บทความธรรม ขัดเกลาจิต

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 13 ธันวาคม 2017.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,244
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    b49.gif b50.gif b50.gif b49.gif

    *เขาว่า*...เรา เรา...ไม่...*โกรธ*

    b49.gif b50.gif b50.gif b49.gif

    *เขาว่าเราทำผิด แต่เราไม่ผิดดังเขาว่า

    *เขาพูดไม่ถูก ก็ไม่รู้จะไปโกรธเขาทำไม

    *เพราะเขาพูดไม่ถูกตามความจริง

    *ถ้าเราผิดดังเขาว่า ก็ถูกดังเขาว่าแล้ว

    *ไม่รู้จะไปโกรธเขาทำไมอีก

    *ถ้าคิดได้ดังนี้ รู้สึกว่าสบายจริง ๆ

    *มันเลยไม่มีอะไรผิด ล้วนแต่เป็นธรรมทั้งหมด

    b49.gif b50.gif b50.gif b49.gif

    *หลวงปู่ชา*
     
  2. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,244
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    ***ผู้มีสติ***

    b49.gif b50.gif b50.gif b49.gif

    ...ผู้ใดมีสติอยู่ทุกเวลา
    ผู้นั้นก็จะได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา
    ...เพราะว่าเมื่อตามองเห็นรูปก็เป็นธรรมะ
    หูได้ยินเสียงก็เป็นธรรมะ
    จมูกได้กลิ่นก็เป็นธรรมะ
    ลิ้นได้รสก็เป็นธรรมะ
    ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ
    นึกขึ้นได้เมื่อใดเป็นธรรมะเมื่อนั้น

    ฉะนั้น ผู้มีสติจึงได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา
    ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน
    มันมีอยู่ทุกเวลาเพราะอะไร ?
    เพราะเรามีความรู้อยู่

    ในเวลานี้ เราจึงเรียนอยู่กลางธรรมะ
    จะเดินไปข้างหน้าก็ถูกธรรมะ
    จะถอยไปข้างหลังก็ถูกธรรมะ
    ท่านจึงให้มีสติถ้ามีสติแล้ว
    มันจะเห็นกำลังใจของตนเห็นจิตของตน
    ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเป็นอย่างไรก็ต้องรู้
    รู้ถึงที่แล้ว ก็รู้แจ้งแทงตลอดเมื่อมันรอบรู้อยู่เช่นนี้
    การประพฤติปฏิบัติมันก็ถูกต้องดีงามเท่านั้นแหละ

    b49.gif b50.gif b50.gif b49.gif

    *หลวงปู่ชา*

    b49.gif b50.gif b50.gif b49.gif
     
  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,244
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    b49.gif b50.gif b50.gif b49.gif

    ***ทางพ้นทุกข์***

    b49.gif b50.gif b50.gif b49.gif

    * มนุษย์เราทั้งหลายไม่ต้องการทุกข์ ต้องการแต่สุข*

    *ความจริงสุขนั้นก็คือ ทุกข์อย่างละเอียดนั่นเอง*

    *ส่วนทุกข์ก็คือ ทุกข์อย่างหยาบ*

    *พูดอย่างง่ายๆ สุขและทุกข์นี้ก็เปรียบเสมือนงูตัวหนึ่ง*

    *ทางหัวมันเป็นทุกข์ ทางหางมันเป็นสุข*

    *เพราะถ้าลูบทางหัวมันมีพิษ ทางปากมันมีพิษ*

    *ไปใกล้ทางหัวมัน มันก็กัดเอา*

    *ไปจับหางมันก็ดูเหมือนเป็นสุข*

    *แต่ถ้าจับไม่วาง มันก็หันกลับมากัดได้เหมือนกัน*

    *เพราะทั้งหัวงูและหางงู มันก็อยู่ในงูตัวเดียวกัน*

    *คือ ตัณหา ความลุ่มหลงนั่นเอง*

    *ฉะนั้น บางทีเมื่อมีสุขแล้วใจก็ยังไม่สบาย ไม่สงบ*

    *ทั้งที่ได้สิ่งที่พอใจแล้ว เช่น ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ*

    *ได้มาแล้วก็ดีใจก็จริง แต่มันก็ยังไม่สงบจริง ๆ*

    *เพราะยังมีความเคลือบแคลงใจว่า มันจะสูญเสียไป*

    *กลัวมันจะหายไป ความกลัวนี่แหละเป็นต้นเหตุให้มันไม่สงบ*

    *บางทีมันเกิดสูญเสียไปจริง ๆ ก็ยิ่งเป็นทุกข์มาก*

    *นี่หมายความว่า ถึงจะสุขก็จริงแต่ก็มีทุกข์ดองอยู่ในนั้นด้วย*

    *แต่เราไม่รู้จัก เหมือนกันกับว่าเราจับงู*

    *ถึงแม้ว่าเราจับหางมันก็จริง ถ้าจับไม่วางมันก็หันกลับมากัดได้*

    *ฉะนั้น หัวงูก็ดี หางงูก็ดี บาปก็ดี บุญก็ดี*

    *อันนี้อยู่ในวงวัฏฏะ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลง*

    *ดังนั้น ความสุข ความทุกข์ ความดี ความชั่ว ก็ไม่ใช่หนทาง*

    b49.gif b50.gif b50.gif b49.gif

    *หลวงปู่ชา*

    b49.gif b50.gif b50.gif b49.gif

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=30789
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...