บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 19 ตุลาคม 2014.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิตกับการปฏิบัติธรรม ได้เล่ามาแล้วถึงตอนที่ 4 ก็พอจะประมวลได้ว่า ความเชื่อมั่นในตนเอง ความทะนงตนในการปฏิบัติ และสิ่งที่ตนรู้ มีมากกว่าใครๆ ด้วยศึกษาและน้อมนำมาปฏิบัติเลย สภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็ทบทวน แก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ด้วยตนเอง จึงมีความเป็นตัวตนสูงขึ้น กลายเป็นคนหัวแข็ง ไม่เชื่อใครเกี่ยวก้บการปฏิบัติ สิ่งนี้คือ "อัตตามานะ" เวลาใครมาแสดงความรู้เรื่องสมถะและวิปัสสนา ก็เกิดอกุศลกรรมขึ้นในใจบ้าง โต้แย้งบ้าง ตำหนิติเตียนบ้าง ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของกิเลสในใจที่เกิดขึ้น

    โปรดติดตามต่อไป
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิตกับการปฏิบัติธรรม ตอนที่ห้า

    หลังจากที่จับเวทนาแล้วท่อง...เวทนาหนอ เกิดหนอ ตั้งอยู่หนอ ดับหนอ เป็นแรมเดือน ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่ง.....

    ได้ไปงานศพของคนรู้จัก เคยเล่าไปแล้วหลายครั้งนะเรื่องนี้ ความที่อยู่กับลมหายใจเข้าออกพร้อมกับบริกรรมพุทโธกำกับตลอดเวลา อาจเป็นเพราะกลัวผีด้วยเหตุหนึ่ง จึงกระหน่ำพุทโธไม่ขาดสาย จนกระทั่งสมาธิดำเนินไปจนถึงอัปปนาสสมาธิขณะที่พิจารณาเถ้ากระดูกบนเมรุเผาศพ และโอปนยิโกเถ้ากระดูกนั้น วันหนึ่งข้างหน้าก็คือเรา เหลือเพียงเท่านี้ คืนกลับไปเป็นธาตุ 4 ดังเดิม ไม่มีเราอยู่จริงๆ บนโลกนี้ และไม่มีใครๆ จริงๆ บนโลกนี้เช่นกัน พอพิจารณาเห็นความไม่มีอยู่จริงก็เกิดธรรมสังเวช ทุกสิ่งที่เห็นเป็นเพียงมายา ที่เราร้อนรน สุข ทุกข์ โกรธ เกลียด ก่อกรรมอกุศลต่างๆ นาๆ ก็เป็นเพียงกิเลสเท่านั้น มีเพียงกิเลสที่โลดแล่นไป......

    เกิดสภาวะไม่มีกาย ไม่มีลมหายใจ ไม่ได้ยินเสียงใดๆ หูดับ และรู้สึกว่าลอยขึ้นไปเหนือเมรุ ผ่านขึ้นไปแต่ละชั้นๆ ไมรู้เหมือนกันว่าชั้นของอะไร ชั้นสุดท้ายนี้เป็นแสงสีทองสว่างโพลง ว่าง ไม่มีอะไรเลย ได้ยินเสียงพูดเป็นภาษาบาลีหรือมคธก็ไม่แน่ใจ พูดเร็วมาก แต่เรากลับเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง เป็นเรื่องของธรรมชาติทั้งปวง เป็นธรรมชาติที่มีมาก่อนเนิ่นนานแล้ว เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป หมุนเวียนอยู่อย่างนั้น มายา สมมติและมาร ทำให้ได้รู้ว่าธรรมทั้งปวงอยู่ที่เราเอง และความรู้ที่ผุดขึ้นมานี้ เป็นธรรมที่เราได้เห็นได้ฟังมาแล้วในอดีตเมื่อครั้งพุทธกาล

    ระหว่างที่รู้สึกว่าลอยขึ้นไปนั้น มีขณะจิตหนึ่งที่เกิดความกลัวตาย เพราะไม่ได้หายใจ ไม่รู้สึกถึงกาย พุทโธหาย มองไม่เห็นจิตเหมือนเมื่อครั้งที่ไปบวชครั้งแรก

    เมื่อคลายออกจากสภาวะนั้น จิตทรงปิติสุข เป็นปิติที่ต่างจากปิติตอนออกจากฌานเหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา ไม่สนใจเรื่องโลก จนต้องบอกกับตัวเองว่า เรายังต้องทำงาน ยังอยู่กับสังคม จะตกอยู่ในสภาวะนี้ไม่ได้นะ

    ลมหายใจละเอียดขึ้นกว่าเดิม บริกรรมพุทโธไม่ขึ้น พุทโธหายไปเลย หาไม่เจอ

    ทรงสภาวะนี้อยู่เป็นเดือนๆ จนคลายออกหมด แต่พุทโธไม่กลับมา....

    จบตอนที่ 5 ค่ะ
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิตกับการปฏิบัติธรรม ตอนที่ 6

    ต่อจากตอนที่แล้ว...หลังจากเกิดสภาวะไม่สนใจเรื่องโลกๆ จนคลายออกจนหมด พุทโธหาย ก็ยังดำเนินชีวิตเหมือนคนทั่วไป ทำงานทำหน้าที่ของโลกสมมติต่อไป

    หลังจากเกิดสภาวะนั้น ปัญญาก็มาอบรมสมาธิ อบรมจิต ไม่ว่าอายตนะไปกระทบอะไร จะได้ยินคำสอนตลอดเวลา สอนให้ดูอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จนบางครั้งเรารู้สึกเหนื่อยกับความรู้นั้นๆ

    เริ่มเข้ามาสู่โลกออนไลน์ในปี 2010 ด้วยความบังเอิญ

    คงต้องท้าวความไปถึงแม่ย่ามหากาลี ได้พบท่านผ่านญานลงมา ท่านก็สอนธรรมโดยวิธีการทางเทพ แต่เราไม่รู้ ไม่เข้าใจ เพราะค่อนชีวิตที่ผ่านมาได้คลุกเคล้าคลุกคลีกับโลก มีความยึดอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อมีความยึดก็มีความต่อต้านกับสิ่งที่ไม่เหมือน ไม่เป็นอย่างที่เราเคยรู้มา พูดง่ายๆ ก็คือไม่เชื่อ แต่ไม่คัดค้าน

    ท่านมักจะบอกเป็นนัยๆ ถึงความเป็นมาแห่งดวงจิตที่อุบัติมาเป็นเรา ปณิธานและความปรารถนาของเราตั้งแต่ต้นชาติ ตลอดจนพุทธโองการ และความเกี่ยวข้องผูกพันของเรากับเหล่าทวยเทพ และเหล่าพญานาค

    ....เรารู้สึกดีและรักแม่ย่ามหากาลีมาก สัมผัสได้ถึงความรัก ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่ท่านมีต่อเรา

    จากการสืบค้นภาพของเทพแต่ละองค์เพื่อนำไปให้คนที่มีเทพนั้นๆ คุ้มครองได้นำไปบูชา ทำให้ได้เข้ามาสู่โลกอินเตอร์เน็ต โลกที่ไม่มีตัวตน ตอนนั้นรู้สึกเองว่าไม่มีตัวตน

    จากที่แม่ย่าบอกกับเราว่าห้ามโมโห เพราะพลังจิตของเรามีมาก เป็นอันตรายสำหรับผู้คนหากเราโมโห ให้คิดดี ทำดี พูดดี ก็มาสงสัยว่าพลังจิตคืออะไร หมายความว่าอย่างไร จึงไปเสิร์ทหาคำว่า "พลังจิต". เพราะอยากรู้เรื่องพลังจิต จึงได้พบเจอเวปพลังจิต มีธรรมะให้อ่านอย่างครบถ้วน ทั้งหลักการปฏิบัติกรรมฐาน 40 กอง ตลอดจนสภาวะธรรมต่างๆ จึงได้คลุกคลีที่เวปนี้เรื่อยมา

    หลังจากที่หยุดนั่งสมาธิตอนที่พุทโธหาย ก็ได้กลับมานั่งใหม่ (พุทโธหายเพราะว่าพุทโธได้รวมลงเป็นหนึ่งเดียวกันกับลมหายใจ) พอกลับมานั่ง สภาวะในสมาธิก็ไม่เหมือนเดิม เห็นนิมิตต่างๆ ในสมาธิ เป็นภาพบ้าง เป็นเสียงบ้าง ตอนนั้นรู้สึกสนุกกับความแปลก นำมาเล่าเป็นนิทานสนุกสนานไป

    จนกระทั่งมาพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงต่างๆ จากแวดล้อมทั้งหมด จากอารมณ์ของตนเอง จากจิตของตนเองที่ปรวนแปรไปตามผัสสะต่างๆ ที่มากระทบ ทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย แต่ก็ยังเป็นเบื่อๆ อยากๆ อยู่ ไม่ได้เบื่อไปซะทีเดียว แต่เริ่มได้เห็นความแปรปรวนนั้นแล้ว สั่งสมความเบื่อนี้ไปโดยไม่รู้ตัว จนรู้สึกว่าไม่อยากมีลมหายใจต่อไปอีกแล้ว นั่นก็คือตาย การฆ่าตัวตายเป็นบาป ทำไม่ได้ ก็มาพิจารณาว่าคนตายคือคนที่ไม่หายใจแล้ว จึงอยู่กับลมหายใจตลอด ทดลองหายใจเบาๆ บ้าง หายใจเข้าแล้วลองกลั้นลมหายใจออกบ้าง หายใจออกแล้วทิ้งเวลานานๆ จึงหายใจเข้าบ้าง เรียกว่าซ้อมตาย.....

    จนมาถึงวันหนึ่งได้เห็นว่าตัวเองหายใจเข้าแล้วลืมหายใจออก นานแค่ไหนก็ไม่รู้ตัว เกิดสภาวะแบบนี้ติดต่อกันอยู่หลายวัน เกิดความสงสัยว่าแล้วทำไมจึงไม่ตาย จิตนิ่งสงบดีมาก ไม่สนใจกายเลยว่าจะเป็นหรือตาย จึงกำหนดสติตามดูลมหายใจ เห็นลมสีขาวเข้าไปทางรูจมูกไหลลงไปจนสุดที่สะดือ มีลักษณะเหมือนควันสีขาวๆ แล้วค่อยๆ ไหลวนรอบสะดือเวียนตามเข็มนาฬิกา วนอยู่อย่างนั้นไม่ยอมไหลออก กว่าจะไหลออกมาได้ใช้เวลานานมาก จึงได้รู้ว่าลมหายใจยังมีอยู่แต่ว่ามันละเอียดมากจนจับไม่ได้ก็เริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นี่คือสภาวะของอะไรแล้วเราจะไปต่ออย่างไร

    จบตอนที่ 6 ค่ะ

    ปล. แต่ละตอนเล่าแบบย่อๆ
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พญามาร ก็คือ อวิชชา
    ธิดามาร ก็คือ ราคะ โทสะ โมหะ
    เมื่อแสดงธรรมแบบปุคลาธิษฐาน พญามารและธิดามาร จึงมีตัวตนขึ้นมา

    จิตมนุษย์ล้วนปรุงแต่งไปตามกิเลสตัณหาและอุปาทาน จึงยิ่งห่างไกลจากสัจธรรมทั้งหลาย ต้องเวียนว่ายตายเกิดหลายกัปป์หลายกัลป์เพราะไม่รู้จักธิดามารและพญามารอย่างแท้จริง

    พญามารและธิดามารทั้งสามก็สิงสถิตย์อยู่ที่จิตนั่นเอง

    อวิชชา เป็นกิเลสสังโยชน์ตัวสุดท้าย ต้องใช้ภูมิธรรมอรหันต์ประหานเท่านั้น

    ดังนั้น นักปฏิบัติทั้งหลายจึงมีอวิชชาแทรกได้ในทุกขณะจิตที่ขาดจากสติ
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิตกับการปฏิบัติธรรม ตอนที่...7

    ปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กับการดำเนินชีวิตประจำวัน จะแบ่งเวลาเป็น 2 ทาง

    เวลากลางวันยุ่งอยู่กับทางโลก เป็นเรื่องราวของหน้าที่ทางโลก การทำงานและดูแลสุขทุกข์ของคนในครอบครัว กับเรื่องไร้สาระทั่วไป

    เวลากลางคืนคือเวลาของการปฏิบัติธรรม กลางวันศีลห้า กลางคืนศีลแปด แยกออกไปอย่างนี้ค่ะ

    ก็มีนิมิตต่างๆ ให้ได้รู้ว่าเราควรศึกษาเรื่องอะไร อย่างไรในแต่ละห้วงเวลา เมื่อรู้สึกว่าจนปัญญา ครูบาอาจารย์จะมาบอกให้ทางความฝันค่ะ ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นพระภิกษุมาบอก ท่านก็พูดแค่หัวข้อธรรมสั้นๆ พอตื่นมาเราก็ไปค้นหาศึกษาและปฏิบัติไปตามนั้น เกิดความก้าวหน้าไปโดยลำดับ...โพชฌงค์ 7...โพธิปักขิยธรรม...เหล่านี้ล้วนได้ยิน ได้เห็นจากนิมิตทั้งสิ้นเลย พอได้ยินได้เห็นก็ปฏิบัติตามไป มาติดที่นิมิตของพระภิกษุชราร่างเล็ก ที่ปรากฏกายขึ้นพร้อมแสงสว่าง ยืนยิ้มและพูดว่า "โลกุตรจิต" ก่อนการลืมตาตื่นของเช้าวันหนึ่ง เมื่อค้นหาความหมายของโลกุตรจิตแล้ว รู้สึกว่ายาก ยากที่จะปฏิบัติไปให้ถึงตรงนั้นได้ในขณะที่ตนยังอยู่ทางโลก ผู้ที่จะเข้าถึงโลกุตรจิตได้ มีเพียงพระอริยบุคคลเท่านั้น

    แต่ตัวเองยังทำหน้าที่การงานที่ต้องคลุกคลีอยู่กับกิเลสตัณหาของผู้คน เฝ้าเพียรใคร่ครวญอยู่อย่างนั้น ทำไม่ได้หรอก มันยาก ยังตัดโลกไม่ได้หรอก ตอนนั้นคิดว่าการตัดโลก คือการบวช

    คืนวันหนึ่งก็ฝันเห็นทางสามแพร่ง ตัวเองยืนอยู่ ณ จุดของทางแยกทั้งสามทาง ไม่กล้าตัดสินใจเลือกทางใด ยืนมองซ้ายขวาและทางตรงหน้า มีแต่ความมืด ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าของแต่ละเส้นทางไปสิ้นสุดลงที่ใด ก็ยืนพิจารณาอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าเดินทางต่อ ตื่นมาก็ทำให้ได้รู้สภาวะของตนเอง ณ ขณะนั้น เพราะไม่รู้จึงหยุดอยู่ที่เดิม

    นิมิตสุดท้ายก่อนลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันหนึ่ง เป็นเสียงของผู้หญิงบอกว่า..."สลายกายทิพย์"

    พอตื่นมาก็มาคิดว่าสลายกายทิพย์ หมายถึงอะไร ต้องทำยังไง กายทิพย์อยู่ที่ไหน ใช้อะไรไปสลาย...คำถามพรั่งพรูเลยค่ะ ไม่รู้จักและก็คิดว่าถามใครก็คงไม่รู้จักเช่นกัน เพราะท่องโลกอินเตอร์เน็ตมามีแต่คนพูดถึงกายทิพย์ในแง่มุมต่างๆ. มีแต่คนอยากได้ อยากมีกายทิพย์กันทั้งนั้น ไม่เคยได้ยินว่าใครสลายกายทิพย์เลย

    ....โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิตกับการปฏิบัติธรรมที่ผ่านมา ก็ได้พบเจอเรื่องราวมหัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับกายหลายเรื่องราวเหมือนกัน แต่เพราะเป็นคนไม่ยึดติด มองว่าเป็นผลที่เกิดจากการปฏิบัติซึ่งต้องผ่านไป เหมือนการเดินทางที่ต้องได้พบเจอกับสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง คละเคล้าไป

    การได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ล้วนทำให้ตื่นเต้นเป็นธรรมดา ความอยากรู้ อยากเด่น อยากเป็นที่ยอมรับก็จะนำมาเล่า

    มาจนถึงทุกวันนี้ พอมองย้อนกลับไปจึงเข้าใจ จิตของผู้เริ่มปฏิบัติ และกำลังปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน เห็นเหตุ เห็นผล เห็นกิเลสที่ถูกชำระไปแล้ว เห็นกิเลสที่ยังไม่ถูกชำระให้สิ้นไป เห็นวิบากกรรมต่างๆ ที่เกิดจากการผิดศีลของแต่ละผู้คน

    เข้าใจคำว่า "ปัจจัตตัง" มากยิ่งขึ้น
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิตกับการปฏิบัติธรรม ตอนที่ 8

    หลังจากได้นิมิตบอกให้สลายกายทิพย์ ตอนนั้นยังทำงานอยู่ ไปดูแลกิจการให้เจ้านายที่เขียงใหม่ เหมือนเข้าไป แก้ปัญหาให้เจ้านาย จัดระบบต่างๆ ใหม่ Take กิจการคืนกลับมาจากผู้บริหารคนเดิม ระหว่างนี้ระบบต่างๆ ก็เริ่มดีขึ้น เห็นภาพของกิจการชัดเจนขึ้น โดยเราเป็นผู้ดำเนินงานทั้งหมดเพียงผู้เดียว เพื่อนร่วมงานที่ขึ้นไปด้วยกัน ก็ลาออก ทำให้เราถูกเพ่งเล็งว่าเข้ากับใครไม่ได้

    อาจเป็นเพราะว่าบทบาทการทำงานเด่นเกินไป เป็นทั้งจัดซื้อ บัญชี การเงิน และบุคคล เจ้านายไว้ใจ เขียนเช็ค อนุมัติเช็คเอง อย่าเพิ่งคิดอกุศลนะ มีระบบตรวจสอบที่สามารถทวนสอบได้ทั้งระบบค่ะ แต่อย่างว่านะ การทำงานที่ถูกต้องกับถูกใจนั้นมันคนละทางเลยทีเดียว กิจการเริ่มมีกำไรขึ้นจากการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง

    ทางธรรมก็ต้องการเดินให้เต็มที่ ก็คิดว่าทำอย่างไรดี ทิังงานก็ไม่ได้ เพราะทุกอย่างมาอยู่ที่เราหมด ระบบที่นำมาใช้ก็มีเราคนเดียวที่รู้และทำได้ ใครมาทำก็ไม่เข้าใจ โดนหาว่าหวงวิชาอีก ก็มันต้องใช้ประสบการณ์ด้วย ทริคต่างๆ เราต้องคิดเอง เป็นกิจการซื้อขายน้ำมัน ต้องศึกษาตลาดและข้อมูลราคาน้ำมันทุกวัน แก้ปัญหาเด็กเติมน้ำมัน บางวันเด็กพากันหยุดงาน แก้ปัญหาลูกค้าที่มารับบริการทุกวัน ก็น่าจะเครียดนะ

    จนประชุมครั้งหลังสุดโดยเจ้านายบินมาจากกรุงเทพ เราจึงขอพิจารณาตัวเองโดยลาออก ครั้งแรกไม่อนุมัติ อยู่เชียงใหม่สองปีมีแต่ปัญหาให้แก้ จุกจิก หยุมหยิม ก็ถามตัวเองว่าถ้าไม่ทำงานจะอยู่ได้มั้ย ลูกหลานก็โตกันหมดแล้ว ทำงานกันหมดแล้ว ไม่มีภาระอะไรแล้วนี่ ไปตามทางที่เราชอบดีกว่า จะมาแบกรับปัญหาของคนอื่นไปทำไม

    เจ้านายผู้หญิงก็จะดึงตัวกลับไปทำงานด้วย เพื่อนเจ้านายก็รอคำตอบรับจากเราที่จะไปร่วมงานในโครงการใหม่ของเค้า รู้สึกเนื้อหอมมาก แต่เรากลับรู้สึกเศร้าใจ มีแต่คนมาหาประโยชน์จากเรา เพราะเราไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยกับรายได้ เป็นคนบ้างาน และมีความสามารถสูง (ยกหางหน่อย อิอิ)

    สุดท้ายก็ตัดสินใจเลย ไม่ห่วง ตัดสายใยความผูกพันที่ทำให้ห่วงนั้นออกไป ทำงานร่วมกันมาสิบกว่าปี เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพี่เหมือนน้อง เหมือนญาติ ตัดเลยค่ะ ถ้าไม่ตัด ทางธรรมก็ไม่สุดสักที พิจารณาอย่างนี้ มองรอบแล้ว ลาออก กลับบ้าน กลับมาแต่ตัว ทิ้งทุกอย่างไว้ที่เชียงใหม่

    สิ่งที่ค้างคาใจก็คือเรื่องสลายกายทิพย์

    โปรดติดตามตอนต่อไป.....คริคริ
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิตกับการปฏิบัติธรรม ตอนที่ 9

    ขอนึกก่อนแพพ........

    พอกลับมาอยู่บ้าน ก็ยังออนเวปเข้าไปอ่าน เข้าไปคุยตามกระทู้ ตอนนั้นเริ่มเบื่อหน่ายกาย ไม่อยากมีกาย เห็นทุกข์ของการมีกาย เพราะมีกายจึงมี story มากมาย ก็ยังอยู่กับลมหายใจตลอดเวลา จนบางครั้งลืมหายใจ มีลักษณะเหมือนเรากลั้นลมหายใจโดยไม่มีเจตนา มันเป็นเอง เกิดขึ้นเวลาที่เพ่งหน้าจอนานๆ จดจ่ออยู่กับการพิจารณาธรรมที่กำลังอ่าน

    วันหนึ่งกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ขอใช้คำวาเพื่อนแล้วกันนะคะ ก็เข้ามาสนทนาในกระทู้ บอกเล่าเรื่องราวสภาวะธรรมของเค้า เกี่ยวกับกายในกาย เพื่อนบอกว่ากายก่อนหน้านั้นหายไป เปลี่ยนเป็นกายธรรมแค่แว้บเดียวแล้วก็หายไป เพื่อนคนนี้ฝึกปฏิบัติหลายแนวค่ะ ที่ชัดๆ คือมโนมยิทธิ เพราะเค้าจะขึ้นไปเรียนกับพระ (สมเด็จองค์ปฐม)

    พอได้ยินข่าวก็รู้สึกยินดีกับเค้า ก็เลยขอให้เค้าดูกายให้ตนเองบ้าง เพื่อนบอกว่าเป็นกายเทวดาละเอียด จากนั้นจึงขอให้ถามพระเรื่องการสลายกายทิพย์ เพื่อนตอบกลับมาว่าต้องพิจารณาเอง แต่ได้รับคำแนะนำว่าให้เราหาพิจารณาข้อธรรมที่ทำให้จิตสั่นสะเทือน สิ้นหวังอีกแล้วค่ะกับคำตอบ ตอนนั้นมุ่งหวังปฏิบัติเพื่อหนีนรกเข้านิพพาน ไม่ต้องการเวียนว่ายตายเกิดอีก

    ก็มานั่งทบทวนว่าข้อธรรมใดที่จะทำให้จิตสั่นสะเทือนได้ เพราะเพื่อนบอกว่าเราก้าวหน้ากว่าเมื่อครั้งที่ได้คุยกันใหม่ๆ ตอนนี้จิตเรานิ่งกว่าเดิม ปล่อยวางได้มากขึ้น

    ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะยกธรรมอะไรขึ้นมาพิจารณา (นี่คือเหตุขณะที่ยังอยู่ในสภาวะของสังขารุเปกขาญาน). จึงปล่อยวางลงไป แล้วก็มาหาข้อธรรมที่มีประโยชน์มาลงให้เพื่อนผู้ปฏิบัติธรรมอื่นๆ ได้อ่านกันในกลุ่มห้องปฏิบัติธรรม ในเฟสบุคที่ตนเองสร้างขึ้นมา มีสมาชิกเข้าร่วมอยู่ไม่กี่ร้อยคนค่ะ

    หาใน google นี่แหละ แล้วจู่ๆ ก็อยากเห็นรูปพระธาตุอรหันต์ ตอนนั้นหลวงตามหาบัวมรณภาพพอดี จึงเสิร์ซหาภาพอัฐิธาตุของหลวงตา....

    จบตอนทึ่ 9 (ยังไม่เฉลยนะ อิอิ)

    โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การเล่าเรื่องราวของการปฏิบัติธรรมของตนอาจไม่ละเอียดเท่าของจริง เพราะเป็นอดีตล่วงมาแล้ว มาทบทวนย้อนกลับไป จึงข้ามรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไปค่ะ เพื่อให้กระชับขึ้น

    อ่านแล้วก็อย่าไปจริงจังอะไรนะคะ สบายๆ ไป เพราะเราเองก็ปฏิบัติแบบสบายๆ ไม่ได้เคร่งเครียด ตามกาลค่ะ
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิตกับการปฏิบัติธรรม ตอนที่ 10

    ค้นหาภาพอัฐิธาตุหลวงตามหาบัว พระธาตุอรหันต์แต่ละองค์ก็เคยได้เห็นมาก่อนแล้วมากมายตามวัดที่เคยได้ไปทำบุญ ทำกุศล ทุกครั้งก็มองเห็นเป็นแค่กระดูก แล้วก็อ๋อนี่คือพระธาตุแค่นั้น แต่ไม่เคยน้อมพิจารณาให้ลึกซึ้งลงไป

    ก็ดูๆ ภาพ ไล่ไปเรื่อยๆ ไปสะดุดภาพชิ้นส่วนโครงกระดูกที่ค้างอยู่บนตะแกรงเผา มีคำบรรยายว่าเป็นอัฐิของหลวงตามหาบัว ก็เพ่งพิจารณาภาพนั้น จิตดิ่งลงไปในสมาธิ ลมหายใจละเอียดอ่อนแผ่วเบาเหมือนไม่ได้หายใจ ยกกรรมฐานมรณานุสติ กายคตาฯ และอสุภะฯ ขึ้นมาพิจารณา นี่หรืออรหันต์ อรหันต์เหลืออยู่แค่นี้เองหรือ ถ้าไม่มีคำบรรยายกำกับจะรู้หรือไม่ว่านี่คือธาตุอรหันต์ พิจารณาย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เคยพิจารณาเถ้ากระดูกของคนรู้จัก ย้อนไปย้อนมาเกิดความสลดสังเวชใจกับการยึดติดในสมมติของพระอริยบุคคล ว่าต้องเป็นตัวตน เป็นพระครองผ้าเหลือง จริงๆ แล้วอรหันต์คือจิตต่างหาก จิตที่บรรลุธรรมขั้นสูงสุดประหานกิเลสจนหมดสิ้นไป โอปนยิโกเห็นตนเองเป็นกองกระดูกนั้น ไม่มีเรา ไม่มีตัวเราอยู่จริง ทุกคนหนีไม่พ้นความตาย ตายแล้วก็ไม่เหลืออะไรที่บ่งบอกว่าเป็นเรา เห็นการยึดกายสังขารว่าเป็นเรา เป็นของเรา แค่เสี้ยววินาทึนั้นเกิดสภาวะของปิติซาบซ่าน ต่างจากทุกปิติที่ผ่านมา มันวาบขึ้นมา ไม่รู้ว่าสภาวะนี้เค้าเรียกว่าอะไร.....จบตอนที่ 10

    โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

    ปล. สภาวะนี้ผ่านมา 3-4 ปี ได้แล้วค่ะ อาจเล่าได้ไม่ละเอียดนัก จิตเห็นละเอียดลึกซึ้งมาก
     
  11. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ดีๆ สบายดีป่ะ

    ทำใจให้สบายๆอ่ะ สร้างบารมีให้เป็นประจำวัน รีบเกินไปจะเครียด

    ฝึกสติให้มาก แยกฝึกสัมปชัญญะเพิ่มเรื่อยๆ บารมีเท่าไหน ก็ไปเท่านั้นเหละ

    ถึงโหนไปเจออะไรมากมาย ก็จะกลับไปอยู่ตามระดับบารมี

    รับการทดสอบไปเรื่อยๆ ต้องหมั่นสังเกตอ่ะ

    อะไรที่เราผ่านได้ ก็ไม่มีผลกับจิตเราอีก ถึงกำลังจิตจะตกต่ำลงสุดๆก็ตาม สู้ทีละอย่าง
     
  12. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    แถม ถ้าไม่รู้จะฝึกอะไร

    ก็มองไปที่ สังโยชน์ 4
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สวัสดีค่ะคุณ hastin เราสบายดี บททดสอบตอนนี้มีแบบซอฟๆ ค่ะ ไม่ซีเรียส เจริญสติอย่างเดียว ขอบคุณนะคะที่แวะมาทักทาย แล้วคุณล่ะเป็นอย่างไรย้าง มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะ
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิตกับการปฏิบัติธรรม ตอนที่ 1-9 จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องของการสั่งสมเหตุปัจจัย ตั้งแต่อายุ 10 ขวบเรื่อยมา ใช้เวลานานมากในการเรียนรู้ศึกษาข้อธรรมปฏิบัติ และน้อมนำไปปฏิบัติโดยเริ่มจากสัญญา ทรงจำไว้ ประกอบด้วยศีลอันเป็นพื้นฐาน ทานอันเป็นกุศล การทำทานบุญกิริยาวัตถุ 10 พยายามละออกจากเหตุอันเป็นอกุศลทั้งปวง ตามความรู้สึกตัวของสติ

    ลองผิดลองถูก พิจารณาผิดพิจารณาถูกอยู่อย่างนั้น กิเลสยังมีอยู่เท่าเดิมแต่ถูกกดข่มไว้โดยสมาธิ อัตตาใหญ่มาก มานะทิฏฐิก็เยอะ ยุังมีความคิดความเห็นเกี่ยวกับเรื่องถูกผิด ยังไม่เห็นเรื่องกรรมอย่างแท้จริง เห็นแค่ปากพูดตามๆ เค้าไปแค่นั้น ยังรู้สึกสะเทือนกับนินทาและสรรเสริญ เรียกง่ายๆ ว่ายังวนเวียนกับโลกธรรมแปด โลกธรรมแปดยังส่งผลต่อจิตใจ ยังข้องแวะอยู่กับกามกิเลส

    มาถึงตอนที่ 10 เริ่มเข้าถึงสัจจะของการยึดมั่นถือมั่นในกายตนและกายผูัอื่น ยึดในสิ่งของต่างๆ ว่าเป็นของตน มีความรักหวงแหน เมื่อสูญเสียไปก็เสียดาย อยากได้คืน ยึดคติความเชื่อต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเลือนไปจากใจก็คือ พระรัตนตรัย ไม่มีความสงสัยในคำสอนของพระพุทธองค์และพระอริยสาวก ตอนที่ 10 ได้เห็นสัจธรรมของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของทุกสรรพสัตว์ ตลอดจนผู้สำเร็จแล้ว
     
  15. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ส่วนมากก็เจริญสติตลอด

    ตอนเด็กๆ เวลาจิตจดจ่ออะไร มักจะไม่ค่อยหายใจ จนอึดอัดถึงรู้สึกตัว

    มาถึงตอนนี้ ถ้าไม่นับลมหายใจ หรือ ภาวนาไปด้วย จะไม่หายใจ

    ก็เลยต้องทำตลอด
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หมายถึงข้อไหนบ้างคะ?
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไข้ขึ้นมาสามวันจากอากาศเปลี่ยนแปลง ไม่รู้ตัว มารู้สึกผิดสังเกตเมื่อวานตอนบ่ายๆ ออกไปเก็บใบไม้แห้ง ก้มๆ เงยๆ รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและหนาวสั่น ก็สงสัยว่าเป็นอะไร หรือว่าอากาศหนาวเย็นกว่าทุกวัน รู้สึกเหนื่อย อาการแบบนี้เคยเป็นเมื่อหลายปีก่อน เหนื่อยแบบไม่มีสาเหตุ

    กลับเข้ามานั่งหนาวสั่นในห้อง ทบทวนเหตุการณ์ว่าไปทำอะไรมาบ้าง ตอนเช้ามืดเดินตากน้ำค้างไปร้านค้า เอ๊ะหรือว่าเราจะเป็นไข้ มือเท้าเย็นเฉียบ ลองจับหน้าและลำคอดู โหร้อนฉ่าเลย นี่เป็นไข้นี่หว่า 555 เดินออกไปขอยาลดไข้จากผู้ใหญ่บ้านที่บ้านอยู่ติดกับวัด กินยาแล้วนอนห่อเลยค่ะ ห่อด้วยผ้าห่ม อิอิ สวมถุงเท้าพร้อม เพราะเท้าและมือเย็นมาก

    มันรู้สึกหนาวยะเยือกเข้าไปทั้งกาย ก็นอนภาวนาดูทุกขเวทนาที่เกิดกับกายไปพร้อมๆ กับการสั่นสะท้านนั้น

    หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ ความเย็นนั้นซ่านไปทั้งกาย ระลึกถึงอาทีนวสัญญา นอนไม่หลับรู้สึกถึงกายตลอด เหมือนภายในร่างกายมีการต่อสู้กันกับโรคภัยไข้เจ็บ มีสภาวะวาบ ซ่าน...วาบ ซ่าน...วาบ ซ่าน..... ทั้งกายตามจังหวะของลมหายใจ แต่ใจนิ่งสงบ แค่รู้อยู่เท่านั้น...จนเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง สภาวะวาบและซ่านนั้นก็แผ่วลงๆๆ จนหายไปหมด คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาพาราเซทตามอล มีสติตลอดเวลา รอฟังเสียงพระสวดมนต์ทำวัตรเย็น จะลุกขึ้นมาสวดด้วยในห้อง ก็ไม่ได้ยิน จึงลืมตาขึ้นมาดูเวลา...ทุ่มกว่าแล้วนี่ หรือว่าจะเผลอหลับไป หายจากหนาวสั่นแล้ว

    หลายปีมานี้ไม่เคยปวดหัวเป็นไข้เลย และถ้าไข้ไม่สูงจริงๆ จะไม่รู้เลย ไข้ขึ้นสูงจะมีอาการเหนื่อยเหมือนคนเป็นโรคหัวใจ ใจจะสั่น ก็จดจำอาการดังกล่าวนี้มาจากเมื่อหลายปีก่อนที่ไปพบแพทย์ เพราะรู้สึกเหนื่อยและมีไข้สูงโดยไม่รู้สาเหตุ หมอเจาะเลือดไปตรวจ เอ๊กซ์เรย์ปอด ทุกอย่างปกติดี แต่ฟิล์มที่เห็นช่วงอกนั้นเป็นแสงสว่างสีขาวหมดเลย เหมือนออร่า มองไม่เห็นหัวใจและปอด

    อาทีนวสัญญา หนึ่งในสัญญา 10 ที่ต้องหมั่นทบทวนค่ะ

    โม้ซะยาวเลย 555 อาทีนวสัญญานี้ก็รู้จากนิมิตเหมือนกัน เอาไว้เล่าในตอนต่อไปของ...ชีวิตกับการปฏิบัติธรรมนะคะ
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชีวิตกับการปฏิบัติธรรม ตอนที่ 11

    ต่อจากตอนที่ 10 ที่เกิดปิติวาบขึ้นมา วันถัดมาเพื่อนคนเดิมก็มาเม้นท์ในกระทู้ว่า "ยินดีด้วย สลายกายทิพย์แล้ว" รู้สึกงงและแปลกใจ สลายไปตอนไหน เรายังไม่รู้วิธีเลย ก็เลยถามเพื่อน เค้าบอกว่าตอนนี้กายในเปลี่ยนเป็นกายพรหมละเอียดแล้ว กำลังจิตสูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ให้ทรงพรหมวิหาร 4 และกุศลกรรมบท 10 ก็ขอบคุณเพื่อนกัลยาณมิตรผู้นี้ ไม่ได้คลุกคลีพูดคุยกันบ่อย แต่เพื่อนผู้นี้จะโผล่มาตอนสำคัญทุกครัังเลย

    จากนั้นก็เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงภายใน เห็นวงจรแห่งกรรม วงจรภพชาติหรือปฏิจจสมุปบาท กลัวกรรม กลัวภพชาติ อ่านบทความตามกระทู้แล้วก็วาง ไม่เข้าไปแสดงความคิดเห็นเหมือนเมื่อก่อน มีแต่ความเบื่อกับเฉย ความฝันไม่มี หายไปเลย แต่กลับมีความรู้ขึ้นมาแทน พูดไม่ค่อยถูกนะ

    เห็นการแยกออกของกาย ขันธ์ห้า จิต เพิ่มขึ้นมาคือญาน ไม่รู้ว่าใช่ญานหรือเปล่านะ เพราะตอนนั้นขันธ์ห้ามันสงบนิ่งไปเลย ไม่มีการปรุงแต่ง เวลาใครถามอะไรมา คิดนึกไม่ได้ ความคิดหาย สัญญาหาย แต่รู้ขึ้นมาเองโดยไม่ได้คิด

    ทำให้เข้าใจว่าแต่ละสิ่งนั้นไม่ใช่ของกันและกัน ไม่ใช่อย่างเดียวกัน เพียงแต่มันอยู่รวมกัน

    สิ่งที่หายไปคืออารมณ์ต่างๆ เมื่อถูกกระทบ การแสดงกรรม หายไปหมดเลย นึกไม่ออก ระลึกไม่ได้ เห็นร่างกายเหมือนก้อนเนื้อเปล่าๆ ส่วนผสมมันแยกออกไปหมด ตายๆๆ นี่มันหุ่นยนต์ชัดๆ ก็เป็นสภาวะภายในที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น

    จิตทรงอุเบกขา คือเฉยอย่างเดียว

    การเล่าเรื่องในแต่ละตอนอาจไม่ละเอียดเท่ากับสภาวะที่เกิดขึ้นจริง เพราะเป็นเรื่องของอดีตซึ่งดับไปแล้ว ทวนย้อนมาเล่าไดัแค่นั้นค่ะ

    จบตอนที่ 11
     
  19. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ก่อนที่เราจะตัดอะไร เราต้องรู้ว่ามีสิ่งนั้นก่อน

    พอตั้งใจจะตัด เดี๋ยวมาเพียบแน่ ความทรงจำเก่า สุข ทุกข์ คิดถึง โหยหา ความต้องการทางกาย

    มหาสมุทรน้ำตาแน่ๆ
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สวัสดึปีใหม่ค่ะ คุณhastin เพิ่งรู้วันนี้ว่าเปลี่ยนเป็นเวปบอร์ดใหม่แล้ว งงนิดนึงค่ะ คงต้องค่อยๆ ปรับการเรียนรู้การใช้เวปบอร์ดใหม่

    เรื่องสัญญาเก่าๆ ที่ผุดขึ้นมา สำหรับเราไม่ใช่ปัญหานะ จากอดีตสองสามปีที่ผ่านมาที่ปลีกวิเวกเป็นส่วนใหญ่ ตอนนึ้ก็เริ่มเปิดตัวเปิดใจรับการกระทบทุกด้านค่ะ ดูความเป็นปกติของกายของใจที่เป็นธรรมชาติ ไม่กดข่ม

    จิตยิ่งละเอียด ธรรมก็ยิ่งละเอียด กิเลสก็ยิ่งละเอียดค่ะ แต่เราไม่ทุกข์กับมัน

    ความละเอียดก็ลุ่มลึกลงไปเป็นลำดับ ดูอย่างเดียวค่ะ สภาวะที่ผ่านมาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน อยู่ยากขึ้นแต่ก็ต้องอยู่เพราะยังไม่ตาย จิตเป็นอุเบกขา

    สัญญาหายเป็นพักๆ หรือว่าแก่แล้วเป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่รู้นะ วางเฉยนี่ก็เป็นเอง เหมือนเบื่อเรื่องโลกๆ เห็นมันซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้เนิ่นนานแล้ว

    ทุกวันนึ้ไม่ได้เคร่งเครึยดเอาเป็นเอาตายกับมรรคผลค่ะ อยู่กับสมมติแต่ไม่ยึดสมมติ...ตามวาสนาบารมีแล้วกันนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...