ธรรมะเพื่อการพัฒนาตน...โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย หมูสวย, 4 กันยายน 2008.

  1. หมูสวย

    หมูสวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +123
    [​IMG]

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นโลกธรรม ให้ถือว่าเป็นธรรมดาของโลก ให้วางมันเสีย กรรมของเราที่มีความโง่เกิดมาในโลกนี้ โลกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ความร้อนมันก็ถูกเรา แต่ว่าให้มันถูกแต่กาย อย่าให้มันเข้าไปถึงใจ ความสุขความทุกข์ในโลกอย่าสนใจ สนใจอย่างเดียวธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้เรามีความสุข ร่างกายของเราจะอยู่ในโลกนี้ อีกไม่กี่วันมันก็พัง ฉะนั้นในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานไปแล้ว ท่านบอกว่าท่านมีความสุข พระอรหันต์ทั้งหลายร่างกายของท่านพัง ท่านบอกว่าท่านมีความสุขเราก็พยายามทำให้สุขเหมือนท่านบ้าง
    ข้อสำคัญจงจำไว้ว่า จงอย่าคิดว่าเราดีไว้เสมอ มองดูความบกพร่องของจิตว่าจิตเราบกพร่องตรงไหนบ้าง พยายามแก้ไขให้สู่ระดับความดี อย่างนี้เป็นความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงต้องการ บรรดาลูกรักของพ่อทุกคนปฏิปทาใดที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความชนะในมารฉันใดขอบรรดาลูกรักทั้งหลายจงชนะในมารฉันนั้นด้วยกำลังใจที่ทรงความดี
    ***อัตตนาโจทยัตตานัง จงกล่าวโทษโจทความผิดของตัวไว้เสมอ อย่าไปยุ่งกับคนอื่น คตินี้นักปฏิบัติทุกคนเขาจะประณามตัวเองเข้าไว้เสมอ อารมณ์ยุ่งอยู่กับกามราคะนิดหนึ่ง เขาจะประณามว่าเลวทันที ของอะไรก็ดีถ้าชมว่าสวย ชมว่างามเมื่อรู้สึกขึ้นมาก็รู้สึกว่าใจของเรามันเลวเสียแล้วรึนี่ แค่นี้เขาตำหนิตัวเขาแล้วแล้ว ยิ่งไปเพ่งโทษของบุคคลอื่น ไปแสดงอารมณ์อิจฉาริษยาบุคคลอื่น ทำให้บุคคลอื่นได้รับความเร่าร้อน นั่นแสดงว่ากิเลสมันไหลออกมาทางกายและทางวาจา มันล้นออกมาจากใจ มันเลวเกินที่จะเกิดเป็นมนุษย์ใหม่นี่เราต้องประณาม อย่างนี้ แล้วทางที่ไปจะไปไหนเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยังเป็นไม่ได้ต้องไปขึ้นต้นมาจากนรก มันไม่เหมาะสำหรับเรานี่ เราต้องประณามตัวไว้เป็นปกติอย่าเที่ยวประณามคนอื่นเขา
    <O:p</O:p
    ***จงอย่าคิดว่าคนอื่นจะต้องมาลงโทษเรา ก่อนที่คนอื่นจะลงโทษ กรรมที่เราทำความชั่ว มันก็ทำความเร่าร้อนให้เกิดขึ้นแก่เรา ใครเขาพูดความชั่วคราวใดเราก็สะดุ้งเพราะเรามันเลว พระพุทธเจ้าตรัสว่าอัตตนา โจทยัตตานัง จงเตือนตนไว้เสมอ และจงโจทตนกล่าวโทษตนไว้เป็นปกติ หาความชั่วของตัวอย่าไปหาความชั่วของบุคคลอื่น ถ้าเลวมากเมื่อไหร่เรา ก็เพ่งเล็งความเลวของบุคคลอื่นมากเท่านั้น ถ้าเราดีมากเท่าไหร่ เราก็ไม่มองเห็นความเลวของบุคคลอื่น เพราะยอมรับนับถือกฎของกรรม ที่เรายังไปหาความเลวของบุคคลอื่น เสียดสีเขาบ้าง พูดกระทบกระเทียบเขาบ้าง ทำลายความสุขใจเขาบ้าง นั่นแสดงว่าเรามันเลวที่สุดของความเลว คือความเลวมันไม่ได้ขังอยู่ เฉพาะในใจมันไหลออกมาทางกาย ไหลออกมาทางวาจา เพราะมันล้นเลวจนล้น นี่ขอทุกท่านจงจำไว้ อย่าไปมองดูความเลวของคนอื่น มองดูความเลวของตน ไม่ต้องไปปรับปรุงบุคคลอื่น ปรับปรุงเราเองให้มันดีที่สุด

    ***เราถ้ายังรู้สึกว่าคนอื่นเขาชั่ว ก็แสดงว่าเราชั่วมาก ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าถ้าเราดีแล้วไม่มีใครชั่ว เพราะว่าเรายอมรับนับถือกฎของกรรมอะไรจะมีชั่วเรายังนินทาว่าร้ายบุคคลอื่น นั่นเรายังชั่วอยู่ อาการอย่างนี้จงลืมเสียให้หมด<O:p</O:p

    ***สำหรับคนที่เขามาสร้างความชั่วให้สะเทือนใจเรา นั่นเขาเป็นทาสของกิเลส ตัณหาอุปาทานและอกุศลกรรม ไม่มีทางที่จะคืนตัวได้ เราจงคิดว่าคนประเภทนี้เขาไม่ใช่คน เขาคือสัตว์นรกในอบายภูมินั่นเอง เราคิดว่าถ้าเราจะไปต่อล้อต่อเถียง จะกระทำตอบเราก็จะเลวตามเขา เวลานี้จิตใจของเขาจมลงไปในนรก ถ้าเราทำตามแบบเขาบ้างเราก็จะจมนรกเหมือนกัน มันไม่มีประโยชน์ จิตเราก็ระงับความโกรธด้วยอำนาจขันติหรืออุเบกขา เฉย เขาเลวก็ปล่อยให้เขาเลวไปแต่ผู้เดียว เราไม่ยอมเลวด้วย<O:p</O:p

    ***อีกอันหนึ่ง ต้องทำใจของเราให้หยุดอยู่ในจุดสงบ หมายความว่าเราเพ่งเล็งจิตของเราแต่ผู้เดียว ตามพระบาลีว่า อัตตนาโจทยัตตานัง จงเตือนตนด้วยตนเองไว้เสมอว่า คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้ว่าอย่างไรให้เราปฏิบัติ ห้ามไว้แบบไหนไม่ให้เราทำ อันนี้ต้องปฏิบัติให้เคร่งครัดไม่ใช่จะไปนึกเอาตามอารมณ์ที่ชาวบ้านเขาทำกัน ชาวบ้านไม่ใช่พระพุทธเจ้า ถ้าคนนั้นเขาดีจริงเขาต้องเป็นพระพุทธเจ้า ที่เขาสร้างแบบแผนขึ้นมาหักล้างคำสอนของพระพุทธเจ้า นี่เราเป็นพุทธสาวกปฏิบัติตามไม่ได้ ถ้าขืนปฏิบัติตามเราก็ไม่มีมรรคผลใด ๆ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอน เพราะคัดค้านคำสอนของพระพุทธองค์เสียแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ***ก่อนที่จะทำก่อนจะพูดน่ะใคร่ครวญเสียก่อน อย่าไปคิดเห็นบุคคลอื่นว่าเขาเลว เราเห็นคนอื่นเลว นี่ก็กลายเป็นการสร้างความเลวให้เกิดขึ้นแก่ใจของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้กล่าวโทษโจทความผิดตัวเองว่ามันเลวไว้เสมอ หาจุดความเลวของกาย หาจุดความเลวของวาจา หาจุดความเลวของใจ อย่าไปหาจุดของความดี ถ้าพบจุดความเลวจุดไหน ทำลายความเลวจุดนั้นให้หมดไป แล้วความดีมันก็ปรากฏเอง

    ***อย่าทำอารมณ์ให้วุ่นวาย อย่าใจน้อย อย่าคิดมาก จงคิดไว้เสมอว่า เราต้องตาย อย่าห่วงคนอื่นมากเกินกว่ากฎของกรรม จงนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก อย่าทะเยอทะยานเรื่องยศศักดิ์ ถึงเวลามันได้ ถึงเวลามันมี ทำใจสบายจะมีความสุข เรื่องลูก ก็ขอให้ตั้งอารมณ์ไว้ในฐานะพ่อแม่ที่ดี แต่อย่าดิ้นรนเกินพอดี จะเป็นทางตัดนิพพานให้ไกลออกไป

    ***เรื่องลูก จงรักเมื่อเรามีลมปราณ ทำหน้าที่ของพ่อแม่ให้สมบูรณ์และคิดไว้เสมอว่า เราต้องตาย เขาต้องตาย มีอะไรที่เราจะเป็นทุกข์เพื่อเขา เมื่อเราหรือเขาตาย หัดวางหัดคิดหัดยับยั้งใจ ค่อยคิดค่อยทำค่อย ๆ อบรมตัวเอง อย่าหวังวาจาของคนอื่นอบรม ทำอย่างนั้นเอาตัวไม่รอด ต้องคอยจับผิดตัวเอง คอยลงโทษตัวเอง คอยเป็นโจทก์ฟ้องตัวเอง เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นตุลาการ จงถือธรรมเป็นสำคัญ อย่าถือคน ถ้ายังติดคนก็จะไม่ถึงธรรมถ้าถึงธรรมก็พ้น จากการติดคน ถ้าติดคน ติดยศของคน ติดฐานะของคน ติดศักดิ์ศรีของคน ไม่มีอะไรดี เราก็ไม่เข้าถึงธรรม ทุกอย่างที่ทำไปควรปรารภธรรม อย่าเห็นแก่คน เรื่องการต้อนรับก็มุ่งเอาธรรมเป็นสำคัญ ทำไปด้วย ใคร่ครวญพิจารณาไปด้วย จงเข้าใจว่าทุกอย่างที่ทำไปเป็นเรื่องของชาวโลก แต่ก็เป็นธรรมคือ การทรงตัวของชาวโลก ถ้าเรายังเกิด เราก็ต้องทุกข์อย่างนี้ อะไรทำให้ทุกข์ เพราะความอยากทำให้ทุกข์ ถ้าเราไม่อยาก เราก็ไม่ทุกข์ ที่เราทุกข์ก็เพราะชาติก่อนเราไม่หมดอยาก และชาตินี้เราก็ยังอยากเมื่อไรความอยากสิ้นไปเมื่อนั้นก็ถึงนิพพาน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ที่มา: โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม<O:p</O:p
     
  2. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ผู้ถาม : เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าจะอุทิศส่วนกุศลภายหลังจะได้ไหมคะ...........?
    หลวงพ่อ : การทำบุญไปแล้วครั้งหนึ่งสักกี่ปี ๆ บุญก็ยังมีอยู่ถ้าทำไปแล้วสัก ๓๐ ปี ก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญมันไม่หาย ไม่ใช่เราทำบุญแล้ว เดี๋ยวเดียวมันหายไปไม่ใช่อย่างนั้นนะ
    ผู้ถาม :แล้วถ้าเผื่อทำบุญแล้ว ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลจะได้บุญเต็มที่ไหมคะ...?
    หลวงพ่อ : ก็ได้เต็มที่อยู่แล้ว เราเป็นผู้ได้สมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ว่าเราจะให้เขาหรือไม่ให้ การอุทิศส่วนกุศล นี่นะ ถ้าเราไม่ให้ เราก็กินคนเดียวใช่ไหม..... ทีนี้ถ้าเราให้เขาของเราก็ไม่หมดอีก ส่วนที่เราให้ไปไม่ได้ยุบไปจากของเดิม อย่างเรื่องของ พระอนุรุทธ สมัยที่ท่านเกิดเป็นคนเกี่ยวหญ้าช้างของมหาเศรษฐี เวลาที่ท่านทำบุญแล้ว เจ้านายขอแบ่งบุญ ท่านก็สงสัยว่าการแบ่งบุญน่ะจะแบ่งได้ไหม จึงไปถามพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่ท่านรับบาตรนะ ท่านก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า

    "สมมุติว่าโยมมีคบ แล้วก็มีไฟด้วย คนอื่นเขามีแต่คบ ไม่มีไฟ ทุกคนต้องการแสงสว่าง ก็มาขอต่อไฟที่คบของโยมแล้วคบทุกคนสว่างไสวหมด อยากทราบว่าไฟของคุณโยมจะยุบไปไหม....?
    ท่านอนุรุทธก็บอกว่า ไม่ยุบ
    แล้วท่านก็บอกว่า "การอุทิศส่วนกุศลก็เหมือนกัน ให้เขา เขาโมทนา แต่บุญของเราเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์"


    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ




    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  3. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG]ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...
     
  4. gosheen

    gosheen สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    อนุโมทนาค่ะ

    อ่านจบแล้วได้ข้อคิดดีมากค่ะ

    ขอบคุณที่นำบทความมาโพสค่ะ
     
  5. uncle jing

    uncle jing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +219
    อนุโมทนา สาธุ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอผลบุญในการเผยแพร่ธรรมะนี้จงเป็นปัจจัยให้ท่าน หมูสวย <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ได้ถึงซึ่งพระนิพานในชาตินี้ด้วยเถิด<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  6. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    สาธุ

    ได้กระชากความเป็นตัวตนออกไป

    จะไปพัฒนาใครเขา ต้องพัฒนาตนเราก่อน
     
  7. บีว่า

    บีว่า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2008
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +94
    ธรรมะเพื่อการพัฒนาตน...โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->
    [​IMG]

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นโลกธรรม ให้ถือว่าเป็นธรรมดาของโลก ให้วางมันเสีย กรรมของเราที่มีความโง่เกิดมาในโลกนี้ โลกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ความร้อนมันก็ถูกเรา แต่ว่าให้มันถูกแต่กาย อย่าให้มันเข้าไปถึงใจ

    สาธุ.... ขออนุโมทนาด้วยครับ
     
  8. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับ

    แนะนำให้อ่านกระทู้นี้ต่อจะทำให้เข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นครับ

    มงคลชีวิตข้อ 23 ความถ่อมตน...ทำให้มีมิตรมาก
    http://palungjit.org/showthread.php?t=165420
     
  9. bcbig_beam

    bcbig_beam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,821
    ค่าพลัง:
    +3,247
    อะไรทำให้ทุกข์ เพราะความอยากทำให้ทุกข์ ถ้าเราไม่อยาก เราก็ไม่ทุกข์ ที่เราทุกข์ก็เพราะชาติก่อนเราไม่หมดอยาก และชาตินี้เราก็ยังอยากเมื่อไรความอยากสิ้นไปเมื่อนั้นก็ถึงนิพพาน<O:p</O:p
    ขอกราบโมทนาในธรรมทานด้วยครับ
    สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...