ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เครื่องรางของขลังขายครูบาอาจารย์ อีสานขายหลวงปู่มั่น เมืองเหนือขายครูบาศรีวิชัย ภาคกลางขายหลวงพ่อโต ภาคใต้ขายหลวงปู่ทวด ไม่ให้เป็นบาปก็ไม่ได้

    หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    .png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    กิเลสตัณหาและความทุกข์นี้
    ไม่ใช่ธรรมชาติเดิม
    ไม่ใช่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เป็นของใหม่
    ปรุงแต่งขึ้นมาด้วยความเผลอของสติ
    ด้วยความโง่ความหลง….

    ……..สาธุธรรมอันประเสริฐ…….

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “เกิดเป็นคน”
    เหมือนกับเกิดมาอยู่ในทางสี่แพร่ง
    จะทำดี และ ทำชั่ว
    ไปสวรรค์ หรือ ตกนรก
    ..ก็คนเรานี้ทำทั้งนั้น

    …..สาธุธรรมอันประเสริฐ…..

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    โลกนี้ คือขันธโลก ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
    ใครจะป้องกันไม่ได้ทั้งนั้น ไม่มีใครเป็นใหญ่
    โลกนี้ฟูอยู่ ด้วยความไม่พอไม่อิ่มเป็นนิตย์
    เป็นทาสของตัณหา ตายแล้วละทิ้งหมด
    ไปคนเดียว.”

    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    -คือขันธโลก-ไม่มีใ.jpg
    โลกนี้ คือขันธโลก ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
    ใครจะป้องกันไม่ได้ทั้งนั้น ไม่มีใครเป็นใหญ่
    โลกนี้ฟูอยู่ ด้วยความไม่พอไม่อิ่มเป็นนิตย์
    เป็นทาสของตัณหา ตายแล้วละทิ้งหมด
    ไปคนเดียว.”

    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลัง ในการสร้างเสริมและสะสมความดี”

    (พระบรมราโชวาทพระราชทาน แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สวนอัมพร 14 สิงหาคม 2525)

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “ในขั้นเริ่มแรกของการภาวนา”

    ขอให้ยึดเอาสติเป็นหัวหน้า เอาปัญญาเป็นผู้ช่วย …เมื่อหัวหน้าคือสติแข็งแกร่ง การภาวนาย่อมสงบราบรื่นไปด้วยดี …เมื่อหัวหน้าคือสติมีความเด็ดขาด และมีผู้ช่วยดีคือมีปัญญาพิจารณาให้ดีก่อนทำ …ไม่ว่าเราจะทำงานทางโลก หรือ เราจะทำงานทางธรรม ย่อมได้รับผลที่ดีๆไปโดยลำดับ

    …หลวงปู่ไม อินทสิริ.

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ในการปฏิบัติธรรม อย่ายึดมั่นถือมั่น อย่าแข่งขัน ใครนั่งสมาธินานกว่า ใครสวดได้แม่นกว่า นั่นทำให้เรายึดติดกับอัตตา ซึ่งเป็นวิถีทางโลก ผู้ร่วมสายธรรมถือเป็นเพื่อนโมกขธรรม ไม่มีผู้ใดสำเร็จเหนือกัน เพราะต่างเรียนรู้จากกันและกัน

    -:- พระครูอุบลภาวนาวิเทศ(พระอาจารย์เฮนนิ่ง เกวลี) -:-
    วัดป่านานาชาติ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
    (ขอบคุณภาพจาก คุณกตภัน แก้วสง่า)

    -อย่ายึ.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เป็นฆราวาสก็สามารถที่จะเข้าถึงอริยะบุคคลได้ อย่างนางวิสาขาก็เป็นผู้หนึ่งที่ยังครองเรือน แต่จิตของนางวิสาขานั้นสมบูรณ์ด้วยศีลห้า สมบูรณ์บริสุทธิ์ทีเดียว แม้แต่จะคิดไปในทางที่ละเมิดก็ไม่มี จิตอย่างนี้เป็นจิตประเสริฐ ศีลห้าจึงเป็นศีลที่ยังจิตยังใจให้ประเสริฐ เป็นอริยบุคคลขึ้นมาได้

    -:- หลวงปู่แบน ธนากโร -:-
    วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” การทำ ( ปฏิบัติธรรม ) เรื่อยๆ ไปไม่หยุดยั้ง
    ผลย่อมเกิดขึ้นทุกครั้งไป
    และจะสืบเนื่องกันไปไม่ขาดระยะ
    ตราบใดที่ยังไม่ทิ้งการทำนั้น.”

    หลวงปู่ขาว อนาลโย
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    -ปฏิบัติธรรม-เรื่อ.jpg
    ” การทำ ( ปฏิบัติธรรม ) เรื่อยๆ ไปไม่หยุดยั้ง ผลย่อมเกิดขึ้นทุกครั้งไป
    และจะสืบเนื่องกันไปไม่ขาดระยะ ตราบใดที่ยังไม่ทิ้งการทำนั้น.”

    หลวงปู่ขาว อนาลโย
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ๏ เมื่อในหลวง ร.๙ เสด็จเยี่ยมหลวงตามหาบัวครั้งแรก ๏

    ในตอนเช้าของวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๒ องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้สั่งกำชับพระเณรในวัดว่า ” วันนี้จะมีบุคคลสำคัญเข้ามา พวกท่านทั้งหลายจงพากันทำความสะอาดวัดวาอาวาสให้เรียบร้อยอย่าให้บกพร่อง ”

    พระทั้งหลายเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร ต่างก็ทำข้อวัตรปฏิบัติไปตามปกติ

    ในบ่ายวันนั้นเองชาวนาคนหนึ่งเดินสะพายแห เพื่อออกไปทอดแหหาปลามาเป็นอาหาร มีรถยนต์คันงามคันหนึ่งวิ่งบึ่งมาจอดเทียบ แล้วเรียกถามด้วยเสียงอันนุ่มนวลว่า ” ลุงๆ รู้ทางที่จะไปวัดหลวงตาบัวไปทางไหน ? ”

    ” ไปทางนี้เด้อ !!! ” เขากล่าวห้วนๆ แบบสำนวนชาวบ้าน พร้อมทั้งชี้มือและแหงนหน้าดูผู้ที่ถามไถ่

    เมื่อเขาเพ่งมองดูใบหน้าบุคคลที่ถามทางอย่างพินิจพิจารณา ภาพแห่งบุคคลผู้สง่ายิ่งใหญ่เทียมฟ้าในสมองเริ่มปรากฏในห้วงลึก เขาเริ่มเข่าอ่อนและทรุดตัวนั่งลงกับพื้นดิน พร้อมกับพนมมือขึ้นเหนือเศียรเกล้า กล่าวถ้อยคำแสดงความปลาบปลื้มใจเป็นล้นพ้นล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้สัมผัสสมมุติเทพ ด้วยตาเนื้อใกล้ๆเพียงแค่เอื้อม

    ” โอ !!! ในหลวง สาธุเด้อในหลวง สาธุ สาธุ ทางไปวัดป่าบ้านตาดของหลวงตา ตรงไปทางนี้ ” เขาอุทานเสียงดัง น้ำตาคลอเบาๆด้วยความตื้นตันใจอยากหยุดห้วงเวลานั้นเอาไว้

    หลังจากนั้น พระองค์ท่านจึงเสด็จไปที่วัดป่าบ้านตาด เพื่อกราบนมัสการองค์หลวงตามหาบัว เมื่อถามไถ่สนทนากัน ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมากับพระบรมวงศานุวงค์จากตำหนักภูพานราชนิเวศน์เป็นการส่วนพระองค์ ไม่ได้บอกแม้กระทั่งทหารใกล้ชิด ทหารทั้งหลายต่างสืบข่าวเป็นการโกลาหล ว่าเวลาบ่ายโมงพระองค์ท่านทรงขับรถออกจากพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ไม่รู้ว่าเสด็จไป ณ ที่ใด ถ้าบอกข่าวการเสด็จมาล่วงหน้ากลัวเป็นการเอิกเกริกรบกวน ต้องการเสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จึงให้โอวาทว่า ” มหาบพิตรพระองค์เป็นถึงพระเจ้าอยู่หัวเป็นเจ้าชีวิตของชนทั้งชาติ หากพระองค์เสด็จมาโดยลำพังมีอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น จะเป็นความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง ถ้าพระองค์เป็นอะไรขึ้นมา คนทั้งชาติจะไม่เหยียบหลวงตาบัวมิดแผ่นดินล่ะหรือ ? ”

    ” กลัวจะเป็นการรบกวนองค์หลวงตา ” พระองค์กล่าว พร้อมพนมพระหัตถ์ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส

    ” รบกวนไม่รบกวนจะเป็นไร แผ่นดินนี้เป็นของพระองค์พระองค์พึงมาได้ทุกเมื่อ ”

    ที่องค์หลวงตาเป็นห่วงมากเช่นนั้น เพราะในสมัยนั้นคอมมิวนิสต์มีอยู่ทั่วไป หลังจากนั้นอีกไม่นานเสียงรถทหารตำรวจที่สืบทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาวัดป่าบ้านตาด จึงติดตามมาอารักขาเป็นทิวแถว ชาวบ้านบางคนไม่รู้เรื่อง เห็นรถทหารตำรวจบึ่งมาเป็นทางยาวบางคนวิ่งหนีเข้าบ้านนึกว่าเกิดศึกสงคราม

    _______________

    คัดจาก : หนังสือญาณสัมปันนธัมมานุสรณ์

    -เมื่อในหลวง-ร-๙-เสด็จเย.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ๏ ในหลวง ร.๙ กับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ๏

    เมื่อครั้งที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงพระประชวร และประทับที่เชียงใหม่ หลังจากนั้นก็เสด็จไปวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ได้ทูลถวายต่อในหลวงตอนหนึ่งว่า

    “ พระองค์นั้นมัวแต่ห่วงคนอื่น ไม่ห่วงพระองค์เองเลย ”

    เมื่อได้ฟังเช่นนั้นแล้ว ล้นเกล้าทรงพระสรวล(หัวเราะ)ด้วยความพอพระทัย

    มีอีกครั้งหนึ่ง สมัยที่ในหลวงทรงพระประชวรที่เชียงใหม่ ข้าราชบริพารได้นำเฮลิคอปเตอร์มานิมนต์หลวงปู่แหวนให้ไปที่พระตำหนัก เพื่อแผ่พลังจิตช่วยรักษาอาการประชวรของพระองค์ หลวงปู่ท่านปฏิเสธการนิมนต์ และได้บอกว่า “ อยู่ที่ไหนเฮาก็ส่งใจไปถึงพระองค์ได้ ก็ส่งไปทุกวันอยู่แล้ว ”

    หลวงปู่แหวนท่านตั้งสัจจอธิษฐานว่า แม้ท่านจะเจ็บป่วยก็จะไม่ไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่ในช่วงท้ายของชีวิต เมื่อในหลวงทรงอาราธนาไปรักษาที่โรงพยาบาล ท่านจึงยอมทำตาม และบอกว่าที่ไปเพราะในฐานะประชาชนคนหนึ่ง หลวงปู่จึงไม่กล้าขัดพระราชประสงค์ได้

    __________________

    คัดลอกมาจาก : หนังสือตามรอยพระอริยเจ้า หลวงปู่แหวน สุจิณโณ พระอริยสงฆ์แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง

    -ในหลวง-ร-๙-กับ-หลวงปู่แห.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขอกราบถวายบังคมพระมหานิยตโพธิสัตว์
    เพื่อน้อมถวายบังคมพระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า และคณะผู้ดูแลเพจทั้งหลาย
    ขอบำเพ็ญบุญบารมีสร้างคุณความดีทั้งหลาย
    เพื่ออุทิศบุญกุศลถวายพระองค์ท่าน จนหาที่สุดมิได้

    .jpg
    1509008466_915_ขอกราบถวายบังคมพระมหาน.jpg
    1509008466_43_ขอกราบถวายบังคมพระมหาน.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ข้าพระพุทธเจ้าฯ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระภัทรมหาราช อย่างหาที่สุดมิได้ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

    -น้อมรำล.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “เนกขัมมบารมี เหตุที่หลวงปู่คำคะนิงได้ออกบวช”

    (ประวัติ หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี) ตอนที่ ๑
    (วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ. โขงเจียม จ. อุบลราชธานี)

    นามเดิม : คำคะนิง

    เกิด : ที่บ้านหนองบัว แขวงคำม่วน ประเทศลาว
    เมื่อวันพุธ เดือน ๔ ปีกุน พ.ศ ๒๔๓๗

    โยมบิดามารดา : ชื่อนายดิน ทะโนราช และนางนุ่น

    หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี ก่อนจะบวชเป็นพระภิกษุ
    ท่านเคยเป็นฤาษีชีไพรมาก่อน ๑๕ ปี

    บรรพชา : เมื่ออายุได้ ๑๘ ปี บวชได้ ๙ วัน เพื่อทดแทนคุณบิดามารดาที่ตายไป หลังจากนั้นพบครบก็ต้องลาสึก แม้ว่าอยากจะบวชต่อเพียงไรแต่เพราะมีหน้าที่ความจำเป็นต้องเลี้ยงดูครอบครัว (ท่านแต่งงานเมื่ออายุ ๑๘ ปี มีบุตร ๒ คน ) แต่ท่านก็ยังยึดมั่นในการปฏิบัติธรรมโดยการทำงานหาเงินให้เมียกับลูกตอนกลางวัน พอกลางคืนท่านก็ไปนอนที่วัด ถือศีลปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรภาวนาไม่กลับไปอยู่ที่บ้าน เพียงดูแลลูกและเมียไม่ให้อดอยาก ทำเช่นนี้จนภรรยาทนไม่ได้ที่เห็นสามีปฏิบัติตัวแบบนี้ จึงอนุญาตให้หลวงปู่บวชได้ตามใจปรารถนา เมื่อเป็นดังนั้นท่านจึงกลับไปวัดที่ตนเคยบวชเณรอีกครั้ง เพื่อพักอาศัยปฏิบัติธรรม อยู่ต่อมาได้ไม่นานท่านก็ได้เพื่อนสหมิกธรรมร่วมอีกสองคน จึงมีความดำริที่คิดจะออกแสวงหาครูบาอาจารย์

    ก่อนจะบวชก็เคยออกสืบเสาะหาพระอาจารย์ด้านกรรมฐานเก่งๆ ได้มีสหาย ๒ คนร่วมเดินทางไปหาอาจารย์สีทัตถ์ เมืองท่าอุเทน แต่ก็ผิดหวัง เมื่ออาจารย์สีทัตถ์กล่าวปฏิเสธ แต่ก็แนะนำให้ไปหาอาจารย์เหม่ย ทั้งหมดรีบมุ่งไปหาอาจารย์เหม่ย เพื่อมอบตัวเป็นศิษย์ อาจารย์เหม่ยนิ่งฟังแล้ว กล่าวด้วยเสียงห้วนๆ

    “ถ้าจะมาเป็นศิษย์เรา ทั้งสามคนนี้
    จะมีคนตายหนึ่งคน มีใครกลัวตายบ้าง”

    อาจารย์เหม่ยชี้ถามรายตัว เพื่อนอีกสองคน ยอมรับว่ากลัวตาย ครั้นมาถึงนายคำคะนิง เขาได้ตอบอาจารย์ออกไปว่า “ไม่กลัวตาย”

    อาจารย์เหม่ยเลยให้เพื่อนอีกสองคนที่กลัวตายกลับไป แล้วหันมาทางนายคำคะนิงแล้วพูดว่า

    “การเรียนวิชากับอาจารย์นั้น มีทางตายจริงๆ เพราะมันทุกข์ทรมานอย่างที่สุด”

    ให้นำเสื้อผ้าที่มีสีสันทิ้งไป ใส่ชุดขาวแทน เป็น “ปะขาว” ในฐานะศิษย์

    ในสำนักมีแต่ข้าวตากแห้งกับน้ำเพียงประทังชีวิตพออยู่รอดไปวันๆ เวลานอนก็เอามะพร้าวต่างหมอนนายคำคะนิงอยู่ได้ไม่นานก็เกิดเรื่องการตายขึ้น ของชายผู้หนึ่งที่มาฝากตัวเป็นศิษย์ คนผู้นี้นั่งสมาธิจนตาย อาจารย์สั่งนายคำคะนิงให้แบกศพที่ตายเข้าป่า โดยมีอาจารย์เดินนำหน้า ข้ามเขาลูกหนึ่งไปสิบกว่ากิโลเมตรไปถึงต้นไม้ใหญ่สองคนโอบ แล้วสั่งให้เขามัดศพกับต้นไม้นั้น จากนั้นสั่งกำชับว่า

    “เจ้าจงเดินเพ่งศพนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งวันทั้งคืน อย่าได้หยุด ให้พิจารณาอสุภกรรมฐานอย่างถ่องแท้ พรุ่งนี้เช้าค่อยเจอกัน”

    นายคำคะนิงจึงได้เริ่มพิจารณาศพตามที่อาจารย์เหม่ยสั่งไว้ ถึงรุ่งเช้านายคำคะนิงจึงกลับไปสำนักตามที่อาจารย์กำหนด อาจารย์เหม่ยถามขึ้นเป็นประโยคแรกเมื่อเจอหน้า

    “เป็นอย่างไงบ้าง”

    “ศพนั้นก็เหมือนตัวศิษย์ครับอาจารย์ ไม่มีอะไรแตกต่างตรงไหนเลย” นายคำคะนิงบอก

    “กลัวไหม” อาจารย์ถาม

    “ไม่กลัวครับ เพราะเขาก็เหมือนเรา เราก็เหมือนเขา”

    อาจารย์ไม่ถามอะไรอีก สั่งให้ไปเอามีดเล่มหนึ่งทั้งศิษย์และอาจารย์ต่างเดินทางกลับไปหาศพ ณ ที่เดิม

    พอไปถึง ก็สั่งให้แก้มัดเอาศพออกมานอนราบกับพื้นดิน แล้วสั่งให้นายคำคะนิงผ่าท้องเอาศพออก จากนั้นอาจารย์ก็กล่าวว่า ให้หยิบอะไรออกมา ต้องอธิบายอวัยวะนั้นได้ และต้องบอกดังๆ เมื่อนายคำคะนิงชำแหละศพ ตัดหัวใจ ตับ ปอด ไต กระเพาะ และสิ่งต่างๆ ก็จะตะโกนบอกอาจารย์ด้วยเสียงอันดัง จนครบหมดถูกต้อง

    “เอ๊า… คราวนี้ชำแหละเนื้อลอกออกให้เหลือแต่กระดูก”

    อาจารย์เหม่ยสั่งให้เขาทำต่อ และนั่งดูจนเสร็จเรียบร้อย จึงได้สั่งอีกเอากองเนื้อและเครื่องในไปเผาให้หมด เอากระดูกรวมไว้ต่างหาก แล้วเอาไปต้มล้างให้สะอาด เหลือแต่กระดูกล้วนๆ อย่าให้มีอะไรติดอยู่

    นายคำคะนิงปฏิบัติตามที่อาจารย์สั่งทุกประการ เนื้อตัวของนายคำคะนิงเต็มไปด้วยรอยเปื้อนเลือด, น้ำเหลือง และมีกลิ่นศพติดตัวเหม็นคละคลุ้ง อาจารย์เหม่ยยังไม่เลิกรา สั่งต่อไปให้เขานับกระดูกและเรียงให้ถูก เขาลงมือปฏิบัติตามทันที

    “กระดูกมีสองร้อยแปดสิบท่อนครับ อาจารย์”

    อาจารย์เหม่ยอธิบายอีกว่า คนที่จะบรรลุธรรมด้วยความเพียรบำเพ็ญ ต้องมีกระดูกครบสามร้อยท่อนกระดูก คือ พระวินัย เนื้อหนังมังสาเป็นพระวินอก ส่วนระเบียบคือ หู ตา จมูก ปาก มือ เท้า หลังจากได้เรียนรู้วิชาจากอาจารย์เหม่ยหลายสิ่งหลายอย่าง อาจารย์ก็ไล่ให้ไปสืบเสาะหาความรู้เพิ่มเติมเอาเอง นายคำคะนิงจึงยึดเอาโยคีเป็นรูปแบบภายนอก และถือศีลภาวนาอย่างพระภิกษุตั้งแต่บัดนั้นมา

    (ในภาพหลวงปู่บุดดา ถาวโร ได้มาเยี่ยมหลวงปู่คำคะนิง)

    -เนกขัมมบารมี-เหต.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “ในหลวง ทรงสอนภาวนาอานาปานสติ”

    • ลมหายใจคุณ มีค่าเท่าไหร่ ?

    ในหลวงทรงเริ่มต้นด้วยการถาม
    พล.อ.อ.หะรินว่า คนเราหายใจเข้าออก นาทีละกี่ครั้ง
    พล.อ.อ.หะริน : “คงประมาณ ๑๘ ครั้ง พระพุทธเจ้าข้า”
    ในหลวง : “ชั่วโมงละกี่ครั้ง”
    พล.อ.อ.หะริน : “ประมาณ ๑,๐๘๐ ครั้ง พระพุทธเจ้าข้า”
    ในหลวง : “วันหนึ่งเล่า”
    พล.อ.อ.หะริน: “ตอนนี้ข้าพระพุทธเข้าต้องขอพระราชทาน
    ใช้เครื่องคิดเลข พระพุทธเจ้าข้า…ประมาณ ๒๖,๐๐๐ ครั้ง พระพุทธเจ้าข้า”
    ในหลวง : “ปีหนึ่งล่ะ”
    พล.อ.อ.หะริน : “ประมาณเก้าล้านสี่แสนหกหมื่น พระพุทธเจ้าข้า”
    ในหลวง : “แล้วหกสิบปี”
    พล.อ.อ.หะริน : “ห้าร้อยหกสิบแปดล้าน พระพุทธเจ้าข้า”
    ในหลวง : “ลมหายใจนี่ ซื้อเขามาหรือเปล่า เสียภาษีหรือเปล่า”
    พล.อ.อ.หะริน : (งงไปพักหนึ่ง) “เปล่า พระพุทธเจ้าข้า”
    ในหลวง : “แล้วได้อะไรบ้าง จากลมหายใจเกือบห้าร้อยเจ็บสิบล้านครั้ง เสียแรงเป็นลูกศิษย์เอกของหลวงปู่ (หลวงปู่เทสก์) ตั้งแต่เกิดมา หายใจทิ้งหายใจขว้างไป
    หลายร้อยล้านครั้งแล้ว”
    พล.อ.อ.หะริน : (ยังงงอยู่)
    ในหลวง : “นั่งรถมาทำงานและกลับบ้าน ก็ไม่ต้องขับเอง มีคนขับให้ แล้วทำไมไม่ใช้ลมหายใจให้เป็นประโยชน์ มัวแต่ไปคิดอะไร ดูแม่ค้าทะเลาะกันข้างถนน ดูจราจรจับคนไม่สวมหมวกกันน็อค ดูเจ๊กขายก๋วยเตี๋ยว ดูเด็กขายพวงมาลัย แล้วได้อะไรบ้าง”
    พล.อ.อ.หะริน : (นั่งนิ่ง)
    ในหลวง : “ทีนี้ หัดใช้ลมหายใจให้เป็นประโยชน์เสียบ้าง เวลาไม่มีอะไรทำก็ภาวนาอานาปานสติไป หายใจเข้า ภาวนา “พุท” หายใจออก ภาวนา “โธ” วันหนึ่งก็ทำสมาธิได้เหลือหลาย ไม่เอาลมหายใจที่ได้มาฟรี ๆ ไม่เสียภาษี ไปทิ้งขว้างเสียเปล่า ๆ ได้อานาปานสติเดือนละไม่รู้กี่ล้านครั้ง”

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙

    (เครดิต : Admin ธรรมวาที)

    -ในหลวง-ทรงสอนภาว.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...