ธรรมะตามรอยอริยะ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ตอน ของดีมีอยู่กับตัว

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 10 มีนาคม 2016.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    ธรรมะตามรอยอริยะ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ตอน ของดีมีอยู่กับตัว
    [​IMG]
    ของดีมีอยู่กับตัวเราทุกคน ก็พากันปฏิบัติเอา ทำเอา
    เมื่อเวลาตายแล้วจึงวุ่นวายหานิมนต์พระมากุสลามาติกา
    ไม่ใช่เกาถูกที่คัน ต้องรีบแก้เสียบัดนี้ คือ เร่งทำความดีแต่บัดนี้
    จะได้หายห่วง อะไรๆ ที่เป็นสมบัติของโลก
    มิใช่สมบัติอันแท้จริงของเรา ตัวจริงไม่มีใครเหลียวแล
    สมบัติในโลกเราแสวงหามา หามาทุจริตก็เป็นไฟเผา
    เผาตัวทำให้ฉิบหายได้จริงๆ
    ข้อนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดและความโง่เขลาของผู้แสวงหาแต่ละราย

    ท่านผู้พ้นทุกข์ไปด้วยความอุตส่าห์สร้างความดีใส่ตน
    จนกลายเป็นสรณะของพวกเรา
    ท่านไม่เคยมีสมบัติเงินทองเครื่องหวงแหน
    เป็นคนร่ำรวย สวยงามเฉพาะสมัย
    จึงพากันรัก พากันห่วง จนไม่รู้จักเป็น รู้จักตาย
    สำคัญตนว่าจะไม่ตายและพากันประมาทจนลืมตัว
    เพลิดเพลินตักตวงเอาแต่สิ่งไม่เป็นท่าใส่ตนแทบหาบไม่ไหว

    อย่าสำคัญว่าตนเอง เก่งกาจสามารถฉลาดรู้กว่าเขาเลย
    ถึงกับสร้างความมืดมิดปิดตาทับถมตัวเอง จนไม่มีวันสร่างซา
    เมื่อถึงเวลาจนตรอกอาจจนยิ่งกว่าสัตว์
    ถ้าไม่เตรียมทราบไว้เสียแต่บัดนี้ ซึ่งอยู่ในฐานะอันควร
    อาตมาขออภัยด้วย ถ้าพูดหยาบคายไป
    แต่คำพูดที่สั่งสอนคนให้ละชั่ว ทำความดี จัดเป็นหยาบคายอยู่แล้ว
    โลกเราก็จะถึงคราวหมดสิ้นศาสนา เพราะไม่มีผู้ยอมรับความจริง
    การทำบาปหยาบคายมีมาประจำแทบทุกคน
    ทั้งให้ผลเป็นทุกข์ ตนยังไม่อาจรู้ได้ และตำหนิมันบ้าง
    พอมีทางคิดแก้ไข แต่กลับตำหนิคำสั่งสอนหยาบคาย ก็นับเป็นโรคที่หมดหวัง

    เมื่อมีผู้เตือนสติ ควรยึดมาเป็นธรรมคำสอน
    จะเป็นคนมีขอบเขตมีเหตุผล ไม่ทำตามความอยาก
    เมื่อพยายามฝ่าฝืนให้เป็นไปตามทางของนักปราชญ์ได้จะประสบผล
    คือความสุขในปัจจุบันทันตา แม้จะมิได้เป็นเจ้าของเงินล้าน
    แต่มีทางได้รับความสุขจากสมบัติและความประพฤติดีของตน

    คนฉลาดปกครองตนให้มีความสุขและปลอดภัย
    ไม่จำต้องเที่ยวแสวงหาทรัพย์มากมาย
    หรือเที่ยวกอบโกยเงินเป็นล้านๆ มาเป็นเครื่องบำรุงจึงมีความสุข
    ผู้มีสมบัติพอประมาณในทางที่ชอบ
    มีความสุขมากกว่าผู้ได้มาในทางมิชอบเสียอีก
    เพราะนั่นไม่ใช่สมบัติของตนอย่างแท้จริง ทั้งๆ ที่อยู่ในกรรมสิทธิ์
    แต่กฎความจริง คือ กรรมสาปแช่งไม่เห็นด้วยและให้ผลเป็นทุกข์ไม่สิ้นสุด
    นักปราชญ์ท่านจึงกลัวกันหนักหนา

    แต่คนโง่อย่างพวกเราผู้ชอบสุกเอาเผากิน และชอบเห็นแก่ตัว
    ไม่มีวันอิ่มพอ ไม่ประสบผล คือ ความสุขดังใจหมาย

    คนหิวอยู่เป็นปกติสุขไม่ได้ จึงวิ่งหาโน่นหานี่
    เจออะไรก็คว้าติดมือมาโดยไม่สำนึกว่าผิดหรือถูก
    ครั้นแล้วสิ่งที่คว้ามาก็มาเผาตัวเองให้ร้อนยิ่งกว่าไฟ
    คนที่หลงจึงต้องแสวงหาถ้าไม่หลงก็ไม่ต้องหา จะหาไปให้ลำบากทำไม
    อะไรๆ ก็มีอยู่กับตัวเองอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว
    จะตื่นเงาตะครุบเงาไปทำไม เพราะรู้แล้วว่า เงาไม่ใช่ตัวจริง
    ตัวจริงคือ สัจจะทั้งสี่ที่มีอยู่ภายในใจอย่างสมบูรณ์แล้ว

    ความมั่งมีศรีสุขจะไม่บังเกิดแก่ผู้ทุจริต
    สร้างกรรมชั่วมีมากเท่าไรย่อมหมดไป
    พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายที่สร้างบาปกรรมไว้
    ผลกรรมนั้นย่อมตกอยู่กับลูกหลานรุ่นหลังให้มีอันเป็นไป
    ผู้ทุจริตเบียดเบียน รังแกผู้อื่น จะหาความสุขความเจริญไม่ได้เลย

    (จากหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
    โดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญฉลองพระพุทธรูปรับวัตถุมงคล.561939/
     

แชร์หน้านี้

Loading...