นั่งสมาธิแล้วเสียงวิ้ง..ในหูจะดังขึ้น ใครเป็นบ้าง??

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย หมีภู, 12 มกราคม 2009.

  1. หมีภู

    หมีภู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +2
    เวลาผมนั่งสมาธิไปสักระยะแล้วจะมีเสียงดังวิ้ง....ดังต่อเนื่องตลอดเวลาอยู่ในหู และดังขึ้นชัดขึ้นเรื่อยๆจนถึงระดับนึง คล้ายเวลาเสียงลมออกหูหรือเสียงในหูตอนที่เราไม่สบายนั่นแหละ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร มีใครเป็นอย่างผมบ้างหรือเปล่า ของผมที่หูขวาจะดังมากกว่าหูซ้าย หรือเวลาที่เสียงดังขึ้นนั่นหมายความว่าเราเริ่มเข้าสู่สมาธิแล้ว ผมอยู่ห้องเช่ามีคนเข้าออกอยู่บ่อยๆเวลานั่งสมาธิผมจะเอาสำลีอุดรูหู บางครั้งก็เอาผ้ามาคาดหน้าไม่ทราบว่าทำได้หรือไม่ เพราะผมยังไม่เคยชินเลยต้องทำแบบนี้ไปก่อน
     
  2. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ตั้งสมาธิ กำหนดลมหายใจ อย่างอื่นผมจะไม่สนใจครับ (ภาษาบ้านๆนะ) หายใจเข้าพุทธหายใจออกโท สนใจแต่เสียงที่ดังอยู่ในใจหรือกำหนดที่ปลายจมูกหายใจเข้าหายใจออก หายใจเข้าว่าพุทธ หายใจออกว่าโท พุทธ โท
    ตอนแรกผมก็ไม่มีสมาธิหรอกครับ ต้องค่อยๆทำไปเรื่อยๆ หน่ะอย่าเกร็ง อย่าหักโหม ผมทำแล้ว รู้สึก มีสติ และสมาธิมากเลยครับหลังจากทำสมาธิเสร็จ รู้สึกไม่เครียด ไม่หงุดหงิดด้วย อารมณ์ดีทั้งวันเลยแหละ

    ปล. ผมไม่ได้อวดรู้นะ ผมก็บอกเท่าที่ผมรู้ตอนผมเริ่มต้นทำก็ทำเช่นนี้เท่านั้น คนที่เก่งและ มีความรู้มากกว่าผมก็มีอีกเยอะรอให้ท่านที่มีความรู้มากกว่าผมเข้ามาตอบดีกว่าครับ อาจจะมีข้อแนะนำที่ดีกว่าผมก็เป็นได้แล

    ดีมากๆครับ ขอ อนุโมทนา สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 มกราคม 2009
  3. กิดากร

    กิดากร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +1,039
    ผมน่ะเป็น แต่ไม่ได้สนใจหรอกเดียวมันก็หายไปเอง และไม่ได้เกิดจากพระกรรมฐานแต่อย่างใด เพราะเมื่อก่อนผมไม่ได้ปฏิบัติก็ได้ยิน วี้ด วี้ด อยู่ในหูมาตั้งแต่เด็กแล้ว อาจเป็นเพราะความดันในหูไม่เท่ากันหรือไงไม่ทราบได้ ตาม คห.2 แนะนำถูกแล้วครับ (ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอกนะ เตาะแตะเหมือนกัน)
     
  4. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ก็เกี่ยวกับจิตเป็นสมาธิด้วยครับ
    ถ้าเป็นฌาณละเอียด หูจะดับครับ พอหูจะดับมันก็เลยเหมือนได้ยินเสียงวิ๊งๆ
    จริงๆเป็นเสียงของความเงียบครับ
    แล้วจะรู้สึกว่าร่างกายของเราหายไปครับ
    หรือตัวเราลอยตัว แล้วกลายเป็นดวงกลมๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2009
  5. GoonS

    GoonS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +2,682
    ผมคิดเหมือน คห.2ครับ

    เเต่ก่อนผมก็หลงไปกับอาการต่างๆของสมาธิซะนานเลย

    เสียเวลามากมาย

    ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็กำหนดรู้เเล้วภาวนาต่อครับ

    อย่าเครียด เครียดก็รู้ว่าเครียดเเล้วภาวนาต่อ
     
  6. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    อ่อ ผมลืมไปถ้าหากคุณทำงานกลับมาเหนื่อยๆ หรือ ปฏิบัติกิจวัตประจำวันหนักๆ กลับมาถึงบ้านใหม่ๆ หรือทำอะไรที่เหนื่อยๆ เหนื่อยล้า นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆกลับมาสักพักแล้วนั่งสมาธิเลย หรือผักผ่อนน้อยมากๆ เสียงในหูก็จะดังครับ วี๊งๆๆๆ (อันนี้ผมเป็นไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นรึเปล่านะครับ) พักผ่อนสักครู่จิบน้ำเย็นให้ชื่นใจสักพักค่อย ปฏิบัติก็ได้ครับอย่าใจร้อน นะ ปล่อยให้ ประสาททั้ง6ปรับสมดุลแล้วค่อยๆนั่งสมาธิ หายใจช้าๆ ครับ ผ่อนคลาย

    ผมใช้ศัพย์ง่ายๆภาษาบ้านๆจะได้เข้าใจง่ายขึ้น หน่ะคับ ^^

    ส่วนถ้านั่งสมาธิตอนแรกๆไม่มีเสียงอะไรเลย แต่ พอนั่งทำสมาธิไปนานๆ จะมีเสียงนี่ก็อีกเรื่องนึงนะครับ อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับเพราะไม่เคยเป็น ต้องรอให้ผู้รู้มาตอบครับ
    ^^;
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มกราคม 2009
  7. บอลจัง

    บอลจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    270
    ค่าพลัง:
    +50
    เคยเป็นเหมือนกันครับ
     
  8. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ท่าน Xorce กล่าวมาก็ไม่ผิดนะครับถูกต้องเลย ผมก็เป็นเหมือนกัน แต่ ผมไม่ได้รู้สึกร่ายกายหายหรือตัวลอยครับอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับบุคคล แต่ล่ะคนที่จะรู้สึกแตกต่างกันไป ส่วนตัวผมนั้นจะรู้สึกว่าอุ่นๆทั่วร่างกายตัวเองมากกว่า
     
  9. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,244
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    เเต่ละคนก็ต่างอาการกันไปครับ อ้อ เเต่มีพี่คนนึงเขาเเนะนําผมให้นึกถึงภาพพระพุทธรูปไว้เวลาเรานั่งสมาธิครับ ผมทําดูเเ้ล้วเเป๊บเดียวสงบเลยครับ อยากให้ท่านๆที่กําลังนั่งสมาธิอยู่นําไปปฏิบัตินะครับ คือหมายถึง เวลาเรานั่งพุทโธ พอหลับตาเเ้้ล้วเราก็นึกถึงพระพุทธรุป หรือพระองค์ไหนก็ได้ที่เราศรัทธา นึกไปอยู่อย่างนั้นครับเเล้วก็พุทโธไป เขาบอกวิธีนี้จะทําให้การฝึกของเราพัฒนาได้อย่างลุดหน้ารวดเร็วครับ ถ้าจําไม่ผิด พี่ Xorce ข้างบนเเนะมาครับ หิๆๆ ถ้าิผิดก็ขออภัยด้วย ยกความดีทั้งหมดให้พี่คนนั้นที่เเนะมาเด้อ เพราะทําเเ้ล้วได้ผลดีเกินคาด
     
  10. หมีภู

    หมีภู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +2
    ที่บ้านผมไม่มีคอมฯต้องอาศัยมาดูในที่ทำงาน และอีกอย่างผมก็เพิ่งจะรู้จักเว็บนี้ ยังไม่มีความชำนาญในการใช้งานในเว็บ แม้แต่จะแปะรูปยังทำไม่เป็นเลย บางทียังหากระทู้ที่ตัวเองตั้งไม่เจอ ถ้าใครมีข้อแนะนำที่ดีๆรบกวนเมลมาก็ได้ที่ roadraceteam@yahoo.co.th ต้องขออภัยที่กระผมปัญญาน้อย จึงไม่อยากเป็นตัวถ่วงขบวนรถไฟมุ่งสู่เส้นทางนิพพาน ผมเคยบวชมาครั้งนึงตอนเป็นเด็กเคยเกือบจะเดินทางสายนี้มาแล้ว แต่ต้องมีเหตุให้เปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิต ตอนนี้คิดว่าได้เวลาที่เหมาะสมก็เลยจะกลับมาทบทวนและศึกษาอีกสักครั้ง เพราะตอนนั้นก็ได้ทำบาปอยู่หลายอย่างบางเหตุการณ์ก็ยังติดอยู่ในความทรงจำทุกวันนี้ จึงอยากจะปฏิบัติตนเพื่อบรรเทาผลร้ายที่เคยกระทำมา แม้จะต้องรับกรรมที่เคยกระทำไว้แต่อย่างน้อยก็อยากจะบรรเทาผลแห่งกรรม รวมไปถึงการบรรเทาความทุกข์ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่เคยเกี่ยวข้องกันมา ตอนนี้ตั้งใจไว้ว่าเมื่อตัวเองสามารถจัดเตรียมปัจจัยในการดำรงชีวิตไว้ให้กับผู้อยู่เบื้องหลังได้ตามสมควร จะขอบวชเข้าสู่ร่มกาสาวพัสเพื่อศึกษาพระธรรมคำสอนให้รู้จริงเห็นแจ้งด้วยตัวเอง ซึ่งกว่าจะสะมปัจจัยดังกล่าวได้อย่างลุล่วง อาจจะต้องใช้เวลาอยู่หลายปี ตอนนี้ก็เลยเริ่มศึกษาจุดเริ่มต้นเพื่อเป็นการกรุยทาง เมื่อถึงวันนั้นน่าสะสมปัญญาได้พอสมควรแล้ว การเร่งปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายคงจะง่ายขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2009
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ดีแล้วครับ

    แต่ขอชี้เรื่องกรรมนิดหนึ่ง กรรมนั้นให้ผลที่จิต เมื่อมันให้ผลมันย่อมตกในจิต
    จิตเป็นผู้รับสนองกรรมที่ชอบธรรมที่สุด

    ส่วนเรื่องกาย หรือ เรื่องที่เป็นเรื่องราวชีวิต อันนี้คือ ส่วนวิบากที่เป็นเศษกรรม
    ที่ได้รับหลังจาก จิตรับกรรมไปแล้ว

    เมื่อจะวางเรื่องกรรม ก็ต้องวางให้ถูก ไม่ใช่ไปวางที่เรื่อง รูปแบบการดำเนินชีวิต
    หรือ เรื่องของกาย เพราะมันเป็นส่วนที่เป็นเพียงเศษกรรม มันไม่ใช่เหตุปัจจัยหลัก
    นั่นเอง

    ดังนั้น เมื่อจะรับกรรม ก็ต้องเอาจิตเข้ารับ และดูผลที่เกิดกับจิตเป็นหลัก ให้เปิด
    ตามองตรงนั้น จะเข้าใกล้ธรรมได้มากกว่า เพราะทุกข์สุขทั้งหลายมีจิตเป็นประธาน

    เรื่องทุกอย่าง้ลวนออกมาจากจิต เราภาวนาปฏิบัติธรรม ก็เพื่อรักษาเยียวยาที่จิต โดย
    การอบรมจิตให้ตอบสนองการรับกรรมที่สาหัสในแบบต่างๆได้ ไม่ใช่ทำเพื่อเอาจิตหลบ
    ไปอยู่ในมุมสงบเพื่อหลีกหนี-เผลอไปใช้วิธีหนีทางกายไปใช้กับจิต จิตนั้นเขากว้างขวาง
    แค่คนนึกถึง บ่นถึง จิตก็ต้องรับกรรมแล้ว ผลออกจะมาเกิดที่ความกังวลใจผุดขึ้นให้รู้ แต่
    เราอาจไม่รู้ว่า กังวลอะไร ปวดหัวเพราะอะไร นี่คือ ลักษณะการรับกรรมของจิต

    ที่นี้ก็ปฏิบัติธรรมต่อไปได้ครับ หากปรับ ทิฏฐิชุกรรม ให้ตรงทางแล้ว เราจะภาวนาได้
    อย่างถูกต้อง ไม่มุ่งที่จะเอาจิตเข้าที่สงบ ไปขังใส่ห้องว่าง(ฌาณ) แต่เราจะอาศัยห้อง
    ว่าง(ฌาณ) เพียงชั่วคราว แล้วออกมาเผชิญโลก(ดูจิตมันแส่ส่ายไปรับกรรม หรือ ก่อ
    กรรม) เราดูจิตเพื่อให้รู้ว่าจิตเขาทุกข์อย่างไร เราไม่ได้ภาวนาทำกรรมฐานเพื่อเอาจิต
    หนีทุกข์อย่างไร หน้าที่เราคือ รู้ทุกข์ อันเป็นกิจญาณข้อแรกในการ เข้ารู้อริยสัจจ
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อาการ หูได้ยืนเสียงวิ้งๆ เหมือนคลื่นความถี่สูง ก็เป็นลักษณะของ
    โครงสร้างกระดูกของ หู ที่จะรับเสียงได้ละเอียด บางคนจะได้ยินเสียง
    วิ้งๆแบบคุณอยู่ตลอด เพราะคุณภาพของโสตประสาทดีมาก บางคน
    ก็ต้องทำความสงบนิดหน่อย ถึงจะหันเหให้ความสนใจในเสียง วิ้งๆ นี่ได้

    ก็เหมือนกับ จักษุวิญญาณ หากคนที่ไวหน่อย สายตาดีหน่อย เวลามอง
    อะไรไปข้างหน้า เขาจะเห็นว่า เหมือนมีหมอกจางๆคลุมมืดภาพทั้งภาพที่
    เห็น บางครั้งก็สดใส วันไหนกินอาหารดีหน่อยตาจะใส ไม่เห็นม่านหมอก
    จางๆที่เกิดจากคุณภาพของ จักษุวิญญาณ ในแต่ละจังหวะเวลา

    สัมผัสก็เหมือนกัน จริงๆอาการมดกัด ไฟฟ้ายิบ ตามเนื้อตัว อันนี้ก็เกิดขึ้น
    โดยปรกติอยู่แล้ว แต่มันละเอียดจนเราไม่สนใจ ครั้นพอมาทำความสงบ
    ก็จะไปเห็นเข้า ก็จะให้ความสนใจขึ้นมา

    หากเป็นมโนทวาร มโนอยานตนะ อันนี้จะเห็นแบบว่า โลกเอียง ตัวเอียง ตัว
    ลอย ตัวแบน แขนขาหาย ตัวหาย โลกหายเหลือแต่ตัวรู้ นี่ก็เป็นลักษณะการรู้
    ในมโนทวารแบบละเอียด

    ไม่ว่าทวารไหน อยาตนะไหน ก็จะมีรายละเอียดในการรู้แฝงอยู่ ส่วนใหญ่
    เรามักชี้ไปเลยว่า เป็นอาการ ปิติ อาการปิตินั้นเราจัดการในการภาวนาแค่
    ระลึกรู้ว่ามันเกิด แต่อย่าเอาความรู้สึกไปรู้แช่ที่มัน อย่าเอาความไม่ชอบ
    ใจในการเกิดไปผลักไสมัน แค่รู้ในการผุดขึ้นให้รู้ของมัน ซึ่งมันจะปรากฏ
    ตามปรกติเมื่อใจเราสงบ หากเราไม่เข้าไปเพ่ง ไปจ้อง ไปจับ ไปประครอง
    ไปควานเอามาจับ มายึด มาผลักไส มันก็จะผ่านไป เรียกว่า ปิติ ห่างออก
    ไปจากการรู้ เห็นอยู่ว่าเกิดแต่จิตเราไม่เอามาเป็นเรา เราแค่อาศัยระลึกในการ
    มีอยู่ของมันอยู่ห่างๆ ก็จะถือว่า ดับปิติ (แต่ไม่ใช่ทำให้มันหายไป แค่ไม่ใส่
    ใจ) พอ ปิติ หายไปก็จะเกิด สุข เป็นองค์ประกอบสมาธิในขั้นถัดไป
     
  13. หมีภู

    หมีภู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +2
    เท่าที่ผมสังเกตพบว่าอาการเสียงดังในหูของผมจะมีอยู่ตลอดเวลา แต่ที่ไม่ได้ยินเสียงในเวลาปกติผมคิดว่าสภาพแวดล้อมมีเสียงที่ดังกว่า นอกจากนี้จิดเรายังรับรู้และคิดไปร้อยแปดพันอย่าง ทำให้ผมไม่ได้ยินเสียงดังกล่าว แต่พอทำสมาธิสภาพแวดล้อมก็เงียบจิตของเราก็เริ่มสงบ ทำให้สามารถสังเกตและได้ยินเสียงดังกล่าวชัดขึ้น ยกเว้นตอนป่วยเป็นไข้ที่เสียงนั้นจะดังขึ้นเองจากการที่ร่างกายไม่ปกติffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    นอกจากนี้จากการสังเกตยังพบว่า แม้จิตหนึ่งจะกำหนดลมหายใจเข้าเป็นพุทธหายใจออกเป็นโธ แต่ยังมีจิตอีกดวงหนึ่งที่แสดงมโนภาพสถานที่ที่ผมเคยไปขึ้นมา หรือบางทีก็นึกไปถึงคำพูดของตัวเองในช่วงกลางวันที่คุยกับคนที่ทำงานเกี่ยวกับการทำสมาธิ โดยคิดไปว่าเราเคยพูดกับเขาแบบนี้วันนี้เราทำสมาธิแล้วพรุ่งนี้เราจะอธิบายให้เขาฟังว่าแบบนี้ เป็นต้นทำให้จิตไม่สงบอย่างที่ตั้งใจ<O:p></O:p>
    ผมเลยลองกำหนดลมหายใจเข้า-ออกเป็นพุทธ-โธแล้วนับเป็นจำนวนไปด้วย โดยหายใจเข้า-ออก 1 ครั้งก็นับเป็น 1ไปจนถึง 200-300 บางครั้งก็นับวนหลายครั้งบางครั้งก็มีหลงบ้างแต่ก็ไม่ใส่ใจแล้วก็นับต่อไปแม้อาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้างก็ช่วยให้จิตตั้งมั่นได้มากขึ้น ไม่ทราบว่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้องหรือไม่??<O:p></O:p>
    ผมเป็นคนที่การรับรู้ทางประสาทค่อนข้างเร็ว บางครั้งเสียงน้ำหยดในห้องน้ำผมยังได้ยินทั้งที่กำลังหลับอยู่ ทำให้รู้ว่าน้ำล้นจนต้องลุกไปปิด ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมมีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ทำให้เวลานั่งสมาธิแล้วพบเห็นอะไรหรือมีอาการที่แปลกไป เช่น ภาพม่านสีดำข้างหน้าเกิดมีความลึกหรือมีมิติขึ้นตอนจะเข้าสู่สมาธิ ผมก็จะเกิดอาการตื่นตัวจนหลุดจากสมาธิไปเลย จนต้องพยายามใหม่อยู่หลายครั้ง ตอนนี้ผมได้เปลี่ยนวิธิมาเป็นนั่งสมาธิบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานที่ห้อง (ปิดไฟมืด) โดยจับเอาเสียงการเดินของเข็มนาฬิกาที่หน้าโต๊ะมาเป็นตัวกำหนดสมาธิที่ด้วย นอกเหนือจากการท่องพุทธ-โธ เพราะผมคิดว่าอัตราการเดินของนาฬิกามีความถี่คงที่น่าจะช่วยให้เกิดสมาธิได้เร็วขึ้น<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2009
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    นั้นแหละนั้นแหละ ดูแบบนั้นก็ได้

    แต่กรรมฐานของคุณพลาดตรง ส่งจิตออกไปด้วย จิตมันเกิดดับทางทวารต่างๆ
    พอเกิดแล้วก็รับรู้โดยวิญญาณ อยานตนะ ในขณะที่มันยังไม่ปรุงสัญญาหมาย หรือ
    สัญญาหมายผิดพลาด ก็จะเห็นเป็นอย่างอื่น หรือ เห็นได้ชัดเพราะว่าจิตไปจับอาการ
    รู้จุดนั้นๆเป็นจุดเดียว เรียกว่า ส่งจิตออกนอกไป เป็นกรรมฐานที่ไม่ถูก

    จะต้องคอยระลึกดู อาการที่จิตมันไหลออกไป จากที่ทรงอยู่ที่การภาวนาพุทโธ พอ
    เกิดอะไรกระทบ ให้ดูอาการจิตที่มันไหลออกไป ไม่ต้องไปดูว่ามันรู้อะไรเห็นอะไร
    เพราะเราไม่ได้ต้องการ ยึดสิ่งที่ถูกรู้มาเป็นเรา แต่เราต้องการดูจิตที่ไหลไปรู้(แล้วเผลอ
    ยึดว่าจิตเป็นเรา -- พวกที่เผลอยึดจิต จะเรียกว่าติดอาการปิติ เช่น เห็นเสียง เห็นแสง
    เห็นตัวเอียงตัวโคลง ตัวลอย จิปาถะ เยอะมาก อย่าถลำไปยึดอาการของจิตมาเป็นเรา
    ภาวนาแบบนี้จะถูกต้องกว่า

    ที่นี้พวกทำฌาณได้ จิตเขาจะเด่นดวง เขาเลยเอาไปรู้นู้นนี่ได้ชัด

    แต่คนที่ทำฌาณไม่ได้ ยังทำฌาณไม่ได้ เพราะเป็น ทิฏฐิจริต จิตไปเห็น
    อะไรความคิดมันผุดเสียก่อน แบบนี้ก็ให้รู้ตัวว่า ไม่ใช่ ตัณหาจริต จะทำ
    ฌาณไม่ได้ ก็ต้องอาศัยการดูการไหลของจิตแทน

    เมื่อระลึกเห็นสภาวะธรรม ที่มีรูปเป็นอาการไหลของจิต ไว้เนืองๆ จิตจะจด
    จำสภาวะที่เรียกว่า จิตแส่ส่ายไปเอาทุกข์ได้ เมื่อจิตจดจำสภาวะจิตไหลได้
    ก็จะเกิดการตั้งมั่นในการรู้(ฌาณ) อีกที ฌาณจึงเข้าได้สองแบบสองทาง

    *****

    หมายเหตุ อาการจิตไหล เห็นว่าจิตไหล จะเป็นความรู้สึกในการตามดูจิตที่
    มันเกิดดับตามทวาร สลับไปมาเร็วมาก เราแยกการเกิดดับไม่ออก เลยเห็น
    เป็นความรู้สึกว่ามันต่อเนื่อง(มันไหลๆ) แต่เมื่อภาวนาจนจดจำสภาวะธรรม
    โดยการมั่นระลึกดูสภาวะที่มันไหล สันตตติจะขาด ก็จะเห็นเป็นลักษณะเกิด
    ดับ ตามทวาร ซึ่งถ้าการรู้ของจิตรวมมาที่ มโนทวารแล้ว จะเห็นเหมือนแสง
    ระยิบระยับดั่งพยับแดด หรือ บางที่ก็รู้สึกเหมือนคลื่นกระทบ ก็ให้ทำการรู้สึก
    จดจำอีก อย่าให้จิตถลำออกไป ส่งออกนอก(จะไปรู้เรื่องที่เห็น ของที่ถูกรู้)

    เมื่อภาวนาได้ดี จิตจะรู้ว่าเห็นอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร(สัญญาขันธ์ระงับ)
    ก็ให้ภาวนาไปอย่างนั้น จนกว่าจะจดจำสภาวะธรรมได้ ก็จะเริ่มเห็น ธรรมที่ละเอียด
    ปราณีตไปเรื่อยๆ โดยมีการตั้งมั่นของจิตจะไม่ส่งออกนอก(ไปเสพขันธ์5 หมายรู้อะไร)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2009
  15. Bkkianmar

    Bkkianmar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +55
    ไดยินวิ้งๆเหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็นตอนทำสมาธินะ เล่นคอมอยู่ก็เป็น แต่ไม่เคยสนใจเลย ^^
     
  16. Bkkianmar

    Bkkianmar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +55





    การรับกรรมของจิตคือการตามดูจิตไปเรื่อยๆหรอคะ
    อ่านแล้วยังไม่เคลียร์อ่ะคะ ช่วยชี้แจงได้มั้ยคะ ขอบคุณค่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2009
  17. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถ้าได้ยินวิ้งๆอ่ะ
    ส่วนมากจิตกำลังเป็นสมาธิครับ
     
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,342
    ค่าพลัง:
    +6,849
    ขอแหล่มหน่อยนะครับท่าน....
    เรื่องทุกอย่าง้ลวนออกมาจากจิต(กิเลสตัณหา อยู่ที่จิต จิตถูกกิเลส ครอบงำมาเนินนาน) เราภาวนาปฏิบัติธรรม ก็เพื่อรักษาเยียวยาที่จิต(การเยียวยาคือการรักษาให้จิตใจบริสุทธิ์ ด้วย ปัญญา สติปัฏฐาน 4 จนจิตหายป่วยไม่ต้องเยียวยา เรื่องว่า จิตบริสุทธิ์ ปราศจากเชื้อโรค (กิเลส) ) โดย
    การอบรมจิตให้ตอบสนองการรับกรรมที่สาหัส(รับรู้ถึงจิตที่ประกอบด้วยกิเลสได้ในสภาวะต่างๆคือ อยู่กับ ทุกข์ โดยไม่ทุกข์ เพราะพ้นจากทุกข์และรู้จักดับที่เหตุ..เรียกง่ายๆว่าผุ้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน...)ในแบบต่างๆได้ ไม่ใช่ทำเพื่อเอาจิตหลบ
    ไปอยู่ในมุมสงบเพื่อหลีกหนี (การเอาจิตหลบเพื่อหลีกหนี(เป็นสมถะ)ก็เพื่อพักผ่อน แล้วมาสู้ใหม่ แต่หลบ แล้วหลบยาวนี่ซิ น่าติเตียน)
     
  19. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ได้ยินเมื่อเช้านี้เอง -''- ก็ว่าทำไมมาบ่อยจัง แต่ก็ไม่ได้สนใจนะคับ เพิ่งรู้ไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว ( ตอนทำสมาธิ )
     
  20. หมีภู

    หมีภู สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +2
    ครับผมก็จะได้รู้ว่าผมไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว แต่เป็นอาการปกติของคนทั่วไปถ้ารู้จักสังเกต
     

แชร์หน้านี้

Loading...