ธรรมะในหลวงทรงสอน การควบคุม"จิต"ให้ผ่องใส ทำอะไรก็ได้ดี!!

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย picko, 29 กรกฎาคม 2017.

  1. picko

    picko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2014
    โพสต์:
    635
    กระทู้เรื่องเด่น:
    97
    ค่าพลัง:
    +2,126
    ธรรมะในหลวงทรงสอน การควบคุม"จิต"ให้ผ่องใส ทำอะไรก็ได้ดี!!
    tnews_1471023024_5883.jpg


    จิตคือศูนย์กลางของการปฏิบัติธรรม
    [1]

    ... คราวนี้ก็ยังไม่ได้พูดถึงว่า พุทธศาสนานี้ปฏิบัติที่ไหน ปฏิบัติอย่างไร เพราะว่าคนที่ศึกษาพระพุทธศาสนา หรือมาตั้งเป็นพุทธสมาคม หรือเป็นกลุ่มศึกษาพุทธศาสนา บางทีก็ยังไม่ทราบว่าการปฏิบัติธรรมนั้นเริ่มที่ไหน

    เพราะที่พูดถึงวิธีการที่จะเริ่มปฏิบัติได้นั้นก็ไม่ได้บอกว่าเริ่มปฏิบัติที่ตรงไหน นอกจากมาเปรียบเทียบว่าเข้าไปหาสวิตช์ไฟเพื่อจะเปิดให้มีความสว่าง และเมื่อมีความสว่างแล้วก็ดูทางได้ และไปดูทางที่จะทำให้สว่างยิ่งขึ้น สวิตช์ไฟนั้นอยู่ที่ไหน คือสวิตช์ไฟนั้น เราเอาแสงไฟเท่าที่เรามีริบหรี่นั้นไปฉาย แล้วก็ไปเปิดสวิตช์ไฟ สวิตช์ไฟนี้คืออะไร

    เพราะท่านพูดอยู่เสมอว่า พระพุทธศาสนานั้น เมื่อได้ปัญญาก็มีความสว่าง เมื่อปฏิบัติธรรมก็ได้ปัญญา ได้แสงสว่าง ปัญญานั้นก็ดูจะเป็นสวิตช์ไฟ

    แต่ถ้าดูๆ ไป ปัญญานี้ปัญญาในอะไร ก็ปัญญาในธรรมนี่ ปัญญาในธรรมไม่ใช่สวิตช์ไฟ ปัญญาในธรรมนั้นคือแสงสว่างสำหรับเปิดไฟให้สว่าง คือให้ได้ถึงปัญญานั้นก็จะต้องมีสวิตช์ไฟ สวิตช์ไฟนั้นคืออะไร หรือสวิตช์ไฟนั้นจะพบอย่างไร

    แต่การที่จะบอกว่าสวิตช์ไฟคืออะไรนั้น ก็คือใจเรา ใจหรือจิต จิตหรือใจก็ได้ แล้วบางที ท่านก็เรียกว่าจิต บางท่านก็เรียกว่าใจ บางท่านก็บอกว่าจิตคือใจ บางท่านก็บอกว่าใจคือจิต บางท่านก็บอกว่าจิตไม่ใช่ใจ หรือบางท่านก็บอกว่าจิตคือเป็นอาการของใจ อาการของใจนี้แปลว่าอะไร

    ใจเป็นสิ่งที่เรามีทุกคน เป็นสิ่งที่เราไม่เห็น เป็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น แต่ว่าใจนี้จะเป็นผู้บงการการกระทำของเราทั้งหลาย จึงต้องพยายามดู

    แต่ใจนี้ เราไม่ได้ดูก็ไม่เห็น ถ้าดูด้วยตา ด้วยตาที่มองดูภูมิประเทศ ดูใครต่อใคร ดูตึกอาคารนั้น ตานั้นจะไม่เห็น ท่านก็เรียกว่า ‘ตาใจ’ คือความรู้ ตาใจนั้นก็คือเป็นสิ่งที่จะใช้สำหรับได้ปัญญา ได้เห็นแสงสว่างของปัญญา ...


    จิตเป็นนามธรรมที่สามารถสังเกตเห็นได้ [2]

    ... คนเราทุกคนมีที่เรียกว่า “จิต” บางทีก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก จิตคืออะไร ก็คือไม่เห็น คือเขาบอกว่า เขาเรียกว่า “จิตใจ” บางคนก็นึกว่าอยู่ที่หัวใจบ้าง หรือคนสมัยใหม่ก็อาจจะบอกอยู่ที่สมอง เป็นจิต เป็นตัวเรา ที่อยู่ที่ไหนก็ตาม

    จิตนี้เราจะมองเห็นได้ ถ้าเราทำจิตใจนี้ให้ผ่องใส เมื่อทำจิตใจให้ผ่องใสก็เห็น เห็นจิต ตามธรรมดานั้นพูดถึงว่า จิตนี่ก็เป็นสิ่งที่จะดูยาก ที่จิตดูยากเพราะว่า จิตที่อยู่นิ่งๆ ก็จะไม่เห็น

    อย่างเราดูอากาศหรือดูน้ำมันไม่ค่อยเห็น อย่างในห้องนี้ เราดูอากาศเห็นหรือเปล่า ก็ไม่เห็น แต่ว่าถ้าเราดูไปทางหน้าต่างเห็นสีฟ้า มันก็เป็นลักษณะอากาศ อากาศมีสีฟ้าก็เห็น แต่เห็นยาก จิตนี้ก็เหมือนกัน เห็นยาก

    แต่ถ้าดูฟ้าหรือดูข้างนอก เราเห็นเมฆ เมฆมันลอยไป เมฆมันลอยไปทำไม ก็เพราะว่าอากาศมันเคลื่อน แต่เราเห็นเมฆนั้น มันเป็นเมฆ ไม่ใช่ลม ไม่ใช่อากาศ

    จิตเหมือนกัน ถ้าเราอยู่เฉยๆ มันไม่เห็น แต่ถ้าสมมติว่า เรามองเห็น ดูอะไรเราชอบใจ จะเห็นว่าจิตผ่องใส อันนี้เป็นวิธีที่จะดูจิต อันนี้เป็นวิธีที่จะทำให้สามารถรู้จักจิต ...







    [1] พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะผู้แทนพุทธสมาคมทั่วประเทศที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย วันเสาร์ที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๓.

    [2] พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสที่พระครูใบฎีกาเล็ก ญานุตตโร และคณะ เฝ้าถวายต้นเทียนพรรษาและเงิน เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันพุธที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๐.
     

แชร์หน้านี้

Loading...