ธรรมะแบบเฉลิมชัย

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย paang, 21 มกราคม 2006.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    [​IMG]

    ศิลปินคนนี้สารภาพว่า เคยเป็นคนเลวสุดๆ แต่ธรรมะมีส่วนทำให้เขาเปลี่ยนไป ได้รู้จักความสุขที่แท้จริง จนเป็นที่มาของการสร้างวัดร่องขุ่น ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้ดีว่า วัดนี้ไม่รับเงินบริจาคเกิน 10,000 บาท ทำไมเป็นเช่นนั้น ลองฟังความคิดของเขา


    'เหลิมสวรรค์-หวันนรก' ฉายาของ 2 จิตรกรผู้อื้อฉาวระดับประเทศ ซึ่งหมายถึง เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และถวัลย์ ดัชนี ช่างเขียนรูปชาวเชียงรายทั้งคู่
    วันนี้เฉลิมชัยกำลังทำงานตามฉายาใหม่ 'เจ้าอาวาสวัดร่องขุ่น' ที่ได้มาหลังจากเข้าไปสร้างวัดที่มีรูปแบบเฉพาะตัวที่หลายคนเรียกว่า 'ศิลปะแบบเฉลิมชัย' ที่จังหวัดเชียงราย วัดที่เขาบอกว่า ตั้งใจสร้างไว้เพื่อให้คงอยู่เป็นสมบัติของศาสนาของประเทศชาติให้ยาวที่สุดเท่าที่สติปัญญามีอยู่
    ธรรมะแบบเฉลิมชัยจะเป็นอย่างไร เจ้าตัวเท่านั้นจะตอบได้

    +ฉายาเก่า 'เหลิมสวรรค์-หวันนรก' ใครเป็นคนตั้งให้

    ผมนี่ตั้งเอง ศิลปะมีความงดงามสองด้าน มันคือหยินกับหยาง ในนรกนั้นมีความสวย มีสุนทรียภาพ ในสวรรค์มันก็สวย คนละแบบ พี่หวัน (ถวัลย์ ดัชนี) เป็นเรื่องดำแต่สวย สวยด้วยความทรงพลังของยักษ์ แต่สวรรค์พี่คือเฉลิมชัย ยักษ์วัดแจ้งกับโบสถ์ความหมายต่างกันแต่สวยพอกัน วิธีการคนละอย่าง งานศิลปะมันแสดงธาตุแท้ของจิตวิญญาณ สวรรค์และนรกบรรลุธรรมเหมือนกัน
    อย่างผมนี่ไม่ได้ แม้แต่จะฆ่าแมลงสาบ ใครอย่ามาตีแมลงสาบให้เห็น ลูกศิษย์เอาแหไปทอดปลามากิน เช้ามารู้เรื่องโดนต่อยเลย ไม่ได้ ยิงนกตัวนึงผมเอาตาย พี่ไม่ทำลายสัตว์

    +ทำไมถึงเข้ามาทำวัดร่องขุ่น

    ศาสนาของบ้านเรา มันไร้การควบคุม พระก็ควบคุมอะไรไม่ได้ ฝ่ายทางรัฐบาลฝ่ายตำรวจ ก็ดูแลไม่ได้ มันมั่วไปหมด ศาสนสถานของเรามีแต่ความไม่สงบ ความไม่เป็นระเบียบ

    ศาสนสถานอย่างแรกคือ ต้องศักดิ์สิทธิ์ คนเข้าไปแล้วต้องมีศรัทธาจริต ต้องมีสัมมาคารวะต่อสถานที่ ต้องสำรวมกิริยา เดี่ยวนี้เข้าวัดทุกคนถือโทรศัพท์มือถือยืนคุยกัน มันบ้า ไปวัดทำตัวเหมือนอยู่บ้าน ซึ่งไม่ถูกต้อง ศาสนสถานชาวพุทธเราถึงแย่ เทียบกับศาสนสถานของชาวคริสต์หรืออิสลาม ของเขาบ้านคือบ้าน ศาสนสถานคือศาสนสถาน สถานที่ที่เขาต้องนอบน้อมสำรวม เวลาไปศาสนสถานของอิสลาม เขตที่สำคัญที่สุดไม่ให้ศาสนาอื่นเข้าด้วยซ้ำไป ของพุทธไปแล้วเหมือนอยู่บ้าน พระก็แก้ไม่ได้ เพราะอำนาจอยู่ที่เงิน เงินมันทำให้เกิดการซื้อ เงินทำให้ศาสนสถานไม่สวย เพราะพระเอาเงินไปสร้างหอระฆัง สร้างศาลา เอาเงินไปทุบของสวยๆ สร้างใหม่ เอาของเก่าไปขาย

    ปัญหาของการบริหารจัดการเขตศาสนสถานคือ พระสงฆ์ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการดูแล บำรุงรักษา การทำให้ศาสนสถานเป็นระเบียบเรียบร้อย ห้องน้ำสกปรกที่สุดคือศาสนสถานของชาวพุทธ ไม่สวยแถมสกปรก การบริหารจัดการใช้ไม่ได้ พระรอคณะศรัทธามาทำให้ฟรี ท่านไม่ปรับปรุง

    วัดจะมารอเงินไม่ได้ วัดไหนจ่ายได้ควรจ้างคนมาดูแลความสะอาด ความไม่เป็นระเบียบทำให้ศาสนสถานชาวพุทธแย่ เยาวชนไม่เข้าวัดเพราะเห็นข่าวลงหนังสือพิมพ์บ่อย เข้าวัดแล้วไม่รู้จะโดนข่มขืนหรือเปล่าเพราะมีขี้ยานอนอยู่ในวัด มีหมาแมวสกปรกเต็มวัด กองขยะเต็มวัด เพิงขายของเต็มวัด บรรยากาศไม่น่าเข้า

    เวลามองข่าวพระสงฆ์ลงหนังสือพิมพ์ ทำให้เยาวชนไม่สนใจธรรมะ เพราะคิดว่าผู้สอนไม่ดี ไม่เชื่อพระ เข้าไปศาสนสถานก็สกปรก มันก็ไปห้างสะอาดกว่า ถามว่าทำไมวัดร่องขุ่นเด็กมาเข้าห้องน้ำก็สะอาด มีน้ำให้กิน ร้อนก็มีร่มให้ยืม เอาพ่อแม่คนแก่มามีรถเข็นให้ยืม ไม่เรียกร้องเงินทอง มีเจ้าหน้าที่ดูแลทุกอย่างเรียบร้อย ขึ้นไปกราบไหว้พระพุทธเจ้าได้เหมือนกัน มาแล้วสบายใจ คนก็อยากมา พอมาแล้วเราเอาธรรมะเข้าไปสอนว่าวัดนี้สร้างด้วยหลักธรรมอย่างไรบ้าง เช่น สะพานแห่งการข้ามวัฏสงสาร สอนการเวียนว่ายตายเกิด การข้ามภพข้ามชาติ เป็นสะพานที่นำผู้ทำความดีไปพบความสุข นี่คือการเอาธรรมะมาสอนโดยนำเอาศิลปะมาเป็นตัวจูงให้เข้ามาสนใจ แล้วเอาหลักธรรมะแทรกเข้าไป
    ผมนำสมบัติบ้าทุกอย่างมาสร้างวัดนี้ ทุ่มเทให้กับที่นี่จนลมหายใจสุดท้าย แล้วก็โชคดีที่ว่าลูกเมียผมเข้าใจ กันให้ส่วนหนึ่ง ที่เหลือเอามาสร้าง วัดนี้ไม่ปรารถนาเงินของใคร ห้ามบริจาคเกิน 10,000 บาทเพราะผมกลัวอำนาจเงิน ในโลกนี้คนที่ยิ่งใหญ่คือ คนที่มีเงิน ดีชั่วไม่รู้ คนยกย่องคนมีเงิน คนเชื่อคนมีเงิน อันนี้คือความบัดซบของโลกมนุษย์

    +คืออยากจะทำวัดที่ดีตามที่ตัวเองเข้าใจ?

    พุทธศาสนามุ่งสอนอะไร ศีล สมาธิ ปัญญา มุ่งไปสู่การไม่กลับมาเกิด เราจะต้องนำศาสนสถานไปสู่การยอมรับของคนรุ่นใหม่ ผมอยากจะปฏิวัติรูปแบบและวิธีการจัดการศาสนสถาน ไม่ให้คนได้ทำบุญโดยปรารถนาผลตอบแทน คนไทยเราทำบุญต้องการหน้า ซึ่งไม่ใช่หลักของธรรมะ ธรรมะสอนให้เราบริจาคทานเพื่อกำจัดความโลภ แต่ทุกวันนี้ให้เพื่อหวังผลตอบแทน นี่คือสิ่งที่แย่ที่สุดในหลักความเชื่อที่ผิดซึ่งมาจากวัด เพราะวัดขายเสา ขายกระเบื้อง ขายหน้าต่างประตู หลอกให้คนเอาชื่อไปใส่ เพื่อจะขายทุกอย่าง เพื่อให้คนรู้สึกได้เป็นเจ้าของ เป็นเจ้าของชุกชี เป็นเจ้าของช่อฟ้า เจ้าของปั้นลม เจ้าของพระ ใส่ชื่อที่หน้าตักพระ นี่คือการหลอกให้คนเข้าไป เพื่อเอาปัจจัยไปให้ พระควรจะสอนว่า ทำบุญต้องไม่ปรารถนา แต่มีไม่กี่วัดสอนแบบนี้ พระสงฆ์ปรารถนาแต่เงินเพื่อสร้างวัตถุขี้เหร่เต็มไปหมด เพราะพระท่านไร้รสนิยมทางด้านสุนทรียภาพ นี่คือปัญหาของศาสนสถานเรา

    ต้องสอนสุนทรียภาพให้เจ้าอาวาส สอนการบริหารจัดการ ถ้าสิ้นองค์นี้แล้วองค์ต่อไปดูแลได้ ต้องสอนให้คนยึดธรรมะของพระพุทธเจ้า อย่าไปติดตัวตนของบุคคลแล้วมาช่วยกันสืบสานต่อ อย่างผมสร้างวัดนี้คิดไว้แล้วว่าคงไม่เสร็จ คงตายก่อน แต่เราตายเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะเราเตรียมลูกศิษย์ไว้แล้ว มีเด็กทำต่ออีก 2 รุ่น นี่คือความรอบคอบเผื่อไว้

    อีกอย่างที่ต้องออกมาทำตรงนี้ เพราะคนที่เรียนทำธรรมะมากๆ พูดมาเยอะแล้ว พระแท้อย่างท่านพุทธทาส หรืออาจารย์ประยุต (พระพรหมคุณาภรณ์-ประยุทธ์ ปยุตโต) ต่อสู้มามาก แต่ไม่มีประโยชน์ แต่ผมเป็นคนบ้า คือทำ นี่คือสิ่งที่ท้าทายของการลงมือทำ ทำให้คนเห็น ทำให้พระเห็น ว่าทำได้ นี่คือสถานที่พระมาดูเยอะมาก มาดูว่าเราดูแลวัดอย่างไร กรรมการมหาเถรสมาคมมาบ่อย มาเป็นกำลังใจ พระท่านอยากทำ แต่ทำไม่ได้

    +เรียนธรรมะกับใคร

    เรียนโดยตรงกับพระพุทธเจ้า เป็นคนที่ไม่เชื่อใคร แต่เชื่ออาจารย์พุทธทาส ศรัทธาท่าน เรียนของท่านแล้วสนใจมาก ตรงประเด็นที่สุด เป็นแก่นสารที่สุด เป็นธรรมะที่มุ่งตรงเข้าไปสู่ความจริง มีเหตุมีผล ปฏิบัติด้วยตัวเอง วิธีปฏิบัติคือเฝ้ามองจิตตัวเองตลอดเวลานั่นคือการวิปัสสนา การว่างจากตัวเองให้มากที่สุด ขณะทำงานก็สร้างความว่างให้กับใจตัวเอง ความว่างนั้นจะทำให้เราเข้าถึงความจริง เข้าถึงสัจธรรมคือการไม่ยึดมั่นในตัวตน การไม่ปรารถนาอยากได้อะไร ไม่ปรารถนาสมบัติบ้า เห็นทุกอย่างเป็นสมมติหมด เข้าใจจิตวิญญาณของตัวเอง เข้าใจว่าเรามาแป๊บเดียว เดี๋ยวเราก็ไปแล้ว เฉลิมชัยไม่มี มีแต่จิตวิญญาณที่ต้องชำระให้ดี เพื่อไปสู่ภพชาติหน้า พยายามพัฒนาจิต นี่คือสิ่งที่เรียนรู้

    +เชื่อเรื่องภพชาติ?

    คนเรียนจิตวิญญาณจะเชื่อเรื่องภพชาติ คนที่เข้าถึงจิตวิญญาณ ก็จะรู้ว่ามันดับ แล้วเกิดแน่ ธรรมะต้องเรียนรู้ด้วยจิตวิญญาณตัวเอง ต้องเรียนรู้เอง เฝ้ามองจิตตัวเอง ชั่วขณะที่เราลากลมหายใจเข้า มีแต่ความว่าง ถ้าเราทำให้ความว่างนั้นยาวนานขึ้นก็จะเป็นสุข ทำให้เกิดปัญญาทางโลกและปัญญาทางธรรมที่เรียกว่า 'ฌาน' คือการรู้เรื่องจิตวิญญาณที่เหนือกว่าความรู้ทางโลก

    ถามว่าถึงระดับนั้นหรือยัง ไม่ถึง แต่กำลังไปหา คือของพวกนี้มันบอกกันไม่ได้ โม้ไม่ได้ ไม่ต้องไปสนใจ ให้สนใจที่ตัวเอง บอกว่าไม่ถึงดีกว่า...สบายใจ บอกไปก็ไม่เชื่อ ถ้าอธิบายคนก็ว่าบ้า เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องพูด แต่เวลาคนคุยธรรมะกัน เราจะรู้ด้วยจิตของเราเลยว่า คนนี้รู้ธรรมะขนาดไหน

    ดังนั้น ผมเป็นคนที่จับทางพระได้เก่งมาก พระจะมาอยู่วัดร่องขุ่นที่นี่ต้องสอบ แล้วยากมาก ยากกว่าเปรียญ 9 พระมาสมัครเยอะ แต่ผมสอบ เจ้าอาวาสผมยังสอบ

    +สอบอะไรบ้าง

    ไม่มีเกณฑ์ แต่ถามธรรมะบางข้อ สอบเรื่องวัตรปฏิบัติ คุยกันไม่กี่คำ เพื่อสอบว่าจิตอยู่ในระดับไหน พอที่จะเป็นพระได้ไหม พระตอแหลอยู่ที่นี่ไม่ได้ พระฉันข้าวเย็นมีเรื่อง ที่นี่ห้ามเด็ดขาด

    +เริ่มศึกษาธรรมะตั้งแต่เมื่อไร?

    ศึกษาธรรมะมาตั้งแต่ปี 2525 จนถึงปี 2535 รู้สึกว่าธรรมะเปลี่ยนเรามากที่สุด ครอบครัวดีมาก ไม่สำส่อน ดีขึ้นเรื่อยๆ จนเราสละได้หมดทุกอย่าง เมื่อปี 2540 ไม่ปรารถนาอะไรอีกแล้ว อยู่วัด ไม่เคยเข้าผับกินเหล้า ทั้งๆ เมื่อก่อนเป็นไฮโซชอบกินไวน์ ฟังเพลงมีความสุข ชอบมีชีวิตกลางคืน เดี๋ยวนี้ 2 ทุ่มครึ่งหลับ เช้าตื่นมาตี 2 วิปัสสนาทุกวัน เดินจงกรม แบ่งเวลา มองตัวเองใส ว่าง อ่านหนังสือธรรมะ สเกตช์รูปวัด ปั่นจักรยาน ตีห้าครึ่งฝึกลมปราณภายใน กินข้าว ทำงาน กินข้าววัดกับลูกศิษย์ ไม่เคยสั่งอยากกินโน่นนี่เหมือนเมื่อก่อน ใจเป็นพระขึ้น นอนน้อย วิปัสสนามาก ข้างในเราก็เป็นสุขเบิกบาน นี่คือสิ่งที่เปลี่ยน

    +ศึกษาธรรมะแล้วได้อะไร

    ผมนี่เรียกว่าเลวทั้งหมดของความชั่ว เจ้าชู้ สำส่อนทางเพศ อิจฉาริษยา ปรารถนาความร่ำรวย อยากได้รถเบนซ์ อยากได้ความมีชื่อเสียงเกียรติยศทุกอย่าง อยากได้หมด เอารัดเอาเปรียบ เป็นมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว แย่ที่สุด ไม่มีใครรักใครชอบ เพื่อนฝูง คนในวงการศิลปะก็ไม่ชอบเรา มีเพชรเต็มตัว สมัยก่อนต้องใส่เพชร ใส่ทองมันเจ๊กข้างถนน เรามันต้องเพชร แต่สุดท้ายเราไม่เอาอะไรสักอย่าง เมื่อก่อนเป็นคนที่เลวที่สุดเรื่องผู้หญิง แต่กลายเป็นคนที่มีครอบครัวที่ดีที่สุด รักลูกรักเมียที่สุด ธรรมะเปลี่ยนผมไปเยอะมาก

    ที่อยากจะบอกมากที่สุดคือ ผมเอาตัวเองสละชีวิตตัวเองเป็นครูแก่เยาวชน ต้องการเสียสละทุกอย่างที่มีเพื่อเป็นแบบอย่างแก่เยาวชนว่า ผู้ที่มีธรรมะนั้นมีความสุขที่สุด ให้ชีวิตผมเป็นบทเรียน ผมไม่ใช่คนเกิดมาแล้วเรียนธรรมะ แต่ผมเป็นคนชั่วคนเลวมาก่อน ค่อยๆ พัฒนาโดยธรรมะ เพื่อให้เห็นว่าธรรมะสามารถกล่อมเกลาจิตใจคนอย่างผมให้กลับเป็นผู้ให้

    +ฝึกไปถึงไหนแล้ว เห็นชาติต่อไปของตัวเองหรือยัง?

    บ้า เราไม่พูดเรื่องนี้ มันเป็นบุญกรรมของแต่ละคน จะบอกว่าภพชาติหน้า เราจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เราพูดไม่ได้ แต่เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร

    +ทำวัดแล้วยังมีเวลาทำงานศิลปะ?

    เดี๋ยวนี้งานศิลปะไม่มีเวลาทำ เพราะเงินยังมีสร้างวัดอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องเขียนรูป งานเก่าที่มีก็ไม่ขาย ในตลาดศิลปะจะไม่มีรูปผม เพราะคนรุมกันซื้อหมด คนรู้ว่าไม่เขียนรูปแล้ว ดังนั้นรูปผมจึงแพงมาก แต่เราไม่จำเป็นต้องเขียนรูปขาย เพราะเรายังมีเงินอยู่สบายๆ ไม่เดือดร้อน

    ปกติจะนอนที่วัดตลอด จะเข้ากรุงเทพฯ เวลามีเรื่องสำคัญเช่นไปบรรยายธรรมะ ซึ่งมีคนขอมาเยอะมาก แต่เลือกไปที่เป็นประโยชน์

    ผมไปเขียนฝาผนังวัดพุทธประทีปที่อเมริกา 4 ปี ไม่มีโอกาสได้พูด พอมาสร้างวัดร่องขุ่น เรารู้เลยว่าต้องสร้างให้มันใหญ่ ให้พระเชื่อเราว่า โห ไอ้...นี่ทำดี มันคิดดีกับพระพุทธศาสนา ต้องเอามันไปพูด

    +เป็นเพราะศึกษาธรรมะรูปของเฉลิมชัยถึงได้แสดงออกเรื่องความเบิกบาน?

    แน่นอน เพราะว่าใจเราดี รูปเขียนผมถึงเป็นเรื่องสวรรค์หมด เป็นเรื่องความสุขทั้งหมด

    +เห็นบอกว่ามีด่าลูกศิษย์ด้วย ฝึกธรรมะแล้วโกรธได้เหรอ?

    ได้...โกรธแต่สั่งสอนด้วยเมตตา สอนแล้วหยุด เมตตาไม่ได้แปลว่า โอ๋...อย่าฆ่าน่าาาาา รู้มั้ยปลาก็มีชีวิต เจ็บปวดน่าาาาาาาาา ไม่ใช่ ผมเป็นผู้เข้าใจสัจธรรม เข้าใจสันดานของมนุษย์รู้ว่า จะต้องปราบมันด้วยวิธีไหน
    อย่างคนที่เข้ามาขายของบริเวณวัด ขายได้ แต่ห้ามสกปรก ถ้าสกปรกผมเดินออกไปด่าต่อหน้าคนเลย เมื่อด่ามันแล้ว มันทำดีเราก็เชียร์ให้มันขายของดี นี่คือเมตตา มันจะต้องมีสองอย่าง ต้องมีพญามารกับพระพุทธเจ้าอยู่คู่กัน ถึงจะเป็นผู้บริหารได้ ให้เขากลัวเราและให้เขารักเรา

    รู้มั้ย พระพุทธเจ้าเวลาปราบชฎิล 3 พี่น้อง ถ้าไปพูดบอก...ว่ายังงั้ย ชฎิลทั้ง 3 ท่าน ธรรมะนะเป็นยังงี้ๆ ๆ นะ ไม่มีหรอก เดินไปลองของเลย เก่งเหรอ มีอะไรเก่ง...แสดงมา พระเยซูก็ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่งั้นจะยอมตายคาไม้กางเขนเหรอ แน่จริงฆ่าเลย กูทำเพื่อชาวฮิบรูของกู

    อย่าคิดว่าธรรมะมีด้านเดียว มหายานเขามีอำนาจ 2 อำนาจ เมตตากับบารมี เหมือนมีพระอาทิตย์กับพระจันทร์ ดังนั้นผู้ทรงอำนาจที่สามารถควบคุมมนุษย์ได้ต้องมีทั้ง 2 อย่าง พระพุทธเจ้าเลือกสอน สอนผู้สติปัญญาอยู่แล้วอย่างปัญจวัคคีย์ก็นิ่งๆ เดินเข้าไปแล้วสอน เพราะรู้ว่ามีธรรมะอยู่แล้ว แต่ถ้าไปสอนชฎิลอีกเรื่องหนึ่ง

    +ตรงนี้อ่านมาจากไหน

    อันนี้เข้าใจเองไม่ต้องอ่าน รู้ไหมว่าวิธีการสอนธรรมะ เขาปรับเรื่องของพระพุทธเจ้าให้นิ่ม คนที่เห็นพระพุทธเจ้าจริงๆ ตายหมดแล้ว แต่เวลาเขียนเรื่อง เขาเขียนอีกแบบ เพื่อให้คนศรัทธาว่านี่คือ สภาวจิต แต่ตามข้อเท็จจริงไม่มี เหมือนกับเดินเข้าไปหาคนที่เป็นเจ้าลัทธิใหญ่ แล้วบอกว่า...นี่...เปลี่ยนมาเป็นลัทธิสมณโคดมสิ ดีมากนะ...พระพุทธเจ้าใส่ผ้าผืนเดียวแล้วเดินเข้าไปหา มันมีลูกศิษย์ตั้ง 500 คน มันจะเชื่อเหรอ...ไม่มีหรอก

    เขียนรูปพวกนี้ต้องศึกษาธรรมะ ภายนอกคือ การศึกษาศิลปะในโลกทั้งหมดเพื่อสร้างเป็นจินตนาการ ส่วนที่เป็นอารมณ์นั้นมาจากจิตวิญญาณ 2 อย่างต้องควบคู่กัน ความรู้ทางโลกกับทางธรรมต้องประกอบกัน รูปของเฉลิมชัยนั้นเป็นรูปที่ไม่เหมือนใครในโลกนี้ เพราะมันเข้าใจถึงความสงบ เข้าใจถึงหลักของจิต สภาวจิตที่แตกต่าง

    +เรียนธรรมะมาขนาดนี้ทำไมไม่บวช

    ชาติหน้าบวช แต่ชาตินี้ขอเป็นมนุษย์ธรรมดาซึ่งสามารถด่าคนได้ การสร้างศาสนสถานเมตตาอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องมีอำนาจ เขาถึงเรียกว่ามีหยินและหยาง ผู้ที่ยิ่งใหญ่ต้องมีทั้งเมตตาและบารมี พระทำไม่ได้ พระปฏิวัติไม่ได้ คนเท่านั้นทำได้ บางคนธรรมะมากอำนาจไม่มี ก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นผู้ที่ปฏิวัตินั้นต้องมีทั้งสองอย่าง ธรรมะกับอำนาจ อำนาจคือเชื่อในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่กลัวใคร และมีตังค์ อันนี้สำคัญ และต้องมีธรรมะมีความเย็นให้แก่มนุษยชาติ
    อย่างผมเป็นพระไม่ได้ ชาตินี้ขอปฏิวัติด้วยอำนาจของตัวเองในการจัดการ ผมเป็นคนที่มีธรรมะที่รอคอยในภพชาติได้ ไม่บ้าบอคอแตกไร้สาระแบบชนิดที่ทิ้งลูกทิ้งเมียแล้วก็ไปหลุดพ้นของตัวเอง ผมว่าพวกนั้นตอแหล ใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ธรรมะที่แท้จริง ธรรมะนั้นเวลาเราศึกษาแล้ว จะรู้สึกว่าสิ่งที่ผมมีภาระผูกพันอยู่ก็คือ พ่อแม่ ลูกเมีย แล้วก็สังคมประเทศชาติที่ผมปรารถนาจะเสียสละให้ ผมยอมบรรลุในภพชาติหน้าได้
    ชาติหน้าขอเกิดมาอีกครั้ง แล้วจะไม่มีลูกไม่มีอะไรทั้งสิ้นแล้วก็จะปฏิบัติจิตเพื่อบรรลุธรรม อันนั้นคือ สิ่งที่รอได้

    ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/bodyheart/
     
  2. มหาละลวย

    มหาละลวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +717
    ธรรมะของอาจารย์อ่านแล้วโดน!!! ชอบมากครับ
     
  3. มหาละลวย

    มหาละลวย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +717
    ตัวจริงอาจารย์น่ารักมาก ไม่โว๊กว้ากโวยวายเหมือนในทีวีหรอกครับ อยากให้ลองหาโอกาสไปพบท่านที่วัดดูบ้างสิครับแล้วท่านจะรักอาจารย์เหมือนที่ผมรัก(good)
     

แชร์หน้านี้

Loading...