ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “..คนที่ตายจากความเป็นคนนั้นยากนักที่จะกลับมาเกิดเป็นคนใหม่ ไม่ว่าสักร้อยล้านคนตายแล้วกลับมาเกิดสัก ๑ คนก็แสนยาก ส่วนมากตายแล้วก็ไปอบายภูมิเป็นส่วนใหญ่ที่สุด อบายภูมิที่จะไปคือ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน ๔ อย่างนี้ท่านเรียกว่าอบายภูมิ นี่เรียกว่าประมาณของคนที่ตายร้อยละแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อยนะ ที่ตายแล้วไปสู่อบายภูมิ ที่จะไปสู่สุคติเป็นมนุษย์ก็ดี เทวดาก็ดี พรหมก็ดี จะกันไว้ถึง ๒๐ เปอร์เซ็นต์ก็เกรงใจเต็มที ถ้าจะเอากันจริงๆ ละก็ จะสู่สุคติจริงๆ ไม่ถึง ๕ เปอร์เซ็นต์เป็นส่วนใหญ่เท่าที่พบ..”

    โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (วัดท่าซุง)

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงแล้วตามมา ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ผู้มีปัญญา ได้เห็นธรรม ซึ่งเป็นปัจจุบัน ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนือง ๆ ควรรีบทำเสีย

    ผู้มีปัญญา ซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีความเพียรแยกกิเลสให้หมดไป จะไม่เกียจครัาน ขยันหมั่นเพียร ทั้งกลางวันและกลางคืน…”

    โอวาทธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ไม่ควรให้สิ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ให้พากันสร้างกรรมดีนะ เวลามีชีวิตอยู่อย่าพากันเพลิดเพลินไม่รู้เนื้อรู้ตัวไม่ได้นะ..ต้องระวัง เราเป็นผู้ประกันตัวของเราเอง รักษาตัวของเราเอง พึ่งตัวเอง ให้ระมัดระวังการกระทำของเรา อย่าทำสุ่มสี่สุ่มห้า..ไม่ดีเป็นการทำลายตัวเอง ต้องได้คิดได้อ่านเสียก่อนจะทำอะไรเพราะทำแล้วไม่หายไปไหน บาปกับบุญมันติดอยู่กับผู้ทำนั่นละ..ให้พากันระวังให้ดี…”

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

    ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เมื่อหลงรู้จึงไม่ใช่ผู้รู้ เพราะจิตไม่สัปยุตด้วยสติปัญญา

    เมื่อจิตยังไม่ก้าวเข้าโลกุตรภูมิ ความรู้อภิญญาฌานสมาธิเหล่านี้ ย่อมไม่แน่นอน เป็นอนิจจังไม่เที่ยง มีความเสื่อมถอยลงได้ เป็นธรรมดา

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ถ้าใครละความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือกำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลงเสียได้ ผู้นั้นจะพบเห็นพระนิพพาน พระนิพพานอยู่เหนือความโลภ โกรธ หลง ท่านว่าอย่างนี้… บางคนถ้าจะละมันออกไปก็ยังเสียดายมันอยู่ ถือว่ามันเป็นมิตรที่ดีต่อเราอยู่ ไม่ยอมให้มันตีตัวจากเราเลย อันนี้ก็ได้ชื่อว่า เราโง่กว่ากิเลส ปล่อยให้กิเลสเป็นนายเรา

    หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ

    ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ความโกร.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ๔๑๗.) “ มนุษย์มีเกิดมีตาย
    สัตว์เดรัจฉานมีเกิดมีตาย
    เทวดามีเกิดมีตาย
    พรหมมีเกิดมีตาย รวมแล้วโลกอันนี้มีเกิดมีตาย ไม่มีเต็ม เวียนว่ายตายเกิดอยู่ตลอดไป เป็นทุกข์อยู่ตลอดไป เป็นภพเป็นชาติยืดยาวด้วยเชื้อเกิดเชื้อตาย ภาวนาแล้ววิชชาเกิดพอรู้จักได้การเกิดตายของเจ้าของ เห็นโทษเห็นภัยของการท่องเที่ยวเกิด แก่ เจ็บตาย เป็นภพเป็นชาติ เกิดแล้วตาย เกิดแล้วตาย ไม่มีอะไรจะยั่งยืนถาวร ”

    “ เกิดตายมาของผู้ข้าฯ จะนับตั้งแต่ชาติชีวิตที่เคยได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์
    – เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ๗ ชาติ อยู่เพชรบูรณ์ก่อนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันมาตรัส ๓ หมื่นปี
    – มาเกิดเชียงใหม่
    – ไปเกิดอยู่สิบสองปันนาสิบสองจุไทย ก่อนศาสนา ๒๘,๐๐๐ ปี
    – มาเกิดอยู่มุกดาหาร เป็นกษัตริย์ ๗ ชาติ ราษฎร ๕ ชาติ ก่อนศาสนา ๑๓,๐๐๐ ปี
    – เกิดปราจีนบุรี เป็นเจ้านาย ๔ ชีวิต ก่อนศาสนา ๖,๕๐๐ ปี
    – เกิดอยู่ลพบุรี เป็นราษฎร ๓ ชีวิต

    เป็นกษัตริย์ ๕ ชีวิต ก่อนศาสนา ๓,๐๐๐ ปี
    – ไปเกิดอยู่พาราณสี
    – เกิดอยู่กรุงกบิลพัสดุ์ เป็นเจ้าสีหนุราช
    – เกิดกุสินารา เป็นพันธุละเสนาบดี
    – เกิดอยู่เนปาล บวชเป็นฤาษี มีหมู่ ๕๐๐ ฤาษิณี ๒๕๐ ตน ฤาษี ๒๕๐ ตน มีพระเถรเจ้าจากอินเดียธุดงค์ไปโปรดขณะนั้นอยู่ ๑๘ ปี พวกฤาษีสาวก ๕๐๐ เขาได้สำเร็จธรรมะหมด เหลือแต่เราคนเดียว
    – เกิดอยู่เวียงจันทร์ ฟังธรรมพระมหากัจจายนะ อายุ ๑๔ ปี เป็นลูกคู่แฝดกับย่าแก้ว (คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ)
    – เกิด เวสาลี อายุ ๑๘ ปี สังคยานาครั้งที่ ๒ อายุ ๓๑ ปีตาย แล้วเกิดอีกบวชเป็นพระ อายุ ๔๐ ปีตาย
    – เกิด ภูฎาน อาฬวี สร้างวัดใหญ่ที่สุด อายุ ๕๕ ปีตาย ได้พระบรมสารีริกธาตุ ๓ บาตรและพระธาตุสาวกอีกมากมาย
    – เกิดเมืองลังกา เป็นกษัตริย์ เทวนัมปิยะทำสังคายนา อายุ ๕๐ ปีตาย
    – เกิดนครวัด เป็นนายทหาร อายุ ๗๓ ปี
    – เกิดอุทุมพร เป็นลูกเศรษฐี อายุ ๕๕ ปี
    – เกิดนครวัดแล้วมา สร้างพนมรุ้ง อายุ ๖๓ ปี
    – เกิดเป็นลูกเจ้าเมืองสุรินทร์ ๔ ชีวิต แต่ละชีวิตอายุได้ ๓๓ ปีตายทุกชีวิต โทษสมัยฆ่าเขา ๕๐๐ คน เมืองกุสินารา
    – เกิดพิษณุโลก อายุ ๓๐ ปีตาย
    – เกิดเมืองเชียงแสน
    – เกิดเมืองลังกา เป็นกษัติย์องค์ที่ ๕ อายุ ๕๕ ปี
    – เกิดพิษณุโลก สร้างวัดเขาสมอแครง อายุ ๕๓ ปี
    – เกิดเมืองเชียงแสน เป็น พรหมราช สร้างพระธาตุจอมกิตติ
    – เกิดลำพูน เป็นลูกชายเจ้าแม่จามเทวี อายุ ๙๐ ปี
    – เกิดเชียงใหม่ บ้านหนองอุกนาหวาย สร้างวัด ๖ วัด อายุ ๕๕ ปี
    – เกิดแม่ทะ เป็นนายบัณฑิต เทศน์ธรรมสอนผู้คน อายุ ๕๕ ปี
    – เกิดเมืองซัวเถา เป็นเศรษฐี อายุ ๕๕ ปี
    ตายมาเป็นกษัตริย์ อายุ ๖๓ ปี
    ตายมาเป็นฮ่องเต้ อายุ ๖๓ ปี

    – เกิดเชียงแสน เป็นพญาเม็งราย บูรณะเชียงใหม่
    – เกิดจังหวัดตาก อำเภอสามเงา เป็นคนเผาถ่าน อายุ ๔๑ ปี
    – เกิดแม่สอด เป็นคนเลี้ยงโค ๓๐๐ ตัว อายุ ๕๕ ปี
    – เกิดจังหวัดตาก บวชอยู่วัด สีตลาราม อายุ ๔๑ ปีตาย
    – เกิดเชียงแสน เป็นพระเจ้าแสนภูมิ อายุ ๕๕ ปี
    – เกิด เมืองเว้ เป็นกษัตริย์ อายุ ๔๐ ปี
    – เกิดเชียงใหม่ เป็นพระเจ้ากือนา ฟ้าผ่ากลางเวียง สร้างวัดหล่อพระมากหลายร้อย
    – เกิดกรุงศรีอยุธยาทำสงครามกับพม่าตาขาว
    – เกิดลพบุรี เป็นไก่ ๕ ชีวิต เป็นตาผ้าขาวอายุได้ ๓๓ ปีตาย
    – เกิดกรุงเทพเป็นราชโอรสของพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
    – เกิดบ้านห้วยทราย ”

    ๔๑๘.) “ คมธรรม ”
    “ ทุกข์และกรรมเป็นกฎกติกาของโลกอย่างหนึ่งจะมาโอดครวญทำไม ”
    “ ธรรมอำนวยสุขให้ทั้งคราวสำราญและคราวตกทุกข์ ”
    “ เอาตัวตนเกินไป ปฏิบัติธรรมไม่เป็นธรรม ”
    “ ความสงบความผ่องแผ้ว ความอ่อนโยน ธรรมชาติมันสอนให้หมด ”
    “ อย่าหาความสุขจากความเกียจคร้าน
    ความฟุ่มเฟือย
    หรือการยกข้ออ้างใดๆ
    ความตั้งใจที่ดีเท่านั้นจะเป็นมิตรของตน
    ปราชญ์ท่านสอนให้หาความสุขจากการทำดีประกอบคุณงามความดี ให้หาความสุขจากการศึกษาหาความรู้ในธรรม อีกอย่างหนึ่งขอให้คิดนึกว่า ชีวิตจิตใจที่จะเป็นสุขผาสุขได้นั้นต้องเป็นชีวิตที่เรียบง่าย ถูกครรลองธรรมวินัยขององค์พระพุทธเจ้า ”
    “ ในชีวิตไม่มีอะไรจะเป็นที่พึ่งของตนได้ดีเท่ากับการรำลึกถึงความดีงาม อันตนเคยทำ (ทำไว้มาก ทำให้มาก ทำได้มาก) เพราะเป็นธรรมเอิบอาบซาบซ่านทั่วแล้วในจิต อีกทั้งอันเป็นทรัพย์ภายในอันจะก่อประโยชน์ให้ในทุกที่สถานใจ ”
    “ ขอจงพอใจอยู่แต่เรื่องที่ได้ทำความดี ”
    “ อย่ามาบ่นว่า “ เมื่อใดจะหมดเวรหมดกรรมกันเสียที ทำไมชีวิตนี้มันทุกข์หนักทุกข์หนา ”
    ก็ตัวเองแท้ ๆ ไม่ชำระกรรมของตัว การรู้อะไรดี ไม่รู้อะไรไม่ดี จะให้พ้นกรรมได้อย่างไร จะหมดเวรหมดกรรมได้อย่างไร ”

    “ ใครเป็นผู้ทำกรรม กาย – ๑ –
    วาจา – ๑ –
    ใจ – ๑ –
    วัตถุ – ๑ –
    ทำแล้วให้ใจเป็นผู้เก็บผู้เดียว ทำตอนนี้เก็บตอนนี้มีชีวิตอยู่นี้แหละ ”
    “ ความรู้ ๓ อย่าง ๑. ความรู้ที่ทำกิเลสให้สงบ
    ๒. ความรู้ที่ทำให้กิเลสดับไป
    ๓. ความรู้ที่ส่งเสริมกิเลส ”

    “ หากยังมีความอยาก ความอาลัยในจิตอยู่มีกิญจนะกังวลอะไรอยู่ในตน จะเกิดมรรคไม่ได้หรอก เพราะธรรมหยาบมีไว้แก้ของหยาบ มัชฌิมธรรมมีไว้แก่กิเลสนุสัยของกลาง ธรรมละเอียดมีไว้แก้ของละเอียด
    ๑. หากมีอุปนิสัยพร้อมจะบรรลุก็จะได้ตามภูมิธรรมได้ใน ปฐมวัย ๑
    มัชฌิมวัย ๒
    ปัจฉิมวัย ๓
    ใกล้ตาย ๔
    ๒. หากไม่ได้ก็ได้ในสวรรค์
    ๓. หรือได้นิสัยพระปัจเจกก์
    ๔. หรือได้เป็นมนุษย์สุคติ
    ได้บรรลุเร็วไวๆ
    ได้เป็นนิสัย อุปนิสัยต่อไป ”

    “ รู้ความจริงความเป็นจริง แล้วปล่อยตามความจริงนั้น ใจมันก็มีที่ลง เพราะมีท่าลงโดยรอบ จิตเป็นธรรม นั้นความจริง ใจมันทราบในความชัดเจน จะไปถามหาอะไรอีก มันเป็นแล้วก็แล้วไป
    อดีตก็เรื่องของมัน
    อนาคตก็เรื่องของมัน
    ไปยุ่งกับมันทำไม
    เอาให้ใจมันเข้ากับปัจจุบันได้
    ตรงนั้นแหละ ต้นเหง้าของธรรม ”

    คัดจากธรรมประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ : วัยสุดท้ายบ่พ่ายแพ้แก่ตน

    ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -มนุษย์มีเกิดมีตาย.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…พอเมื่อใด สุขใจเมื่อนั้น…”

    กุสโลวาท : โอวาทธรรมหลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์(หลวงปู่จันทร์ กุสโล) วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่

    ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -สุขใจเมื่อนั.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ละเมื่อใด สุขใจเมื่อนั้น…”

    มหาปุญโญ หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ

    ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -สุขใจเมื่อนั.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ๔๑๙.) การรับญาติโยมหรือการรับแขกของหลวงปู่ โดยมากแล้วท่านจะต้อนรับด้วยการแสดงธรรมให้ได้รับปัญญาตาใจ หากว่าโยมเขาประสงค์จะฟังเทศน์ ท่านก็จะเทศน์อบรมโดยยกบาทพระคาถาพุทธพจน์ ขึ้นก่อนจากนั้นก็แสดงสาธยายให้ฟังจนจบเอวัง ก็ให้พรต่อจากนั้นท่านก็อธิบายเพิ่มเติมให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และมีการตอบข้อสงสัยข้อข้องใจจนเหมาะแก่เวลา ก็เลิกไป แต่ก่อนจะลุกจากไปทุกคณะศรัทธา หากไม่ขอน้ำมนต์ก็ขอให้องค์ท่านเป่ากระหม่อม เป็นทุกคณะไป ส่วนสำนวนเทศน์ก็ที่ปรากฏบ่อยมากก็มี
    ๑. อาสวนา จ พาลานํ บณฺฑิตา จ เสวนา
    ๒. สุคโต โลกวิทู ตีติ
    ๓. หิริ โอตฺตปฺป ธมฺมาฯ
    ๔. สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย
    ๕. ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ
    ๖. ขนฺติ ตโป ตีติกฺขาตีติ
    ๗. สรณะ ทั้ง ๓

    ๔๒๐.) “ บุหรี่ไม่กิน หมากไม่กิน กาแฟไม่กิน น้ำส้มน้ำหวานขี้คร้านกินมันรุงรัง ยาสูบก็เหม็นเห็นเขาสูบก็รำคาญแล้ว กินหมากปะรากปากเปรอะสกปรก กาแฟก็กินไม่ได้หัวใจเต้น น้ำส้มน้ำหวานไม่ฝึกกินมันไม่ดี เดี๋ยวมันจะติดใจ หาเงินซื้อมิได้ ”
    ในประดาเครื่องของขบฉันภายหลังอาหารจังหันเช้าแล้วยิ่งอายุมากดูเหมือนหลวงปู่จะตัดทิ้งไปจนหมด ยังเหลือแค่น้ำเปล่าเท่านั้น ของขบเคี้ยวลูกอมต่าง ๆ ท่านปฏิเสธไว้หมดแต่ต้น ๆ มาแล้วปานะอัฐบาลอะไรไม่รับ)
    “ ใครเขากินก็กินไปปากท้องเขา แต่เราไม่เอาเพราะสบายดีไม่ต้องกังวลห่วงอยู่ห่วงกิน กินข้าวกับน้ำก็อยู่ได้แล้วสืบธรรมสืบวินัยได้แล้ว ”

    “ เพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) ท่านฉันหมากแต่สะอาดมากไม่เคยเห็นน้ำหมากขี้คำหมาก ตามพื้นดินรอบ ๆ ที่อยู่สะอาดเห็นบางคนกินหมากปากแดงจายวาย ถ่มน้ำหมากขากน้ำลายปะรากปากปรีกดินแดงเป็นสะล้าน แต่เพิ่นครูอาจารย์มั่นสะอาดทั้งปากทั้งมือ ”
    “ ทำไมท่านหลวงปู่มั่นจึงยังเคี้ยวหมากอยู่ละครับ ”
    “ กลิ่นอายของทุกข์อันเหลืออยู่นั่นแหละพาให้เคี้ยวไม่ผิดธรรมหรอก เพียงแต่เป็นเครื่องรุงรังพระพุทธเจ้าห้ามฉันแต่มิได้ห้ามเคี้ยว ”

    “ หลวงปู่สิม (พุทฺธาจาโร) สูบยาเกล็ดทองวันละ ๔ – ๕ ซอง จนเป็นวัณโรค ”

    “ หลวงปู่ลือ (สุขปุญฺโญ) นัตถุ์ยานัตถุ์ จนเป็นกังจมูก-ริดสีดวงจมูก บางคนสูบยาจนตนตัวออกซี่ไฟเหม็นไปทั่ว

    หลวงปู่แหวน (สุจิณฺโณ) สูบยาจนหมดอายุ หลวงปู่ตื้อ (อจลธมฺโม) กินหมาก หลวงปู่ชอบ (ฐานสโม) พาขึ้นดอยลางแง้นยาสูบจนได้ลงมา ผู้ข้าฯ ยังกินแต่น้ำชา เฒ่ามาแล้วท้องผูกน้ำชาก็ไม่กิน กินน้ำเปล่าก็พอ ”

    ๔๒๑.) “ สุโข ปุญญัสสะ อุจจโย เมื่อบุคคลสะสมซึ่งบุญ บุญนั้นก็จะนำมาซึ่งความสุข พระธุดงค์กรรมฐานผู้มุ่งประพฤติตนนั้น วันทั้งวันทั้งคืนจะมุ่งทำให้จิตของตนผ่องแผ้วจากอาวรณียธรรม คิดค้นในกิเลสที่ขัดขวางมิให้เข้าถึงความสงบ ”
    ด้วยอริยาบถเดินและนั่งเป็นเช่นนั้นเรื่อยๆ ตลอดปฐมยาม เมื่อย่างเข้าสู่มัชฌิมยามก็เข้านอน ๕ – ๙ ทุ่ม ลุกขึ้นมาทำสรีรกิจ ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปด้วยการนั่งการเดินจงกรม ในระหว่างกลางวัน ท่านจะประกอบกิจวัตรอื่นอาทิ การกวาดลานวัดลานเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ เหลาไม้สีฟัน ซ่อมแซมดูแลข้าวของเครื่องใช้ ตักน้ำฉันน้ำใช้ ตลอดจนศึกษาตำรับตำรา ประพฤติวัตตขันธกะ ๑๔ อันควรแก่กาล หรือกิจของสงฆ์อย่างอื่น

    ครั้นได้เวลาพอสมควรอาบน้ำชำระคราบไคลให้สะอาดแล้วเข้าสู่ที่นั่ง ทำสมาธิขัดสมาธิ ๒ – ๓ ชั้นให้ได้รับไออุ่นระลึกในกรรมฐาน มิให้ใจห่างจากธรรม วันคืนจึงล่วงเลยด้วยกรรมฐานอันประกอบด้วย พุทธานุสสติ, มรณานุสติ, เมตตาธรรม, อสุภกรรมฐาน ทุกกิริยาของกายและกิริยาของใจจึงตั้งในกรรมฐาน

    “ ให้เคารพกันในเรื่องการนับพรรษาใครบวชก่อนต้องกราบต้องไหว้ ให้รู้จักธรรมวินัยในข้อนี้ ผู้บวชทีหลังต้องกราบไหว้ผู้บวชก่อน เพราะการบวชคือการเกิดครั้งที่ ๒ อปโลกน์กายใจ วัตถุ การเลี้ยงชีวิต ครั้งแรกเกิดแต่พ่อแต่แม่ ให้รู้ว่าการกราบการไหว้เป็นธรรมเนียมนิยมเป็นอริยประเพณีของผู้เจริญ กิริยาการกราบไหว้ก็ให้นอบน้อมเป็นเบญจางค์ กราบไหว้เสียก่อนแล้วจึงแจ้งกิจโอภาปราศัย ความซาบซึ้งความศรัทธาเริ่มแต่การกราบไหว้นี้เอง เพราะความนอบน้อมถ่อมตนเป็นคุณพื้นฐานของธรรม จริยวัตรอันงดงามจะงอกงามขึ้นได้ก็เพราะจุดเริ่มต้นตรงนี้ ”

    ๔๒๒.) “ กิจในการศึกษา
    กิจในการเรียน
    กิจในการละ
    กิจในการวาง
    กิจในการถอดถอน
    กิจในการดับเชื้อเกิดตาย
    พระอรหันตเจ้าเพิ่นได้ละ ได้วาง ได้ดับจนหมดจนสิ้นแล้ว จึงชื่อว่า “ แล้วกิจ ” ไม่มีกิจที่ต้องศึกษาเล่าเรียนอีก ไม่เรียนรู้ศึกษาอะไรเป็นอยู่ก็เป็นแต่กิริยากิจและปฏิปทากิจ ดำเนินความตามอริยเพณีไว้ให้เป็นแบบเป็นอย่างเท่านั้น ”

    ๔๒๓.) พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    เป็นทั้งพ่อ
    เป็นทั้งแม่
    เป็นทั้งครูบา
    เป็นทั้งอาจารย์
    เพราะคอยดูแลสุขทุกข์ ขัดเกลานิสัยเอาใจใส่ทั้งจริตนิสัยในภายนอกในภายใน กล่อมเกลาเหลาเลี้ยง แม้ว่าหลวงปู่จะมิใช่พระที่มีลาภสักการะในทางวัตถุ แต่ในด้านของธรรมมะอบรมแนะนำผู้คนในศาสนาว่าได้ว่าหลวงปู่มิเคยบกพร่องในงานด้านนี้เพราะเคยได้ยินบ่อยว่า
    “ พระพุทธรูปมิเคยปฏิเสธใครดี เลว ท่านรับกราบไหว้หมด ตัวเราทำไมจะเก่งกว่าพระพุทธเจ้าไปได้ ผู้คนมาหาต้องการอะไรเราก็ให้ โดยเฉพาะธรรมปฏิบัติ ”
    “ อยากให้เขาได้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ก็สอนเขาไปตามเรื่อง ”
    “ เราเอาธรรมมะของพระพุทธเจ้ามาสงเคราะห์โลก ”
    “ จะได้เท่าไหร่ก็เอา สัตว์โลกมันหยาบมันบาปมากต่างกัน ”
    ด้วยเหตุนี้การเทศน์ก็ดีหรือการอบรมก็ดี จึงเป็นงานเป็นหน้าที่ของท่านที่ท่านไม่เคยเบื่อหน่ายหรือแสดงอาการท้อแท้แม้เมื่อชราภาพอายุมาก ผู้คนก็ยังนิมนต์ท่านไปเทศก์โปรดท่านก็ยังหอบสังขารรูปกายไป ไปด้วยจิตใจเมตตา
    “ ไปได้อยู่ มันต้องไป โลกเขาชอบใช้คนเฒ่า ”
    “ คนเฒ่ามันเหมือนปลาช่อนเฒ่า แก่เฒ่ามันมีประโยชน์ ”
    “ สงเคราะห์โลกตามประโยชน์มันเป็นไป ”
    ครั้งหนึ่ง มีพระอาจารย์รูปหนึ่ง มาเยี่ยมหลวงปู่ในฐานะเป็นผู้เข้ามาปรึกษา พระอาจารย์องค์นั้นก็ว่า หลวงปู่น่ะอะไร ๆ ก็ช่างหัวมัน โลกและศาสนาเขาเดือดร้อนวุ่นวายกัน แต่หลวงปู่ก็ยังนั่งหลับหูหลับตาอยู่ว่าแต่เป็นเรื่องของใครของมัน
    หลวงปู่ตอบว่า “ นรกไม่เต็ม สวรรค์ไม่เต็ม เจ้าอยากไปก็ไปได้ โลกมันเป็นโลก ธรรมมันเป็นธรรม ”

    คัดจากธรรมประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ : วัยสุดท้ายบ่พ่ายแพ้แก่ตน

    ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -การรับญาติโยมหรือก.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    บันทึก ปี ๒๔๕๕ เถิง ๒๔๖๐.แขวง หนองสูง ไป คำชะอี นครพนม

    ปี้แจ้งไป ห้วยทราย ความว่า เมืองหนองสูงเหนือ มี ขุนหนองสูงสวัสดิ์ (มหาธิราช โกฏิ แสนโคตร ) กับ อาญานางโหลง เพ็ง แสนโคตร ผู้เป็น ภรรยา พร้อม บุตร สาว ๒ คน และ หลานสาว พร้อม บุตรสะใภ้คนโต นางขาว หลิง แสนโคตร(บุตรสาว) นางขาว ลืด กลางประพันธ์(บุตรสาว) นางขาว หลวย จันปุ่ม(หลานสาว) นางแอ้ แสนโคตร (ลูกสะใภ้) เดินทางมา ส่ง หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พร้อม คณะศิษย์ยานุศิษย์ ประมาณ ได้ ๖๐ รูป อาทิ เช่น.ท่านชอบ* หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านขาว* หลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านเทสก์* หลวงปู่ เทสก์ เทสรังสี…………….

    ท่านขี่ ม้า แล บรรดาญาติ เทียมเกวียน เดินท้าวบ้าง เข้าไป หาบิดามารดา ลูกสะใภ้ (เกี่ยวดอง)ที่ บ้านห้วยทราย อาญาขุนแสน เสียงล้ำ อาญานางโหลง ลาว เสียงล้ำ (โยม ตา โยม ยาย หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ) และ ขุนธรรมรังษี (ขุนตาซ้น) เสียงล้ำ( โยมบิดาคุณย่าแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ )………….ขณะนั้น แม่ชีแก้ว อายุได้ ๑๖ ปี……. หลวงปู่จาม มหาปุญโญ (เด็กชายจาม อายุ ๕ ขวบ แม่ชีแก้ว เสียงล้ำ(นางตาไป่) กับ นางแอ้ แสนโคตร (เสียงล้ำ) และ แม่ชีโสน เสียงล้ำ(นางโสน) ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง กำลังทำสวน ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม แผ้วถาง ป่าน่อง (เครือน่อง) พืชมีพิษชนิดหนึ่ง สมัยโบราณ มัก อาบลูกศร ล่าสัตว์ ทำให้ สัตว์ สลบโดยง่าย

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นิมิตเห็นว่า พระพุทธเจ้า เสด็จมา นิพพาน ที่นี้ หลายพระองค์นานมาหลายภพหลายกัปล์ จึงพอใจที่ดินนี้. ปี นั้น……………………………

    คุณย่าแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ จึงทานที่ดินผืนนี้ให้ พร้อมกันนั้น.
    ชาวผู้ไท ทางหลาย ต่างนับเอา ไตรสรณคมเป็นอันมาก โข พร้อมพากันสร้างวัดเป็น วัดหนองน่อง แล้วแล…………………………….

    ก่อนหน้านั้น อาญานางโหลง ลาว (สกุลเดิม ผิวขำ) เสียงล้ำ ได้ อุทิศ ที่ดินหน้าเรือนตนถวายกัลปนา เป็นวัดศรีจอมพล (คามวาสี) ชาวบ้านยังถือ มอหอเทียน พอได้ทำบุญตามฮีตเก่า
    เพิ่งตอนเทครัวมาใหม่ๆ จากประเทศลาว สละทานอัฐเบี้ย หยาดทานไว้ ທ້າວໂຈມເຍີງໂຈມແຍງ ວິເສດແສນທະວງສາ
    เล่าสู่ฟัง เอาบุญไปภายหน้าชะแล…

    ความเป็นมาของวัดบ้านห้วยทราย(วัดหนองน่อง) วัดป่าวิเวกวัฒนาราม บ.ห้วยทราย อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร

    ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    1512123495_310_บันทึก-ปี-๒๔๕๕-เถิง-๒๔๖๐-แ.jpg
    1512123495_477_บันทึก-ปี-๒๔๕๕-เถิง-๒๔๖๐-แ.jpg
    1512123495_14_บันทึก-ปี-๒๔๕๕-เถิง-๒๔๖๐-แ.jpg
    1512123495_182_บันทึก-ปี-๒๔๕๕-เถิง-๒๔๖๐-แ.jpg
    1512123495_416_บันทึก-ปี-๒๔๕๕-เถิง-๒๔๖๐-แ.jpg
    1512123495_933_บันทึก-ปี-๒๔๕๕-เถิง-๒๔๖๐-แ.jpg
    1512123495_942_บันทึก-ปี-๒๔๕๕-เถิง-๒๔๖๐-แ.jpg
    1512123495_461_บันทึก-ปี-๒๔๕๕-เถิง-๒๔๖๐-แ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…คนมียศเขาก็ตาย
    คนมีบาปเขาก็ตาย
    คนมีบุญเขาก็ตาย
    คนแข็งแรงมีกำลังเขาก็ตาย
    คนมีฤทธาศักดานุภาพเขาก็ตาย
    พระอริยะพระอรหันต์พระพุทธเจ้าก็นิพพานไปเหมือนกัน
    ตัวเรานี้ประสาอะไร ต้องตายแน่นอน อยู่ไหนอย่างไรต้องตาย…”

    หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร (คัดจากหนังสือ ธรรมประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ)

    ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐

    กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg
    1512127163_62_คนมียศเขาก็ตาย.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    บางคนน่ะไปเห็นเพื่อนว่าเพื่อนผู้นี้ภาวนาเก่ง ได้สมาธิ นั่งเป็นชั่วโมง สองชั่วโมง สามชั่วโมงก็ได้ ไอ้เราน่ะมันนั่งไม่ได้อย่างนั้นน่ะก็น้อยใจให้ตัวเองอย่างนี้มันไม่ถูก เราจะไปเอาแต่คนอื่นมาเป็นเครื่องวัดตัวเองดำเนินตามผู้อื่นไปร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้หรอกเพราะว่าบุญกรรมต่างคนต่างสร้างมาไม่เหมือนกัน

    ไอ้ผู้ที่นั่งนานไม่ค่อยได้อย่างนี้ก็เจริญปัญญา เมื่อทำใจให้สงบลงไปพอสมควรดังนี้ก็พิจารณา อืม ให้มันรู้ความจริงของชีวิตนี้ เช่น ในสติปัฏฐานสี่อย่างนี้นะ พระองค์เจ้าทรงสอนทางลัดไปเลย กายก็สักแต่ว่ากาย เวทนาก็สักแต่ว่าเวทนา จิตก็สักว่าแต่จิต ธรรมารมณ์ที่เกิดกับจิตก็สักแต่ว่าธรรมารมณ์ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขาอะไร เนี่ยในสติปัฏฐานน่ะ ก็ให้สติมันระลึกเข้าไปหาจิต กำหนดรู้ตามหลักวิชชาที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นั้น กำหนดรู้ในใจจริงๆเลย เอ้อ ร่างกายนี้มันไม่ใช่ของเราจริงจังอะไร เวทนา คือ ความเสวยอารมณ์อันเป็นสุขเป็นทุกข์ ไม่ทุกข์ไม่สุขหมู่นี้มันก็สักแต่เวทนา ไม่ใช่เราไม่ใช่เขานี่พระองค์สอนให้กำหนดรู้สุขเวทนา ทุกขเวทนาต่างๆนี่อย่าไปสำคัญว่าเป็นเรา อย่าไปสำคัญว่าเรากำลังเป็นทุกข์อย่างนี้ เรากำลังเสวยสุขอยู่อย่างนี้ปลื้มอกปลื้มใจเมื่อตนได้เสวยสุข อันนี้ก็ไม่ถูกทาง เป็นอย่างนั้น ไม่ถูกทางสายกลาง จึงว่า เมื่อเห็นแจ้งว่าไม่ใช่ของเราแล้วมันก็ทำจิตเป็นกลางได้นะบาดนินะ

    หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
    วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

    ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
    ” กำหนดรู้อยู่กับปัจจุบันตัดอดีต”

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    บางคนไม่อยากทำบุญ เพราะมักอ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดี อันที่จริงมันคนละเรื่อง เรื่องการทำบุญมันเรื่องของการเสียสละ ไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจแต่ประการใด เรื่องของศาสนาไม่ใช่เรื่องของเศรษฐกิจ เศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีก็ไม่มีผลใดสำหรับคนบุญ

    …หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร…

    -เพราะ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “ค่าของตนที่ฝึกดีแล้ว”

    ” .. ผู้มีปัญญา “เห็นค่าของตนที่ฝึกแล้ว” ย่อมยินดีที่จะเผชิญกับความยาก ความยากแม้มากมายเพียงไรก็ตาม ย่อมให้ผลเป็นความมีค่าแห่งจิตใจตน “เป็นความมีค่าแห่งตนเอง เป็นผลที่คุ้มกับความยากลำบาก” ที่ต้องต่อสู้เพื่อให้การฝึกตนเป็นไปด้วยดี

    “คนมีปัญญาย่อมพร้อมที่จะรับความยาก เพียงเพื่อจะได้มีโอกาสฝึกตน” ผู้ที่เป็นคนดีแล้ว ย่อมสามารถฝึกคนไปสู่ความดีงามต่าง ๆ “ได้นำตนไปสู่ความเจริญรุ่งเรื่องได้และสามารถนำผู้อื่นไปสู่ความดีงามต่าง ๆ ได้ด้วย”

    ท่านจึงกล่าวว่า “ตนที่ฝึกดีแล้วเป็นแสงสว่าง ตนที่ฝึกดีแล้วเป็นเครื่องนำชีวิต ตนที่ฝึกดีแล้วเป็นเครื่องยังชีวิตให้สว่าง” .. ”

    “พระนิพนธ์” สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ผู้ที่ไม่เคยทำบุญไว้แต่ชาติก่อน ความสมหวังแห่งผู้นั้นไม่มี ย่อมคลาดแคล้วแห่งสมบัติหลายประการ

    ทำนาข้าวตาย ค้าขายขาดทุน หาคนค้ำจุนไม่ค่อยได้ คนนั้นป่วยไข้ไปหาหมอก็ขัดข้อง รักษาไม่ได้ ให้ตกอับทุกหน้าที่ ตกลงคนนั้นต้องกอดเข่าเจ่าจุก เพราะไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติปางก่อน ไม่ชวนให้คนอื่นเมตตา

    ที่พวกเราได้พากันเกิดมาในโลกนี้ ล้วนมีชาติทุกข์ ชราทุกข์ พยาธิทุกข์ มรณะทุกข์ ประจำชาติที่เกิดมา

    เพราะฉะนั้น ขอคณะอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย จงพากันให้ทาน รักษาศีล บำเพ็ญภาวนา ให้เต็มไม้เต็มมือ เพื่อความสุขในอนาคตข้างหน้า เป็นอริยทรัพย์ที่ติดตามตนของเราไปได้

    หลวงปู่หลุย จันทสาโร

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...