ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    พุทธคุณกับการเช็คพระ

    คงไม่มีใครปฏิเสธว่า พระพุทธชินราชที่จังหวัดพิษณุโลก นั้นมีความงามยิ่ง เป็นองค์พระที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามที่สุดในประเทศไทย ข้าพเจ้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น

    ครั้งหนึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ ข้าพเจ้าได้หาซื้อ ส.ค.ส. อยู่ในร้าน และได้แลเห็นโปสการ์ดภาพพระพุทธชินราชจึงได้หยิบมาดู ขณะที่เพ่งมองภาพอยู่นั้น ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างวิ่งออกจากภาพเข้าสู่ตัวข้าพเจ้าจนเกิดปีติขนลุก น้ำตาไหล เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนทั้งสองมือที่จับภาพอยู่ เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในชีวิต ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความสงสัยและสนใจใคร่รู้ขึ้นมาทันที

    ข้าพเจ้าพยายามทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่าเหมือนกับเมื่อครั้งที่หลวงพ่อดู่เคยมอบพระบูชาให้ข้าพเจ้า เป็นเหตุการณ์ขณะที่ท่านยื่นสองมือจับที่องค์พระพุทธรูปและสวดมนต์ให้พร ข้าพเจ้าเองก็หลับตาและยื่นสองมือแตะที่องค์พระเช่นกัน ในระหว่างนั้น รู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างวิ่งออกจากท่านผ่านองค์พระพุทธรูปเข้าสู่ตัวข้าพเจ้าและรู้สึกสว่างไสวไปหมดทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่

    เมื่อท่านให้พรเสร็จ ท่านมองข้าพเจ้าแล้วว่า ‘แกเป็นดี’ ข้าพเจ้าเรียนถามท่านว่าหลวงพ่อทราบได้อย่างไรท่านตอบว่า ‘มีปีติออกจากข้า ไหลไปที่แกแล้วกลับมาหาข้า’

    หลวงพ่อได้สอนข้าพเจ้าให้หัดจับพระ ซึ่งในหมู่ศิษย์เรียกกันเองว่า ‘เช็คพระ’ วิธีการคือ ใช้มือขวาหรือทั้งสองมือแตะที่ภาพพระหรือกำหากเป็นพระเครื่อง หรือจับที่องค์พระหากเป็นพระพุทธรูปจากนั้นทำจิตให้นิ่ง และจะรู้สึกสัมผัสได้ถึงพุทธคุณที่ครูบาอาจารย์ท่านได้อธิษฐานไว้

    หลวงพ่อเคยเล่าเรื่องการปลุกเสกพระให้ฟังว่า

    “เรื่องคงกระพันชาตรีนั้นทำง่าย แค่ขนลุกก็เหนียวแล้ว แคล้วคลาดยังดีกว่าเพราะไม่เจ็บตัว แต่ที่ดีที่สุดคือเมตตาเพราะแคล้วคลาดยังมีศัตรู แต่รอดพ้นได้ ส่วนเมตตานั้นมีแต่คนรักไม่มีศัตรู การเสกพระ
    ให้มีพุทธคุณทางเมตตาจึงทำได้ยากที่สุด”

    มีเรื่องปรากฏในพระธรรมบทว่า ในกรุงราชคฤห์ เด็กคนหนึ่งไปเก็บฟืนกับบิดา โคที่เทียมเกวียนได้หนีเข้าไปในเมืองบิดาจึงตามโคเข้าไป แต่เวลาจะออกจากเมืองนั้นประตูปิดเสียแล้วจึงต้องทิ้งบุตรน้อยคนเดียวไว้นอกเมืองนั้นเอง ถึงเวลากลางคืนขณะที่เด็กนอนหลับ ได้มีพวกอมนุษย์เข้ามาทำร้ายโดยพากันลากเท้าของเด็กนั้นไปมา เมื่อเด็กตกใจตื่นขึ้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้า

    แล้วร้องออกมาว่า ‘นะโมพุทธัสสะ’ (ข้าขอนมัสการพระพุทธเจ้า) พวกอมนุษย์ก็ถอยกลับทันที ไม่กล้าทำร้ายเด็กนั้นอีก ความทราบถึงพระเจ้ากรุงราชคฤห์จึงเสด็จไปเฝ้าทูลเรื่องราวนี้ต่อพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงรับสั่งว่า การระลึกถึงพระองค์นั้นยังไม่พอ ต้องระลึกถึงพระธรรม พระสงฆ์ ตั้งสติมั่น ไม่เบียดเบียนใคร และมีจิตเมตตาด้วย พระพุทธพจน์ข้อนี้เองที่ถือเป็นหลักต่อมาว่า สิ่งที่ป้องกันอันตรายที่ดีที่สุดนั้นคือ เมตตา นั่นเอง

    ข้าพเจ้ารู้สึกว่าการสอนของหลวงพ่อโดยการให้เช็คพระเช่นนี้เป็นอุบายวิธีการฝึกให้ศิษย์ได้เกิด พุทธานุสติ เพราะทุกครั้งที่จับองค์พระ จิตจะมีอารมณ์น้อมไปสู่ความเลื่อมใสศรัทธาในองค์พระพุทธเจ้าเสมอ ทำให้เราระลึกและทำแต่สิ่งที่ดี

    มีลูกศิษย์ของหลวงพ่อที่จับองค์พระและสามารถสัมผัสถึงพุทธคุณ ได้เล่าว่าพระบูชาที่ผ่านการปลุกเสกมาแล้วนั้น หากเด่นในเรื่องคงกระพันชาตรี เมื่อจับดูก็จะมีอาการปีติขนลุกขนพองสยองเกล้า แต่หากเด่นทางเมตตา เมื่อจับดูก็จะมีปีติน้ำตาไหลและบังเกิดความสงบเยือกเย็นถึงจิตถึงใจ

    ทำไมหลวงพ่อจึงสอนเรื่องเช็คพระ ข้าพเจ้ามาใคร่ครวญดูแล้วพบว่านอกจากเพื่อให้เกิดพุทธานุสติแล้ว หลวงพ่อต้องการให้ศิษย์แต่ละคนสามารถเป็นประจักษ์พยานแก่ตนเองได้ ให้เป็น ปัจจัตตัง ได้รู้เองเห็นเอง เป็นพยานให้ตนเองได้ จะได้เกิดความมั่นใจในการปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้นนั่นเอง มิใช่ให้ไปอวดเด่นอวดดี หรืออวดคุณวิเศษในตัว หรือเที่ยวไปเช็คพระให้ผู้อื่น

    ซึ่งจริงๆ แล้ว หากผู้อื่นยังทำไม่เป็น ถึงเขาจะบอกว่าเชื่ออย่างไร โดยส่วนลึกเขาก็ยังมีความลังเลสงสัยอยู่นั่นเอง เพราะไม่รู้ไม่เห็นด้วยตนเอง ปัจจุบันมีผู้อ้างตนเป็นศิษย์หลวงพ่อดู่และแสดงความสามารถในการเช็คพระ ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง พระบูชา หรือแม้กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้า ว่าท่านเหล่านั้นมีคุณธรรมในระดับนั้นระดับนี้ โดยหวังอามิสและลาภผล ไมว่ า่ จะโดยทางตรงหรือทางอ้อมซึ่งการหลงเชื่อดังกล่าวอาจนำท่านไปสู่ความเสียหาย ตั้งแต่การเสียทรัพย์หรือหลงออกนอกลู่นอกทางที่พระพุทธเจ้า รวมทั้งที่หลวงพ่อดู่พาดำเนินกระทั่งการทำบาปกรรมจากการไปปรามาสครูอาจารย์ที่ท่านมีคุณธรรมโดยไม่เจตนา เพราะสิ่งที่หลวงพ่อดู่พร่ำสอนนั้น จะต้องเป็นไปเพื่อการลดละความโลภ ความโกรธความหลง ทิฎฐิมานะ ความถือตัวถือตน จึงเป็นข้อพึงพิจารณาระมัดระวังไม่ให้ผิดทาง

    จากหนังสือ : 101 ปี หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    29 ธันวาคม 2560

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg
    1514559526_354_พุทธคุณกับการเช็คพระ.jpg
    1514559526_884_พุทธคุณกับการเช็คพระ.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ขออนุญาตคัดลอก

    นึกไม่ถึงว่าในเมืองไทยยังจะมีผู้อธิษฐานจิตพระได้สูงเช่นนี้”

    *บทความนี้เป็นบทความของ คุณสิทธิ์ เวปวัดถ้ำเมืองนะ ที่ได้เขียนเล่าไว้ ขอนำมาเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานต่อไปครับ

    พระของหลวงปู่กับครูบาอาจารย์สำนักอื่น

    หลายปีก่อนมีผู้นำพระของหลวงปู่ (พระพรหมผง)ไปมอบให้อาจารย์ของเขา อาจารย์ผู้นี้จัดว่าเป็นฆราวาสผู้มีความรู้และคุณธรรมสูงท่านหนึ่งถึงขนาดว่า สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช ขอเชิญให้ไปร่วมนั่งปรกในโบสถ์วัดบวรในสมัยก่อนโน้นซึ่งดูเหมือนจะเป็นฆราวาสเพียงท่านเดียวที่ได้รับเกียรตินี้

    อาจารย์ผู้นี้เมื่อได้รับพระพรหมของหลวงปู่แล้วก็พิจารณา (ภายใน) แล้วกล่าวกับบรรดาศิษย์ว่า

    “นึกไม่ถึงว่าในเมืองไทยยังจะมีผู้อธิษฐานจิตพระได้สูงเช่นนี้กระแสรัศมีสีขาวในองค์พระนี้ ถือว่าสูงสุดแล้ว ไม่มีเกินกว่านี้อีกแล้วที่ผ่านมาอย่างมากก็เห็นแต่กระแสรัศมีสีเหลืองทอง”

    จากนั้นอาจารย์ท่านนี้ก็ได้ให้ลูกชายของท่านเปลี่ยนมาห้อยพระพรหมของหลวงปู่แทน แต่ผลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งก็คือทำให้ลูกศิษย์กรรมฐานของท่านส่วนหนึ่งพากันศึกษารายละเอียดว่าหลวงปู่ดู่คือใครอยู่ที่ไหน ท่านสอนอย่างไรและหนึ่งในนั้นก็เป็นผู้ถ่ายทอดให้ข้าพเจ้าได้รับทราบข้อมูลนี้

    บัดนี้ตัวอาจารย์ท่านนั้นก็ได้ละสังขารไปแล้วนับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อทราบว่าในบรรดาลูกศิษย์นับร้อยของท่านมีเพียงส่วนน้อยนิดที่ฝึกอบรมสวดมนต์ทำภาวนากับท่านส่วนใหญ่ก็เพียงติดตามเอาวัตถุมงคลบ้าง ขอให้ท่านสงเคราะห์เรื่องโลก ๆ บ้างให้ท่านแก้คุณไสย์ให้บ้าง ทั้ง ๆที่ท่านพยายามจะให้ลูกศิษย์มาปฏิบัติเพื่อให้ได้สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งที่เที่ยงแท้แก่ตัวศิษย์เองแต่ผู้มีศรัทธาถึงขั้นมาปฏิบัติภาวนานั้นมีน้อยเกิน

    เรื่องการตรวจสอบคุณพระที่อยู่ในองค์พระเครื่องพระบูชาอาจารย์ท่านนี้ก็ได้ถ่ายทอดให้ศิษย์กรรมฐานของท่านซึ่งนอกเหนือจากการพิจารณาอาการปีติที่ขึ้นมาถึงศีรษะแล้ว ก็ยังต้องอาศัยตัวเห็นคือ อาการแสงสีของรัศมีที่ปรากฏอีกด้วย

    ดังนั้น จึงสมจริงกับคำว่า “ของจริงย่อมทนต่อการพิสูจน์” และคุณธรรมของหลวงปู่ย่อมไม่อาจปกปิดได้ในผู้มีคุณธรรมเช่นกัน

    ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    สมเด็จพระสังฆราช เสด็จไปวัดสัมพันธวงศาราม ทรงเป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลฉลองสตวัสสายุกาล (100 ปี) สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระกรรมฐานกลางกรุง ยึดถือแนวทางหลวงปู่ขาว-หลวงปู่มั่น

    เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2560 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อัมพโร) เสด็จยังพระอุโบสถวัดสัมพันธวงศาราม กรุงเทพฯ ทรงเป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลฉลองสตวัสสายุกาล (100 ปี) สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11

    ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานผ้าไตร 20 ไตร เพื่อถวายพระสงฆ์สมณศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์ ในพิธีดังกล่าวด้วย

    ทั้งนี้ พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธัมมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. ในฐานะประธานจัดงานฝ่ายสงฆ์ กล่าวว่า สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ได้ชื่อว่าเป็นพระกรรมฐานกลางกรุง เนื่องจากท่านยึดถือแนวปฏิบัติของหลวงปู่ขาว อนาลโย และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สองพระสายวิปัสสนากรรมฐานชื่อดัง โดยแม้ท่านจะเกิดที่ จ.อุบลราชธานี แล้วได้เข้ามาอยู่ยังวัดสัมพันธวงศาราม ท่านก็ยังยึดถือแนวปฏิบัติกรรมฐานมาโดยตลอด นอกจากนี้ ท่านยังถือว่าเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่มีอายุถึง 100 ปี เป็นรูปที่ 4 ในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทยด้วย

    ที่มา : ข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/1165627 , ภาพจาก สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

    -เสด็จไ.jpg
    1514565187_101_สมเด็จพระสังฆราช-เสด็จไ.jpg
    1514565187_165_สมเด็จพระสังฆราช-เสด็จไ.jpg
    1514565187_63_สมเด็จพระสังฆราช-เสด็จไ.jpg
    1514565187_578_สมเด็จพระสังฆราช-เสด็จไ.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” เรื่องพูดไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ
    ถ้าเสียงธรรมมันไม่พาให้ทุกข์ แต่ก็ไม่พากันคิด
    มัวแต่ไปสนใจกับเสียงพูด มันไม่มีความหมายนะ

    พวกเรานี่ก็ไม่พากันพิจารณาดูว่ามันดีไหม
    มันได้อะไรฟังเสียงอย่างนั้น
    มันมีแต่เรื่อง พูดเรื่องขี้เป็ดขี้ไก่
    เรื่องขี้หมูขี้หมา ไม่มีเมตตาสงสาร

    ความเมตตาสงสารนะ มันพาให้สุข
    ไม่พาให้เดือดร้อนตัวเองแล้วก็มีธรรมพร้อม
    พวกเราจึงให้เมตตากัน สงสารกันอย่าพากันถือ
    ถามมันดู ว่าถือแล้วได้อะไรตัวตน
    อยู่ด้วยกันเมตตากันมันจึงสงบ.”

    หลวงปู่เพียร วิริโย
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    .jpg
    ” เรื่องพูดไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ ถ้าเสียงธรรมมันไม่พาให้ทุกข์ แต่ก็ไม่พากันคิด
    มัวแต่ไปสนใจกับเสียงพูด มันไม่มีความหมายนะ
    พวกเรานี่ก็ไม่พากันพิจารณาดูว่ามันดีไหม มันได้อะไรฟังเสียงอย่างนั้น
    มันมีแต่เรื่อง พูดเรื่องขี้เป็ดขี้ไก่ เรื่องขี้หมูขี้หมา ไม่มีเมตตาสงสาร
    ความเมตตาสงสารนะ มันพาให้สุข ไม่พาให้เดือดร้อนตัวเองแล้วก็มีธรรมพร้อม
    พวกเราจึงให้เมตตากัน สงสารกันอย่าพากันถือ
    ถามมันดู ว่าถือแล้วได้อะไรตัวตน อยู่ด้วยกันเมตตากันมันจึงสงบ.”

    หลวงปู่เพียร วิริโย
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ๏ ถ้ำซับมืด แดนธรรมอันล้ำค่า ๏

    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ หลวงปู่สีลา อิสสโร ซึ่งเป็นศิษย์อาวุโสรูปหนึ่งของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้ท่องเที่ยวธุดงค์กรรมฐานไปทางอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา แล้วได้พบป่าเขาและถ้ำเหมาะเป็นสถานที่สำหรับการบำเพ็ญภาวนา และเจริญสมณธรรมสำหรับอริยมุนีผู้มุ่งตรงสู่แดนแห่งความหลุดพ้น ถ้ำแห่งนั้นสงบวิเวกสงัด สัตว์ไพรก็มีอยู่มากหลาย น้ำอุดมสมบูรณ์ ไม่ลำบากในการดำรงชีพแบบสมณะ

    ท่านจึงนำเรื่องค้นพบถ้ำอันเป็นสถานที่สัปปายะมากราบเรียนท่านพระครูญาณโศภิต หรือหลวงปู่มี ญาณมุนี หลวงปู่มีท่านเป็นนักท่องเที่ยววิเวกธุดงค์ตามป่าตามเขาอยู่แล้ว เมื่อท่านทราบดังนั้น จึงนำพาคณะสานุศิษย์ไปปฏิบัติธรรมรวมทั้งหมด ๕ รูป หนึ่งในนั้นมี หลวงปู่เครื่อง ธัมมจาโร ด้วยรูปหนึ่ง

    จากหนังสือประวัติหลวงปู่เครื่อง ธัมมจาโร หลวงปู่เครื่องท่านได้เล่าไว้ว่า การเดินธุดงค์เข้าไปในป่าลึกทางซับม่วง ในเขตอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ลักษณะเป็นป่าดิบชื้นตามเชิงเขา และชุกชุมไปด้วยไข้ป่าหรือไข้มาลาเรีย พระภิกษุทั้งหมดได้เข้าพักบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่ถ้ำสวยงามที่ชื่อว่า “ถ้ำมืด” ไม่เพียงแต่ถ้ำเท่านั้นที่มืด ป่าเขาก็มืดทึบไปหมด ที่ชื่อว่า “ถ้ำมืด” เพราะว่าแสงแดดส่องเข้าไปไม่ถึง อากาศหายใจไม่ค่อยจะพอ ภายในถ้ำมีความเย็นยะเยือก มีเถาวัลย์เครือไม้ระโยงระยาง ซึ่งต่อมาได้เรียกถ้ำนี้ว่า “ถ้ำซับมืด”

    หลวงปู่มี ญาณมุนี นำคณะธุดงค์เข้าบำเพ็ญอยู่ภายในถ้ำมืด นานถึง ๖ วัน ๖ คืน อธิษฐานภาวนาสู้ตาย หมายธรรมขั้นสูง หวังปิดชีพกิเลสอวิชชาที่ก่อกวนมานานด้วยดาบอันคมกริบคือธรรม

    ปรากฏการณ์ในวันแรก มีสหธรรมิกท่านหนึ่งชื่อว่า พระมหาบุญ ท่านบำเพ็ญธรรมอยู่ได้เพียงวันเดียว ก็มีอาการอาพาธด้วยไข้มาลาเรียอย่างหนัก จึงนำท่านออกจากถ้ำซับมืด ถอนการอธิษฐานธุดงค์ กลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนครราชสีมา และอยู่ได้เพียงวันเดียวก็ถึงแก่มรณภาพ

    หลวงปู่เครื่อง ธัมมจาโร ก็จับไข้ มีอาการหนักหัว แน่นหน้าอก หายใจไม่เต็มปอด หลวงปู่เครื่องได้นั่งสมาธิ ใช้สติสัมปชัญญะตรวจสอบอาการไข้ รวบรวมพลังจิตให้เกิดความเข้มแข็งเพื่อเอาชนะ แต่อาการไข้ก็ไม่ทุเลาลง สติรับรู้ได้ว่าอาการไข้กลับหนักยิ่งขึ้น จึงรำพึงในใจว่าถ้าขืนปล่อยให้ไข้กำเริบต่อไปอีกคงตายแน่

    หลวงปู่เครื่องจึงได้ตัดสินใจปีนหน้าผาเกาะต้นไม้ เกี่ยวเถาวัลย์หรือเครือกระไดลิงขึ้นไปเพื่อขอยาแก้ไข้มาลาเรียจากพวกฝรั่ง ที่กำลังระเบิดหินอยู่บนหลังเขาเพื่อก่อสร้างถนนมิตรภาพ ได้พบล่ามคนไทย บอกเขาว่าเป็นไข้มาลาเรีย แจ้งความประสงค์ ล่ามจึงพาไปพบฝรั่งได้ยามา ๖ เม็ด แต่เขาสั่งให้กินเพียงเม็ดเดียวก็พอ จึงได้กินยาตามที่เขาสั่ง อาการไข้จึงหายไป ภายในใจก็คิดว่าได้รอดพ้นจากความตายแล้ว

    การออกเดินธุดงค์ในครั้งนั้น พระภิกษุทั้ง ๕ รูป ต่างก็ได้รับเชื้อมาลาเรียกันครบทุกรูป แม้แต่หลวงปู่มี ญาณมุนีเอง ท่านก็ป่วยเป็นไข้ป่ามีอาการปางตายเช่นเดียวกัน แต่ธรรมะท่านแกร่งกล้าประกอบกับหมอมารักษาได้ทันเวลา อาการท่านดีขึ้นแต่ก็ยังไม่หายขาดทันที หลวงปู่มีท่านจึงได้ถอนธุดงค์ในคราวนั้นเสียก่อน เพราะขืนดึงดันไปสู้กับภัยธรรมชาติก็ไม่มีความหมาย มีแต่จะตายไปเปล่าๆ ยึดหลักมัชฌิมาปฏิปทา หลักเหตุผล ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมเป็นการชอบกว่า ดังนั้น ท่านจึงกลับมายังวัดป่าสูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา

    เมื่อท่านมาเห็นศพพระมหาบุญ ผู้เป็นศิษย์ ซึ่งมรณภาพด้วยพิษไข้มาลาเรียจากโรงพยาบาลนครราชสีมา กลับมาถึงวัด จึงเกิดความโทมนัสเป็นอย่างมาก จนถึงกับหน้ามืดเป็นลม ต้องช่วยกันนวดเฟ้นเกิดความชุลมุนกันพักใหญ่ ท่านรู้สึกสลดใจเป็นอย่างยิ่ง ! ที่ลูกศิษย์อายุยังน้อย เป็นมหาเปรียญยังสามารถทำประโยชน์ให้กับพระศาสนาได้ แต่มาด่วนตายเสียก่อน แต่ถึงจะตาย ก็ตายอย่างห้าวหาญ ใจเด็ดเดี่ยว ไม่ได้นอนตายอย่างพระขี้ขลาด ตายอย่างนักสู้ สู้สุดตัว ไม่ถนอมออมแรงและอ่อนข้อต่อกิเลสตัวมีพิษร้าย ตัวพาเกิดพาตายมาหลายภพชาติ ตายอย่างสมศักดิ์ศรีนักรบธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านพอใจที่จะตายอย่างนี้ ถึงตายก็ได้ปฏิบัติตามเยี่ยงอย่างที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กล่าวสอนว่า

    “ธรรมมันอยู่เลยความตาย ใครยังกลัวตายอยู่ก็จะไม่พบพระสัทธรรม”

    ผลของการออกปฏิบัติธรรมด้วยการเดินธุดงค์ไปที่ถ้ำซับมืดในครั้งนั้น มีพระภิกษุถึงแก่มรณภาพลงเพราะไข้มาลาเรียเพิ่มอีก รวมกับพระมหาบุญเป็น ๓ รูป ทำให้เกิดความวุ่นวายทางใจอีกครั้งหนึ่ง

    ปี พ.ศ. ๒๕๐๖ หลวงปู่ทา จารุธัมโม ได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำซับมืด ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นป่าดงดิบ ไข้มาเลเรียระบาดหนัก มีสัตว์ป่านานาชนิด เช่น เสือ เก้ง กวาง หมูป่า เป็นต้น พอออกพรรษาท่านได้กลับไปอยู่ที่วัดป่าสูงเนิน เพื่อเตรียมการฉลองศาลาการเปรียญ และท่านได้ขึ้นไปเชียงใหม่ เพื่อกราบนิมนต์ หลวงปู่มี ญาณมุนี ให้มาเป็นประธานฉลองศาลาการเปรียญที่วัดใหญ่สูงเนิน หลังจากจัดงานฉลองศาลาการเปรียญเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลวงปู่มี ญาณมุนี มีความประสงค์จะขึ้นไปเชียงใหม่อีกครั้ง โดยให้ หลวงปู่ทา จารุธัมโม ติดตามไปด้วย

    ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ หลวงปู่มี ญาณมุนี ได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดถ้ำซับมืด โดยมี หลวงปู่ปู่ทา จารุธัมโม และ หลวงพ่อสุพีร์ สุสัญญโม ติดตามมาอยู่ด้วย ตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่ปู่ทา จารุธัมโม ท่านก็ไม่เคยไปจำพรรษาที่ไหนอีกเลย

    ถึงแม้หลังจาก หลวงปู่มี ญาณมุนี จะได้มรณภาพไปแล้วก็ตาม หลวงปู่ทา จารุธัมโม ก็ได้อยู่จำพรรษากับ หลวงพ่อสุพีร์ สุสัญญโม อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ด้วยการทำให้ดู เป็นอยู่ให้เห็น ฉันน้อย นอนน้อย ปฏิบัติให้มาก ท่านครองสมณเพศ อย่างเรียบง่านสมถะ ถือสันโดษ เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม เป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใส ของพระภิกษุ สามเณร ตลอดจนสาธุชนทั่วไป รวมทั้งมีพระกรรมฐาน ทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต ได้มาอยู่ร่วมกับท่าน ปฏิบัติตามธรรมวินัย อยู่ร่วมกันอย่างเย็นใจตลอดมา

    วัดถ้ำซับมืด ตั้งอยู่เลขที่ ๒ หมู่ที่ ๒๐ บ้านซับมืด ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นวัดราษฏร์ฝ่ายอรัญวาสี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุเป็นที่ตั้งวัดถ้ำซับมืด จำนวน ๕๐ ไร่ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ทิศเหนือจรดภูเขา ทิศใต้จรดภูเขา ทิศตะวันออกจรดไร่ชาวบ้าน และทิศตะวันตกจรดภูเขา ปัจจุบัน มีพระครูสังวรวีรธรรม (หลวงปู่สุพีร์ สุสัญญโม) เป็นเจ้าอาวาส

    -ถ้ำซับมืด-แดนธรรมอันล.jpg
    1514609106_706_๏-ถ้ำซับมืด-แดนธรรมอันล.jpg
    1514609106_332_๏-ถ้ำซับมืด-แดนธรรมอันล.jpg
    1514609106_343_๏-ถ้ำซับมืด-แดนธรรมอันล.jpg
    1514609107_768_๏-ถ้ำซับมืด-แดนธรรมอันล.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” มารกับอสรพิษเป็นสัตว์ประเภทเดียวกัน
    ไม่รู้จักบุญคุณของใครทั้งนั้น
    รู้จักแต่ทำลายโดยถ่ายเดียว.”

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    .jpg
    ” มารกับอสรพิษเป็นสัตว์ประเภทเดียวกัน
    ไม่รู้จักบุญคุณของใครทั้งนั้น
    รู้จักแต่ทำลายโดยถ่ายเดียว.”

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…หนทางแห่งพระโพธิสัตว์ ของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต…”

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ระลึกชาติ พร้อมเล่า พระอริยะที่เคยมี “…อดีตชาติร่วมกัน…”

    “…เหตุการณ์ก่อนการบรรลุอรหันต์ในส่วนที่เป็นความทรงจำของหลวงตาทองคำ จารุวัณโณ นั้น ท่านได้กล่าวถึงการที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เกิดความรู้เห็นในชาติภพที่เรียกว่า “ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ” ความตอนนี้มีว่า…

    “…ท่านว่า จิตถอนออกมาอีก คราวนี้เวทนา วิตก จางลงไปมาก แต่ยังไม่หมด ท่านกำหนดพิจารณาอีก จิตก็รวมลงไป ปรากฏว่าฝนตกน้ำนอง ชุ่มชื่นขึ้นมา มีกำลังปีติซาบซ่านไปทั่ว มีความสุข และจิตเข้าถึงเอกัคคตาญาณ …

    เกิดความรู้ชนิดหนึ่งขึ้นมา คือ รู้เห็นชาติภพในกาลก่อน ที่เรียกว่า ‘ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ’ เป็นตัววิปัสสนาญาณขึ้นมาว่า ปัจจุบันเราเป็นอย่างนี้ ในอดีตชาติเราเกิดอยู่บ้านเมืองนั้น ประเทศนั้น มีอาหารอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีสุขอย่างนั้น มีทุกข์อย่างนั้น เป็นลำดับไป จนถึงครั้งเป็นเสนาบดี นั่งฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเฉพาะพระพักตร์… เป็นเวลาผ่านมาประมาณ ๔๐๐ – ๕๐๐ ชาติ …”

    นอกจากเรื่องการระลึกชาติของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ในช่วงก่อนการบรรลุอรหันต์ตามที่หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ ได้เล่าไว้จะไม่ปรากฏอยู่ในสำนวนเล่าของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    แล้ว (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) พูดถึงการรู้อดีตชาติของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ว่าท่านเล่าไว้ในที่อื่น แต่มิได้กล่าวไว้ในช่วงของการบรรลุธรรม) ก็ยังปรากฏว่า หลวงตาทองคำ จารุวัณโณ ได้กล่าวถึงรายละเอียดในเรื่องนี้เพิ่มเติมว่า บางครั้งหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้บอกเล่าถึงกำเนิดในชาติภพก่อน รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องผูกพันกันมาอีกด้วย

    อาทิ ชาติหนึ่งหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เกิดในตระกูลขายผ้าขาว ณ มณฑลยูนนาน มีน้องสาวคนหนึ่งซึ่งเคยช่วยเหลือกันมา ซึ่งในชาตินี้ น้องสาวคนนั้นได้มาเกิดเป็นนางนุ่ม ชุวานนท์ อุบาสิกาชาวสกลนครผู้สร้างวัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร ให้

    อีกชาติหนึ่ง ท่านเกิดในตระกูลช่างทำเสื่อลำแพน ณ โยนกประเทศ ซึ่งอยู่บริเวณเมืองเชียงตุง ประเทศพม่า โดยมีพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล เป็นนายช่างใหญ่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตเป็นผู้จัดการ ส่วนพระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) เป็นคนเดินตลาด

    อีกชาติหนึ่ง หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เกิดที่ลังกาทวีป (ประเทศศรีลังกา) ท่านบวชเป็นพระและได้เข้าร่วมการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๔ พร้อมกับพระภิกษุจำนวนนับหมื่น และยังได้พักอยู่ในเสนาสนะเดียวกับพระรูปหนึ่งซึ่งเป็นมิตรสหายกันมาจวบจนชาติปัจจุบัน คือ ท่านอาจารย์วิริยังค์ สิรินธโร

    หรืออีกชาติหนึ่ง ท่านเกิดเป็นเสนาบดีที่แคว้นกุรุรัฐ ชมพูทวีป โดยเป็นน้องชายของพระปทุมราชา ผู้ปกครองแคว้น ซึ่งในชาตินี้ก็คือเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (หลวงปู่จันทร์ สิริจันโท) ในชาติเดียวกันนี้ ท่านยังมีหลานชายหัวดื้อคนหนึ่งซึ่งพี่ชายมอบให้ท่านดูแล ซึ่งในชาตินี้ก็คือ “หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี” นั่นเอง ที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งก็คือ ท่านยังได้ฟังธรรมเฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า พร้อมทั้งตั้งจิตปรารถนาขอเป็นพระพุทธเจ้าอีกด้วย พระพุทธเจ้าทรงประธานพรโอวาทเรื่องศีลของฆราวาสให้แก่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อีกด้วย ต่อมาในภพชาติปัจจุบันท่านได้พิจารณาถึงความทุกข์ในการเวียนว่าย ตาย เกิดกว่าจะได้สำเร็จพระโพธิญาณ อีกทั้งท่านยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ และมองเห็นคิวของตัวเองกว่าจะผ่านพระศรีอาริยเมตไตร กว่าจะผ่านพระเจ้าปเสนทิโกศลอีก ท่านจึงได้ถอนความปราถนาเดิมและตั้งใจปฏิบัติธรรมกำจัดกิเลสรื้อภพชาติให้ถึงที่สุดในชาติปัจจุบัน…

    (ที่มา : หนังสือ วินาทีบรรลุธรรม ๕)

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม

    ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    สมเด็จพระสังฆราช ประทานคติธรรม เนื่องในวันปีใหม่ 2561 ขอให้คนไทยมีสติ อย่าประมาทหลงตน หมั่นเพิ่มพูนความดี ละเว้นความชั่ว

    วันที่ 29 ธันวาคม 2560 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทานคติธรรม เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2561 ว่า ความสวัสดีที่ทุกคนต้องการจะเกิดจากความหวังใจหรือจากการวิงวอนร้องขอจากผู้หนึ่งผู้ใด ย่อมเป็นไปไม่ได้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนพุทธบริษัทไว้ว่า บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้ผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้ผลชั่ว
    เพราะฉะนั้นเมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทบทวนเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านพ้นไปกับปีเก่าว่าเราได้กระทำความดีและความชั่วอย่างไรไว้บ้าง ถ้าพบว่า ได้ทำความชั่วก็จงเร่งอบรมสั่งสอนตนเอง อย่าให้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกในปีนี้ แต่ถ้าพบว่าทำความดี ก็จงตั้งใจมั่นเพิ่มพูนความดีนั้น ๆ ให้งอกงามยิ่งขึ้น

    ขอให้มีสติ อย่าประมาทหลงตนว่าเป็นคนดีพอแล้ว อันจะเป็นเหตุให้ความชั่วเข้ามาเกาะกุมชีวิตแทนที่ความดีที่มีอยู่ บุคคลผู้ปรารถนาความสวัสดีในปีใหม่ จึงพึงมีสติระลึกรู้ ทบทวนความคิด และการกระทำของตนเสมอว่า คืนวันล่วงไป เราทำอะไรอยู่ เราได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นหรือยัง ผู้ใดที่รู้จักไตร่ตรอง ทบทวนความคิด และการกระทำของตนเองอยู่เสมอ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท ความสวัสดีในชีวิตย่อมบังเกิดขึ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องอ้อนวอนขอพรบันดาลจากผู้หนึ่งผู้ใด

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ประทาน.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ได้เล่าถึงเรื่องการสวดมนต์ ไหว้พระให้พระเณรฟังว่า….

    “…การสวดมนต์ไหว้พระนั้น ถึงแม้ว่าเราจะออกเสียงหรือไม่ออกเสียงก็ตาม พวกเทพเจ้าเหล่าเทวดาเขามีหูทิพย์ตาทิพย์ เขาก็จะได้ยินเสียงที่เราสวดมนต์ไหว้พระด้วยพระสูตรต่าง ๆ เมื่อเขาได้ยิน เขาก็จะเกิดความปีติยินดีในการสวดมนต์ไหว้พระกับเรา เขาก็จะพากันมาร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย ถ้าจิตเราสงบลงไปบ้างสักเล็กน้อย เราก็จะได้ยินเสียงที่เขามาอนุโมทนากับเรา เสียงที่เขาเปล่งสาธุการนั้นมันดังปานฟ้าสิถล่มทลายลงมาทับดิน…”

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์(วัดเหนือ) บ้านโคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ฐานสโม-ได้เล่.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    คำอธิษฐานโดยท่านพระอาจารย์วรงคต วิริยธโร

    ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ไม่ต้องตื่นเต้นกับวันใหม่ ปีใหม่ อันนั้นมันหมุนไปตามเรื่องของมัน วันหนึ่ง เดือนหนึ่ง ปีหนึ่ง อันนั้นเป็นสมมุติบัญญัติขึ้นมา อันที่เราควรจะตื่นเต้นนั่น ควรตื่นเต้นที่ตัวของเราว่าวันหนึ่งๆ เดือนหนึ่ง ปีหนึ่ง เราเจริญขึ้น หรือว่าเราเสื่อมลง อันนั้นต่างหาก เราเห็นความเสื่อมความเจริญของเรา แท้จริงร่างกายของเรามันเจริญขึ้นไม่มีหรอก มีแต่เสื่อมลง มันเกิดขึ้นมาแล้วก็เสื่อมลงทุกทีๆ มันเสื่อมตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดาโน่น มันแก่คือความเสื่อม ถ้าหากมันไม่แก่ มันก็ไม่คลอดออกมา คลอดออกมาแล้วก็แก่วัน แก่เดือน แก่ปี โดยลำดับ จนกระทั่งแก่เฒ่าชรา แล้วผลที่สุดก็มรณะคือตาย อันนี้เป็นความแก่ของร่างกาย

    -:- หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -:-
    วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

    .jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” เรื่องของกรรม ทั้งกรรมดี กรรมชั่ว มันทำงานของมันเองโดยอัตโนมัติ เหมือนกันกับเรากินอาหารเข้าไป ร่างกายก็ไปแยกสารอาหารต่างๆโดยอัตโนมัติของมันเอง เช่น เนื้อก็ไปเป็นโปรตีน ข้าวก็ไปเป็นคาร์โบโฮเดรต พืชผักผลไม้ก็ไปเป็นวิตามิน เราไม่ได้ไปแยกมัน แต่ว่าร่างกายมันแยกเอง และเอาไปใช้งานของมันโดยอัตโนมัติ กรรมก็เหมือนกัน เราไม่ได้ไปแยกแยะ แต่กรรมมันจะแยกเอง ทั้งกรรมดี กรรมชั่ว และจะให้ผลเองโดยอัตโนมัติ ”

    -:- หลวงพ่อเข็ม สุชีโว -:-
    วัดป่าโนนนิเวศน์ (ห้วยซันเหนือ) อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี

    -ทั้งกรรม.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” จิตนี้หลงกายของตัวเองนี่แหละ จึงได้หลงกายผู้อื่น
    จิตหลงอยู่ในตา หู จมูกลิ้น
    จึงได้หลงไปตามรูป เสียง กลิ่น รส

    ความหลงทั้งหลายเมื่อย่นย่อเข้ามาให้สั้นที่สุดก็คือว่า
    จิตดวงเดียวนี่แหละเป็นผู้หลง.”

    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    เทิดไว้เหนือเศียร ด้วยเกล้า สาธุ.

    .jpg
    ” จิตนี้หลงกายของตัวเองนี่แหละ จึงได้หลงกายผู้อื่น
    จิตหลงอยู่ในตา หู จมูกลิ้น จึงได้หลงไปตามรูป เสียง กลิ่น รส
    ความหลงทั้งหลายเมื่อย่นย่อเข้ามาให้สั้นที่สุดก็คือว่า จิตดวงเดียวนี่แหละเป็นผู้หลง.”

    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    เทิดไว้เหนือเศียร ด้วยเกล้า สาธุ.

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    สวดมนต์ข้ามปีดีอย่างไร

    สมัยที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พักอยู่บนดอยปะหร่อง (เชียงใหม่) กับพระอาจารย์มนู ตอนเช้าเที่ยวบิณฑบาต พอให้พรเสร็จ ท่านได้สอนให้ชาวบ้านกล่าวสาธุพร้อมกันด้วยเสียงสูง ท่าน(พระอาจารย์มั่น) เล่าเป็นเชิงตลกว่า มือทั้งสองข้างของเขาชูขึ้นข้างบน เหมือนบั้งไฟจะขึ้นสู่ท้องฟ้า ว่างั้น

    วันหนึ่ง ท่าน(พระอาจารย์มั่น)นั่งพักในส่วนที่ทำเป็นที่พักกลางวัน มีเทพพวกหนึ่งมาจากเขาจิตรกูฏ มาถามท่านว่า

    “เสียงสาธุ สาธุนั้น สาธุอะไร สะเทือนสะท้านทุกวัน พวกเทพทั้งหลายได้ฟัง มีความสุขไปตามๆ กัน”

    ท่านมาพิจารณาว่า เสียงอะไร ที่ไหน จึงระลึกได้ว่า เสียงสาธุการของชาวบ้านตอนถวายทานนั่นเอง

    พอรับทราบแล้วพวกเทพก็กล่าวว่า “เขาก็สาธุการด้วย” แล้วทำประทักษิณเวียนขวาลากลับไป ส่วนมากพวกเทพเขาจะทำอย่างนั้น

    ท่านพระอาจารย์มั่น เลยมาพิจารณาต่อได้ความว่า

    พุทธมนต์นั้นใครสวดก็ตาม จะเป็นกิจวัตรของพระสงฆ์เช้า เย็น หรือชาวพุทธทุกคน

    สวดมนต์ระลึกในใจ มีอานุภาพแผ่ไปได้หมื่นจักรวาล

    สวดออกเสียงพอฟังได้ มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนจักรวาล

    สวดมนต์เช้าเย็นธรรมดา มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนโกฏิจักรวาล

    สวดเต็มเสียงสุดกู่ มีอานุภาพแผ่ไปได้อนันตจักรวาล

    แม้สัตว์ที่อาศัยอยู่ในสามภพ และที่สุดอเวจีมหานรก ยังได้รับความสุข เมื่อแว่วเสียงพุทธมนต์ผ่านลงไปถึงชั่วขณะชั่วครู่หนึ่ง ดีกว่าหาความสุขไม่ได้เลยตลอดกาล

    นี้คืออานิสงส์ของพระพุทธมนต์ ท่านพระอาจารย์มั่นว่าอย่างนี้

    1514711586_581_สวดมนต์ข้ามปีดีอย่างไร.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” วันนี้วันอะไร กำลังจะสิ้นปี อะไรที่อยากทำ ก็ทำซะ ปีหน้าปีใหม่แล้ว ขอให้ทำแต่สิ่งดีๆ ใครที่ไม่เคยถือศีล ก็ถือซะ ใครที่ไม่เคยภาวนา ก็ภาวนาซะ ใครที่ไม่เคยทำสมาธิ ก็ทำสมาธิซะ ”

    -:- หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน -:-
    วัดป่าโสตถิผล อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

    -กำลังจะส.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…กิเลสตัณหาก็เป็นธรรม ธรรมทั้งนั้น
    สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นธรรมทั้งนั้น เรียกว่าธรรม
    คือธรรมเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นแล้วดับไป
    เพ่งเข้าหาจิต เพ่งเข้าหาจิต
    ดูเข้าไปหาจิต หยั่งเข้าหาจิต
    กิเลสตัณหามันเป็นเหมือนกับเปลือกเนี่ย
    เปลือกไม้นั่นน่ะ เหมือนกับเปลือกผลไม้อย่างงั้นล่ะ
    เข้าไปหาถึงเนื้อแล้วเปลือกไม่มี
    เข้าไปหาถึงแก่นแล้วกระพี้ไม่มี
    เข้าไปหาจิตจริงๆ แล้ว เรื่องขี้หมูขี้หมาไม่มีหรอก
    เรื่องไฟเผาหัวนี่ไม่มี
    ลูบๆ คลำๆ ก็ลูบๆ คลำๆ
    ใครๆ ก็ว่า เหมือนกับเอาเชื้อไปใส่ไฟ
    เข้าไปหาจุดที่ไฟมันเกิดเหมือนสวิตซ์ไฟอย่างเนี้ย
    ดับที่ถูก ถูกที่จุดมันเนี่ยนะ กี่ดวงกี่ดวงดับทันที
    ถ้าหากว่าดับไม่ถูกจุดนั่นน่ะ ตายเพราะไฟนั่นล่ะ
    นี่ ธรรมทั้งหลายเกิดจากจิต…”

    พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร หลวงปู่แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ธ.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...