ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ประวัติหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ผู้มีปัญญาดุจพรหม ตอนที่ ๒

    อ่อนน้อมถ่อมตน

    นอกจากความอดทน อดกลั้นยิ่งแล้ว หลวงปู่ดู่ยังเป็นแบบอย่างของผู้ไม่ถือตัว วางตัวเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ยกตนข่มผู้อื่น เมื่อครั้งที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม) วัดสุทัศน์เทพวราราม หรือที่เราเรียกกันว่า“ท่านเจ้าคุณเสงี่ยม” ซึ่งมีอายุพรรษามากกว่าหลวงปู่ดู่ ๑ พรรษา มานมัสการหลวงพ่อโดยยกย่องเป็นครูเป็นอาจารย์ แต่เมื่อท่านเจ้าคุณเสงี่ยม กราบหลวงพ่อเสร็จแล้วหลวงพ่อท่านก็กราบตอบ เรียกว่าต่างองค์ต่างกราบซึ่งกันและกัน เป็นภาพที่พบเห็นได้ยากเหลือเกิน ในโลกที่ผู้คนทั้งหลายมีแต่จะเติบโตทางด้านทิฏฐิมานะ ความถือตัวอวดดี อวดเด่น ยกตนข่มท่าน ปล่อยให้กิเลสตัวหลงออกเรี่ยราด เที่ยวประกาศให้ผู้คนทั้งหลายได้รู้ว่าตนเก่ง โดยเจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าถูกกิเลสขึ้นขี่คอพาบงการให้เป็นไป

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติธรรมของสำนักไหนๆ ในเชิงลบหลู่หรือเปรียบเทียบดูถูกดูหมิ่น ท่านว่า “คนดีน่ะเขาไม่ตีใคร” ซึ่งลูกศิษย์ทั้งหลายได้ถือเป็นแบบอย่าง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นพระพูดน้อย ไม่มากโวหาร ท่านจะพูดย้ำอยู่แต่ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมและความไม่ประมาท เช่น “ของดีอยู่ที่ตัวเรา หมั่นทำ (ปฏิบัติ) เข้าไว้” “ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต” “อย่าลืมตัวตาย” และ “ให้หมั่นพิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” เป็นต้น

    อุบายธรรม

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นผู้ที่มีอุบายธรรมลึกซึ้ง สามารถขัดเกลาจิตใจคนอย่างค่อยเป็นค่อยไป มิได้เร่งรัดเอาผล เช่นครั้งหนึ่งมีนักเลงเหล้าติดตามเพื่อนซึ่งเป็น ลูก ศิษย์มากราบนมัสการท่าน สนทนากันได้สักพักหนึ่ง เพื่อนที่เป็นลูกศิษย์ ก็ชักชวนเพื่อนนักเลงเหล้าให้สมาทานศีล ๕ พร้อมกับฝึกหัดปฏิบัติสมาธิภาวนา นักเลงเหล้าผู้นั้นก็แย้งว่า “จะมาให้ผมสมาทานศีลและปฏิบัติได้ยังไง ก็ผมยังกินเหล้าเมายาอยู่นี่ครับ ” หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านก็ตอบว่า “เอ็งจะกินก็กินไปซิ ข้าไม่ว่า แต่ให้เอ็งปฏิบัติให้ข้าวันละ ๕ นาที ก็พอ” นักเลงเหล้าผู้นั้นเห็นว่านั่งสมาธิแค่วันละ๕ นาที ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร จึงได้ตอบปากรับคำจากหลวงพ่อ

    ด้วยความที่เป็นคนนิสัยทำอะไรทำจริง ซื่อสัตย์ต่อตัวเองทำให้เขาสามารถปฏิบัติได้สม่ำเสมอเรื่อยมามิได้ขาดแม้แต่วันเดียวบางครั้งถึงขนาดงดไปกินเหล้ากับเพื่อนๆ เพราะได้เวลาปฏิบัติจิตของเขาเริ่มเสพคุ้นกับความสุขสงบจากการที่จิตเป็นสมาธิ ไม่ช้าไม่นานเขาก็สามารถเลิกเหล้าได้โดยไม่รู้ตัวด้วยอุบายธรรมที่น้อมนำมาจากหลวงปู่ ต่อมาเขาได้มีโอกาสมานมัสการท่านอีกครั้ง ที่นี้หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านให้โอวาทว่า “ที่แกปฏิบัติอยู่ ให้รู้ว่าไม่ใช่เพื่อข้า แต่เพื่อตัวแกเอง” คำพูด
    ของหลวงปู่ทำให้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้น ศรัทธาและความเพียร ต่อการปฏิบัติก็มีมากขึ้นตามลำดับ ถัดจากนั้นไม่กี่ปี เขาผู้ที่อดีตเคยเป็นนักเลงเหล้าก็ละเพศฆราวาสเข้าสู่เพศบรรพชิตตั้งใจปฏิบัติธรรมเรื่อยมา

    อีกครั้งหนึ่งมีชาวบ้านหาปลามานมัสการท่าน และก่อนกลับท่านก็ให้เขาสมาทานศีล ๕ เขาเกิดตะขิดตะขวงใจกราบเรียนท่านว่า “ผมไม่กล้าสมาทานศีล ๕ เพราะรู้ว่าประเดี๋ยวก็ต้องไปจับปลา จับกุ้ง มันเป็นอาชีพของผมครับ ” หลวงปู่ตอบเขาด้วยความเมตตาว่า “แกจะรู้เหรอว่า แกจะตายเมื่อไหร่ ไม่แน่ว่าแกเดินออกไปจากกุฏิข้าแล้ว อาจถูกงูกัดตายเสียกลางทางก่อนไปจับปลา จับกุ้ง ก็ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อตอนนี้แกยังไม่ได้ทำบาปกรรมอะไร ยังไงๆ ก็ให้มีศีลไว้ก่อน ถึงจะ
    มีศีลขาดก็ยังดีกว่าไม่มี ศีล ”

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านไม่เพียงพร่ำสอนให้บรรดาศิษย์ทั้งหลายเจริญบำเพ็ญ คุณงามความดีเท่านั้น หากแต่ยังเน้นย้ำให้เห็นความสำคัญ และระมัดระวังในการรักษาไว้ ซึ่งคุณงามความดีนั้นๆ ให้คงอยู่ รวมทั้งเจริญงอกงามขึ้นเรื่อยๆ ท่าน มักจะพูดเตือนเสมอๆ ว่าเมื่อปลูกต้นธรรมด้วยดีแล้ว ก็ต้องคอยหมั่นระวังอย่าให้หนอนและแมลง ได้แก่ ความโลภ ความโกรธ และความหลง มากัดกินทำลายต้นธรรมที่อุตส่าห์ปลูกขึ้น และอีกครั้งหนึ่งที่ท่านแสดงถึงแบบอย่างของความเป็นครูอาจารย์ที่ปราศจากทิฏฐิมานะและเปี่ยมด้วยอุบายธรรม ก็คือครั้งที่มีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๒ คน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่าน มากราบลาพร้อมกับเรียนให้ท่านทราบว่า จะเดินทางไปพักค้างเพื่อปฏิบัติธรรมกับ ท่านพระอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านฟังแล้วก็ยกมือพนมขึ้นไหว้ไปทางข้างๆ พร้อมกับพูดว่า “ข้าโมทนากับพวกแกด้วย ตัวข้าไม่มีโอกาส…” ”ไม่มีเลยที่ท่านจะห้ามปราม หรือแสดงอาการที่เรียกว่าหวงลูกศิษย์ ตรงกันข้ามมีแต่จะส่งเสริม สนับสนุน ให้กำลังใจเพื่อให้ลูกศิษย์ของท่านขวนขวายในการปฏิบัติธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป

    แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีลูกศิษย์มาเรียนให้ท่านทราบถึงครูอาจารย์นั้นองค์นี้ในลักษณะตื่นครูตื่นอาจารย์ ท่านก็จะปรามเพื่อวกเข้าสู่เจ้าตัว โดยพูดเตือนสติว่า “ครูอาจารย์ดีๆ แม้จะมีอยู่มาก แต่สำคัญที่ตัวแก ต้องปฏิบัติให้จริง สอนตัวเองให้มากนั่นแหละจึงจะดี” ”

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านมีแนวทางการสอนธรรมะที่เรียบง่าย ฟังง่ายชวนให้ติดตามฟัง ท่านนำเอาสิ่งที่เข้าใจยากมาแสดงให้เข้าใจง่าย เพราะท่านจะยกอุปมาอุปไมย ประกอบในการสอนธรรมะจึงทำให้ผู้ฟังเห็นภาพและเกิดความเข้าใจในธรรมที่ท่านนำมาแสดง แม้ว่าท่านมักจะออกตัวว่าท่านเป็นพระบ้านนอกที่ไม่มีความรู้อะไร แต่สำหรับบรรดาศิษย์ทั้งหลาย คงไม่อาจปฏิเสธว่า หลายครั้งที่ท่านสามารถพูดแทงเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของผู้ฟังทีเดียว

    อีกประการหนึ่ง ด้วยความที่ท่านมีรูปร่างลักษณะที่เป็นที่น่าเคารพ เลื่อมใส เมื่อใครได้มาพบเห็นท่านด้วยตนเอง และถ้ายิ่งได้สนทนาธรรมกับท่านโดยตรงก็จะยิ่งเพิ่มความเคารพเลื่อมใสและศรัทธาในตัวท่านมากขึ้นเป็นทวีคูณ

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านพูดถึงการประพฤติปฏิบัติของคนสมัยนี้ว่า “คนเราทุกวันนี้ โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม เรามัวพากันยุ่งอยู่กับโลกจนเหมือนลิงติดตัง เรื่องของโลก เรื่องเละๆ เรื่องไม่มีที่สิ้นสุด เราไปแก้ไขเขาไม่ได้จะต้องแก้ไขที่ตัวเราเอง ตนของตนเตือนตนด้วยตนเอง” ท่านได้อบรมสั่งสอนศิษย์โดยให้พยายามถือเอาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาเป็นครูสอนตนเองเสมอ เช่นในหมู่คณะ หากมีผู้ใดประพฤติปฏิบัติดี เจริญใ ธรรมปฏิบัติ ท่านก็กล่าวชมและให้ถือเป็นแบบอย่าง แต่ถ้ามีผู้ประพฤติผิด ถูกท่านตำหนิติเตียน ก็ให้น้อมเอาเหตุการณ์นั้นๆ มาสอนตนทุกครั้งไป ท่านไม่ได้ชมผู้ทำดีจนหลงลืมตน และท่านไม่ได้ติเตียนผู้ทำผิดจนหมดกำลังใจ แต่ถือเอาเหตุการณ์ เป็นเสมือนครูที่เป็นความจริง แสดงเหตุผลให้เห็นธรรมที่แท้จริง…”

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

    ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    1510820387_822_ประวัติหลวงปู่ดู่-พรหมป.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ใจเป็นสิ่งประเสริฐมากที่สุด ไม่มีสิ่งใดเสมอในโลก เมื่อได้รับการฝึกฝนอบรมหรือทรมานให้เต็มที่เต็มฐาน บรรดากิเลสประเภทต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่หยาบช้าลามก ที่ดื้อด้านหาญธรรมที่สุด ก็ไม่สามารถที่จะต่อสู้กับอรรถกับธรรม คือหลักมัชฌิมาปฏิปทาเป็นต้น ที่พระองค์ท่านมอบให้แล้วนี้ เป็นศาสตราวุธไปได้เลย ต้องฉิบหายวายปวงไปหมดไม่มีสิ่งใดเหลือ ให้ยึดหลักมัชฌิมาปฏิปทานี้ขึ้นต่อสู้ เราจะได้เห็นสิ่งที่ประเสริฐดังที่พระพุทธเจ้าว่าประเสริฐ ธรรมเป็นของประเสริฐ ท่านว่า คำว่าธรรมได้แก่อะไร เมื่อธรรมกับใจเข้ากลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว เราพูดว่าใจก็ขัด ถ้าว่าธรรมทั้งดวงนั้นเหมาะสม นั่นแหละคือผู้ได้ธรรมประเสริฐ เมื่อจิตได้สิ้นแล้วจากสิ่งลามก อันเป็นสิ่งที่ต่ำช้าเลวทรามทั้งหลาย ไม่มีอยู่ภายในจิตใจแล้ว ใจเป็นธรรมชาติประเสริฐได้โดยลำดับ ๆ และโดยลำพังตัวเอง

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ถ้าอะไรเราไม่ได้ทำไว้ อยากได้ มันก็ไม่ได้ ถ้าได้ทำไว้แล้ว สร้างไว้แล้ว ไม่อยากได้มันก็ได้ นีแหละ “บารมี”. …หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    -อ.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    แผ่นดินไม่สิ้นพระโพธิสัตว์ “หลวงพ่อไพบูลย์” ผู้ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ที่เหล่าพระป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่นต่างรับรอง
    “พระนิยตโพธิสัตว์” คือ พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว
    พระเทพวิสุทธิญาณ (หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล) ท่านเป็นพระมหาโพธิสัตว์ผู้สร้างบารมีจาก “ศรัทธาธิกะ” ที่หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร, หลวงปู่แว่น ธนปาโล, หลวงปู่หลวง กตปุญโญ, หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร, หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร และพระอาจารย์เด่น นันทิโย รับรอง จากหนังสือประวัติของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม…หลวงปู่ชอบท่านบอกว่า “หลวงพ่อไพบูลย์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีในพระศาสนา”
    หลวงปู่ชอบท่านยกเรื่องอดีตชาติของท่านกับหลวงพ่อไพบูลย์ให้ฟังว่า “ในสมัยพระพุทธเจ้ากะกุสันโธ หลวงปู่ชอบท่านเกิดเป็นอาจารย์ฤาษี อยู่ที่เมืองยอน ประเทศพม่า ท่านบอกในชาตินั้นเราได้ฌานสมาบัติ ๘ เหาะเหินเดินอากาศได้ ในชาติที่ท่านเกิดเป็นอาจารย์ฤาษี ที่เมืองยอน ประเทศพม่า ท่านมีลูกศิษย์ฤาษีที่ได้มาบวชพบกันในศาสนาพระพุทธเจ้าสมณโคดมองค์ปัจจุบัน มี ท่านพ่อลี ธัมมธโร, หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ, หลวงปู่จาม มหาปุญโญ, หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร, หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล และครูบากล้วย พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท ฯลฯ

    ในส่วนของหลวงพ่อไพบูลย์นั้น หลวงปู่ชอบบอกหลวงพ่อไพบูลย์ท่านได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ากะกุสันโธรับรองความเป็นพระมหาโพธิสัตว์ให้กับท่าน ในชาติที่ท่านเกิดเป็นฤาษี ที่เมืองยอน ประเทศพม่า หลวงปู่ชอบท่านบอกภัทรกัปป์หน้าจะมีพระพุทธเจ้า ๑๐ พระองค์ หลวงพ่อไพบูลย์ท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๘ ในภัทรกัปป์หน้า”
    น้อมกราบบูชา และขอโมทนาบุญบารมี แห่งท่านพ่อไพบูลย์ ด้วยเศียรเกล้าครับ.. สาธุ ๆ

    ที่มา FB: เพจ หลวงปู่แว่น ธนปาดล – ลูกศิษย์

    .jpg

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ๏ หลวงปู่แหวน กับ หลวงปู่ตื้อ ผจญชาวป่าข่าระแด ๏

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ กับ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม จาริกมาถึงเทือกเขาใหญ่ทิศใต้ แขวงเมืองคำม่วน ในตอนเย็นท่านทั้งสองได้ปักกลดที่หุบเขาใต้เงื้อมผาแห่งหนึ่ง

    พอตกตอนกลางคืน ก็ได้ยินเสียงประหลาดคล้ายกับเสียงนกกลางคืนร้อง “ ก๋อย ก๋อย ก๋อย ” เสียงนั้นดังใกล้เข้ามาแล้วดังรับกันล้อมรอบไปทั่วทิศ และมีแสงคบไฟนับสิบๆดวงมาจากเสียงนั้น

    ร่างนั้นเป็นมนุษย์ประหลาด ตัวขนาดเท่ากับเด็กอายุ ๑๓ – ๑๔ ปี ผอม พุงโร ผิวคล้ำ ผมเผ้ารุงรัง จมูกแบน บ่งบอกว่าเป็นคนป่า ทุกคนถืออาวุธคล้ายธนู และสะพายกระบอกไม้ไผ่ใส่ลูกดอกอาบยาพิษ โอบล้อมกลดของท่านทั้งสองเข้ามา พอได้ระยะก็พากันยิงลูกดอกเข้ามาที่กลดของท่านทั้งสอง

    หลวงปู่ตื้อ ร้องบอกว่า “ ท่านแหวน ระวัง ” แล้วทั้งสององค์ก็กำหนดจิตเข้าฌานทันที ปรากฏว่าลูกดอกอาบยาพิษที่ระดมยิงมานั้น ตกร่วงลงห่างจากกลดของท่านทั้งสองเป็นวา เป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง

    พวกชาวป่าต่างแปลกใจ แล้วระดมยิงลูกดอกอีก ๒ – ๓ รอบ ก็ยังคงปรากฏผลเช่นเดิม พวกเขาตกใจกลัว ร้อง “ ก๋อย ก๋อย ก๋อย ” แล้วก็วิ่งหนีหายไปในความมืด

    ตอนเช้าคนป่ากลุ่มนั้นมาด้อมๆมองๆด้วยความเกรงกลัว หลวงปู่แสดงท่าทางเป็นสัญญาณบอกให้พวกเขาเข้ามาหา ต่างพากันค่อยๆเข้ามาด้วยเนื้อตัวสั่นเทา มาหมอบนิ่งเอาหัวซุกดินคล้ายสำนึกผิดและขอขมา

    พวกเขาเป็นพวกข่าระแด เป็นคนป่ากลุ่มหนึ่ง ชอบล่ามนุษย์เผ่าอื่นที่ล่วงล้ำเข้ามา แล้วเอาเนื้อแบ่งกันกิน

    หลวงปู่ทั้งสองอยู่โปรดพวกชาวป่าหลายวัน และสอนพวกเขาให้เลิกการฆ่ามนุษย์ด้วยกัน เมื่อเห็นว่าพวกเขาเชื่ออย่างจริงใจแล้ว ท่านทั้งสองก็ออกเดินทางบำเพ็ญสมณะธรรมต่อไป

    -หลวงปู่แหวน-กับ-หลวงปู.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ระหว่างพุทธันดร หรือ ระหว่างพระพุทธเจ้าองค์นี้กับองค์นี้จะมาต่อกัน ท่านเรียกว่าสุญญกัป แล้วอีกนานเท่าไรท่านถึงจะมาตรัสรู้ เราจะมานอนใจได้เหรอ เวลามีชีวิตอยู่ลมหายใจมีอยู่ หัวใจเราระลึกได้อยู่ว่ามีบาปมีบุญอยู่แล้ว ทำไมจึงไม่วิ่งเต้นขวนขวายเสียในเวลาที่ควรนี้ จะไปรออะไรกัปนั้นกัปนี้

    ให้เราย่นเข้ามาพิจารณาอย่างนี้ซิ ที่จะตักตวงผลประโยชน์ให้ได้ในเวลาเรามีชีวิตอยู่ เราก็ทำเสีย กว่าพระอริยเมตไตรยท่านจะมาตรัสรู้ ก็ต้องผ่านสุญญกัปไปเสียก่อน สุญญกัปก็คือกองไฟใหญ่นั้นแหละใครจะกล้าผ่าน เพียงแต่เตาไฟเล็กๆ อยู่ครัวนี้ใครเก่งก็ลองดูซิ สุญญกัปยิ่งเก่งกว่านี้อีก แล้วใครจะไปกล้าหาญผ่านสุญญกัปนี้ เพื่อไปหาพระอริยเมตไตรย มันควรเสี่ยงแล้วเหรอ เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

    -:- หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน -:-
    วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
    ๘ มิถุนายน ๒๕๓๕

    -หรือ-ระห.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะแก้ไขสิ่งภายนอก
    ที่มันไม่ถูกใจเรา ชอบไปแก้ไขคนอื่น บุคคลอื่น
    ไปโทษสิ่งภายนอก ไปโทษคนอื่น
    ที่เรามีทุกข์เราก็คิดว่าสิ่งภายนอกเป็นเหตุ
    สิ่งภายนอกไม่เป็นใจ
    สิ่งภายนอกไม่อำนวยโอกาสให้เรา
    พระพุทธเจ้าท่านให้เราปฏิบัติธรรม
    เพื่อให้เราแก้ไขตัวเอง อย่าไปแก้ไขคนอื่น
    อย่าไปเอาดีเอาชั่ว เอาผิดกับคนอื่น
    ให้กลับมาแก้ไขตัวเอง มาดูตัวเอง
    เพื่อที่จะได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง
    ให้มันดีขึ้นทุกๆวัน ”

    -:- พระธรรมเทศนา -:-
    หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม
    วัดป่าทรัพย์ทวี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…..เมื่อศาสนาพระตถาคตครบ 5,000 ปีแล้ว ฝูงสัตว์ก็มีอายุถอยลงคงอยู่ 10 ปีเป็นอายุขัย ครั้งนั้นแล…….จะบังเกิดมหาภัยเป็นอันมาก มี “สัตถันตรกัป” คือเป็นกัปที่มนุษย์ทั้งหลาย จะวุ่นวายเป็นโกลาหล เกิดรบพุ่งฆ่าฟันซึ่งกันและกัน จะจับไม้และใบหญ้า ก็กลายกลับเป็นหอกดาบแหลนหลาว อาวุธน้อยใหญ่ไล่ทิ่มแทงกัน ฝูงมนุษย์ทั้งหลายที่มีปัญญา ก็หนีไปซุกว่อนตัวอยู่ในซอกห้วยหุบเขา จะเหลืออยู่ก็แต่มนุษย์ที่มีปัญญา นอกกว่านั้นแล้ว ก็ถึงซึ่งความพินาศฉิบหายเป็นอันมาก
    เมื่อพ้น 7 วันล่วงไปแล้ว มนุษย์ทั้งหลายที่ซ่อนเร้นอยู่นั้น เห็นสงบสงัดเสียงคนก็ออกมาจากที่ซ่อนเร้น ครั้นเห็นซึ่งกันและกัน ก็มีความสงสารรักใคร่กันเป็นอันมาก เข้าสวมสอดกอดรัดร้องไห้กันไปมา บังเกิดมีความเมตตากรุณากันมากขึ้นไป ครั้นตั้งอยู่ใน”เมตตาพรหมวิหาร” แล้วก็อุตสาหะรักษาศีล 5 จำเริญกรรมฐานภาวนาว่า
    “อะยัง อัตตะภาโว……อันว่ากายของอาตมานี้ อนิจจัง…..หาจริงมิได้ ทุกขัง….เป็นกองแห่งทุกข์ฝ่ายเดียว หาสัญญาสำคัญมั่นหมายมิได้ ด้วยกายอาตมาไม่มีแก่นสาร…..”
    เมื่อมนุษย์ทั้งหลาย ปลงปัญญาเห็นในกระแสพระกรรมฐานภาวนาดังนี้เนืองๆ อายุของมนุษย์ทั้งหลาย ก็วัฒนาจำเริญขึ้นไป ที่มีอายุ 10 ปีเป็นอายุขัยนั้น ค่อยทวีขึ้นไปถึง 20 ปีเป็นอายุขัย ค่อยทวีขึ้นไปทุกชั้นทุกชั้น จนอายุได้ร้อย พัน หมื่น แสน โกฏิ จนถึงอสงไขยหนึ่ง
    ครั้นนานไป เห็นว่าไม่รู้จักความตายแล้ว ก็มีความประมาท มิได้ปลงใจลงในกอง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา อายุก็ถอยน้อยลงมาทุกที จนถึง 8 หมื่นปี ฝนก็ตกเป็นฤดู คือ 5 วันตก 10 วันตก ใน”ชมพูทวีป”ทั้งปวง มีพื้นแผ่นดินราบคาบสม่ำเสมอเป็นอันดี

    นำมาเทศน์โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ในหนังสือประวัติและการสร้างพระศรีอาริยเมตไตรย(พระราชพรหมยาน)

    เรียบเรียงโดย

    .jpg
    .png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เราคือผู้ทำร้ายตัวเองได้อย่างทุกข์แสนสาหัสที่สุด
    เพราะความจริงแล้วเขาทำร้ายเราเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
    แต่เรากลับมาทำร้ายตัวเองด้วยความคิดนับร้อยนับพันครั้ง
    ปราชญ์ท่านจึงสอนให้อโหสิกรรมให้อภัยเป็นการหยุดทุกข์นั้น
    เพื่อไม่ให้ใจที่แบกอาฆาตพยาบาทนั้นกลับมาทำร้ายเราซ้ำๆซากๆ

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “อย่าหลงไหลไสยศาสตร์”

    (หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม อบรมรม หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)

    สามเณรแหวน มีความสนใจใคร่รู้ในศาสตร์ลึกลับมหัศจรรย์ในพระศาสนา ตามที่พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม แนะนำ พระอาจารย์สิงห์ก็เล็งเห็นนิสัยใจคออันบริสุทธิ์ ของสามเณรอยู่แล้วว่า มีความเหมาะสมที่ควรจะได้ัรับวิชาพิเศษนี้ จึงได้ถ่ายทอดประสิทธิประสาท ให้จบสิ้นตำราเลย ทีเดียว แต่ได้กำชับว่า

    ”วิชาไสยเวทวิทยาคมนี้เป็นเพียงโลกียวิชา เท่านั้น ไม่ใช่วิชาประเสริฐ ให้เรียนรู้ไว้ด้วยใจมั่น เพียงเพื่อเอาไว้สงเคราะห์ชาวบ้านเท่านั้นนะ แต่เมื่อสามเณรออกธุดงค์กรรมฐานเมื่อไร ขอให้ปล่อยวางวิชาไสยเวทนี้เสีย อย่ายึดมั่นถือมั่น อย่าติดใจหลงใหลว่าเป็นวิชาประเสริฐ เพราะเป็นเพียงโลกียวิชาเท่านั้น เป็นวิชาที่ขัดขวางโลกุตรธรรม ขัดขวาง มรรค ผล นิพพาน”

    สามเณรแหวน รับคำสอนของพระอาจารย์สิงห์ ทุกประการ

    พระอาจารย์สิงห์ กล่าวต่อไปว่า

    ” ธรรมดาพระเณรที่บำเพ็ญเพียรด้านกรรมฐานจนบรรลุ ธรรมแก่กล้า ได้ฌาณสมาบัติ ได้วิโมกข์ ได้อภิญญาจิต ข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ถ้าคิดจะสงเคราะห์ ชาวบ้านเมื่อไร ไม่จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์คาถาเลย เพียงแต่นึกอธิษฐานจิตขอบารมี พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ให้ช่วยขจัดปัดเป่าปัญหานั้นๆ ก็จะสำเร็จประโยชน์ในพริบตา เป็นที่น่าอัศจรรรย์”

    ด้วยเหตุนี้เอง สามเณรแหวน จึงเป็นผู้รอบรู้ทางไสยเวทวิทยาคม อีกแขนงหนึ่ง ควบคู่ไปกับ การเรียนบาลีธรรมตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อมีญาติโยมมาขอรดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์จากพระอาจารย์สิงห์ที่วัด พระอาจารย์มักจะให้สามเณรแหวน ทำหน้าที่รดน้ำมนต์แทนท่านอยู่เสมอ

    (จากประวัติ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)

    -อย่าหลงไหลไสยศา.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ‎โลกธรรม๘‬
    ธรรมที่ครอบงำสัตว์โลกอยู่ และสัตว์โลกย่อมเป็นไปตาม
    ธรรมนั้น ๆ เรียกว่า โลกธรรม ธรรมของชาวโลกมี ๘ อย่างคือ
    ๑. มีลาภ
    ๒. เสื่อมลาภ
    ๓. มียศ…
    ๔. เสื่อมยศ
    ๕. มีนินทา
    ๖. สรรเสริญ
    ๗. สุข
    ๘. ทุกข์
    ในโลกธรรม ๘ ประการนี้ อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นควรพิจารณา
    ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ก็ให้เห็นเป็นของไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มี
    ความเปลี่ยนแปลงเป็นของ ธรรมดา ควรรู้ตามที่เป็นจริงอย่าให้
    มันเข้าครอบงำจิตใจได้ คือ อย่ายินดีในส่วนที่ปรารถนา อย่า
    ยินร้ายในส่วนที่ไม่ปรารถนา

    ธรรมะ สวัสดี

    ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๘

    ….สาธุธรรมอันประเสริฐ….

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    เรื่อง “เหตุผลที่พระเวสสันดรสละบุตรธิดาและภริยาให้ชูชก”

    ถาม : สิ่งที่มหาบุรุษของโลกรักและเทิดทูลยิ่งกว่าชีวิตตนเอง คืออะไร ?

    ตอบ : บุตร และภริยา

    ก่อนหน้านั้น พระองค์พุทธเจ้า เคยบริจาคสละชีวิตของตนเองให้เป็นอาหารของสัตว์อื่นแล้วหลายครั้ง ในเมื่อพระองค์สละ “บุตรและภริยา” ที่เป็นที่รักยิ่งได้ ก็ย่อมไม่มีสิ่งใดในทั่วทั้งไตรโลกธาตุนี้ ที่พระองค์จะเสียสละเพื่อผู้อื่นไม่ได้

    ถาม : ทหารที่ทิ้งลูกเมียไปรบ เป็นคนเห็นแก่ตัวหรือไม่ ?

    ถาม : ถ้าพระเวสสันดรไม่มีจิตเด็ดเดี่ยวพอ ที่จะบริจาค “บุตรและภริยา” พระองค์จะมีพลานุภาพแห่งจิตพอที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้หรือไม่ ? และถ้าพระองค์ไม่ได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า แล้วลูกเมีย คือ พระนางพิมพา พระราหุล และพระกุมารกัสสปะ จะมีโอกาสบรรลุอรหันต์ตามพระองค์ เข้าถึงความพ้นทุกข์ได้หรือไม่ ?

    ตอบ : ???? (เงียบ)

    การให้ทานโอรสธิดาภริยาเป็นทานของ
    พระเวสสันดรอาจสรุปได้เป็นประเด็นๆดังนี้

    ๑. เป็นเรื่องของ “ปุตตทารบริจาค” อันเป็นทานบารมีระดับหนึ่ง ที่มีเงื่อนไขผูกพันอยู่กับการจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า คือ พระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีเพื่อการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น จะต้องมีพื้นฐานทางการเสียสละสูงมาก แม้ชีวิตก็อาจสละได้ การให้บุตรธิดาเป็นทาน จึงเป็นเรื่องที่พระองค์จะต้องเลือกเอาทางใดทางหนึ่ง คือ

    ถ้าต้องการเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อช่วยสัตว์โลกให้ได้ก็ต้องสละบุตรธิดาเป็นทานได้ หากสละบุตรธิดาเป็นทานไม่ได้ ก็เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ ซึ่งเงื่อนไขที่คนต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา สำหรับคนที่มีอุดมการณ์เพื่อทำงานอันเป็นประโยชน์ต่อคนมาก เช่น ทหารผู้ต้องไปราชการสงคราม ถ้าต้องการทำหน้าที่ของทหารก็ต้องทอดทิ้งลูกเมียไว้ที่บ้านบ้าง เพราะหากผู้เป็นทหารอยู่แต่ภายในบ้านจะปฏิบัติราชการสงครามได้อย่างไร แม้คนทำงานเพื่ออุดมคติอย่างอื่นเช่น ตำรวจ แพทย์ พยาบาล ครู เป็นต้น ก็ต้องพบกับการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่เสมอ

    ๒. เป็นเหตุผลที่พระเวสสันดรผู้เป็นบิดา พระองค์ทรงรักหวังดีต่อบุตรธิดาและภริยามาก ต่างก็เป็นเชื้อพระวงศ์เป็นลูกหลานของกษัตริย์ ซึ่งท่านไม่เคยตกระกำลำบากในป่าเขาที่แสนกันดารเช่นนี้ ท่านจึงต้องหาหนทางกระทำบางอย่างเพื่อให้บุตรธิดาและภริยาพ้นจากสภาพความทุกข์ยากลำบากในป่าเขาที่มีภัยอันตรายรอบด้านเช่นนี้ เพราะพระเวสสันดรเองไม่ทราบว่าการผนวชเป็นดาบสของพระองค์จะยุติลงเมื่อไร พระโอรสธิดานั้นยังเยาว์วัยยังมีอนาคตจำเป็นจะต้องได้รับการศึกษาในบ้านเมือง เมื่อชูชกมาขอจึงให้ไป ซึ่งสามารถตีค่าไถ่กลายเป็นเศรษฐีได้ทันที ชูชกแกไม่โง่จนถึงกับนำพระราชกุมาร ราชกุมารีทั้งสองไปเป็นคนใช้ เพราะชูชกทราบดีว่าค่าไถ่ขนาดนี้ คนอื่นไม่มีใครเขาไถ่ได้หรอก นอกจากพระเจ้าสัญชัยแห่งเชตุดรผู้เป็นพระอัยกา ซึ่งตามเรื่องก็เป็นเช่นนั้นถ้ามองในจุดนี้การให้ทานของพระเวสสันดรแทนที่จะเป็นผลดีแก่ชูชกฝ่ายเดียวกลับได้ประโยชน์มหาศาลทั้งแก่พระองค์ พระญาติวงศ์ทั้งมวล ตามเนื้อเรื่องในนครกัณฑ์

    ๓. เพื่อป้องกันอันตรายแก่พระโอรสธิดา เพราะการอยู่ในป่าอาจเกิดอันตรายได้ ทั้งเป็นการสร้างความกังวลในการบำเพ็ญเพียรของพระองค์ และเป็นการขัดขวางโอกาสแห่งการศึกษาของพระโอรสพระธิดา การส่งกลับเมืองด้วยวิธีให้แก่ชูชก จึงเกิดผลอย่างสมบูรณ์แก่คนทุกฝ่าย อาจจะมีข้อโต้แย้งว่า ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมจึงนำพระโอรสพระธิดาเข้าป่ามาด้วย ไม่เอาไว้ในเมืองกับพระอัยกาเสียเลยเล่า ? ข้อนี้เราพบว่าเหตุการณ์ตอนนั้นมีกระแสการต่อต้านสูงมาก โดยเหตุผลจำเป็นต้องผ่อนคลายสถานการณ์ให้อ่อนความรุนแรงลงทั้งการพรากจากในลักษณะนั้นรุนแรงเกินกว่าที่จะเพิ่มการพลัดพรากจากลูกเข้าไปอีก แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านมานานพอสมควรแล้ว ทุกคนกลับได้ความคิดที่สมเหตุสมผลขึ้น ทุกอย่างจึงดำเนินไปในแนวทางที่ถูกที่ควรเสียทีและผลก็ออกมาเช่นนั้นจริงๆ

    (เครดิตข้อมูลธรรมะจากคุณ Taetrue)

    -เหตุผลที่พระเวส.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    1f340.png ขอให้เราเสพสิ่งทั้งหลายในโลกแบบกินปลา
    คือระมัดระวังก้างอย่าให้มันติดคอ
    ทำหน้าที่ของเราไปอย่างรอบคอบ

    1f340.png จะดูรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส
    สัมผัสสิ่งเย็นร้อน อ่อน แข็ง
    ก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เป็นไร
    แต่ให้รู้จัก รูปว่าสักแต่ว่ารูป เสียงว่าสักแต่ว่าเสียง
    กลิ่นว่าสักแต่ว่ากลิ่นก็แล้วกัน

    1f340.png สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นของธรรมดาของโลก
    ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ผู้เกี่ยวข้องด้วยสติปัญญา

    1f340.png ถ้าเราทุกข์ใจแล้ว จะไปโทษมันก็ไม่ยุติธรรม
    เพราะโลกไม่เคยบังคับให้ใครเป็นทุกข์
    จิตของเราต่างหากที่ไปยุ่งกับมันอย่างประมาทนอนใจ

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…พึ่งร่างกาย กายก็แตก พึ่งน้ำในกาย น้ำก็สลาย พึ่งไฟในกาย ไฟก็กระจาย กายทั้งร่างมีแต่เรื่องแตกกระจาย แล้วจะพึ่งอะไร? พึ่งบ้าน บ้านก็จะพัง พึ่งสมบัติเงินทอง ก็ล้วนแต่สิ่งจะพังทลาย
    ยังเพลินเมามัว มั่วสุมอยู่หรือ ? มนุษย์เราตัวฉลาดแท้ๆ ไม่สมควรกับความเป็นดังที่กล่าวมา ความดีมีอยู่ แสวงหาซิมนุษย์ทั้งหลาย ท่านหาความดีได้ ทำไมเราหาไม่ได้ ?
    เวลาไพล่ไปหาความเลวทรามต่ำช้า ทำไมหาได้ ?
    สิ่งเหล่านั้นมันวิเศษวิโสอะไร ? ถ้ามันพาคนให้วิเศษ มนุษย์พากันวิเศษเลิศโลกไปนานแล้ว ไม่จมปลักดังที่เห็นกันอยู่นี้เลย จึงไม่ควรเพลิดเพลิน ไม่ควรมัวเมา ไม่เข้าเรื่องอยู่เปล่าๆ อะไรดี มีสาระ รีบแสวงหา…”

    โอวาทธรรมหลวงปู่ขาว อนาลโย

    ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -กายก็แตก-พึ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    แผ่นดินไม่สิ้นพระโพธิสัตว์ “หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล” ผู้ได้รับพุทธพยากรณ์ว่า จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ที่เหล่าพระป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ต่างรับรอง

    “ พระนิยตโพธิสัตว์ ” คือ พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว

    พระเทพวิสุทธิญาณ (หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล) วัดอนาลโยทิพยาราม อ.เมือง จ.พะเยา ท่านเป็นพระมหาโพธิสัตว์ผู้สร้างบารมีจาก “ ศรัทธาธิกะ ” ที่ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม , หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร , หลวงปู่แว่น ธนปาโล , หลวงปู่หลวง กตปุญโญ , หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ฯลฯ รับรอง

    จากหนังสือประวัติของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ชอบท่านบอกว่า “หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีในพระศาสนา”

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านยกเรื่องอดีตชาติของท่านกับหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล ให้ฟังว่า “ ในสมัยพระพุทธเจ้ากะกุสันโธ หลวงปู่ชอบเกิดเป็นอาจารย์ฤาษี อยู่ที่เมืองยอน ประเทศพม่า ท่านบอกในชาตินั้นเราได้ฌานสมาบัติ ๘ เหาะเหินเดินอากาศได้ ในชาติที่ท่านเกิดเป็นอาจารย์ฤาษี ที่เมืองยอน ประเทศพม่า ท่านมีลูกศิษย์ฤาษีที่ได้มาบวชพบกันในศาสนาพระพุทธเจ้าสมณโคดมองค์ปัจจุบัน มี ท่านพ่อลี ธัมมธโร , หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ , หลวงปู่จาม มหาปุญโญ , หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล ฯลฯ

    ในส่วนของหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล นั้น หลวงปู่ชอบ ฐานสโม บอกหลวงพ่อไพบูลย์ท่านได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ากะกุสันโธรับรองความเป็นพระมหาโพธิสัตว์ให้กับท่าน ในชาติที่ท่านเกิดเป็นฤาษี ที่เมืองยอน ประเทศพม่า หลวงปู่ชอบท่านบอกภัทรกัปป์หน้าจะมีพระพุทธเจ้า ๑๐ พระองค์ หลวงพ่อไพบูลย์ท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๘ ในภัทรกัปป์หน้า”

    น้อมกราบบูชา และขอโมทนาบุญบารมี แห่งท่านพ่อไพบูลย์ สุมังคโล ด้วยเศียรเกล้า สาธุ ๆๆๆ

    1510933714_624_แผ่นดินไม่สิ้นพระโพธิส.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขอเชิญร่วมนมัสการ และรับฟังพระธรรมเทศนา พระอาจารย์เชาวรัตน์ กัมมสุทโธ (ศิษย์ของหลวงปู่สิม พุทธาจาโร) วัดท่าวังหิน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ในวันพุธ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 เวลา 17.00-19.00 น. ณ ศาลาธรรม (ศาลา 6 เหลี่ยม) บริเวณสนามหญ้าด้านข้างคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

    จัดโดย : ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

    ๏ กำหนดการ ๏

    -:- วันพุธ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 -:-

    เวลา 17.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น ณ ศาลาธรรม (ศาลา 6 เหลี่ยม) บริเวณสนามหญ้าด้านข้างคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี
    เวลา 17.30 น. ประธานฝ่ายฆราวาส จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ,ไหว้พระ , รับศีล , แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ โดย พระอาจารย์เชาวรัตน์ กัมมสุทโธ วัดท่าวังหิน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    เวลา 18.30 น. พิธีทำวัตรขอขมา , ถวายจตุปัจจัยไทยทาน , รับพร/รับของที่ระลึก
    เวลา 19.00 น. เสร็จพิธี.

    **************************

    สอบถามรายละเอียด โทร. 086-4017809 , 063-5082286

    1510930052_738_ขอเชิญร่วมนมัสการ-และรั.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    *** ยอดปัจจัยถวายวัดต่างๆ ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 จำนวน 3,401.11 บาท ***

    ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคปัจจัยตามกำลังศรัทธา เพื่อถวายวัดต่างๆ ในโครงการธรรมะสัญจร ครั้งที่ 7 จำนวน 12 วัด จัดโดยชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ในระหว่างวันที่ 6-11 ธันวาคม พ.ศ.2560 ณ จังหวัดเชียงใหม่-ลำปาง-พิษณุโลก

    1. วัดป่าหนองทับเรือ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก (หลวงปู่ลี ถาวโร)
    2. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.พิษณุโลก (พระพุทธชินราช)
    3. วัดสันติธรรม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (หลวงปู่มหาทองอินทร์ กุสลจิตโต , หลวงพ่อสีนวล วิมลโล)
    4. วัดป่าอาจารย์มั่น อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
    5. วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ (หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)
    6. วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร , พระอาจารย์เมธา สุเมโธ)
    7. วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ( หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม , หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ)
    8. วัดอรัญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ (พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป)
    9. วัดพระพุทธบาท 4 รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
    10. วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (หลวงปู่มหาจันทร์ กุสโล)
    11. วัดสามัคคีบุญญาราม (คีรีสุบรรพต/วัดดอย) อ.เมือง จ.ลำปาง (หลวงปู่หลวง กตปุญโญ , หลวงพ่อชายแดน สีลสุทโธ)
    12. วัดป่าสมบูรณ์ธรรม อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก (หลวงปู่สมบูรณ์ กันตสีโล)

    ➥ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญถวายวัดต่างๆ จำนวน 12 วัด ได้ที่ : ธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ประเภทออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 986-0-40617-0 ชื่อบัญชี นางสาวอิจฉราภรณ์ สินป้อง

    ➥ กำหนดการจัดโครงการ : https://www.facebook.com/1376384156...384156019597/1940316219626385/?type=3&theater

    ➥ สอบถามรายละเอียด โทร. 086-4017809 , 063-5082286

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ทิพยอำนาจในพระบาทสมเด็จปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร…”

    อาจไม่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป แต่เป็นความจริงซึ่งบังเกิดขึ้นแล้ว เพื่อพสกนิกรทั้งหลายจะได้รู้จะได้ทราบว่า พระประมุขของเรานั้น ใช่ว่าจะเรืองพระบรมเดชานุภาพ เฉพาะแต่ทางโลกก็หาไม่ แต่ในทางธรรมก็ทรงบรรลุภูมิธรรมอันสูงยิ่ง

    สมแล้วที่ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก เป็นหลักชัยที่ค้ำชูทำนุบำรุงพระธรรมคำสอนของ พระผู้มีพระภาคเจ้า ในพระราชอาณาจักร ตลอดระยะเวลาอันช้านาน

    เมื่อแรกเริ่มครองราชย์ ก็ทรงประกาศเป็นพระปฐมบรมราชโองการ อันยังก้องกังวานทั่วผืนฟ้าแผ่นดิน สิ้นถึงทุกวันนี้ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

    นับเป็นพระปฐมบรมราชโองการที่ครบถ้วนบริสุทธิ์บริบูรณ์ หมดจดงดงามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุด พระราชกรณียกิจมากหลายกว่าครึ่งศตวรรษล้วนเป็นบทพิสูจน์อันปราศจากความสงสัยใดๆ ว่าทรงตั้งอยู่ในธรรม ทรงเคารพธรรม ทรงถือธรรมเป็นใหญ่ ทรงประพฤติปฏิบัติธรรม และธรรมทั้งหลายเหล่านั้นล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

    ทรงละ ทรงวาง ความสุขสบายส่วนพระองค์เป็นระยะเวลาอันยาวนานกว่าค่อนศตวรรษ เพื่อประโยชน์และความสุขของพสกนิกร
    สมัยหนึ่งเมื่อครั้งที่พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ยังมีชีวิตอยู่ได้กล่าวว่า พระเจ้าอยู่หัวของเรานั้น ทรงตรากตรำพระราชกรณียกิจเพื่อพสกนิกรของพระองค์อย่างหนักหนาสาหัส ถึงขนาดอาบพระเสโทต่างน้ำ

    เพราะเหตุที่ทรงประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นแบบอย่าง เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ตลอดระยะเวลาอันยาวนานเช่นนี้ ได้เปิดหนทางอันกว้างใหญ่ ให้ทรงค้นและพบพระเถรานุเถระที่ทรงภูมิธรรมขั้นสูง ได้ศึกษาและรับแนวทางปฏิบัติอันถูกต้อง ในการถึงซึ่งวิชชาในพระพุทธศาสนา กระแสพระราชดำรัสหลายครั้งหลายหนที่ทรงรับสั่งกับพระมหาเถระที่ทรงธรรม ทรงวินัย ได้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ภูมิธรรมในพระองค์นั้นได้บรรลุมรรคผลที่สูงมาก ทรงแจ่มแจ้งทั้งในทางปริยัติปฏิบัติและปฏิเวธอย่างยากที่พุทธศาสนิกชนคนใดจะก้าวไปถึง

    มีผู้กล่าวว่าภูมิธรรมในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานั้นมิได้ย่อหย่อนไปกว่าพระเจ้าพิมพิสารในครั้งพุทธกาลและมิได้น้อยไปกว่าพระเจ้าอโศกมหาราชในยุคหลังพุทธกาล ๓๐๐ ปี นั้นเลย
    กล่าวได้ว่า พระมหากษัตริย์ทั้งสองพระองค์นั้นก็ไม่เคยแสดงทิพยอำนาจในพระองค์ ให้ปรากฏเหมือนกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทยเรานี้เลยแม้แต่สักครั้งเดียว

    เพื่อความรับรู้ในหมู่พสกนิกรซึ่งมีความจงรักภักดี เห็นสมควรนำกรณีอันมีผู้รู้เห็นยืนยัน และแสดงถึงภูมิธรรมอันสูงยิ่ง ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาแสดงดังนี้

    เรื่องที่หนึ่ง พลตรีอมรรัตน์ จินตกานนท์ อดีตนายทหารประสานงานของราชสำนักซึ่งได้ถึงแก่กรรมแล้วเคยเล่าว่า สมัยหนึ่งเมื่อครั้งยังปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่ ได้รับพระราชกระแสให้ไปนิมนต์พระมหาเถระฝ่ายอรัญวาสีองค์สำคัญของภาคอีสาน เพื่อมาร่วมงานราชพิธีส่วนพระองค์ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน

    พลตรีอมรรัตน์ จินตกานนท์ ได้ติดต่อไปทางจังหวัดประสานงานไปทางอำเภอ ตำบล และต้องให้คนขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่วัด แต่ปรากฏว่าพระมหาเถระรูปนั้นได้ออกธุดงค์ไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ จึงนำความมากราบบังคมทูลให้ทรงทราบ

    ทรงรับสั่งว่าให้ไปเรียนพระศาสนโสภณให้ช่วยนิมนต์ให้ พระศาสนโสภณที่ว่านี้ก็คือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ ๑๙ ดังนั้นพลตรีอมรรัตน์ จินตกานนท์ จึงนำความไปเรียนให้พระศาสนโสภณทราบ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายโมงเศษ พระศาสนโสภณได้แจ้งว่าให้มาฟังผลในเวลา ๑๖ นาฬิกา แล้วเดินขึ้นไปบนกุฏิชั้นบน พลตรีอมรรัตน์ จินตกานนท์ ได้รอคอยจนถึงเวลา ๑๖ นาฬิกา ก็ได้รับคำบอกกล่าวจากพระศาสนโสภณว่าได้นิมนต์ตามพระราชประสงค์แล้ว ให้เอารถไปรับที่จุดนัดพบในเวลาที่นัดหมาย

    พลตรีอมรรัตน์ จินตกานนท์ เดิมสำคัญว่าพระศาสนโสภณมีข่ายงานติดต่อพิเศษของคณะสงฆ์ แต่ก็รู้สึกแปลกใจ จึงสอบถามพระเลขานุการว่าการติดต่อได้ใช้วิธีใด ก็ได้รับคำบอกว่าเป็นการติดต่อทางโทรจิต

    ผู้ที่รู้ว่าผู้อื่นมีภูมิธรรมในระดับที่สามารถใช้ทิพยอำนาจได้เช่นนี้ ก็ย่อมมีภูมิธรรมที่ห่างกันไม่มากนัก เพราะคนธรรมดาไหนเลยจะล่วงรู้ได้

    เรื่องที่สอง ช่วง ๓-๔ ปีก่อนที่ท่านเจ้าคุณพุทธทาสจะมรณภาพ หนังสือพิมพ์ต่างประเทศได้ลงข่าวว่าท่านเจ้าคุณป่วยหนัก รัฐบาลไทยไม่เหลียวแลเอาใจใส่ หนังสือพิมพ์ไทยได้นำความมาลงตีพิมพ์ เป็นเหตุให้คนไทยได้รับรู้ และความทราบถึงเบื้องพระยุคลบาท

    ครั้งนั้นท่านเจ้าคุณพุทธทาสป่วยหนักด้วยโรคน้ำท่วมปอด เส้นเลือดหัวใจตีบ มีอาการหัวใจวาย และความดันโลหิตสูงร่วม ๓๐๐ หากเป็นคนทั่วไปก็เห็นได้ว่าเข้าขั้นโคม่า มีความตายเป็นเบื้องหน้าเป็นแน่แท้

    ในครั้งนั้นหนังสือพิมพ์ไทยหลายฉบับลงข่าวตรงกันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์หลวงคณะหนึ่งเดินทางไปรักษาท่านเจ้าคุณพุทธทาสที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และให้นำความไปถวายท่านเจ้าคุณด้วยว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขออาราธนาว่าท่านเจ้าคุณอย่าเพิ่งดับขันธ์ ขอให้อยู่ช่วยจรรโลงพระศาสนาต่อไป”

    แล้วหนังสือพิมพ์ก็เสนอข่าวต่อไปว่า เมื่อคณะแพทย์ไปถึงและท่านเจ้าคุณได้รับทราบว่ามีกระแสรับสั่งมาถวาย ก็ได้พยายามลุกนั่งสมาธิบนเตียงพยาบาล เมื่อได้ทราบคำอาราธนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ท่านเจ้าคุณนิ่งอึ้งอยู่พักใหญ่ แล้วกล่าวว่า “อาตมารับอาราธนา แต่จะอยู่ไปเท่าที่สังขารจะทนไหวเท่านั้น”

    ในชั่วคืนวันนั้นเหตุการณ์มหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น เพราะอาการหัวใจวายและเส้นเลือดหัวใจตีบได้ทุเลาลง น้ำท่วมปอดได้ลดลง ความดันได้ลดลงเกือบปกติ พระซึ่งใกล้ชิดท่านเจ้าคุณได้เล่าให้ฟังว่า หลังจากรับอาราธนาแล้วท่านเจ้าคุณได้ปฏิบัติสมาธิและอยู่ในอาณาปานสติวิหารตลอดทั้งคืน

    ความนี้เป็นเรื่องมหัศจรรย์ เพราะมีข่าวต่อมาว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศฉบับหนึ่งได้ลงข่าวในเชิงตั้งข้อสงสัยนี้ว่า พระสงฆ์ไทยนี้แปลก ที่สามารถผัดผ่อนความตายได้

    แต่คนไทยจำนวนหนึ่งมิได้สงสัย เพราะมีความในมหาปรินิพพานสูตรแสดงไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ใดได้เจริญอิทธิบาทสี่ให้มากแล้ว ทำให้เป็นประหนึ่งยานแล้ว ทำให้เหมือนกับเป็นพื้นแผ่นแล้ว มีใจตั้งมั่นบริสุทธิ์ หากปรารถนาจะมีอายุชั่วกัลป์หนึ่งหรือกว่านั้นก็ได้

    ท่านเจ้าคุณพุทธทาส คนทั่วไปรู้แต่เพียงว่าท่านทรงปริยัติเสมอด้วยพระพุฒโฆษาจารย์ของลังกาในอดีต แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ดีว่าท่านบรรลุภูมิธรรมถึงวิชชาแปดประการในพระพุทธศาสนา มีทิพยอำนาจอยู่ในตัว และเจริญอิทธิบาทอยู่เนืองๆ อาการป่วยขั้นวิกฤตที่ทุเลาเบาบางลงก็ด้วยทิพยอำนาจนั้น ดังที่ปรากฏความในมหาปรินิพพานสูตรนั่นเอง

    ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบว่า ท่านเจ้าคุณมีภูมิธรรมเช่นนี้ อยู่ในวิหารธรรมเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรู้ได้ หากต้องมีภูมิธรรมและอยู่ในวิหารธรรมที่ใกล้เคียงกัน ท่านเจ้าคุณพุทธทาสบรรลุภูมิธรรมขั้นไหน ก็เห็นได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีภูมิธรรมที่ใกล้เคียงกันนั้นเอง ดังนั้นจะกราบพระบรมฉายาลักษณ์ครั้งใด ความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือกำลังกราบพระอริยบุคคลนั่นเอง

    เรื่องที่สาม เป็นเรื่องราวของพลตรี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียนลงไว้ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐด้วยตัวท่านเองว่า สมัยหนึ่งจะเดินทางไปผ่าตัดหัวใจที่ต่างประเทศ ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ท้ายที่สุดได้ทรงรับสั่งว่าไปผ่าตัดครั้งนี้จะไม่ตาย ให้รีบกลับ

    พลตรีหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เขียนไว้ว่า มีความเชื่อมั่นในขณะนั้น บังเกิดเป็นปิติอันเปี่ยมล้นว่า ครั้งนี้เห็นจะไม่ตายแน่ มีอาการขนลุกซู่ซ่า

    คำรับสั่งที่เสมอด้วยสามารถตกลงกับพญามัจจุราชได้ดังนี้ ใช่ว่าผู้ที่มีภูมิธรรมธรรมดาจะกระทำได้ นี่เป็นวิชชาหนึ่งในพระพุทธศาสนา ที่มีแต่ผู้มีภูมิธรรมอันสูงส่งเท่านั้นที่จะกระทำได้

    เรื่องที่สี่ เป็นเรื่องของครูเอื้อ สุนทรสนาน หรือสุนทราภรณ์ ผู้มีสมญาว่านักร้องชั้นบรมครูผู้อมตะ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นพิเศษคนหนึ่งในวงการศิลปินไทย โปรดให้เข้าร่วมวง อส. ซึ่งเป็นวงดนตรีส่วนพระองค์ ครั้งที่ทรงพระราชนิพนธ์บทเพลงพระราชนิพนธ์ ก็ทรงพระราชทานให้กับวงสุนทราภรณ์นำไปแสดง ครั้งที่เสด็จนิวัติกลับพระนครหลังจากเสร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ครูเอื้อ สุนทรสนาน และครูแก้ว อัจฉริยะกุล ก็ได้ร่วมกันรังสรรค์บทเพลงเพื่อถวายการต้อนรับคือเพลงราชาเป็นสง่าแห่งแคว้นอันเป็นอมตะ

    ทรงมีพระเมตตาต่อครูเอื้อ สุนทรสนาน มาก ถึงกับพระราชนิพนธ์เพลงไตเติ้ลให้กับวงดนตรีสุนทราภรณ์ ชื่อว่าเพลงพระมหามงคล และพระราชทานธง ภปร. สำหรับวงด้วย

    ในเดือนธันวาคมปีก่อนที่ครูเอื้อ สุนทรสนาน จะถึงแก่กรรม ได้โปรดเกล้าฯ ให้ครูเอื้อ สุนทรสนาน ขึ้นไปร้องเพลงถวายที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ในบทเพลงพรานทะเล ซึ่งขณะนั้นครูเอื้อ สุนทรสนาน ป่วยหนักด้วยโรคมะเร็ง ได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลไปร้องเพลงถวาย แต่ร้องได้เพียงครึ่งเพลงก็ต้องทรุดลง ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพฯ เข้าไปประคองครูเอื้อ สุนทรสนาน เข้ามานั่งใกล้พระเก้าอี้ แล้วรับสั่งถามอาการ ครู่หนึ่งเหมือนกับจะทรงรู้ว่าครูเอื้อ สุนทรสนาน ป่วยคราวนี้คงตายแน่จึงมิได้ตรัสประการใดเหมือนกับที่เคยตรัสกับพลตรี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช

    เป็นแต่ทรงถอดสร้อยซึ่งห้อยพระสมเด็จจิตรลดาออกจากพระศอคล้องคอครูเอื้อ สุนทรสนาน พร้อมกับตบศีรษะด้วยพระเมตตาแล้วทรงตรัสว่า ให้เร่งรักษานะ

    ครูเอื้อ สุนทรสนาน กลับจากงานครั้งนั้นก็รู้ตัวว่าถึงเวลาใกล้จะตายแล้ว จึงได้ทำเพลงสุดท้ายสั่งลาแฟนเพลง ชื่อว่าเพลงพระเจ้าทั้งห้า ซึ่งสรรเสริญและรำลึกพระคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไว้ พร้อมกับฝากบทเพลงสุนทราภรณ์ไว้อยู่คู่ฟ้าเมืองไทย

    นี่ก็เป็นวิชชาอย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนาเพราะแสดงให้เห็นถึงอนาคตังสญาณที่มีอยู่ในพระองค์ ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงการที่เสด็จไปแห่งหนตำบลใด ถ้าหากฝนแล้งก็จะบังเกิดฝนตก หรือถ้าฝนตกหนักก็บังเกิดฝนหยุด อันเป็นพระบารมีที่มีแต่ภูมิธรรมอันสูง และถือเป็นทิพยอำนาจในพระองค์ ที่คนไทยทั้งประเทศได้รู้ได้เห็นกันตลอดมาแล้ว

    และด้วยภูมิธรรมระดับนี้ย่อมเชื่อและหวังได้ว่า องค์พระประมุขของเรานั้นทรงสามารถเจริญอิทธิบาทสี่ บรรลุถึงมรรคและผลแห่งวิหารธรรมข้อนี้ในระดับที่สูง ก่อเป็นทิพยอำนาจในพระองค์ สมแก่ฐานะขององค์เอกอัครศาสนูปถัมภก ซึ่งพสกนิกรทั้งประเทศสามารถกราบไหว้ และได้อานิสงส์อย่างเดียวกันกับการกราบไหว้พระอริยบุคคลนั้นแล

    ขออำนาจสัตยาธิษฐาน ความมีอยู่จริง ความมีผลจริง ในวิชชาและวิมุติในพระพุทธศาสนาและคุณพระศรีรัตนตรัย ตลอดจนอำนาจแห่งพระปริตรได้น้อมนำส่งให้พระองค์ท่านเสวยทิพยสมบัติ ณ สวรรคาลัยสถานที่นั้น

    ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ธ สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์

    ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg
    1510944818_236_ทิพยอำนาจในพระบาทสมเด.jpg
    1510944819_727_ทิพยอำนาจในพระบาทสมเด.jpg
    1510944819_404_ทิพยอำนาจในพระบาทสมเด.jpg
    1510944820_219_ทิพยอำนาจในพระบาทสมเด.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…บุญติดใจ บาปติดใจ…”

    ” .. ให้สร้างความดีนะ อย่าประมาท ตายได้ทุกคน ถึงวันตายแก้ไม่ตกตายด้วยกันทั้งนั้นละ เวลามีชีวิตอยู่ จะทำอะไรให้ทำให้คิดมาก ๆ นะ “อายุสูงเท่าไรให้คิดมาก ๆ เรื่องบุญเรื่องบาป มันจะติดหัวใจไป” นอกนั้นไม่ติด ติดแต่บุญแต่บาป
    “บุญติดใจ บาปติดใจ” ใครสร้างบาปมาก ทุกข์มาก สร้างบุญมาก สุขมาก .. ”

    โอวาทธรรมองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

    ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของภาพถ่ายนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    1510948549_17_บุญติดใจ-บาปติดใจ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...