ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย สายหลวงปู่มั่น, 4 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  2. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ทำไมในยุคนี้ต้องสวดคาถามหาจักรพรรดิ. ?

    พระคาถามหาจักรพรรดิ ก่อให้เกิดพุทธนิมิตครอบสถิตผู้ทรงคาถา พระคาถามหาจักรพรรดิที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แต่งขึ้นมานั้น นอกจากท่านจะได้ทำการอธิษฐานบารมีให้ผู้สวดได้รับพลังจากพระรัตนตรัยอย่างมหาศาลแล้ว ยังก่อให้กิด “พุทธนิมิต” เป็นวิมานแก้วพระพุทธเจ้ามาครอบสถิตผู้สวดด้วย โดยมีลักษณะเป็นมณฑปแก้วจัตุรมุข ปรากฎฉัพพรรณรังสีหกประการสว่างไสวพร้อมด้วยโพธิสัตตราวุธ ทั้ง ๔ ประการ ประจำอยู่ทั้ง ๔ ทิศ ได้แก่ พระมหามงกุฎ ตรีศูล จักรแก้ว และ พระขรรค์เพชร ทั้งหมดล้วนเป็นของคู่บุญบารมีของพระศรีอารย์โพธิสัตว์ โดยมี “พระมหามงกุฎ” เป็นศิราภรณ์ที่ปี่ยมไปด้วยบุญญฤทธิ์ (หลวงปู่บุดดา ถาวโร พระอรหันต์ระดับจตุปฎิสัมภิทาญานได้เคยนำมาถวายหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นพุทธบูชาอีกองค์หนึงด้วย)

    ส่วนอาวุธที่เหลือทั้ง ๓ ล้วนเป็นเทพศาสตราวุธชั้นสูงมีไว้เพื่อประดับบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ และเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์อย่างยิ่ง
    หากสวดเป็นประจำสามารถอธิษฐานให้เกิดเป็นองค์พระพุทธนิมิตปางมหาจักรพรรดิได้ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์มีความศักสิทธิ์อย่างมาก ประดับด้วยเครื่องทรงแห่งพระมหาจักรพรรดิอย่างวิจิตรอลังการเปล่งรัศมีหลากสีด้วยแสงแห่งรัตนอัญมณีเรียกว่า “พระมหาวิษิตาภรณ์” มาครอบสถิตผู้ภาวนา บารมีของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ที่ท่านน้อมนำอธิษฐานจิตจึงมีความศักสิทธิ์ป็นอย่างมาก เพราะท่านใช้บารมีทั้งหมดของท่านอัญชิญกระแสบารมีแห่งพระรัตนตรัย และตั้งองค์พระพุทธนิมิตปางมหาจักรพรรดิบรรจุลงไปในวัตถุมงคลที่บารมีท่านมาประจุอีกด้วย

    คำแปล

    นะโมพุทธายะ : ข้าพเจ้าขอนอบน้อมบูชา ต่อพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คือ
    นะ – พระกกุสันธะ
    โม – พระโกนาคม
    พุท – พระกัสสป
    ธา – พระสมณโคดม
    ยะ – พระศรีอริยเมตไตรย

    พระพุทธไตรรัตนญาณ : พระพุทธเจ้าซึ่งมีพระญาณแก้วทั้งสาม อันหมายถึง ปุพเพนิวาสานุสติญาณ, จุตูปปาตญาณ, อาสวักขยญาณ

    มณีนพรัตน์ : มีสมบัติคือแก้ว ๙ ประการ มีเพชร, ทับทิม เป็นต้น ซึ่งหมายถึงพระนวโลกุตรธรรม

    สีสะหัสสะ สุธรรมา : มีมือถึงพันมือ หมายถึงการที่พระพุทธองค์ ทรงแจกแจงหลักธรรม คือ พระไตรปิฎก ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์

    พุทโธ : ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    ธัมโม : พระธรรมของพระพุทธเจ้า
    สังโฆ : พระสาวกผู้ปฏิบัติตาม
    ยะธาพุทโมนะ : ขอพระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรรดิ ซึ่งมีชัยแก่พญาชมพูผู้มีฤทธิ์มาก พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ จงบังเกิดขึ้น ณ บัดนี้ด้วยเทอญ

    พุทธบูชา : ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธเจ้า
    ธัมมะบูชา : ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรม
    สังฆะบูชา : ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์

    อัคคีทานัง วะรังคันธัง : ด้วยสิ่งเหล่านี้ ได้แก่ ธูป เทียน ไฟ หรือแสงสว่าง และของหอมทั้งมวล มีดอกไม้และน้ำอบ เป็นต้น

    สีวลี จะมหาเถรัง : ขอนมัสการพระสีวลีเถระเจ้า ผู้เป็นเลิศทางลาภสักการะ

    อะหังวันทามิ ทูระโต : ขอนมัสการสถานศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป มีสังเวชนียสถาน เป็นต้น

    อะหังวันทามิ ธาตุโย : ขอนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ
    อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ
    และพระธาตุทั้งหลาย ทั่วทั้งแสนโกฏิจักรวาล
    อะหังวันทามิ…”

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  3. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…คนที่ฝึกจิตเบา ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ไหนก็ตาม คือคนที่ห่างจากโรค…”

    หลวงตา : คนที่ ิตเบา คนที่ฝึกจิตเบา
    ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ไหนก็ตาม ท่านบอก
    คือ คนที่อยู่ห่างจากโรค โรคไม่สามารถ

    จะกินได้ท่านบอก มีโรคเดียวคือ โรคเปลี่ยน
    ร่าง โรคตาย นั่นแหละ โรคเปลี่ยนร่าง
    ตัวเนี้ย เพราะจิตมันควบคุมธาตุอยู่

    เราฝึกจิตอย่างเดียวเนี่ยฮะ ิตมันมีกำลัง
    เนี่ย สามารถจะปรับธาตุได้นะฮะ ปรับกระแส
    ของโรคที่มันกินธาตุได้ ถ้าเราเคยเห็น

    ครูบาอาจารย์ เห็นผู้ที่มีบุญฤทธิ์ ผู้มีบุญน่ะ
    ท่านว่า มันมีอยู่สองฤทธิ์ ท่านว่า คนมีบุญ
    มีบุญฤทธิ์ พร้อมกับอิทธิฤทธิ์ เพราะเกิดมา

    สร้างแต่ความดี สร้างแต่บุญมากกว่าสร้าง
    สิ่งไม่ดี การสะสมบุญมันมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน
    ความดีมันสูงมากน่ะ ความไม่ดีมันนิดเดียว

    มันกลบไปหมดนะ เหมือนเกลือท่านบอก
    เกลือเนี่ย เราเอาเกลือมาช้อนนึง เอาน้ำมา
    ใส่หน่อยนึง มันก็เค็ม ถ้าเติมน้ำไปเรื่อยๆ

    เรื่อยๆเนี่ย ถามว่าเค็มมั้ย ไม่ เพราะ ้ำ
    ันเยอะ ถามว่าเกลืออยู่มั้ย อยู่ ถ้าน้ำ
    แห้งเมื่อไหร่ก็ เกลือก็จะเกิดและ

    ประมาณนั้นแหละ เพราะนั้น(หัวเราะ)ธรรมะ
    คืิอ ธรรมชาติ ธรรมะคือ เรื่องจริง ให้
    พิจรณาบ่อยๆนะ เรื่องจริงๆที่เห็นเนี่ยแหละ

    ท่านว่า ไม่ต้องไปเรียนที่ไหนหรอก ไม่ต้อง
    ไปเรียนที่ไหนเลย เรียนตามจริง นี่แหละ
    ท่านว่า คนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตายอะไร

    พวกเนี้ย เห็นโดยรูปโดยนามนี่แหละท่านว่า
    นี่คือ ธรรมะจริงๆ แล้วฮะ สามารถจะเข้าใจ
    ในภพภูมิทั้งหลาย ภูมิในมนุษย์ ทั้งภูมิ

    ทั้งหมดน่ะ ไปจากมนุษย์ ไม่ได้ไปจากใคร
    เราเคยเกิด เวียนว่ายตายเกิดมาไม่รู้กี่ภูมิล่ะ
    พรหมเราก็เคยเกิดมาแล้ว เทวดาก็เกิด

    ัตว์เดรัจฉานก็เกิดมาแล้ว นรกเนี่ยไม่มี
    ใครไม่ไปหรอกไปหมดแหละ สมัยที่ปรับ
    ตัวเองเป็นมนุษย์นู่นน่ะ พัฒนาจากสัตว์เล็ก

    สัตว์น้อย กว่าจะเป็นมนุษย์ได้เนี่ย ่านมา
    หมดแล้ว ท่านว่า ข้อมูลที่มันเมมโมรี่ไว้
    บันทึกไว้เนี่ย มันมีทุกอย่างน่ะ ท่านว่า

    มันมีฮะ เพียงแต่ ทำจิตให้มันเบา ให้สบาย
    มันก็ฝึกดูได้ เพราะตัวเองบันทึกไว้ เอาชาติ
    ปัจจุบันนี้ก่อนท่านว่า เอาเมื่อวานนี้ก่อนก็ได้
    เวลาฝึก

    หลวงตาม้า พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร : ถามตอบปัญหาธรรม
    ณ วัดพุทธพรหมปัญโญ(ดู่)อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2560

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ไม่ว่าจ.jpg
    1515504189_740_คนที่ฝึกจิตเบา-ไม่ว่าจ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  4. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…การปรามาสพระก็ดี..การพูดจา จวบจ้วงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือท่านที่มีศีล มีธรรมก็ดี จะเป็นกรรมติดตัวเรา
    และขัดขวางการปฎิบัติธรรมในภายหน้า ดังนั้น…หากเห็นใครทำความดีก็ควร อนุโมทนา ยินดี แม้ต่างวัด ต่างสำนัก..หรือแบบปฎิบัติต่างกันก็ตาม…”

    โอวาทธรรมหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -การพู.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  5. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    คำอธิษฐานของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  6. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  7. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…ความขี้เกียจก็เป็นสภาวะธรรมชนิดหนึ่งที่จรมาเป็นครั้งคราว แต่จะอยู่ด้วยนานหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกระลึกได้ด้วยตัวสติ และการพิจารณาถึงโทษของความขี้เกียจนั้น สำหรับทางธรรมความขี้เกียจในการสวดมนต์ ทำสมาธิภาวนานั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ที่คอยขวางกั้นความเพียร ดังที่หลวงปู่ดู่กล่าวว่า “ขยันก็ให้ทำ ขี้เกียจก็ให้ทำ ถ้าวันไหนยังกินข้าวอยู่ก็ต้องทำ วันไหนเลิกกินข้าวแล้ว นั่นแหละจึงค่อยเลิกทำ” ดังนี้..”

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  8. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เรื่องการนำองค์พระมาใช้ในการภาวนาในการฝึกวิชาเปิดโลก(วิชาภูติพระพุทธเจ้าของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)

    ขอนำหนึ่งในวิชาที่หลวงปู่ ท่านได้เมตตาสอนไว้ให้ลูกศิษย์ซึ่งท่านได้รับวิชานี้มาจากเบื้องบน มาแนะนำกันครับ หลวงตาม้าท่านสำเร็จวิชาเปิดโลกมาจากหลวงปู่ดู่อีกทีหนึง และเมตตานำมาสอนอยู่ในปัจจุบัน (ปัจจุบันผู้ที่แตกฉานวิชาหลวงปู่ที่ยังหลงเหลืออยู่ก็คือท่านหลวงตาม้า) โดยส่วนตัวผมเองนั้นโชคดีมากๆที่ได้มีบุญพบท่านและเรียนวิชานี้จากท่าน จึงอยากนำมาแบ่งปันผู้อื่นครับ

    เบื้องต้นเมื่อมีองค์พระแล้ว อาราธนามาไว้ในมือ แล้วสวดบทเจริญพระกรรมฐานด้วยบทสรรเสริญพุทธคุณ บทอาราธนาศีล บทบูชาหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ และ บทขอขมาพระรัตนตรัย แล้วต่อด้วยบทพระมหาจักรพรรดิ

    จากนั้นจึงทำสมาธิในอิริยาบถที่เราถนัด กำพระไว้ในมือ น้อมนึกอาราธนากำลังจากองค์พระมาที่จิต เป็นการเพิ่มกำลังจิตในการภาวนาของเรา

    แล้วน้อมพลังงานพุทธคุณนี้มายังฐาน ที่เราใช้ในการทำสมาธิด้วย เช่นหากทำแนวอานาปานสติก็น้อมมาที่ลมหายใจ หรือถ้าเป็นแนวกำหนดสมาธิเฉพาะจุด(ที่เป็นสมถะ)เช่นที่หว่างคิ้ว ก็น้อมมารวมที่นั้น โดยนิมิตใดๆที่จะให้กำหนดต่อไปก็กำหนดไว้ที่ฐานที่เราใช้ในการทำสมาธิของเรา

    การบริกรรมใช้คำภาวนาพุทธคุณใดก็ได้ พุทโธ หรือ ภาวนาไตรสรณาคมณ์ไปเรื่อยๆ แต่แนะนำให้ใช้บทสวดพระจักรพรรดิมาใช้เป็นคำบริกรรมในการทำสมาธิเพราะจะได้ผลเร็วที่สุด (ควรท่องจำให้ขึ้นใจและในชีวิตประจำวันนึกได้เมื่อไรไม่ว่าทำอะไรอยู่ก็บริกรรมสบายๆในจิตของเรา จะเป็นการทรงจิตเราให้เป็นทิพย์และเป็นกำแพงแก้วคุ้มตัวเราด้วย)

    การกำหนดนิมิตที่ฐานที่เราใช้ในการทำสมาธิ ให้กำหนดเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ หรือจะเป็นหลวงปู่ทวด หรือ หลวงปู่ดู่ก็ได้ กำหนดนิมิตเบาๆ พร้อมไปกับการ ภาวนาคำบริกรรม เมื่อทำได้คืบหน้าแล้วจะรู้ที่จิตเอง โดยพลังงานของครูบาอาจารย์ที่คุมการภาวนาเราอยู่จะสื่อมาที่เรา (เพราะก่อนนั่งเราอัญเชิญท่านมาแล้ว) และพระท่านจะมาสอนเราในสมาธิได้ เมื่อสมาธิเราละเอียดเข้า หรือใจทรงความเป็นทิพย์ได้ดีขึ้น และวางอารมณ์ได้สบายๆ และหากถึงจุดๆหนึ่งจะทำให้สามารถสัมผัสโลกทิพย์ได้ ซึ่งมีประโยชน์ที่จะทำให้เราเข้าใจความจริงของธรรมชาติได้

    สรุปย่อๆก็คือ เรานำพระมากำก็เพื่อเพิ่มกำลังจิตในการทำสมาธิของเรา และ หากเราไปแห่งหนตำบลใดหากต้องการแผ่บุญปรับภพปรับภูมิส่งวิญญาณ แก้ภูมิแถวนั้นให้กำหนดขอพลังจากองค์พระพร้อมบริกรรมบทพระจักรพรรดิ แล้วน้อมแผ่ออกไปจะเป็นการส่งวิญญาณภพภูมิแถวนั้น โดยวิชานี้ทำได้แม้ยังไม่เห็นภพภูมิก็ตาม ขอแค่จิตเราน้อมไปด้วยความเป็นบุญเมตตาและหวังดี (การแผ่บุญครอบบุญใช้กับคนที่เราหวังดีได้ด้วย เช่นกัน หรือแม้กระทั่งกับศัตรูเราให้เขามาเป็นมิตรกับเรา

    การนำองค์พระมากำเวลาสวดมนต์

    กำพระเวลาสวดมนต์จะเป็นการทำให้จิตเรามีกำลังเป็นอย่างยิ่งอานิสงค์เวลาเราแผ่บุญจากการสวด จะคลุมไปทั่วจักรวาลและสังเกตุว่าหากจิตเราสบายๆ องค์พระในมือจะดิ้น (พระเครื่องสายหลวงปู่ดู่ที่ใช้วิชาภูติพระพุทธเจ้าทำดิ้นได้ทุกองค์อันนี้หลวงปู่ท่านยืนยัน

    หมายเหตุ

    ทั้งนี้การทำกรรมฐานหลวงปุ่ดู่ทุกแบบ ต้องมีการสวดบทจักรพรรดิก่อน หรือ ขณะที่ทำกรรมฐาน เพราะบทจักรพรรดิที่หลวงปู่ท่านให้ไว้ ขณะที่สวดจิตเราจะทรงความเป็นทิพย์เป็นการเร่งการปฎิบัติ

    แนะนำให้ใช้คาถาบทพระมหาจักรพรรดิ ในการทำสมาธิสำหรับผู้ที่กำหนดนิมิตองค์พระไม่ออก เพราะคาถานี้เป็นคาถาเร่ง นิมิต และหากทำถึงจุดหนึงจะเปิด ๓ โลกธาตุให้เห็นได้ เป็นขั้นๆไป และอย่าลืมว่า การกำหนดดูทุกแบบใช้ ใจ (จิต) ดู ไม่ใช่ตา เพราะลูกตาคนเราเป็นแค่ธาตุหยาบๆ ประกอบขึ้นจาก ดินน้ำลมไฟ ส่วนจิตเรานี้มีความละเอียด จึงย่อมสามารถฝึกให้เห็นความละเอียดได้เวลาปฏิบัติ

    นักปฎิบัติชอบสงสัยว่า ภาพจะเกิดที่ไหน อารมณ์กำหนดนั้นคล้ายการ นึกขึ้นมาในจิต แต่ไม่ใช่การนึกเดาเอาเอง เพราะเราได้ทำมาตามขั้นตอนเบื้องแรกแล้ว ทรงกำลัง นิมิตครูบาอาจารย์อยู่ในใจสบายๆ อธิษฐานจิตขอดูในสิ่งที่ต้องการกำหนด ทำบ่อยๆจะค่อยๆซึมซับและชิน ทำทุกวันจะคล่อง และพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

    และอย่าลืมบทสวดพระมหาจักรพรรดิ ยืน เดิน นั่ง นอน ว่าง เมื่อไร ทรงในจิต ทันที ความเป็นทิพย์จะเกิด กายทิพย์จะสว่าง นึกน้อมขอบารมีพระทุกองค์บารมีหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด ครอบวิมานแก้วให้ตัวเราด้วย เพื่อเป็นกำลังในการดำเนินชีวิตป้องภัย และช่วยในการทรงกำลังใจ และอย่าลืมหมั่นแผ่บุญช่วยวิญญาณ

    หลวงปู่ท่านสอนเรื่องการใช้พลังงาน ศึกษาเรื่องพลังงานให้รู้จริงเรื่องภพภูมิ ๓ แดนโลกธาตุ เพื่อให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และเพื่อเป็นการสงเคราะห์ วิญญาณเร่รอน สัมภะเวสี โอปะปาติกะ โดยการแผ่บุญ ให้ภพภูมิ นั้นๆ โดยถือเป็นการสร้างบารมีอย่างหนึง และเป็นปัจจัยให้ถึงพร้อมสู่การได้มรรคผลนิพพาน เพราะมีบารมี และกำลังใจที่ฝึกมาดีแล้ว

    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  9. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  10. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    น้ำไหลนิ่ง (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

    “….โยมรู้จักน้ำที่มันไหลไหม เคยเห็นไหม
    น้ำนิ่งโยมเคยเห็นไหม
    ถ้าใจเราสงบแล้ว มันจะเป็นคล้ายๆ กับ น้ำมันไหลนิ่ง

    โยมเคยเห็นน้ำไหลนิ่งไหม
    แน่ะ ก็โยมเคยเห็นแต่น้ำนิ่ง กับน้ำไหล
    น้ำไหลนิ่งโยมไม่เคยเห็น….

    ตรงนั้นแหละ ตรงที่โยมคิดยังไม่ถึงหรอกว่า
    มันเฉยมันก็เกิดปัญญาได้
    เรียกว่าดูใจของโยมมันจะคล้ายน้ำไหล แต่ว่านิ่ง
    ดูเหมือนนิ่ง ดูเหมือนไหล เลยเรียกว่า น้ำไหลนิ่ง
    มันจะเป็นอย่างนั้น ปัญญาเกิดได้….”

    ……………………………………………..
    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันถูกต้องอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

    -หลวงพ่อชา-สุ.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  11. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  12. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  13. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ผู้รู้ ” ธรรม ” นั้นมีมาก
    แต่ผู้ปฎิบัติอย่างแท้จริงนั้นมีน้อย
    เพราะธรรมะเป็น ” ปัจจัตตัง ”

    ไม่มีใครสอนใครได้…….

    นอกจากปฏิบัติเอง…..

    -ธรรม-นั้นมีมาก.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  14. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
  15. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    คนเราคิดเรื่องอะไรบ่อยๆ จิตใจของเราจะชินกับความคิดอย่างนั้น และคล่องในการคิดเช่นนั้น กลายเป็นนิสัย ถ้าเราคิดไปในทางอิจฉาพยาบาทบ่อยๆ เราก็จะกลายไปเป็นคนอิจฉาพยาบาท ถ้าเราคิดไปในทางให้อภัย เราก็จะกลายเป็นผู้ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร
    ชยสาโรภิกขุ

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  16. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ุดประสงค์แท้จริงของการสวดมนต์
    ก็เพื่อบูชาระลึกในคุณของพระรัตนตรัย
    คือ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระอริยสงฆ์

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  17. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    เพราะว่าพระ..ไม่ใช่เอาพระอรหันต์มาบวช
    เอาปุถุชนมาบวช โดยมากมันไหลไปทางกิเลส ไปทางต่ำ
    แต่บวชเข้ามาใหม่ๆ ก็เออ..เป็นผู้มุ่งหวังอรรถธรรม
    หวังทางพ้นทุกข์แต่พออยู่ต่อมาน่ะ
    มองเห็นน่ะ..มองเห็น “อดิเรกลาภ”
    มองเห็น “ศรัทธา” คนที่มานับถือเลื่อมใส
    พอมาเห็นจุดนี้แล้วก็นั่น..

    พอจะได้สิ่งของอะไรก็แนะนำบอกกล่าวเขา
    ผลที่สุดก็นั่นแหล่ะ ศรัทธาญาติโยมก็ศรัทธา
    ผิดหรือถูกก็ไม่รู้เหมือนกันศรัทธาน่ะ

    อย่างพระเจ้าอชาตศัตรูน่ะศรัทธาพระเทวทัตน่ะ
    พระเทวทัตบอกอะไรเชื่อหมด
    บอกให้ฆ่าพระพุทธเจ้าก็เอา
    จะต้องการนายขมังธนูหรอ..เอ้า..จัดให้
    ปล่อยช้างนาฬาคิริงหรอ…เอ้าให้
    อย่างนี้ล่ะ..เพราะว่า “ศรัทธา”

    ศรัทธาคำนี้น่ะน่ากลัวนะถ้าศรัทธาไม่สัมปยุตด้วยปัญญา
    ศรัทธาที่ไม่รอบคอบ มีแต่ศรัทธาอย่างเดียว..น่ากลัว
    ถ้าศรัทธานี่สัมปยุตด้วยปัญญา อันไหนผิดอันไหนถูก
    อันไหนควร มิควร อย่างไร นี่แหละถ้ามีสัมปยุต
    ด้วยปัญญาแล้วก็ดี

    พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก วัดป่านาคำน้อยบ้านนาคำน้อย ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -ไม่ใช่เอาพร.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  18. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    ในข้อห้า สุรา เป็นของมึนเมา พอพูดถึงในแง่นี้ก็เคยมีคนมาถาม ตอนไปฉันที่กระทรวงศึกษาธิการ เขามาถาม ผู้ถามก็เป็นนักสุราคอสุราทีเดียว ว่าการดื่มสุรานี้ ท่านบอกว่าเป็นโทษ เราจะดื่มไม่ให้เกิดความมึนเมา ดื่มพอดิบพอดี พอเข้าสังคมได้ อันนี้จะเป็นบาปไหม ว่างั้น เพราะเราไม่ดื่มให้มึนเมา จำเป็นก็ต้องได้ตอบ ขนาดไหนที่ว่าเห็นว่าพอดี ที่เข้าสังคมได้พอดี ไม่ถึงกับมึนเมา หากว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับกันแล้วว่าเป็นของดี ไม่เสียอะไรแล้ว ก็ขอเชิญไปหาสุรามาให้หลวงตาบัวดื่มเดี๋ยวนี้ เอาให้ขนาดพอดีกับเข้าสังคม เวลานี้เรากำลังอยู่ในสังคม พวกท่านทั้งหลายจะเห็นด้วยไหม จะพอใจไปหาสุรามาให้หลวงตาบัวดื่มไหม ดื่มเพื่อสังคมเวลานี้ อย่าเอาขนาดที่มันเป็นบาป ให้เอาขนาดที่ท่านทั้งหลายเห็นดีว่าเหมาะกับสังคม

    เขาก็บอกว่าทำไม่ได้ เมื่อทำไม่ได้แล้ว หลวงตาบัวก็เป็นคน ท่านทั้งหลายก็เป็นคน ข้อบัญญัติบันยังทั้งหมดพระพุทธเจ้าบัญญัติสอนคน สิ่งที่ว่าเป็นบาปก็ว่าเป็นบาป แล้วใครจะเหนือโลกไปไม่เป็นบาป ฆราวาสก็ต้องเป็นบาป พระก็ต้องเป็นบาป เมื่อพระเห็นว่าไม่งามแล้วฆราวาสก็ไม่งามเหมือนกัน สิ่งที่ไม่งามก็คือสิ่งที่ผิด จึงไม่ควรจะไปกล้าหาญในสิ่งเช่นนั้น ซึ่งนักปราชญ์ทั้งหลายท่านตำหนิ ท่านกลัวกัน

    นี่เราพูดถึงเรื่องการพัฒนาจิตใจ เมื่อใจได้รับการพัฒนาตามเหตุตามผล มีความซึ้งในอรรถธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว การที่จะแสดงออกทางกายทางวาจา อันเป็นข้าศึกต่อตนเอง ที่เรียกว่าเป็นข้าศึกต่อธรรมนั้น ย่อมลดลงไปโดยลำดับๆ จนกระทั่งไม่มี เมื่อจิตใจได้รับการพัฒนาตามสมควรแล้ว เราจะทำหน้าที่การงานจะก่อร่างสร้างอะไรก็ตาม เพราะจิตเป็นตัวประธาน จิตเป็นเจ้าของ เป็นผู้รับผิดชอบ ได้รับการอบรมมาโดยถูกต้องดีงาม เหมาะสมกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะให้เกิดผลงานขึ้นมาตามเหตุตามผลนั้นๆ ก็ย่อมได้เหตุผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำอะไรขึ้นมาก็ได้รับผลเป็นที่พอใจ เป็นความสุขตามฐานะแห่งงานนั้นๆ หรือผลแห่งงานนั้นๆ ที่ตนทำขึ้นมาได้

    เพราะฉะนั้นการพัฒนาจิตใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก มากยิ่งกว่าการพัฒนาภายนอก ให้เหมาะสมจริงๆ ก็คือการพัฒนาจิตใจด้วย การพัฒนาทางด้านวัตถุด้วย เรื่องการพัฒนาจิตใจเป็นสิ่งสำคัญอยู่มากก่อนที่จะพัฒนาอันใดก็ตาม เพื่อเป็นที่ยอมรับกันก็คือจิตเป็นเจ้าของ สิ่งต่างๆ จะผิดถูกดีชั่วประการใดขึ้นอยู่กับจิตที่ได้รับการอบรมมากน้อย หรือการพัฒนามากน้อย หากจิตไม่ได้รับการพัฒนาอะไรเลยนี้ แม้แต่สิ่งที่เป็นคุณ ที่โลกใช้มาเป็นคุณก็ยังมาเป็นโทษแก่จิตดวงนั้นได้ ยกตัวอย่างเช่น ไฟ โลกใช้หุงต้ม ใช้ประโยชน์อะไรได้มากมายก่ายกอง แต่เอาไปเผาบ้านดูซิเป็นยังไง อย่างเราเห็นนี้ พัฒนาเผาบ้านเผาเมือง แล้วปลูกกันขึ้นใหม่ดูซิ พัฒนาแบบนี้ดีไหม

    หัวใจนั้นแหละมันรกรุงรังด้วยความโลภ เห็นแก่ได้เพียงเล็กน้อย พอได้กินไปวันหนึ่งๆ ก็เอา บ้านเมืองของใครจะฉิบหายวายปวงสักเท่าไรก็ไม่สนใจ ขอให้พุงเรากางๆ สักหน่อยก็พอ เราเป็นที่สบาย อยู่ในท่ามกลางหรืออยู่บนศีรษะของคนผู้เดือดร้อนเพราะถูกไฟเผา ก็ไม่ได้คิด เพราะไม่ได้พัฒนาจิตใจ ไม่มองเห็นหัวใจเขาหัวใจเรา สมบัติเขาสมบัติเรา มันมีคุณค่าอย่างไรบ้าง หรือมีเฉพาะเราคนเดียว โลกนี้เป็นหมู หรือเป็นสัตว์ เป็นไม้แห้งไปหมดอย่างนั้นหรือ ถ้าจิตใจได้รับการพัฒนาแล้ว จะคิดอย่างนั้นไปไม่ได้ ต้องคิดเป็นความสม่ำเสมอ เขาเหมือนเรา เราเหมือนเขา มนุษย์เหมือนกัน มีความรักสงวนตนเช่นเดียวกันหมด

    พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    -สุรา-เป็นของมึน.jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  19. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
    “…โชคดีลาภดีวาสนาดีที่พบพระพุทธศาสนา…”

    สลาธมฺมา แปลว่า มีปัญญา ผู้มีปัญญานั่นล่ะละความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้เบาบางห่างออกจากใจได้

    ผู้มีปัญญานั้นให้ทานได้
    ผู้มีปัญญารักษาศีลได้
    ผู้มีปัญญาน่ะสร้างบุญสร้างกุศล ไหว้พระสวดมนต์…นั่งสมาธิภาวนา

    ใจสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ นี่ล่ะแปลว่า สวดกุสลาธมฺมา ไม่ใช่ว่า ตายแล้วก็มนต์พระมาสวด บ่มีหนทางหรอก ถ้ามันได้อย่างนั้นก็พระพุทธเจ้าเพิ่นสวดให้เราไปสวรรค์ พวกเราไปสวรรค์นิพพานแล้ว บ่ได้อยู่หรอก

    พระพุทธเจ้านั้นเป็น “มหากรุณาธิคุณ” พระองค์มีเมตตา ปรารถนารื้อสัตว์ขนสัตว์ให้พ้นทุกข์ภัยในวัฏสงสาร

    หากถ้าพระองค์สวดให้ไปสวรรค์นิพพานได้ก็มันก็ไม่มีปัญหา
    แต่มันไม่ได้ สวดให้ไม่ได้ เราต้องสวดเอาเอง เนี่ยเราสวดเอาเอง สวดเอาใครเอามันน่ะ ใครหมั่นสวดมันก็หมั่นได้ ก็อย่างว่า มันหามันได้ เพิ่นว่า หมั่นหาก็หมั่นได้ มันได้ก็มันรวย เพิ่นว่า มันหาก็มันได้ มันได้ก็มันรวย อันนี้ถ้าทางไม่ดีก็ทั้ง หมั่นเจ็บหมั่นไข้มันก็ใกล้ความตายทุกวันล่ะ หมั่นเจ็บหมั่นไข้ใกล้ความตายทุกวัน เรียกว่า หมั่นเจ็บหมั่นไข้ก็ตายล่ะ ไข้บ่อยๆก็เจ็บบ่อยๆก็ตายนั่นล่ะ

    เพราะเหตุนั้นในทางพุทธศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือว่าในยุคนี้ ในยุคนี้ปัจจุบันนี้ที่เราเกิดมาในยุคนี้แล้วก็มีโชคดีวาสนาดี มีลาภดีโชคดีวาสนาดี..ดีอย่างไร คือดีว่า เกิดมาได้พบปะธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วก็ได้มาพบปะครูบาอาจารย์ผู้ท่านชี้ช่องบอกทางให้ เป็นตัวนำ เป็นผู้ที่ชี้ช่องบอกทางว่า ศีลเป็นอย่างนี้ ธรรมเป็นอย่างนี้ ภาวนาเป็นอย่างนี้ แล้วเราก็ได้มีความเชื่อความเลื่อมใส ปฏิบัติตามด้วย นี่ชื่อว่ามีโชคดี ลาภดี วาสนาดี ถ้าเราไม่มีโชควาสนาดีก็ไม่รู้เรื่อง

    เพราะฉะนั้นจึงว่า ถ้าเกิดมาในยุคบางยุคนั่นบ่มีครูสอน เกิดมาเหมือนกันแต่บ่มีผู้แนะผู้นำ ผู้สอน ผู้ชี้ช่องบอกทางให้ ก็ไม่รู้เรื่อง ดันศีลอยู่นั่นแหละ

    ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ “คุณธรรมเทวดา”

    หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี

    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

    .jpg

    ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น
     
  20. สายหลวงปู่มั่น

    สายหลวงปู่มั่น สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2017
    โพสต์:
    20,938
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +542
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...