"นายพรานคืนศีล" ตอนที่ ๔. "นายพรานรับศีล"

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย วิริยะ13, 3 มีนาคม 2017.

  1. วิริยะ13

    วิริยะ13 สติเป็นโล่ห์ ปัญญาเป็นอาวุธ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,825
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,489
    ค่าพลัง:
    +12,351
    949.jpg

    "นายพรานคืนศีล" ตอนที่ ๔. "นายพรานรับศีล"
    โดย หลวงปู่จันทา ถาวโร

    ๔. "นายพรานรับศีล"

    .. นั่นแหละ "นายพรานก็พอใจขอรับพระไตรสรณคมน์และศีล ๕" พระไตรสรณคมน์ คือ "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั้นแหละ ศีล สมาธิ ปัญญา รวมอยู่นั่นหมด มรรค ๘ โพชญงค์ ๗ รวมนั้นหมด สมถะ วิปัสสนา รวมนั้นหมด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เกิดจากพุทโธ ธัมโม สังโฆทั้งนั้น" นั่นแหละ นายพรานก็พอใจรับเอา

    "พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณังคัจฉามิ"

    - "สรณัง" แปลว่า ที่พึ่งนะ
    - "คัจฉามิ" แปลว่า ถึงแล้วด้วย กาย วาจา ใจ

    นั่นแหละ "น้อมมาเป็นเครื่องประดับกาย วาจา ใจ อันนี้ ศีล สมาธิ ปัญญา มรรค ๘ โพชฌงค์ ๗" น้อมเข้ามาเป็นเครื่องประดับ "เป็นอาวุธอันล้ำค่ามหาศาล ปราบเหล่ากิเลส ข้าศึกใหญ่และบาปชั่วช้าลามกให้ตกไปเสียได้" นั่นแหละ

    ที่นี้ .. "เมื่อเราน้อมเอาธรรมของเลิศประเสริฐมาเป็นเครื่องประดับ มาเป็นเครื่องเผาผลาญเหล่ากิเลสบาปชั่วให้หมดสิ้นไป สังขารร่างกายนี่ก็มีสีสวยสดงดงามดี สดชื่น เพราะธรรมทั้งหลายเหล่านี้ เป็นธรรมอันผ่องใส" นอกนั้นก็เกิดบุญเกิดกุศล คุณงามความดีขึ้น "พุทโธ ธัมโม สังโฆ เข้าฝังใจแล้ว" นั่นแหละ "ผ่องแผ้วเบิกบานเลื่อมใส อบายไม่ได้ไป ไฟนรกไม่ได้ไหม้ สิ้นแสนกัปป์ดับขันธ์แล้วจะมีแต่สุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป"

    ฉะนั้น "จงตั้งใจน้อมเอา พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ศีล ๕" ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสา สุรา ฯ ทั้ง ๕ นี่ บาป ๕ กรรม ๕ เวร ๕ เคราะห์ ๕ นั่นแหละ

    เมื่อเราละเลิกงดเว้น "เวรมณี .. งดเว้นด้วย กาย วาจา ใจ งดเว้นดีแล้ว" นั่นแหละ "น้อมเอาของดีเลิศประเสริฐมาฝังไว้ที่ กาย วาจา ใจ ใจจะผ่องใสวิไลสุขสบายดี บาปเคราะห์เข็ญเวรร้าย สะสมมาภพน้อยภพใหญ่นั้น" ก็หมด

    "นายพรานก็ดีใจน้อมเอาแล้ว" ก็ฟังธรรมคำสอนของดีเลิศประเสริฐแท้

    - "ศีล" เป็นเครื่องแก้เหล่ากิเลสโลภะออกจากใจได้
    - "สมาธิ" เป็นเครื่องแก้เหล่ากิเลศโทสะออกจากใจ
    - "ปัญญา" เป็นเครื่องแก้โมหะออกจากใจได้

    นั่นแหละ "ศีล สมาธิ ปัญญา มรรค ๘ โพชฌงค์ ๗" เป็นธรรมที่กลั่นกรองกิเลส เป็นอาวุธอันทันสมัย ล้ำค่ามหาศาล "ปราบข้าศึกกิเลศราบคาบแล้วเมื่อไหร่ ข้าศึกใหญ่นั้นก็ไม่โผล่หน้าขึ้นมาสู้รบขบกัดอีกต่อไป" เพราะทำลายสังขารหมดเสียสิ้น เหมือนคนตายแล้วไม่คืนมาอีก

    ฉะนั้น จงดีใจ "โลก คือหมู่สัตว์เมื่อเกิดมาแล้ว ไม่มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นสรณะที่พึ่งอยู่ที่ใจแล้ว ไม่มีศีลเป็นเครื่องประดับเข้าไปอีก เป็นโมฆะมนุษย์ เป็นผู้สะสมแต่บาปหยาบช้าลามก เป็นช่องทางที่จะไปยมโลก นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เป็นที่ไปเบื้องหน้า" รอรับอยู่ข้างหน้าโน้น

    ฉะนั้น "อย่าเพิ่งไปเถอะหว้า โลกชั่วช้าลามกเร่าร้อนอาทรใจ หาความเจริญไม่มี" การประพฤติชั่วช้าลามกด้วยกาย วาจาใจนั้น จงเลิกเสีย ..

    (มึต่อ ตอนที่ ๕. "มนุสสธัมโม")
     

แชร์หน้านี้

Loading...