บัญชีบุญ glassbuddha2009

ยินดีและขออนุโมทนาครับคุณ พรหมประกาศิต<!-- google_ad_section_end -->

มีดหมอเล่มที่ ๑ นี้หลวงปู่ยี สำนักสงฆ์ถ้ำแม่ฮุเมตตาอธิฐานจิตเป็นท่านแรก โดยผมนำมีดหมอไว้ในกล่องยาว ภายในมีดาบอาคมด้วยเล่มนึง ผมปิดเทปหน้ากว้างทั้งหมด ไม่มีทางเห็นภายในว่ามีอะไรบ้าง ตอนที่หลวงปู่ยกกล่องนี้ คนในคณะคนหนึ่งกราบเรียนหลวงปู่ยีว่า ภายในเป็นไม้เท้าค่ะ หลวงปู่ท่านทำมือฟันซ้ายที ฟันขวาที แล้วบอกว่า มันมาอย่างงี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แปลว่าหลวงปู่รู้ว่าข้างในคือดาบ


ภาพครั้งนั้นที่ได้รวบรวมปัจจัยค่าตัดถนนขึ้นยอดเขาดอยแม่ฮุไปถวายหลวงปู่ยี สำนักสงฆ์ถ้ำแม่ฮุ ต. แม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอนครับ

 

.....................

 

พระสุภัทร นิลรัตน์ ( เขภทโท )


รูปจำลองกุฏิที่พระสุภัทรจะดำเนินการสร้างที่ถ้ำจั๊กต่อ
รูปแบบอาจไม่เหมือนรูปจำลองนี้ก็ได้








สำนักสงฆ์ถ้ำจั๊กต่อ
ถ้ำพระบาทคู่ และ ฝ่าพระหัตถ์
บ้านหมอกจำแป๋ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน​

ธนาคารกสิกรไทย สาขาแม่ฮ่องสอน
ชื่อบัญชี พระสุภัทร นิลรัตน์
เลขบัญชี 285-2-19847-0
SWIFT CODE : KASI TH BK
A/C NO. 285-2-19847-0
NAME. PRA SUPAT NINRUT
KASIKORN BANK, MAEHONGSON BRANCH,
76 KHUMLUMPRAPHAS ROAD,
MAEHONGSON 58000,
THAILAND
TEL ; 053-611558-9
FAX : 053-611557
TELEX ; 81159 FARMERS TH, 82542 FARMERS TH,
84798 FARMERS TH, 84799 FARMERS TH.
KASIKORN BANK, HEAD OFFICE
1 RATBURANA ROAD., BANGKOK,
THAILAND 10140

ภาพเบื้องหลังคือกุฏิไม้ไผ่สานขัดแตะ ที่ถูกมอดเจาะพังไปในเวลาไม่ถึงปี

มาครับ หลวงพ่อจะพาเดิน เดินไปสู่บุญแห่งการสร้างกุฏิที่ทนมอดเจาะอันเป็นวิหารทานแก่ผู้ที่จะมาปฏิบัติธรรมที่ถ้ำจั๊กต่อต่อไป

*********************************

เชิญครับ ขอเรียนเชิญร่วมบุญสร้างเสนาสนะอันเหมาะสม เพราะถ้ำจั๊กต่อนี้เหมาะแก่การภาวนา

 

อั๊พภาพแท๊งก์น้ำสแตนเลสขนาด 6,000 ลิตรจำนวน 5 ถังเมื่อถึงถ้ำจั๊กต่อด้วยศรัทธาสาธุชนทุก ๆ ท่าน ร่วมบุญ ร่วมแรง รวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จึงเกิดภาพอันน่าศรัทธา เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาดังที่ได้นำรูปมาเพื่อร่วมอนุโมทนากันครับ

 

26-08-2010, 02:34 PM #54
Yodsawan
สมาชิก

วันที่สมัคร: May 2010
ข้อความ: 35
Groans: 0
Groaned at 0 Times in 0 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 109
ได้รับอนุโมทนา 229 ครั้ง ใน 44 โพส
พลังการให้คะแนน: 0

เห็นภาพแท๊งค์น้ำ จำนวน 5 ถัง ที่ตั้ง ณ .ถ้ำจั๊กต่อแล้ว
ปิติมากค่ะ กุฎิสงฆ์ /ที่พักของฆารวาสในการปฏิบัติธรรม
ยังคงเป็นวิหารทานที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ
ถ้ำจั๊กต่อ ความสำเร็จจะเกิดได้ ด้วยแรงศรัทธาจากญาติธรรมทุกท่านค่ะ

 

ไปพบแผ่น CD เดิมปี 2548 จึงนำมาใส่ไว้ในกระทู้นี้เพื่อบันทึกบุญเดิม

เมื่อประมาณต้น ๆ ปี พ.ศ. 2548 ทางวัดป่าแห่งหนึ่งส่งอุบาสกพินิจที่ป่วยอย่างหนัก มีทั้งเบาหวาน ความดัน และที่สำคัญที่สุดคือ ชีพจรเต้นแรงมากและเต้น 120 ครั้งทั้งวันทั้งคืน ทำให้เหนื่อยทั้งหลับและตื่น ส่งตัวอุบาสกรูปนี้มากับพระภิกษุครูบาดำริ ( ลูกชายอุบาสกพินิจ ) และมาพร้อมกับลูกชายอีกคนหนึ่ง มาถึงผมและกองทุนฯในขณะนั้นรับเข้าแอดมิทที่ รพ. วิชัยยุทธทันที หลังจากรักษาได้เพียงประมาณ 1 สัปดาห์ อาการทุกอย่างหายหมดและดีขึ้นมาก จึงส่งกลับวัดป่าแห่งนั้นไป

 

..................................

 

ตอนมาถึง บขส. ผมไปรับจากหมอชิตแล้วตรงเข้า รพ. วิชัยยุทธทันที


จำได้ว่าน้ำหนักลุงพินิจไม่ถึง 40 ก.ก. ในขณะนั้นเนื่องจากป่วยมาหลายเดือน ที่ รพ. ประจำจังหวัด ( ไม่ขอเอ่ยชื่อจังหวัด ) ให้แต่ยาพาราเซ็ทตามอลกินวันละ 4 มื้อ กินมาหลายเดือน ย้ายไปรักษาที่ รพ. ต่างอำเภอที่ก็ใหญ่มาก ก็เหมือนเดิม คือให้ยาพาราเซ็ททามอล ในเมื่อหมดที่พึ่งพิงและกำลังจะตาย ก็ขออาศัยผมและกองทุนฯมารักษาที่ รพ. วิชัยยุทธเพียงสัปดาห์เดียวหายขาด ที่รู้ว่าหายขาดเพราะตอนที่ผมไปบวช ผมก็บวชที่วัดป่านี้ และอยู่ตรวจชีพจรอุบาสกพินิจนี้ตลอด มีอีกเพียงครั้งเดียวที่อาการกำเริบเมื่อประมาณกลางปี 2549 ชีพจรกลับมาเร็ว 120 ครั้งต่อนาทีอีกครั้ง ตอนนั้นรู้แล้วว่ารักษาเอกชนมันดียังไง เลยส่ง รพ. หล่มสัก และหายขาดถึงปัจจุบัน


ครูบาดำริและน้องชายนั่งรอหน้าห้องเอ๊กเรย์อย่างเป็นห่วง

 

...........................

 

พระภิกษุอาพาธแขนหัก


ประมาณปี พ.ศ. 2548 ทั้งปีหรือช่วงไม่เกินครึ่งปีแรกของ พ.ศ. 2549 จำไม่ได้ ผมไปรับพระภิกษุรูปหนึ่งจากที่พักสงฆ์อาพาธมูลนิธิหลวงปู่มั่น ซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 เพื่อผ่าตัดที่ รพ. วิชัยยุทธ
( รายละเอียดไม่สามารถเขียนได้ )
[ เก็บภาพไว้เป็นกรณีศึกษาอีกกรณีหนึ่ง ]

 

....................................

 

พระสว่าง จามตุลี ตรวจพบวัณโรคปอดที่วิชัยยุทธ

พระสว่าง จามตุลี เข้าโครงการกองทุนฯทำบุญทำทานทุกชนิดเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2548 หรือ พ.ศ. 2549 จำไม่ได้เสียแล้ว มีอาพาธด้วยไข้ต่ำทุกเย็น รพ. ประจำจังหวัดหาไม่พบ ย้ายไปแล้ว 3 โรงพยาบาลก็หาไม่พบ ผมรับเข้าตรวจที่ รพ. วิชัยยุทธ ทางวิชัยยุทธตรวจค้นพบวัณโรคปอดในวันแรกเลย ได้แอดมิทอยู่ระยะหนึ่ง หลังจากนั้น ผมได้ขอให้ท่านเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลที่ท่านสะดวกในจังหวัดนั้น ๆ ต่อมาท่านรับการรักษาต่อที่ รพ. สวนดอก เชียงใหม่ ท่านเป็นพระภิกษุที่เลี้ยงง่ายมาก คือเชื่อฟังแพทย์ทุกประการ ฉันยาครบทุกมื้อและหายจากวัณโรคปอดในระยะเวลาประมาณ 1 ปี

ระหว่างที่ผมไปพาพระสว่าง จามตุลีแอดมิท ได้ไปกราบหลวงปู่ท่อนและหลวงปู่คำบ่อที่ห้องใน รพ. วิชัยยุทธด้วย

 

หลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน จ. เลยมาพักที่ รพ. วิชัยยุทธโดยมีห้องประจำ

หลวงปู่คำบ่อและหลวงปู่ท่อนอยู่ในห้อง ผมเข้าไปกราบ

พระสว่าง จามตุลีอาพาธหาที่ รพ. ประจำจังหวัดและ รพ. อำเภออื่น ๆ หาไม่พบโรค
ผมรับเข้าแอดมิทและหาโรคที่ รพ. วิชัยยุทธค้นพบในวันแรก
อาพาธเป็นวัณโรคปอดชนิดติดต่อ ทางโรงพยาบาลให้ปิดหน้ากากไว้ตลอดเวลา

พระสว่าง จามตุลี เป็นพระภิกษุที่เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะท่านทำตามที่แพทย์สั่งทุกกระเบียดนิ้วตลอดทั้งปี จนวัณโรคปอดหายขาดได้

 

.............................

 

เจ้าหน้าที่ประชาสงเคราะห์ศิริราชขอให้มาช่วยพระภิกษุอาพาธเรื้อรัง

ครั้งนั้นประมาณ พ.ศ. 2548 หรือไม่เกินกลางปี 2549 เจ้าหน้าที่ประชาสงเคราะห์ศิริราชพยาบาลที่สนิทกันเพราะไปช่วยพระภิกษุอาพาธที่ศิริราชบ้างบางครั้ง เจ้าหน้าที่เรียกให้ไปช่วยพระภิกษุอาพาธที่ศิริราชคือพระสุชาติต้องฟอกไตบ่อย ๆ ประมาณสัปดาห์ละ 2 ครั้ง มีปัญหาค่าใช้จ่ายที่พระต้องแบกรับเอง ครั้งนั้นจำไม่ได้แล้วว่า ถวายค่าใช้จ่ายท่านไปเท่าไร และถวายอยู่นานเท่าไร ลืมจริง ๆ

พอจะกลับได้พบ อ. ยุวดี ชาติไทยกำลังดูแลพระภิกษุอาพาธรูปหนึ่งอยู่ที่ห้องฉุกเฉิน ไอ. ซี. ยู. จึงเข้าช่วยค่าใช้จ่ายหลวงปู่รูปนี้จำได้ว่าจากเพชรบุรี จากเหตุการณ์ครั้งนี้ จึงเป็นเหตุให้ได้รู้จัก อ. ยุวดี ชาติไทยและร่วมงานบอกบุญของพระ อ. ทองปาน จารุวัณโณมาถึงปีนี้

 

จำรายละเอียดรูปนี้ไม่ได้เลย แต่จากชื่อรูปที่ตั้งไว้เมื่อตอนนั้น ทำให้จำได้ว่าเป็นพระภิกษุอีกรูปที่กองทุนฯเข้าช่วยค่าใช้จ่าย

 

หลวงปู่จากเพชรบุรีที่ ณ วันนั้นลูกศิษย์ต้องชำระค่าใช้จ่ายให้ศิริราชแต่มีไม่พอ จำไม่ได้ว่าขาดไปประมาณ 30,000.- บาท ( ประมาณนั้นจำแน่นอนไม่ได้ )

 

่พระสุชาติอาพาธต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าเดินทาง มีปัญหา กองทุนฯเดิมขณะนั้นเข้าช่วยท่านอยู่ระยะหนึ่งจำไม่ได้ว่ากี่เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี

 

.......................................

 

เข้าช่วยหน่วยมาเลเรียห้วยไคร้, เพชรบุรี และหน่วยมาเลเรียหัวหิน

เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2548 จากการที่ได้รับหน้าที่รับส่งพระภิกษุที่ต้องการหาป่าปฏิบัติธรรม ได้ส่งพระ อ. วรวิทย์ มหาวายาโมและพระ อ. สมสุข สัจจวโรเข้าป่าหุบชะนี ต่อมาได้รู้จักหมอวุธ ใจซื่อ ที่เป็นหมอรักษามาเลเรียประจำหน่วยมาเลเรียมาปฏิบัติธรรมที่หุบชะนี จึงได้รู้จักกันและได้รู้ว่า ที่หุบชะนีเป็นแหล่งที่เบาบางจากมาเลเรียในเขตนั้น เลยจากหุบชะนีลึกเข้าไปในป่าอีกเป็นแหล่งที่มาเลเรียชุกชุม ประชาชนป่วยด้วยมาเลเรียจำนวนมาก หมอวุธขอให้กองทุนฯสงเคราะห์จอโทรทัศน์และกล้องดูเชื้อมาเลเรียผ่านจอทีวีให้แก่หน่วยมาเลเรียห้วยไคร้, หน่วยมาเลเรียเพชรบุรี, หน่วยมาเลเรียแก่งกระจาน, และหน่วยมาเลเรียหัวหินจำนวนรวม 5 ชุด พร้อมกับขอให้รับพระภิกษุจากหุบเสือโคร่งเข้าตรวจเลือดรักษาที่เวชศาสตร์เขตร้อน กรุงเทพฯซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่เป็นหน่วยงานตรงที่สุดในการรักษามาเลเรียที่เก่งที่สุดในประเทศไทย

ทางกองทุนฯได้รับอนุเคราะห์ไว้ทั้งหมด และได้มอบยาที่เกี่ยวข้องกับมาเลเรียเท่าที่หาได้และยาสามัญประจำบ้านไว้ให้หมอวุธและหมอเพชรเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจนต่อไป