ธรรมะจากเพจต่างๆ พระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย ธรรมะสายหลวงปู่มั่น, 6 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    โอวาทธรรมหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดป่าศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ญา.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  2. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  3. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “….ในความโกรธ ไวไฟ โมโห ฉุนเฉียวง่าย
    อะเอะเทะทะมะเทิ่ง ตึงๆ ตังๆ หวีดๆ กรี๊ดๆ
    ลุกไหม้เป็นไฟเป็นฟืน
    ในความโลภอยากได้ ตาเหลือกถลน
    ในความโง่มัวเมาโง่งมอยู่
    สิ่งเหล่านี้มีอยู่ที่ใจ
    มีอยู่ในตัวเรา จึงให้พยายามฆ่า ลด ละ ประหาร
    หากเราไม่จัดการมันก่อน
    มันจะจัดการเรา ฆ่าเรา ประหารเรา….”

    โอวาทธรรมองค์หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ครบรอบ ๑๐๘ ปี ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม(วัดหนองน่อง) บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ไวไฟ-โมโห-ฉุน.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  4. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ฉะนั้นต้องแก้ไข อย่าวิตกกังวล
    อะไรเป็นปัญหา อะไรพาทุกข์
    ปัญหาเกิดจากอะไร บาปเกิดจากอะไร
    อะไรเป็นตัวบาป ตัวบาปตัวกิเลส
    เป็นเหตุแห่งทุกข์ ให้รู้แก้ไข รู้จัดการ…”

    โอวาทธรรมองค์หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ครบรอบ ๑๐๘ ปี ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม(วัดหนองน่อง) บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -อย่าวิ.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  5. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…การภาวนาจึงเป็นการประกาศตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าเวลานี้ จิตของเราเป็นอย่างไร มีความสุข ความทุกข์ ความฟุ้งซ่าน รำคาญมากน้อยเพียงไร นี่ ดูจุดสำคัญเนี่ย กองแห่งความวุ่นวายก็อยู่ที่นี่ โรงงานแห่งความวุ่นวายก็อยู่ที่นี่ มันผลิตขึ้นทุกวัน
    โรงงานแห่งการทำลายวัฏจักรที่หมุนอยู่ภายในจิตใจก็ตั้งขึ้นที่นี่
    คือตั้งขึ้นที่สติ ตั้งขึ้นด้วยปัญญาหนุนไปด้วยความพากเพียร
    ความอดความทน สู้กันไปไม่ถอย เมื่อผู้ต้องการจะเดินตามเสด็จพระพุทธเจ้าแล้วต้องเดินตามธรรมของพระองค์ฝืนธรรมของพระองค์ก็คือเป็นการก้าวเดินตามกิเลสนั้นเอง ขณะที่เราฝืนธรรมก็เป็นขณะที่ศาสนาอาภัพไปแล้วจากตัวของเรา ขณะที่มีความเจริญรุ่งเรืองภายในจิตใจ รักศีล รักธรรม รักความพากเพียร นั่นเป็นขณะที่ศาสนามีอยู่ภายในตัวของเรา เราจะได้รับความร่มเย็นเป็นสุขเป็นลำดับๆ…”

    พระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
    วัดป่าบ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  6. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  7. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…ถ้ารู้ธรรมก็ขอให้สักแต่ว่ารู้ เมื่อรู้แล้วก็นำธรรมนั้นมาฟอกซักชำระเสียให้สะอาด ใจเรามันสกปรกมานานต้องล้างมันออกเสียที อวิชชามันเยอะ มันห่อหุ้มไว้จนหมดมิด เมื่อจิตใจหมดจดแล้ว จิตใจผู้รู้นั่นแหละ รู้ด้วยสติปัญญานะมันก็จะปล่อยวางธรรมนั้นไป จิตของผู้รู้นั่นแหละ ก็จะทรงอาณุภาพด้วยปัญญาจริง ไม่เกาะเกี่ยว ไม่ข้องแวะกับอะไรทั้งสิ้น เป็นปกติใสสว่างเป็นจิตเดิมแท้ๆ ทีนี้แหละ อะไรที่ไม่รู้มันก็จะรู้ สิ่งไหนไม่อยากรู้มันก็รู้ มันก็ตื่น มันก็เบิกบานของมันไป รับไปปฏิบัติซะ! เอามาแล้ว ถ้ามาวางไว้เฉยๆ มันจะไปได้ประโยชน์อะไรเล่า…”

    โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  8. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    * หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต *

    ในระหว่างที่จำพรรษาที่วัดเขาวงกฏ หลวงพ่อชา สุภัทโท ได้ฟังเรื่องราวของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จากโยมคนหนึ่ง ซึ่งเคยไปนมัสการหลวงปู่มั่นที่สำนักป่าหนองผือนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร เกิดความรู้สึกเลื่อมใส และตั้งใจว่าจะต้องไปศึกษาแนวทางปฏิบัติจากท่าน

    เมื่อออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อพิจารณาเห็นว่า พระถวัลย์มีความสนใจในการศึกษาตำรับตำรา จึงปรารภเรื่องวิถีชีวิตกันระหว่างเพื่อน พระถวัลย์ตกลงใจจะไปเรียนปริยัติธรรมที่กรุงเทพฯ หลวงพ่อกับคณะพระภาคกลางรวมกันสี่รูป จึงออกเดินทางย้อนกลับมาที่อุบลราชธานี พักอยู่ที่วัดก่อนอกระยะหนึ่ง แล้วจาริกธุดงค์มุ่งหน้าไปจังหวัดสกลนคร

    ระหว่างการเดินทางไปสำนักหลวงปู่มั่น ได้แวะสนทนาและศึกษาตามสำนักต่างๆ ที่จาริกผ่านไปเรื่อย เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ และเปรียบเทียบแนวทางปฏิบัติของแต่ละสำนัก

    การเดินทางครั้งนั้น ผู้ร่วมทางบางคนในคณะเกิดท้อถอย เพราะมีความเหน็ดเหนื่อยและยากลำบากมาก ประกอบกับเป็นผู้ไม่คุ้นเคยต่อการเดินทางไกลนัก จึงขอแยกทางกลับคืนถิ่นเดิม หลวงพ่อกับพระอีกสองรูปที่ไม่เลิกล้มความตั้งใจ ได้ออกเดินทางต่อในที่สุดก็ถึงสำนักของหลวงปู่มั่น

    ก้าวแรกที่ย่างเข้าสู่สำนักป่าหนองผือนาใน หลวงพ่อรู้สึกประทับใจในบรรยากาศอันสงบ ร่มรื่นของสำนัก มองดูลานวัดสะอาดสะอ้าน กิริยามารยาทของเพื่อนบรรพชิตเป็นที่น่าเลื่อมใส จึงเกิดความพึงพอใจยิ่งกว่าสำนักใดๆ ที่เคยสัมผัสมา

    ยามเย็นวันแรกที่ไปถึง ได้เข้ากราบนมัสการหลวงปู่พร้อมศิษย์ของท่านเพื่อฟังธรรมร่วมกัน หลวงปู่มั่นได้ปฏิสันถารสอบถามเกี่ยวกับอายุ พรรษา และสำนักที่เคยได้ศึกษาปฏิบัติ จากนั้นท่านก็ให้โอวาทและปรารภถึงเรื่องนิกายทั้งสอง คือ ธรรมยุติและมหานิกาย ซึ่งเป็นเรื่องที่หลวงพ่อสงสัยอยู่มาก

    หลวงปู่มั่นกล่าวว่า “การประพฤติปฏิบัตินั้น หากถือเอาพระธรรมวินัยเป็นหลักแล้ว ก็ไม่ต้องสงสัยในนิกายทั้งสอง”

    เมื่อคลายความสงสัยในเรื่องนิกายแล้ว หลวงพ่อได้กราบเรียนถามปัญหากับหลวงปู่มั่น ซึ่งหลวงพ่อถ่ายทอดบทสนทนาของท่านกับหลวงปู่มั่นให้ศิษย์ฟังว่า

    “เกล้ากระผมเป็นผู้ปฏิบัติใหม่… ไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไร… มีความสงสัยมาก ยังไม่มีหลักในการปฏิบัติเลยครับ”

    “มันเป็นยังไง” หลวงปู่มั่นถาม

    “ผมหาทางปฏิบัติ… ก็เลยเอาหนังสือวิสุทธิมรรคขึ้นมาอ่าน มีความรู้สึกว่ามันจะไปไม่ไหวเสียแล้ว เนื้อความในสีลานิทเทส สมาธินิทเทส ปัญญานิทเทสนั้น ดูเหมือนไม่ใช่วิสัยของมนุษย์จะทำได้ ผมมองเห็นว่ามนุษย์ทั่วโลกนี้ มันจะทำตามไม่ได้ครับ มันยาก มันลำบาก มันเหลือวิสัยจริงๆ…”

    หลวงปู่มั่นจึงกล่าวให้ฟังว่า…

    “ท่าน… ของนี้มันมากก็จริงอยู่ ถ้าเราจะกำหนดทุกๆ สิกขาบทในสีลานิทเทสนั้น นะมันก็ลำบาก แต่ความจริงแล้ว สีลานิทเทสก็คือสิ่งที่บรรยายออกมาจากใจของคนเรานั่นเอง ถ้าหากว่าเราอบรมจิตของเราให้มีความละอาย มีความกลัวต่อความผิดทั้งหมด เราก็จะเป็นคนที่สำรวมสังวรระวัง เพราะมีความละอายและเกรงกลัวต่อความผิด…

    เมื่อเป็นอย่างนั้น ก็จะเป็นเหตุให้เราเป็นคนมักน้อย และสติก็จะกล้าขึ้น จะยืนเดิน นั่ง นอนอยู่ที่ไหน มันจะตั้งอกตั้งใจมีสติเต็มเปี่ยมเสมอ ความระวังมันก็เกิดขึ้น…

    อะไรทั้งหมดที่ท่านศึกษาในหนังสือน่ะ มันขึ้นต่อจิตทั้งนั้น ถ้าท่านยังไม่อบรมจิตของท่านให้มีความรู้ มีความสะอาดแล้ว ท่านจะมีความสงสัยอยู่เรื่อยไป…

    ดังนั้น ท่านจงรวมธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ที่จิต สำรวมอยู่ที่จิต อะไรที่เกิดขึ้นมา ถ้าสงสัย… ถ้ายังไม่รู้แจ้งแล้วอย่าไปทำ… อย่าไปพูด… อย่าไปละเมิดมัน”

    คืนนั้น… หลวงพ่อนั่งฟังธรรมร่วมกับศิษย์ของหลวงปู่มั่น จนกระทั่งถึงเที่ยงคืน จิตใจเกิดความสงบระงับเป็นสมาธิ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางได้อันตรธานไปสิ้น…

    คืนที่สอง… หลวงปู่มั่นได้แสดงปกิณกธรรมต่างๆ ให้ฟังอย่างละเอียดลึกซึ้ง จนหลวงพ่อคลายความลังเลสงสัยในวิถีทางการปฏิบัติ มีความปลาบปลื้มปิติในธรรมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    ในวันที่สาม… หลวงพ่อได้กราบลาหลวงปู่มั่น แล้วเดินธุดงค์ลงมาทางอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม

    จากการได้พบหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ในครั้งนั้น เป็นประสบการณ์สำคัญที่นำวิถีชีวิตของหลวงพ่อเข้าสู่กระแสธรรมปฏิบัติอย่างถูกต้องและมั่นคง หลวงพ่อเล่าถึงบรรยากาศของการได้สัมผัสหลวงปู่มั่น และสำนักป่าหนองผือนาใน แก่พระเณรในเวลาต่อมาว่า…

    “…ที่ผมได้ความรู้ความฉลาด จนได้มาแบ่งปันพวกท่านทั้งหลายนั้น ก็เพราะผมได้ไปกราบครูบาอาจารย์มั่น… ไปพบท่าน แล้วก็เห็นสภาพวัดวาอารามของท่าน ถึงจะไม่สวยงาม แต่ก็สะอาดมาก

    พระเณรตั้งห้าสิบหกสิบ เงียบ ! ขนาดจะถากแก่นขนุน (แก่นขนุนใช้ต้มเคี่ยว สำหรับย้อมและซักจีวร) ก็ยังแบกเอาไปฟันอยู่โน้น… ไกลๆ โน้น เพราะกลัวว่าจะก่อกวนความสงบของหมู่เพื่อน… พอตักน้ำทำกิจอะไรเสร็จ ก็เข้าทางจงกรมของใครของมัน ไม่ได้ยินเสียงอะไร นอกจากเสียงเท้าที่เดินเท่านั้นแหละ

    บางวันประมาณหนึ่งทุ่ม เราก็เข้าไปกราบท่านเพื่อฟังธรรม ได้เวลาพอสมควรประมาณสี่ทุ่มหรือห้าทุ่มก็กลับกุฏิ เอาธรรมะที่ได้ฟังไปวิจัย… ไปพิจารณา เมื่อได้ฟังเทศน์ท่าน มันอิ่ม เดินจงกรมทำสมาธินี่… มันไม่เหน็ดไม่เหนื่อย มันมีกำลังมาก

    ออกจากที่ประชุมกันแล้วก็เงียบ ! บางครั้งอยู่ใกล้ๆ กัน เพื่อนเขาเดินจงกรมอยู่ตลอดคืนตลอดวัน จนได้ย่องไปดูว่าใคร ท่านผู้นั้นเป็นใคร ทำไมถึงเดินไม่หยุดไม่พัก นั่น… เพราะจิตใจมันมีกำลัง…”

    -ประสบการณ์ในป่าช้า-

    หลังจากออกจากสำนักหลวงปู่มั่นแล้ว หลวงพ่อกับคณะเดินธุดงค์รอนแรมพักภาวนาตามป่าเขามาเรื่อยๆ ในขณะนั้นไม่ว่าจะเดินจงกรม หรือนั่งสมาธิอยู่ที่ใดก็ตาม มีความรู้สึกราวกับว่า หลวงปู่มั่นคอยติดตามให้คำแนะนำตักเตือนอยู่ตลอดเวลา…

    วันหนึ่งหลวงพ่อกับคณะเดินทางถึงวัดโปร่งคลอง ซึ่งเป็นสำนักของพระอาจารย์คำดี ขณะนั้นเป็นฤดูแล้ง พื้นดินแห้งเหมาะแก่การพักตามโคนไม้ พระบางรูปในสำนักจึงไปอยู่ป่าช้า เพื่อฝึกฝนตนเอง หลวงพ่อเกิดความสนใจใคร่จะศึกษาดูว่า การอยู่ป่าช้าจะช่วยขัดเกลากิเลสได้อย่างไร

    หลวงพ่อเล่าถึงประสบการณ์ที่ป่าช้าในครั้งนั้นว่า…

    ” …วันนั้นตอนบ่ายๆ ตั้งใจว่าคืนนี้จะไปภาวนาในป่าช้า พอจะไปจริงๆ ใจชักไม่อยากไปซะแล้ว ก็บังคับมัน คิดว่าถ้าจะตายก็ยอมตายเพราะมันลำบากนัก มันโง่นัก พูดในใจอย่างนี้…

    พอไปถึงป่าช้า ปะขาวแก้วจะมาพักใกล้ๆ ก็ไม่ยอม ให้ไปอยู่ไกลๆ โน่น ความจริงแล้วอยากให้มาอยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อนกัน แต่ไม่เอาเดี๋ยวตัวเองจะอาศัยเขา กลัวนักก็ให้มันตายเสียในคืนนี้ พอค่ำลงเขาหามศพมาฝังพอดี ทำไมถึงเหมาะเจาะอย่างนี้… คิดอยากจะหนี… เขานิมนต์ให้สวดมาติกา ก็ไม่เอา เดินหนีไป… มันกลัว… เดินก็แทบไม่รู้สึกว่าเท้าแตะดิน

    สักพักก็เดินกลับมา เขาเอาศพฝังไว้ใกล้ๆ แล้วยังเอาไม้ไผ่ที่หามศพมาทำเป็นร้านให้นั่ง… จะทำอย่างไรดี… หมู่บ้านกับป่าช้าก็ไม่ใช่ใกล้ๆ กัน ห่างกันตั้งสองสามกิโล

    พอตะวันตกดิน ใจหนึ่งก็บอกให้เข้าไปอยู่แต่ในกลดท่าเดียว จะเดินไปหาหลุมศพ ก็เหมือนมีอะไรมาดึงขาเอาไว้ ความรู้สึกกลัวกลับกล้ามันฉุดรั้งกันอยู่

    พอมืดสนิทจริงๆ ก็มุดเข้ากลดทันที รู้สึกเหมือนมีกำแพงเจ็ดชั้น เห็นบาตรตั้งอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกดีใจ ได้อาศัยบาตรเป็นเพื่อน นั่งอยู่ในกลดทั้งคืน ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย นั่งเงียบอยู่ จะง่วงก็ไม่ง่วง มันกลัว ทั้งกลัวทั้งกล้า นั่งอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งคืนเลย

    พอสว่างขึ้น ก็รู้สึกว่าเรารอดตายแล้ว ดีใจจริงๆ ภายในใจเราอยากให้มีแต่กลางวันเท่านั้น ไม่อยากให้มีเวลากลางคืนเลย อยากฆ่ากลางคืนทิ้ง มันจะได้มีแต่กลางวัน…

    ตอนเช้าไปบิณฑบาตคนเดียว หมาวิ่งตามหลังมาจะกัด แต่ก็ไม่ไล่ จะกัดก็กัดไปเลย ให้มันกัดให้ตายซะ หมาก็งับผิดงับถูก โยมชาวภูไท ไม่รู้จักไล่หมา เขาว่าผีมันมากับพระ หมาจึงได้เห่าได้กัด เขาจึงไม่ไล่มัน ช่างมัน ! เมื่อคืนนี้ก็กลัวจนเกือบตายทีหนึ่งแล้ว ตอนเช้านี้หมาจะกัด ก็เลยปล่อยให้มันกัดซะ ถ้าหากว่าแต่ก่อนเราเคยกัดมัน ก็ปล่อยให้มันกัดคืนซะ แต่มันก็งับผิดงับถูกอยู่อย่างนั้น

    กลับจากบิณฑบาตก็ฉัน พอฉันเสร็จ แดดออกมาบ้างรู้สึกอบอุ่นได้เดินจงกรม และพักผ่อนเอาแรงบ้าง คืนนี้จะได้ภาวนาให้เต็มที่ คงไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะได้ทดลองมาคืนหนึ่งแล้ว

    พอบ่ายๆ ชาวบ้านหามศพมาอีกแล้ว เป็นผู้ใหญ่เสียด้วย เขาเอามาเผาไว้ใกล้ๆ ด้านหน้ากลด แล้วก็กลับบ้านกันหมด ช่วงหัวค่ำศพที่ถูกเผามีกลิ่นเหม็นตลบอบอวล จะเดินจงกรมไปข้างหน้าก็ก้าวไม่ออก ที่สุดเลยเข้าไปในกลด… นั่งหันหลังให้กองไฟ ไม่คิดอยากนอนเลย ตาตื่นแข็งอยู่อย่างนั้น ตกดึกประมาณสี่ทุ่ม มีเสียงอยู่ข้างหลังในกองไฟดังเหมือนตกลงมา หรือหมาจิ้งจอกมากินซากศพ แต่ฟังอีกที เหมือนเสียงควายดังครืดคราดๆ…

    พอสักพัก มีเสียงเหมือนคนเดินเข้ามาหาทางด้านหลัง เดินหนักเหมือนควาย แต่ไม่ใช่… แต่จะเข้ามาก็ไม่เข้า เดินโครมๆ ออกไปทางปะขาวแก้ว นานประมาณครึ่งชั่วโมง เดินกลับมาอีกแล้ว เหมือนคนเดินจริงๆ ตรงดิ่งเข้ามาเหมือนจะเหยียบเราอย่างนั้นแหละ… หลับตาสนิทไม่ยอมลืมตา ให้มันตายทั้งหลับตานี่แหละ

    มันมาถึงใกล้ๆ หยุดกึก ! ยืนนิ่งอยู่เงียบๆ ข้างหน้ากลด รู้สึกเหมือนกับว่ามันเอามือที่ถูกไฟไหม้คว้าไปมาอยู่ข้างหน้า…

    ตายคราวนี้ละ ! พุทโธ ธัมโม สังโฆ ลืมหมด มีแต่ความกลัวอย่างเดียว เต็มแน่นเอี๊ยดอยู่ในใจ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีความกลัวเหมือนครั้งนี้เลย มันกลัวมาก เปรียบเหมือนกับน้ำที่เราเทใส่ในโอ่ง เทใส่มากจนเต็มมันก็ล้นออกมา ความกลัวเหมือนกัน มันกลัวมากจนหมดกลัว แล้วก็ล้นออกมา… ใจหนึ่งเลยถามว่า…

    ที่กลัวมากกลัวมายนัก มันกลัวอะไร?

    กลัวตาย อีกใจหนึ่งตอบ

    แล้วความตายมันอยู่ที่ไหน… ทำไมกลัวเกินบ้านเมืองเขานัก… หาที่ตายดูซิ มันอยู่ไหน ความตายอยู่กับตัวเอง อยู่กับตัวเอง แล้วจะหนีไปไหนจึงจะพ้นมันล่ะ… วิ่งหนีก็ตาย… นั่งอยู่ก็ตาย เพราะมันอยู่กับเราไปไหนมันก็ไปด้วย เพราะความตายมันอยู่กับเรา… กลัวหรือไม่กลัว… ก็ตายเหมือนกัน หนีมันไม่ได้หรอก…

    พอคิดได้อย่างนี้เท่านั้น สัญญาพลิกกลับ… ความคิดก็เปลี่ยนขึ้นมาทันที ความกลัวทั้งหลายเลยหายไป ปานพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ อัศจรรย์เหลือเกิน ความกลัวมากๆ มันหายไปได้ ความไม่กลัวมันกลับมาแทนในที่เดียวกันนี้ โอ… ใจมันสูงขึ้น… สูงขึ้นเหมือนอยู่บนฟ้านะ… เปรียบไม่ถูก

    พอเอาชนะความกลัวได้แล้ว ฝนเริ่มตกทันทีเลย ลมพัดแรงมาก แต่ก็ไม่กลัวตายแล้ว ไม่กลัวต้นไม้กิ่งไม้มันจะหักลงมาทับ ไม่สนใจมันเลย…

    ฝนตกลงมาหนักเหมือนฝนเดือนสี่ พอฝนหยุด… เปียกหมดทั้งตัว นั่งนิ่งไม่กระดิกเลย… ร้องไห้… นั่งร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มลงมา เพราะเกิดนึกไปว่า ตัวเรานี่ทำไมเหมือนคนไม่มีพ่อมีแม่แท้ มานั่งตากฝนยังกับคนไม่มีอะไร ยังกับคนสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง คนที่เขามีบ้านอยู่ดีๆ เขาคงจะไม่คิดหรอกว่า จะมีพระมานั่งตากฝนอยู่ทั้งคืนอย่างนี้ เขาคงจะนอนห่มผ้าสบาย คิดไปวิตกไป เลยสังเวชชีวิตของตน ร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ เอ้า… น้ำไม่ดีนี่ให้มันไหลออกมาให้หมด… อย่าให้มันมีอยู่

    เมื่อคิดได้อย่างนี้… เมื่อชนะความรู้สึกแล้ว ก็นั่งดูจิตดูใจอยู่อย่างนั้น ความรู้เห็นสารพัดเรื่องเกิดขึ้นมา… พรรณนาไม่ได้ คิดถึงพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ วิญญูชนพึงรู้ได้เฉพาะตน… ความทุกข์ที่นั่งตากฝน… ความกลัวที่มันหายไป ความรู้สึกต่อมาเป็นอย่างไร ก็รู้แต่เฉพาะเราเอง ใครอื่นจะมารู้ด้วย… นั่งพิจารณาอยู่อย่างนี้จนสว่าง จิตมีกำลังศรัทธาขึ้น

    ส่วางขึ้นมา ลืมตาครั้งแรกมองไปทางไหนเหลืองไปหมด ลุกไปปัสสาวะเพราะมันปวดตั้งแต่เมื่อคืน ปวดจนหายปวดไปเฉยๆ… ปัสสาวะออกมามีแต่เลือด รู้สึกตกใจเล็กน้อย คิดว่าไส้หรืออะไรข้างในคงขาดหมดแล้ว… ขาดก็ขาด… ตายก็ตายไปซิ… ตายเพราะการปฏิบัติอย่างนี้ก็พอใจตาย แต่ตายเพราะไปทำความชั่วซิไม่ค่อยดี ตายเพราะปฏิบัติแบบนี้ตายก็ตาย…

    ในใจมันแย้งกันอยู่อย่างนี้ ใจหนึ่งมันเบียดเข้ามาว่าเป็นอันตราย อีกใจหนึ่งมันสู้ มันค้าน และตัดขึ้นมาทันที

    คืนนั้นฝนตกทั้งคืน วันรุ่งขึ้นจับไข้สั่นไปทั้งตัว แต่ก็อดทนออกไป บิณฑบาตในหมู่บ้าน บิณฑบาตก็ได้แต่ข้าวเปล่าๆ…

    หลังคืนสยองผ่านไป โดยมิรู้ว่าอาคันตุกะลึกลับผู้นั้นคือใคร เหตุใดจึงมาเยี่ยมเยือนด้วยอาการดุร้ายน่ากลัวเช่นนั้น… หลวงพ่อไม่กล่าวถึงมัน ท่านกลับเน้นให้ศิษย์มองเห็นคุณค่าของการต่อสู้ให้ถึงที่สุด… สู้ชนิดเอาชีวิตเข้าแลก แล้วปัญญาความรู้แจ้งเห็นจริงจะเกิดขึ้นตรงนั้น ดังคำที่หลวงพ่อมักใช้ปลุกใจลูกศิษย์ว่า

    ไม่ดีก็ให้มันตาย… ไม่ตายก็ให้มันดี !”

    เมื่อหลวงพ่อพักบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่ป่าช้าได้เจ็ดวัน ก็มีอาการป่วยหนัก จึงออกมาพักรักษาตัวที่สำนักท่านอาจารย์คำดี พักอยู่ประมาณ 10 วัน อาการก็ทุเลาลง แม้ร่างกายอ่อนล้าเพราะพิษไข้ แต่จิตใจกลับกล้าแกร่งองอาจยิ่งนัก เพราะได้ฝ่าฟันอุปสรรคคือ ความกลัวตายในคืนนั้นได้ด้วยความอดทนและภูมิปัญญา

    หลังจากอาการไข้สร่างซาลง มีพละกำลังกลับคืนมา ก็กราบลาท่านอาจารย์คำดี เดินทางมาพักอยู่ในป่าใกล้บ้านต้อง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พักอยู่ที่นั่นหลายวัน อาการไข้หายเป็นปกติ แต่อาการไข้ใจจากไฟราคะ ที่ถูกควบคุมความร้อนแรงไว้ด้วยการหลีกเร้นและภาวนา กลับถูกจุดให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง โดยม่ายสาวผู้รวยรูปลักษณ์และทรัพย์สิน นางมาถวายอาหารและพูดคุยด้วยทุกวัน จนจิตใจหลวงพ่อหวั่นไหวไปตามแรงจริตที่นางแสดงออก ซึ่งส่อถึงความรู้สึกอันพิเศษเกินขอบเขตที่อุบาสิกาจะพึงมีต่อพระ…

    หลวงพ่อชั่งใจว่าจะเอาอย่างไรดีอยู่หลายวัน กระทั่งคืนหนึ่งขณะนั่งภาวนาพิจารณาไป สังเกตเห็นใจตัวเองเอนเอียงไปทางนางมากขึ้นทุกที จึงตัดสินใจลุกขึ้นเก็บบริขารในกลางดึกของคืนนั้น แล้วเดินไปปลุกปะขาวแก้ว ซึ่งกำลังหลับสบายอยู่ในกลด ปะขาวแก้วสะดุ้งตื่น ลุกขยี้ตา ถามอย่างงัวเงียว่า “ไปพรุ่งนี้ไม่ได้หรือครับ”

    “ไม่ ! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” หลวงพ่อตอบอย่างเด็ดขาด เพราะตรึกตรองดีแล้วว่า ถ้าไม่หนีคืนนี้คงจะเสียทีแก่นางแน่

    หลายปีต่อมา หลังจากหลวงพ่อมาอยู่วัดหนองป่าพงแล้ว ครั้งหนึ่งท่านได้เยี่ยมลูกศิษย์ที่สำนักสาขาแถวบ้านต้อง ระหว่างพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับญาติโยม ท่านปรารภถึงความหลัง และพูดถึงการปฏิบัติของตัวเองในสมัยก่อนอย่างขำๆ ว่า…

    “การปฏิบัติของอาตมามันยากหลายแนว แต่แนวที่มันยากนำอีหลีก็เรื่องแม่ออก นี่ล่ะ” (การปฏิบัติของอาตมามันยากหลายอย่าง แต่ที่ยากกับมันจริงๆ ก็เรื่องผู้หญิง นี่แหละ)

    คัดลอกจาก หนังสือ “ใต้ร่มโพธิญาณ”

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ภูริทตฺโต.jpg

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  9. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “สมัยอาจารย์ไปบวชเณร ตอนนั้นเรียนหนังสืออยู่กรุงเทพฯ อยู่สวนกุหลาบ โอ้ เราเรียนเก่งมากตอนนั้น ได้ไปอ่านหนังสือประวัติหลวงปู่มั่นของหลวงตา โยมพ่อโยมแม่ท่านไปบ้านตาด ท่านไปเอามา อ่านประวัติ เราร้องไห้ ร้องไห้เลย มันสะดุดใจมาก มีอย่างนี้ด้วยหรือ เราว่าทางโลกเราก็เรียกว่าเรียนอะไรก็ได้ ไม่น้อยหน้าใครแล้วนะ โอ้โห แต่วิชานี้มันทางโลกไม่มีนะ อย่างนี้มันก็มี ตอนที่เราได้อ่านประวัติหลวงปู่มั่นที่หลวงตาท่านเขียน ทั้งที่ยังเรียนหนังสือ นั่นแหละ เกิดศรัทธาอยากบวชนะนั่น บวชเณร โยมพ่อโยมแม่ไม่ได้พูด ไม่ได้ขอร้องอะไรเลย เกิดขึ้นมาเอง มันประจักษ์เตือนจริง ๆ จัง ๆ ทั้งที่มันก็ยังเรียนอย่างสนุก สนุกมาก เพราะว่าเรียน เราสนุก

    เราว่าเราเรียนขนาดนั้น แต่คนเก่งกว่านี้ก็ยังมี วิชาที่โลกไม่มี วิชาแบบนี้เขาไม่เรียนกัน หาที่เรียนก็ไม่มี ใจมันถึงออกมา ออกมาบวชเณรสั้น ๆ ทีแรกว่าจะมาอยู่ที่บ้านตาด แต่ว่าเป็นมหานิกาย เราบวชมาก่อนจากวัดนายโรง ตอนนั้นหลวงตาท่านก็ไม่อยากรับเณรเท่าไร ท่านก็ให้ไปอยู่ถ้ำเกีย หลวงตาท่านบอกว่าไปอยู่ที่นั่น ถ้ำเกียเราก็ไม่เคยรู้จัก ไปก็ไป ไปด้วยศรัทธาจริง ๆ ไปด้วยใจ อยู่กับท่านก็อยู่แบบขอนซุง เราก็ไม่เคยรู้มาก่อน แต่อาศัยว่ามันอยากจะลองดู จากการได้อ่าน อ่านครั้งเดียวปุ๊ปเกิดศรัทธา แต่พอไปบวชเณรมีเวลาปฏิบัติจริง ๆ จัง ๆ มันถึงเห็น มันถึงได้สัมผัสในบางสิ่งซึ่งฝังอยู่ในใจตลอด

    ศาสนานี้เป็นสิ่งที่วิเศษจริง ๆ เป็นสิ่งที่ลึกลับ และก็มีอะไรอีกมากมายให้เราต้องค้นลงไปให้มากกว่านี้อีกมากมายทีเดียว สิ่งที่ท่านเขียนไว้นั้น ที่เราได้อ่านตำรับตำรา แล้วพอเรามาบวชเณรจริง ๆ มาสัมผัสแม้เพียงน้อยนิด เราก็ยังคิดว่า โอ้ ธรรมะของพระพุทธเจ้านี่ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา ฝังในใจตลอด และก็เตือนเจ้าของตลอด ว่าถ้ามีโอกาส เราก็จะบวช”

    พระอาจารย์บัณฑิต สุปัณฑิโต (พระหมอ)
    ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๒

    -ตอน.jpg

    ที่มา พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  10. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…อ า น า ป า น ส ติ …”

    “…อาการบังคับตัวเองให้กำหนดลมหายใจ ข้อนี้เป็น ศีล

    การกำหนดลมหายใจได้และติดต่อกันไป
    จนจิตสงบ ข้อนี้เรียกว่า สมาธิ

    การพิจารณากำหนดรู้ลมหายใจว่า ไม่เที่ยง ทนได้ยาก มิใช่ตัวตนแล้วรู้การปล่อยวาง ข้อนี้เรียกว่า ปัญญา

    การทำอานาปานสติภาวนาจึงกล่าวได้ว่า เป็นการบำเพ็ญทั้งศีล สมาธิ ปัญญา ไปพร้อมกัน และเมื่อทำ ศีล สมาธิ ปัญญาให้ครบ ก็เชื่อว่าได้เดินทางตาม มรรค มีองค์แปด ที่พระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นทางสายเอก ประเสริฐกว่าทางทั้งหมด

    เพราะจะเป็นการเดินทางเข้าถึงพระนิพพาน เมื่อเราทำตามที่กล่าวมานี้ ชื่อว่าเป็นการเข้าถึงพุทธธรรมอย่างถูกต้องที่สุด…”

    พระโพธิญาณเถร หลวงปู่ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -า-น-า-ป-า-น-ส-ติ.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  11. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…สิ่งทุกอย่าง..ย่อมมีเหตุผล..ทั้งนั้น นั่งๆนิ่งอยู่..มันก็มีเหตุผล
    ใบไม้ร่วง..มันก็มีเหตุผล คนที่ไม่รู้”เหตุผล..นั้น ก็เพราะ..ไม่มีปัญญาความรู้..จึงไม่เข้า..ถึงเหตุผล…”

    ท่านพ่อลี ธัมมธโร

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ย่อมมีเหต.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  12. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “…คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสัจธรรมที่มิได้มุ่งสอนให้คนเป็นคนดีเท่านั้น แต่เป็นคำสอนเดียวในโลกที่สอนให้คนดับทุกข์ได้….”

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  13. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    โอวาทธรรมหลวงปู่ดู่ พฺหรฺมปัญโญ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -พฺห.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  14. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ อยู่ในหัวใจใด หัวใจนั้นจะเย็นนะ ผิดกับเงินทองข้าวของอย่างมากมายทีเดียว เราไม่ได้ตำหนิสมบัติภายนอก ก็เคยบอกแล้วเป็นเครื่องประกอบ เป็นเครื่องหนุนไปธรรมดา ถ้าหากว่าเราไม่รอบคอบ สิ่งภายนอกก็กลายมาเป็นภัย เป็นเครื่องเสริมไฟเผาเราได้อีก เพราะฉะนั้นธรรมภายในจึงสำคัญ นี่พูดถึงเรื่องคติตัวอย่างที่ท่านสอนโลกมานาน ธรรมนี้ไม่มีคำว่าผิด ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ ๆ แต่กิเลสนี้ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ตลอด มีมากมีน้อยแทรกเข้าตรงไหน เป็นความผิดแทรกเข้าตรงนั้นๆ ถ้าผิดมากจมไปเลย ผิดน้อยก็ทำให้ลำบากลำบนเป็นทุกข์ทรมาน เพราะความผิดพลาดของตัวเองนั้นแหละ ท่านเรียกว่ากิเลส คือกิเลสเป็นภัยต่อความถูกต้อง ดีงาม เพราะกิเลสเป็นตัวพิษ เป็นตัวผิด แสดงอะไรมีแต่ผิด ถ้ามีธรรมแทรกเข้าไปมันก็เป็นประโยชน์…”

    เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม
    เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ [เช้า]
    พระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
    วัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) จ.อุดรธานี
    (พ.ศ. ๒๔๕๖ – ๒๕๕๔)

    -ธมฺมํ-สงฺฆํ-สรณํ.png

    ที่มา ธรรมะของพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  15. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ” ความดีนั้น เราต้องทำอยู่เสมอ
    ให้เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิต
    ให้เป็นมรรค คือ ทางดำเนินไปของจิต
    มันจึงจะเห็นผลของความดี

    ไม่ใช่ใกล้จะตายจึงนิมนต์พระไปให้ศีล ให้ไปบอกพุทโธ
    หรือตายไปแล้วให้ไปรับศีลเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ผิดหมด
    เหตุว่าคนเจ็บ จิตมัวติดอยู่กับเวทนา ไฉนจะมาสนใจกับศีลได้
    เว้นแต่ผู้ที่รักษาศีลมาเป็นปกติเท่านั้นจึงจะระลึกได้
    เพราะตนเองเคยทำมาจนเป็นอารมณ์ของจิตแล้ว
    แต่ส่วนมากใกล้จะตายแล้วจึงเตือนให้รักษาศีล ”

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    -เราต้องทำอย.jpg
    ” ความดีนั้น เราต้องทำอยู่เสมอให้เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิต
    ให้เป็นมรรค คือ ทางดำเนินไปของจิต มันจึงจะเห็นผลของความดี
    ไม่ใช่ใกล้จะตายจึงนิมนต์พระไปให้ศีล ให้ไปบอกพุทโธ
    หรือตายไปแล้วให้ไปรับศีลเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ผิดหมด
    เหตุว่าคนเจ็บ จิตมัวติดอยู่กับเวทนา ไฉนจะมาสนใจกับศีลได้
    เว้นแต่ผู้ที่รักษาศีลมาเป็นปกติเท่านั้นจึงจะระลึกได้
    เพราะตนเองเคยทำมาจนเป็นอารมณ์ของจิตแล้ว
    แต่ส่วนมากใกล้จะตายแล้วจึงเตือนให้รักษาศีล ”

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า ด้วยเกล้า สาธุ.

    ที่มา ธรรมะพระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  16. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “สิ่งที่เราควรเจริญ คือสติ
    แค่สติอย่างเดียว
    ถ้าเราเจริญให้มาก ทำให้ยิ่ง
    จะเป็นธรรมที่มีคุณอุปการะมาก
    เป็นธรรมที่ทำให้จิตของเราแก่กล้าด้วย
    เป็นใหญ่ในการระลึก เป็นธรรม
    ที่ทำให้จิตของเราบรรลุธรรมถึงธรรม”

    -หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ

    -คือ.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  17. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    “….ร่างทรงของท่านพ่อลี ธัมมธโร….”

    (วิสัชนาธรรมโดย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
    (เล่าโดย หลวงปู่พุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา)

    ๐ ถามเรื่องเข้าทรงกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    โอ๊ย มันจะไปจริงไปจังอะไรน้อมันเป็นวิธีหากินของเขาอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้คนทั้งหลายนี้มันเก่ง มันไปเรียกเอาวิญญาณภูตผีปีศาจอะไรต่างๆมาเป็นเครื่องมือหาอยู่หากินกันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด

    ในการที่เราไปสอบถามท่านผู้รู้ ที่ท่านรู้ทางในเช่น อย่างหลวงปู่ฝั้นเป็นต้น สาเหตุที่จะได้สอบถามก็เพราะว่า ท่านพ่อลี ธัมมธโรวัดอโศการามท่านมีศักดิ์เป็นปู่หลวงพ่อ แล้วก็มีพระองค์หนึ่งให้เณรเชิญวิญญาณท่านพ่อลี ธัมมธโร มา พอหลวงพ่อรู้เข้าก็รู้สึกไม่พอใจ ก็เลยพยายามสอบถามครูบาอาจารย์ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่สิม พุทธาจาโร พระอาจารย์แว่น ธนปาโล และอาจารย์อื่นๆ ลงความเห็นกันว่าไม่ใช่ท่านพ่อลี ธัมมธโร มาเข้าทรงกันทั้งหมดเลย

    ทีนี้พอไปถามหลวงปู่ฝั้น อาจาโร จริงหรือเปล่าหลวงปู่ที่ว่าวิญญาณท่านพ่อลี ธัมมธโร มาทรง

    โอ๊ย ! มันจะไปจริงไปจังอะไรน้อ มันเป็นวิธีหากินของเขาอย่างหนึ่ง มันไปเลียนแบบมาจากสิบเอกตำรวจจากสมุทรปราการบ้านตำรวจคนนั้นนี่เป็นสำนักทรงวิญญาณ พระพวกนี้มันก็ไปเลียนแบบเขามา

    ทีนี้ถ้าใครนับถือท่านผู้ใดก็ทำเครื่องสักการะบูชาท่านผู้นั้นขึ้นมาแล้วก็ทำพิธีเชิญวิญญาณทรง ก่อนอื่นก็ประกาศบอกไว้แล้วว่า ต่อไปนี้วิญญาณของ ร.๕ จะมาประทับทรง ให้ลูกศิษย์ลูกหามาคอยกราบคอยไหว้

    ทีนี้พอทำพิธีขึ้นมาแล้ววิญญาณพเนจรอยู่แถวป่าหญ้าป่าไม้มันชิงกันมาทรง วิญญาณตนใดที่มันมีอิทธิพลเหนือหมู่มันก็ทรงได้ พอมันทรงแล้วมันก็ประกาศตัวมันว่า ร.๕ แต่แท้ที่จริงมันไม่ใช่ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร นี่ ท่านยืนยันเลยว่า ท่านได้พิจารณาดูแล้วไม่ใช่ (หยั่งรู้ด้วยญาณทัศนะ) มันเห็นแต่วิญญาณพเนจรเหล่านี้มันแย่งกันมาเข้าทรง

    หลวงพ่อถามท่านว่า

    “ถ้าหากว่ามันไม่จริงทำไมมันจึงรู้เรื่องอดีตเราดีนัก”

    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ตอบว่า…

    “…โฮ้ วิญญาณของเราเวลานี้ เราเป็นมนุษย์อยู่มันไม่มีฤทธิ์มีอิทธิพลอะไรหรอก เวลามันตายไปแล้ววิญญาณสามารถทำให้บ้านหลังนี้ไหวก็ได้ แล้วมันรู้เรื่องอดีตทุกอย่าง ธรรมชาติของสัตว์ในภพนั้นมันเป็นอย่างนั้น…”

    Cr.Opas Westly “….ร่างทรงของท่านพ่อลี ธัมมธโร….” วิสัชนาธรรมโดยหลวงปู่ฝั้น อาจาโร เล่าโดยหลวงปู่พุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ธั.jpg

    ที่มา เมตตาธรรม ศิษย์พระธุดงค์กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น
     
  18. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
  19. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    ทำให้สุด ขุดให้ถึง
    มันจะประมวลมาเองแหละ
    ธรรมะของพระพุทธเจ้า
    พระพุทธเจ้าท่านเห็นอย่างไร
    ผู้ปฎิบัติก็ต้องเห็นอย่างนั้น
    เรื่องภพชาติหรือเรื่องอะไรก็ตาม
    มันเกิดขึ้นเองนะ นั่นแหละมันถึงจะเห็น
    แต่ถ้าไม่เห็นไม่พบอะไร..
    ความเกียจคร้านก็เข้าครอบงำนะซิ

    โอวาทธรรม
    ( หลวงปู่ลี กุสลธโร )

    …..สาธุธรรมอันประเสริฐ…..

    -ขุดให้ถึง.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
  20. ธรรมะสายหลวงปู่มั่น

    ธรรมะสายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2017
    โพสต์:
    15,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +375
    การพิจารณา อย่าให้จิตหนีออกนอกกาย
    – จะพิจารณาให้เป็นอสุภะ
    หรือให้เป็นธาตุก็ได้
    หรือพิจารณาให้เป็นขันธ์
    หรือให้เห็นเป็นไตรลักษณ์
    – พิจารณาเพ่งลงเฉพาะในเรื่องนั้นจริงๆ
    ตลอดอริยาบททั้งสี่
    – อย่าให้จิตมันรวมเข้าเป็นภวังค์ได้

    ุบายธรรม
    { หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต }

    …..สาธุธรรมอันประเสริฐ…..

    -อย่าให้จิตหน.jpg

    ที่มา ธรรมะพระป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...