องค์ท่าน
    หลวงปู่ท่านก็รับมอบแบบธรรมดาเฉยๆ
    เห็นวัวไอ้สีเทากับแม่วัวขาวนี่แหละ
    ที่หลวงปู่ชอบท่านช่วยชีวิตออกมาจากโรงฆ่าสัตว์
    ชนิดรอดตายจากคมมีดอย่างหวุดหวิดเส้นยาแดงผ่าแปด…

    ถามโยมที่ไปไถ่ชีวิตแม่วัวขาวว่าซื้อมาราคาเท่าไร
    โยมบอกวัวตัวนี้ทางแขกปาทานเขาซื้อมาราคาหนึ่งหมื่นสองพันบาท
    จะให้เขาหมื่นห้าเขาก็ไม่ยอมขาย
    เพราะวันนี้มีวัวตัวเดียวที่จะเชือดขายตลาด เขาจึงไม่ยอมขายให้
    ให้เพิ่มเป็นหมื่นแปดเขาก็ไม่ยอมขายให้อีก
    สุดท้ายให้สองหมื่นสามพันบาทเขาจึงตกลงขายให้พร้อมกับนำมาส่งที่วัด

    โยมบอกเขาอัศจรรย์ใจในเหตุการณ์มาก
    พวกเขาไปที่โรงฆ่าสัตว์เทศบาลเมืองเลย
    เพื่อจะติดต่อขอซื้อวัวตัวเมียสีขาว
    ขณะกำลังพูดคุยอยู่กับเจ้าของเขียงเนื้อ
    วัวตัวนี้ร้องมอๆ ขึ้นมาเหมือนกับมันจะบอกให้รู้ว่ามันอยู่ที่นี่

    พอหันไปดูเห็นวัวสีขาวตัวนี้กำลังร้องอยู่
    ก็คิดว่าจะต้องเป็นวัวตัวนี้แน่นอนที่หลวงปู่ท่านให้มาไถ่ชีวิต
    พอเดินไปดูถึงรู้ว่าวัวตัวนี้เป็นวัวตัวเมียสีขาวตามที่หลวงปู่ชอบท่านระบุมา
    พวกเขาจึงยอมทุ่มทุกอย่างถึงแม้เจ้าของวัวจะเกี่ยงราคาเท่าไหร่ตาม
    สุดท้ายจึงได้ช่วยชีวิตแม่วัวตัวนี้นำมาถวายหลวงปู่ที่วัด…

    อาจารย์เหลียวถามหลวงปู่ว่า วัวตัวนี้หลวงปู่จะมอบให้กับใคร
    หลวงปู่ท่านบอกเราจะมอบให้ทิดคำหู บ้านผาน้อย เอาไปเลี้ยง
    อาจารย์เหลียวท่านก็ไม่ว่าอะไร หลวงปู่ท่านบอกเรา
    ให้ไปตามทิดคำหู บ้านผาน้อย มารับเอาวัวตัวนี้ไปเลี้ยง
    เราบอกให้ทิดสุพรรณไปตามตาคำหู บ้านผาน้อย มาหาหลวงปู่ด่วนที่สุด
    ทิดสุพรรณมันก็จ้ำรถมอเตอร์ไซค์ไปตามตาคำหู
    มาพบหลวงปู่ที่ศาลาเมรุ วัดป่าโคกมน…

    หลวงปู่ท่านบอกทิดคำหู
    ให้เอาแม่วัวขาวตัวนี้ไปเลี้ยงให้เราได้ไหม
    แต่มีข้อแม้ไม่ให้ฆ่าไม่ให้ขายวัวตัวนี้
    และลูกวัวที่กำลังจะเกิดตามมา
    องค์ท่านสั่งกำชับทิดคำหูว่า
    ห้ามฆ่าห้ามขายวัวตัวนี้เป็นอันขาด
    วัวตัวนี้เคยมีพระคุณกับแกมาก่อน ถ้าแกฆ่าหรือขายเขา
    เท่ากับแกทำลายผู้มีพระคุณของตนเองในอดีต
    ถ้าเลี้ยงวัวตัวนี้ไม่ได้ก็ให้เอากลับคืนมาให้เรา
    เราจะให้พระเณรเลี้ยงดูมันเอง
    ทิดคำหูรับปากหลวงปู่ว่าจะดูแลแม่วัวขาวตัวนี้
    จนกว่าตายจากกันไปข้างหนึ่ง…

    ต่อท้ายเรื่องแม่วัวขาว ต้นเดือนกันยายน วันที่แปด
    ทิดคำหูมาบอกหลวงปู่ว่าแม่วัวขาวออกลูกแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา
    แม่วัวขาวออกลูกเป็นวัวตัวผู้สีน้ำตาล
    ตอนนี้วัวแม่ลูกคู่นี้อยู่ที่คอกนาของเขา
    หลวงปู่ท่านอยากจะไปดูลูกวัว
    ท่านบอกให้ตามดาบโกเมนเอารถมารับท่านไปผาน้อย
    เราก็ขึ้นวิทยุเรียกตู้ยามตำรวจวังไห
    ไปหาดาบโกเมนให้มารับหลวงปู่ไปผาน้อยด่วน
    ดาบโกเมนรีบขับรถมารับหลวงปู่ที่วัดทันที…

    หลวงปู่ท่านบอกให้ไปเอากล้วยที่โรงครัวไปเลี้ยงวัว
    กล้วยมีอยู่เท่าไหร่ให้ขนเอาไปให้วัวน้อยกับแม่มันกินทั้งหมด
    เราก็ว่าหยอกท่าน หลวงปู่จะขนกล้วยไปเยี่ยมหลานรึไง
    หลวงปู่ท่านก็หัวเราะอย่างใหญ่ องค์ท่านตอบมาอย่างน่ารักมาก

    “เหลือโตนชาติมันสองแม่ลูก (สงสารมันสองแม่ลูก)”

    ไปถึงนาทิดคำหูหลวงปู่ท่านให้เอากล้วยไปให้วัวแม่ลูกกิน
    วัวน้อยสีน้ำตาลเกิดใหม่ยังกินอาหารไม่เป็น มันก็ไม่สนใจดมดูเฉยๆ
    แม่วัวขาวกินกล้วยจนหมดเครือหนึ่ง
    ส่วนที่เหลือหลวงปู่ท่านบอกทิดคำหูเก็บไว้ให้วัวกินในวันหลัง

    หลวงปู่ท่านนั่งมองดูลูกวัวสีน้ำตาลมันวิ่งเป๋ไปเป๋มาท่านก็หัวเราะ
    กิริยาขององค์ท่านดูมีความสุขเหลือเกินในวันนี้…
    ถามองค์ท่านว่าวัวน้อยตัวนี้หลวงปู่จะตั้งชื่อว่าอะไร
    หลวงปู่ท่านตั้งชื่อให้วัวน้อยสีน้ำตาลตัวนี้ว่า

    “บักบุญหลาย”

    ถามท่านว่าทำไมหลวงปู่จึงตั้งชื่อนี้ให้ องค์ท่านบอก

    “ถ้าบุญมันบ่หลายมันตายตั้งแต่อยู่ในท้องแม่มันแล้ว
    มันบ่ได้ออกมาแล่นห่าวด่องๆ จั่งซี้ดอก
    (มันไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นคึกคักอย่างนี้หรอก)”

    องค์ท่านก็หัวเราะกับไอ้บุญหลาย…

    เห็นไอ้ “บุญหลาย” มันวิ่งเล่นไปตามประสาวัวเด็กของมัน
    มันก็วิ่งเล่นอย่างคึกคักสนุกสนานจนหางตั้งหางชัน
    จนตัวเองนึกสนุกไปกับมันด้วย

    ไอ้บุญหลายเอ้ย…แกนี่ช่างบุญหลายจริงๆ
    เกือบตายในท้องแม่แล้วนะเอ็ง
    ถ้าหลวงปู่ชอบท่านไม่ช่วยแม่เอ็งไว้ในครั้งนั้น
    ป่านนี้ไม่รู้ว่าเขาจะแม่เอ็งไปลาบไปต้มที่ร้านไหนแล้วก็ไม่รู้…

    เห็นชีวิตสองแม่ลูกที่รอดตายมาได้
    จาก “อริยะเมตตาฐานสโม” แล้ว ก็รู้สึกดีใจไปกับเขาสองแม่ลูก
    หากแม่วัวขาวไม่มีวาสนาสงเคราะห์กันกับหลวงปู่ชอบมาก่อน
    พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะไปสงเคราะห์เขาได้ยังไง
    เพราะบุญของแม่วัวขาวกับหลวงปู่ชอบมีความเกี่ยวเนื่องกันแท้ๆ
    พวกเราถึงได้มาสงเคราะห์กันในชาตินี้…

    บันทึกโดย อดีตครูบากล้วย – พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท

    1504449675_61_หลวงปู่ชอบ-ฐานสโม-ไถ่ชีว.png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ให้พิจารณาให้ดี
    มันสุขมันทุกข์ มันอยู่ที่ไหน
    อะไรที่เราไม่ได้ยึดหมาย
    หรือไม่มั่นหมายกับมัน
    อันนั้นไม่มี ทุกข์มันก็ไม่เกิด
    โอวาทของ (หลวงปู่ชา สุภัทโท)

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ได้โชเฟอร์ขับรถที่ดีมีฝีมือ
    เราก็นั่งไปด้วยความปลอดภัย
    ถ้าได้โชเฟอร์ขี้เมาก็จะพาให้เราตกคลองไปด้วย

    ถ้าเรามีความชำนาญในการขับรถด้วยตนเองมีความมั่นใจในฝีมือตัวเอง
    การดูเส้น ทางและอ่านป้าย รู้จักไฟเขียว ไฟแดง รู้กฎจราจร
    การขับรถก็จะมีความปลอดภัย
    ไปถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการนี้ฉันใด
    การภาวนาปฏิบัติก็ฉันนั้น

    ถ้าได้ ครูอาจารย์ดีก็มีความโชคดีไป
    ถ้าได้ผู้นำที่ไม่รู้อุบายปฏิบัติที่ถูกต้อง
    ก็จะเป็น ปัญหาในการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมากทีเดียว

    ถ้าเราฝึกตนให้เป็นที่พึ่งของตนได้
    สติปัญญาเราดีมีเหตุผลอย่างพอเพียง
    จะไม่ต้องเสี่ยงต่อการภาวนาปฏิบัติธรรมแต่อย่างใด

    พระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ
    วัดป่าบ้านค้อ ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” คนเราเกิดมา
    ทุกคนต้องมืดมน
    ด้วยกันทั้งนั้น
    ไม่ใช่สว่างมา
    แต่เบื้องต้น

    ใครเกิดมาจะรู้จักดี
    ชั่ว ฉลาดเฉลียวมา
    แต่เบื้องต้น ไม่มีหรอก

    ถึงชาติก่อนจะเรียน
    รู้มาแล้วก็ตาม
    กลับมาเกิดใหม่
    ก็ต้องมาเรียนใหม่

    แต่นิสัยเป็นเหตุ
    ให้เรียนได้ดีกว่า
    คนไม่มีนิสัย

    แต่คนมืดนั้นพยายาม
    ตั้งใจ พยายามทำดี
    ความพยายามทำให้
    ได้รับผลสำเร็จ

    ศาสนานี้สอนให้ทำ
    ไม่ใช่ให้อยู่เฉย ๆ
    พระพุทธเจ้าสอน
    ให้ทำทั้งนั้น ต้อง
    พยายามทำจริงจัง
    จึงจะดีต่อไป

    จะไปอ้างกาลเวลา
    อ้างธุรกิจการงาน
    ต่าง ๆ นั้นไม่ได้

    นั่นมันเป็นเพียง
    เครื่องประกอบอาชีพ
    ของเราเท่านั้น
    มันไม่ใช่ของเรา

    ของเราแท้ก็คือ
    การกระทำ
    คุณงามความดี
    หัดสมาธิภาวนา
    ตั้งสติกำหนดจิต

    นี่แหละเป็นของเรา
    แท้ ๆ ทีเดียว คนอื่น
    มาแย่งเราไม่ได้

    การหาเงินหาทอง
    ข้าวของสมบัติต่าง ๆ
    มันเป็นของภายนอก
    ไม่ใช่ของเรา

    เราใช้เมื่อยังมีชีวิต
    อยู่เท่านั้น ตายไป
    แล้วไม่เห็นเอาไป
    ได้สักคนเดียว
    ให้คิดเสียอย่างนั้น

    ให้ทำสมาธิภาวนา
    ทุกอิริยาบถ ยืน
    เดิน นั่ง นอน..”

    โอวาทธรรม
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    ********************

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” ทุกอย่างนั้นรวมลงมาที่ใจ
    สำคัญอยู่ที่ใจ
    จะมีความสุขก็ใจพาสุข
    จะมีความทุกข์ก็ใจพาทุกข์
    จะเป็นคนดีก็เพราะใจพาดี
    จะเป็นคนชั่วก็เพราะใจพาชั่ว
    เพราะฉะนั้นท่านจึงสอนที่ใจ
    อบรมที่ใจ ฝึกหัดดัดแปลง
    เอาที่ใจของตนให้เป็นคนดี
    ให้ตั้งอยู่ในกรรมดี
    ประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี
    ดังในพุทธพจน์ที่ว่า
    มโนปัพพังคมา ธัมมา
    มโนเสฏฐา มโนมยา
    ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่
    มีใจเป็นหัวหน้า
    มีใจเป็นประธาน
    สำเร็จแล้วด้วยใจ ”

    หลวงปู่พัน ฐิตธัมโม
    วัดป่าน้ำภู บ้านน้ำภู อ.เมือง จ.เลย
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” ถ้ามาพูดความจริงของสภาวธรรมแล้ว
    กายนี้เป็นก้อนทุกข์ก้อนธรรมทั้งหมด
    ตั้งแต่หัวจรดเท้า หาช่องสุขในระหว่างกลาง
    มิได้เลยแม้แต่น้อยนิด จึงเรียกว่า กองทุกข์ ”

    หลวงปู่ขาว อนาลาโย

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เราขาดสัมมาทิฏฐิข้อเดียว ปฏิบัติเท่าไหร่ เราอาจจะไม่ได้ผล

    หลวงพ่อชาบอกว่า

    เหมือนกับตักปลาในหนองที่ไม่มีปลา
    จะขยันหมั่นเพียรเท่าไหร่
    ถ้าไม่มีปลาอยู่ในที่นั้น ความเพียรก็จะเป็นหมัน

    ในทำนองเดียวกัน เพียงแต่นั่งสมาธิภาวนาอย่างเดียว
    โดยไม่ปรับความคิดเห็นก็ไม่พอ
    ที่วัดอาตมา มีปะขาวคนหนึ่ง เดี๋ยวนี้เขาจากไปแล้ว นั่งสมาธิเก่งมาก
    แต่ละวันนั่งหลายชั่วโมง แล้วก็นั่งสมาธิ เดินจงกรม
    ทำความเพียรมาหลายปีแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ผล
    หน้าบูดหน้าเบี้ยว ไม่เบิกบานเลย ไม่ค่อยมีเพื่อน
    ทำไมเป็นอย่างนั้น เพราะเขามีมิจฉาทิฐิหลายอย่าง

    เช่น เขาเชื่อว่า ความโกรธเป็นสิ่งที่ดี
    เหตุผลก็คือว่า ตอนที่อยู่ที่บ้าน เขาเกิดความรู้สึกโกรธ
    ไม่พอใจกับความไม่ยุติธรรมของสังคม
    ความไร้แก่นสารสาระของชีวิตในสังคม

    ทำให้เขาได้ออกจากบ้าน แสวงหาสัจธรรม
    เขาจึงเห็นว่าความโกรธมีอานิสงส์ต่อเขามาก
    ถ้าเขาไม่โกรธก็ไม่ได้เข้าวัด

    เขาบอกว่า เวลาเขาทำอะไร ขี้เกียจขี้คร้าน
    แต่ถ้าเขาโกรธเรื่องอะไรสักอย่าง
    เขาบอกว่ามีชีวิตชีวาขึ้นทันที
    แล้วเขาสามารถใช้พลังของความโกรธนั้นในการเจริญภาวนา
    โกรธใครแล้วทำให้คนนั้นเป็นทุกข์
    ปะขาวบอกว่านั่นเป็นเรื่องของคนนั้น ไม่ใช่เรื่องของผม

    ผมเป็นธรรมชาติ ผมทำอะไรเป็นธรรมชาติ
    ความโกรธก็เป็นธรรมชาติ
    คนอื่นเขาจะสรรเสริญก็สักแต่ว่าสรรเสริญ
    นินทาก็สักแต่ว่านินทาผมเป็นธรรมชาติ ปะขาวว่าอย่างนั้น

    อาตมาค้านว่า เอ๊ะ! เรื่องธรรมชาตินี้ไม่ใช่ของดีเสมอไป
    เด็กเล็ก ๆ เขาอยากขี้ที่ไหน ก็ขี้ที่นั่น อยากจะเยี่ยวที่ไหน ก็เยี่ยวที่นั่น
    ธรรมชาติของเด็กน้อยเป็นอย่างนั้น แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ดี

    ถ้าจะให้มนุษย์เราเป็นธรรมชาติจริง ๆ ก็คงจะแย่มากนะ
    ถ้าเราไม่ฝึกเข้าห้องน้ำ สังคมมนุษย์คงจะเหม็นมาก
    ขึ้นรถยนต์หรือนั่งในที่ทำงานคงจะต้องดูดออกซิเจนตลอด
    เพราะเราได้ฝืนธรรมชาติอันนี้แหละ เราจึงมีสังคมที่เรียบร้อยได้

    อย่าไปอ้างธรรมชาติมาแก้ตัวอย่างนี้เลย
    ธรรมชาติที่ดีก็มี ธรรมชาติที่ไม่ดีก็มี

    ผู้มีปัญญาจะรู้ว่าสิ่งใดควรบำเพ็ญ สิ่งใดควรงดเว้น

    ความโกรธเป็นกิเลส เป็นอุปสรรคสำคัญต่อชีวิตที่ดีงาม
    ต้องพยายามระงับไว้

    แต่ปะขาวคนนั้นเสียดายธรรมชาติชั่วของเขา
    ในที่สุดต้องจากวัดไป

    พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ
    วัดป่านานาชาติ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

    .png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...