บันทึกของนักโทษประหาร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย dhamaskidjai, 23 พฤษภาคม 2009.

  1. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    [​IMG]

    ผมคือนักโทษประหารคนหนึ่ง เช้าวันนี้ผมและเพื่อนนักโทษอีกคนจะถูกนำไปลานประหารแล้ว ไม่ช้าห่ากระสุนก็จะจบชีวิตอันชั่วร้ายของผม แต่ก่อนผมและพรรคพวกอยู่ท่ามกลางตีรันฟันแทงหลายครั้ง ต่างคิดว่าไม่กลัวตาย ไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตมีค่าอะไร แต่ขณะนี้ความตายกำลังจะมาถึง กลับรู้สึกหวาดกลัวและรักชีวิตขึ้นมา ตอนนี้ถ้าสามารถให้ผมมีชีวิตยืดต่อไปอีกหน่อยแม้จะเพียงไม่กี่นาที จะให้แลกกับอะไรผมยอมทั้งนั้น

    ก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมก๊วนคนหนึ่งได้ถูกจับ ทำให้โอกาสที่จะยืดชีวิตต่อไปสิ้นหวัง ตั้งแต่ถูกศาลพิพากษาลงโทษประหารชีวิต ทำให้ความหวังของผมทุกอย่างพังทลายหมด เสียงฝีเท้าของพญามัจจุราชคืบคลานใกล้เข้ามาทุกขณะ ทุกครั้งที่คิดถึงว่าจะถูกนำไปลานประหาร ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านทุกที ทุกคืนนอนไม่ค่อยหลับ เรื่องความหวังที่จะได้ยืดชีวิตต่อไปหรือได้รับอิสรภาพ แม้จะรู้ว่า เป็นเรื่องเพ้อฝัน เพราะทุกอย่างสายไปแล้ว ผมสำนึกผิดและเสียใจกับเรื่องราวในอดีตทั้งหมด ถ้ารู้แต่แรกว่าจะลงเอยแบบนี้ผมคงไม่กล้าทำ

    เมื่อไม่นานมานี้ ผมเริ่มเชื่อเรื่องผีสางเทวดามีจริง ตั้งแต่ผมถูกจับกุมอยูในเรือนจำ ได้อ่านหนังสือธรรมะไม่น้อย แต่ก่อนหนังสือเหล่านี้ผมไม่เคยสนใจเลย ซ้ำยังหาว่าเป็นเรื่องงมงาย ไร้สาระ ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ระหว่างที่ผมหลบหนีคดีแล้วถูกวิญญาณพยาบาทตามรังควาน จนถึงเดี่ยวนี้ก็ยังมีอยู่เป็นข้อพิสูจน์อย่างดี ตามที่หนังสือธรรมะว่าไว้ไม่มีผิด ผมคิดว่า ถ้าผมเชื่อเรื่องราวในหนังสือธรรมะตั้งแต่แรก ความชั่วร้ายเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้นเป็นแน่ อยู่ในคุกผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "ท่องเมืองนรก" ทำให้ผมรู้สึกเสียใจและหวาดกลัวมาก ที่แท้คนเราตายแล้วไม่ใช่จบสิ้นทุกอย่าง...

    นักโทษประหารเช่นผมที่ได้สร้างบาปกรรมไว้มากมาย ในภายหน้าคงไม่อาจหนีพ้นการลงโทษจากนรก ไม่รู้ว่าจะได้พ้นทุกข์เมื่อไหร่ และเมื่อไหร่จึงจะได้มาเกิดเป็นคนอีก

    เมื่อวานลูกเมียได้มาเยี่ยม เราต่างรู้ว่านี่เป็นการพบหน้าครั้งสุดท้าย ผมได้หลั่งน้ำตาแห่งความสำนึกผิด เวลา 15วินาทีของการเยี่ยม เราต่างนิ่งเงียบ ผมจะพูดอะไรได้ภรรยาอุ้มลูกน้อยไร้เดียงสา ผมจะทอดทิ้งพวกเขาลงคอได้อย่างไร แต่ผมจะทำอะไรได้ เวลา 15 นาทีผ่านไปเร็วมาก ผมบอกเมียว่าให้ถนอมสุขภาพ เพราะความประพฤติของผมที่ผ่านมาแท้ๆ จึงทำให้ลูกเมียต้องพลอยลำบาก ขอให้เธอให้อภัย และย้ำแล้วย้ำอีก ต่อไปเธอจงอบรมลูกให้ดีควรดูการทำชั่วของพ่อเป็นบทเรียน อย่าได้เจริญรอยตาม ครั้นลูกเมียเดินจากไป ผมมองตามหลังจนลับสายตา ผมปวดร้าวในหัวใจ ร้องไห้จนสลบไป

    แต่ก่อนผมไม่เคยสนใจลูกเมียเลย ภรรยาแต่งกับผมมาหลายปี ไม่รู้ว่าต้องทนกับการด่าว่าและเตะถีบจากผมเท่าไหร่ ผมไม่เคยทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีเลย ผมไม่สมควรเป็นคน ผมตำหนิตัวเอง ผมสำนึกผิดเมื่อใกล้จะถูกประหารน้ำมันตะเกียงกำลังจะหมด ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว

    ไม่นานมานี้ได้ความรู้จากหนังสือธรรมะ ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมกลัวตายที่สุด เพราะผมเชื่อแน่ว่าตายแล้วไม่สูญหมด แต่เป็นเพียงวิญญาณหลุดออกจากกายเนื้อเท่านั้น แล้วไปเริ่มต้นอีกมิติหนึ่ง โดยผมจะต้องไปรับโทษอีกตามที่หนังสือ “ท่องเมืองนรก” บันทึกไว้ ซึ่งเป็นการลงโทษที่โหดร้ายทารุณยิ่งกว่ากฎหมายเมืองมนุษย์หลายร้อยหลายพันเท่า โอ... แล้วจะมีใครช่วยผมได้นี่ ! ขณะนี้ผมกำลังก้าวไปหาความตาย แม้ผมจะสำนึกผิดแล้ว แต่ในตัวผมเต็มไปด้วยบาปกรรม ตอนนี้ผมไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะกลับตัวใหม่ หรือไถ่บาปได้เลย ได้แต่ใช้เวลาและลมหายใจอันจำกัดเล่าบาปกรรมที่ทำมาทั้งหมดอย่างหมดเปลือก หนึ่งนั้นเป็นการสารภาพบาป สองนั้นเพื่อเป็นบทเรียนอุทาหรณ์เตือนใจแก่ผู้หลงผิดให้กลับตัวใหม่
    ขอพระโพธิสัตว์โปรดเมตตา ลดโทษทัณฑ์ที่นรกให้บ้างเถิด

    ผมเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย ผมเป็นลูกเพียงคนเดียวของพ่อแม่ ดังนั้นตั้งแต่เด็กผมจึงได้รับการตามใจทุกอย่างผมอยากได้อะไรก็จะได้เสมอ พ่อวุ่นอยู่กับธุรกิจทั้งวัน ส่วนแม่ก็เอาแต่เล่นไพ่นกกระจอก ผมนั้นพ่อแม่รู้แต่เอาใจน้อยนักที่จะอบรม เมื่อนานเข้าทำให้ผมติดนิสัยเที่ยวเตร่เสเพล

    วันๆ เอาแต่กินดื่มหาความสำราญู ไม่รู้จักความยากลำบากของชีวิต ตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยมก็กลายเป็นแก๊งวัยรุ่นที่เป็นขาประจำของโรงพักแล้ว ซึ่งทุกครั้งพ่อแม่ก็ไปประกันตัวผมออกมา อย่างมากก็แค่ว่าสั่งสอนผมไม่กี่คำ ไม่นานผมก็ประพฤติเหมือนเดิมอีก ตำรวจพอเห็นผมก็ส่ายหัวด้วยความ เอือมระอา

    เมื่อผมเรียนจบชั้นมัธยมปลายแล้ว ไม่ได้ทำงานทำการอะไร ไปมั่วสุมเสพสารเสพติดกับพวกนักเลง รู้สึกสะใจเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น บางครั้งก็รวมกลุ่มกันไปก่อเรื่องวิวาท ถ้าใครมามองหน้าก็จะถูกผมจัดการทันที มีหลายครั้งที่เกิดการยกพวกตีกันโดยมีผมนำหน้า จนได้รับตำแหน่ง “พี่ใหญ่” ตอนนั้นผมอายุราว 25 ในวงการนักเลงคนที่จะเป็นพี่ใหญ่ไมใช่เป็นได้ง่ายๆ นอกจากต้องใจเหี้ยมเแล้วยังต้องมีเงินเพื่อเลี้ยงลูกน้อง ดังนี้ผมจึงมักจะยื่นมือขอเงินกับพ่อแม่ ถ้าไม่ให้หรือชักช้า ผมก็จะด่าใหญ่อย่างไม่เกรงใจหรือข่มขู่ว่าเดี๋ยวน่าดู มาถึงตอนนี้พ่อแม่เสียใจมากที่แต่ก่อนปล่อยปละละเลยไม่ได้อบรม ต่อมาผมได้เปิดบ่อนการพนัน

    ครั้งหนึ่งขณะที่ไปทวงหนี้การพนันแทนพรรคพวกได้ทำร้ายร่างกายฝ่ายตรงข้ามจนบาดเจ็บสาหัส จึงต้องเผ่นหนีไปอยู่ที่อื่น ต่อมาถูกตำรวจจับตัวได้ที่ภาคเหนือ ถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี พ่อแม่เสียใจมาก ได้แต่หวังว่าผมจะเข็ดหลาบหรือกลับตัวใหม่ คืนผมออกจากคุก มิเพียงไม่ได้กลับตัว แต่กลับร้ายยิ่งกว่าเก่า พ่อแม่จนปัญญาได้แต่บอกให้ผมแต่งงาน และตั้งใจจะมอบธุรกิจของท่านแก่ผม

    โดยหวังว่าภาระหน้าที่ทางธุรกิจและครอบครัวจะทำให้ผมกลับตัวได้ ต่อมาผมได้แต่งงาน ภรรยาผมเป็นยอดหญิงที่ดีมาก ผมนั้นก่อนแต่งงานเที่ยวผู้หญิงจนเคยตัว จึงไม่เห็นเธออยู่ในสายตา โดยมักจะด่าว่าเธอเสมอ พอมีอะไรไม่สบอารมณ์ ก็มักจะลงมือลงเท้ากับเธอ ปกติเธอเป็นคนยอดกตัญญู ด้วยเกรงพ่อแมจะเสียใจ เธอจึงมักแอบร้องไห้อยู่คนเดียว ผมแต่งงานไมถึงปีก็ถูกตำรวจจับอีกในขณะไปเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากร้านค้า ครั้งนี้ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี ติดคุกได้ไม่นาน ภรรยาให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ในวันที่ผมออกจากคุก พ่อแม่และภรรยาได้มารับ เย็นวันนั้นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ภรรยาผมอุ้มลูกน้อยต่อหน้าพ่อแม่ผม เธอร้องไห้คุกเข่าตรงหน้าผม อ้อนวอนผมให้ตัดสินใจกลับตัวใหม่ ขอให้ผมนึกถึงบุญคุณของพ่อแม่และเห็นใจลูกเมียบ้าง อย่างน้อยที่สุดก็ให้ทำตัวสมเป็นลูกผู้ชายบ้าง เพื่อให้พ่อแม่ ลูกเมียได้เงยหน้าอ้าปาก ผมมองดูลูกชายรู้สึกจะเป็นเด็กฉลาดน่ารัก พลันเกิดความละอายใจและเสียใจระคนกัน ได้อยู่ในเส้นทางมืดมากว่า 10ปี ที่จริงก็เบื่อเหมือนกัน จึงรับปากว่าจะกลับตัวใหม่ ทำให้ใบหน้าภรรยาปรากฏรอยยิ้มทั้งน้ำตา พูดตามตรงผมไม่ได้เห็นภรรยายิ้มมานานแล้ว เพราะหลายปีมานี้ ผมไม่เคยมีสีหน้าที่ดีกับเธอ และไม่รู้ว่า ได้ด่าว่าและลงมือลงเท้ากับเธอกี่ครั้งแล้ว พอเห็นรอยยิ้ม ผมรู้สึกว่าภรรยาเป็นหญิงที่สวยมาก ไฉนแต่ก่อนผมจึงไม่เห็น คงเป็นเพราะถูกบดบังด้วยความเศร้าหมองกระมัง

    ต่อมาคุณพ่อให้ไปทำงานที่โรงงานของท่าน คุณพ่อเห็นว่า ผมยังด้อยประสบการณ์จึงไม่กล้าให้ตำแหน่งหน้าที่ที่สูงนัก โดยให้ทำหน้าที่ระดับธรรมดาเท่านั้น เนื่องจากผมเป็นลูกเถ้าแก่ ทุกคนจึงเกรงใจเป็นพิเศษ โบราณว่า “แผ่นดินเปลี่ยนง่าย สันดานเปลี่ยนยาก” ผมอยู่ในวงการนักเลง เป็นผู้นำจนเคยตัว คิดดูตอนนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน มาบัดนี้ต้องถูกคนอื่นชี้นิ้วบงการ เป็นไปได้อย่างไร

    ผมมักจะโต้เถียงกับผู้จัดการเสมอ โดยเฉพาะขู่ว่าจะให้คน “จัดการ” เนื่องจากผมเป็นลูกเถ้าแก่ ผู้จัดการไม่อาจทำอะไรได้ เขาถูกกดดันหนักเข้าก็เลยลาออกจากงาน เป็นแบบเดียวกันนี้ติดต่อกันหลายคน ไม่นานผู้บริหารระดับสูงของโรงงานต่างพากันลาออกเกือบหมด โรงงานอันใหญ่โตถูกผมป่วนจนแทบเป็นโรงงานร้าง เรื่องนี้ทำให้คุณพ่อคิดมากจนล้มป่วย ส่วนผมโรงงานก็ไม่ไปทำแล้ว เมื่อไม่มีอะไรทำก็กลับไปเป็น “พี่ใหญ่” ในวงการนักเลงเหมือนเดิม รอยยิ้มบนใบหน้าภรรยาเป็นอยู่ไม่ถึงสองเดือนก็กลับมาเศร้าสร้อยอีก คุณพ่อช่วยอยู่หลายเดือน ธุรกิจก็ห่างเหิน ไม่ค่อยได้ดูแลประกอบกับภาวะเศรฐกิจไม่ค่อยดี ธุรกิจทุกอย่างจึงเจ๊งหมดแหล่งเงินส่วนใหญ่ของผมจึงไม่มีอีก คุณพ่อถูกกดดันจากเหตุนี้ ทำให้ความดันโลหิตขึ้นสูงจนเสียชีวิต คุณแม่ก็เครียดจากเหตุนี้จนล้มป่วยไปด้วย ส่วนผมก็หลงมัวเมาไม่กลับบ้าน ในใจคิดว่าพวกเขาไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ส่วนภรรยาก็เอาลูกไปฝากแม่เขาเลี้ยง แล้วเช็ดน้ำตากลับมาทำหน้าที่ของลูกสะใภ้ คอยปรนนิบัติดูแลแม่ผม ทุกวันเธอจะตื่นแต่เช้า ทำงานฝีมือจนดึกดื่น เพื่อหาเงินมารักษาแม่ผม คอยดูแลแม่ผมอย่างไม่มีที่ติคนบ้านใกล้เคียงประทับใจมาก จึงมักจะให้สิ่งของสงเคราะห์ คนชั่วร้ายอกตัญญูไร้คุณธรรมอย่างผม ไม่รู้ว่าถูกคนแช่งชักหักกระดูกแค่ไหน เพื่อรักษาตำแหน่ง “พี่ใหญ่” เอาไว้ ผมจงจำเป็นต้องตั้งบ่อนการพนัน และเรียกเก็บค่าคุ้มครองรายเดือนจากร้านค้าต่างๆ หากใครไม่รู้จักธรรมเนียมหรือทำอิดเอื้อน ผมก็จะให้ลูกน้อง “สั่งสอน” ทำให้ร้านค้าต่างๆเกลียดผมเข้ากระดูกดำ ที่สุดทุกคนจึงลงรายชื่อเป็นหางว่าวร้องเรียนไปที่กรมตำรวจ หลังจากทางตำรวจสืบสวนแล้วว่าเป็นความจริง จึงออกหมายจับผมๆ จึงจำต้องหลบหนี อีกครั้ง ในระหว่างหลบหนีอยู่ ผมได้ข่าวว่าคุณแม่ถึงแก่กรรม ผมนี่นับว่าเป็นลูกอกตัญญูที่สุด ไม่รู้จักว่าความกตัญญูเป็นอย่างไร เพราะไม่มีน้ำใจกับคุณแม่และมีคดีติดตัว ฉะนั้นจึงไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะไปเยี่ยมคุณแม่ คิดแล้วเป็นบาปนักหนา ช่วงเวลาที่หลบหนี เพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายจึงออกทำการชิงทรัพย์หลายครั้ง ซึ่งก็ทำสำเร็จทุกครั้ง

    เมื่อ 6 เดือนก่อน ผมกับเพื่อนได้แฝงตัวเข้าไปในบ้านคนรวยหลังหนึ่ง ถือโอกาสไม่มีใครอยู่บ้าน รื้อค้นได้ทรัพย์เป็นจำนวนหนึ่ง และยังเปิดไวน์มาดื่มอย่างสำราญใจ ในขณะที่กำลังจะออกจากบ้าน พอดีหญิงเจ้าของบ้านจูงเด็กสองคนเข้ามา พอเห็นเราทั้งสองเป็นคนแปลกหน้า และเห็นข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้น ก็รู้ว่าโจรเข้าบ้าน จึงกรีดร้องด้วยความตกใจ แม้เราจะห้ามไม่ฟัง ผมเกิดบันดาลโทสะประกอบกับฤทธิ์สุรา จึงชักมีดแทงออกไป หญิงคนนั้นพอเห็นผมชักมีดก็ยิ่งตกใจร้องเสียงดังลั่น เมื่อถูกผมแทง แกกรีดร้อง “ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ผมแทงซ้ำไปอีกหลายที หญิงคนนั้นใบหน้าบิดเบี้ยวล้มลงสิ้นใจคากองเลือด

    หลังทำความผิดใหญ่หลวงแล้ว เราก็รีบหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ คดีฆ่าชิงทรัพย์รายนี้ เป็นข่าวครึกโครมอยู่พักหนึ่งพวกเรารู้ดีว่า หากถูกจับได้ต้องตายแน่นอน ดังนั้นเราจึงตกลงแยกย้ายกันหลบหนีช่วงนั้นผมได้แต่อาศัยเหล้าดับความไม่สงบภายในจิตใจใบหน้าก่อนตายของหญิงคนนั้น ผมยังจำติดตาได้ดี

    ต่อมาทุกคืนผมมักจะฝันเห็นผู้หญิงคนนั้น มีเลือดเต็มตัว หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วพูดว่า “ไอ้ฆาตกร เอาชีวิตคืนมา” พลางก้าวเข้ามาหาผม ผมกลัวมาก ถอยหลังไปติดมุมห้อง หญิงคนนั้นปรี่เข้ามาบีบคอจนผมสะดุ้งตื่น พอตื่นขึ้นผมไม่กล้านอนหลับอีก เกือบทุกคืนหญิงคนนั้นมักมาปรากฏในฝันของผม หลอกหลอนจนผมขวัญหนีดีฝ่อ ต่อมายิ่งร้ายใหญ่โดยปรากฏร่างให้เห็นขณะยังตื่นอยู่ ไม่ว่าบนเตียงหรือในห้องน้ำ โดยเฉพาะปรากฏอยู่ในแก้วเหล้า ผมถูกหลอกหลอนจนร้องเสียงหลง เนื่องจากตอนนั้นผมอยู่ระหว่างหลบหนีคดี จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อย ๆ แต่ วิญญาณหญิงคนนั้นก็ไม่ยอมเลิกราผมหนีไปอยู่ที่ไหน วิญญาณเขาก็ติดตามไปทีนั่น ทุกครั้งที่ผมเดินอยู่บนถนนจะรู้สึกเหมือนมีคนติดตามอยู่ข้างหลังทั้ง ๆที่ไม่เห็นมีใคร แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้า ระยะหลัง

    นอกจากได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว ยังได้ยินเสียงโซ่ตรวนกระทบกัน เสียงนั้นทำให้ผมหวนนึกถึงครั้งที่ผมติดคุกที่ขาถูกตีตรวน หรือว่ายมบาลจะมาเอาตัวผมแล้ว ทำให้ผมหวาดกลัวมาก

    3 เดือนต่อมาผมเริ่มปรากฏอาการทางประสาทสะลึมสะลือทั้งวัน ปากบ่นพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์เสื้อผ้าขาดวิ่น หน้าตามอมแมม สารรูปดูไม่ได้

    มีอยู่วันหนึ่งเงินในกระเป๋าผมหมด ด้วยความหิวโหยจนทนไม่ไหว จึงหยิบฉวยของกินที่เขาวางขายอยู่ริมถนนเจ้าของเหลือบมาเห็นเข้าร้อง “ขโมย ขโมย” ผมตกใจวิ่งหนีเข้าไปในตรอก ไม่รู้ว่าสาเหตุใด ผมเกิดหกล้มจึงถูกพลเมืองดีช่วยกันจับส่งโรงพัก เมื่อตรวจสอบประวัติทางตำรวจก็รู้ว่าผมเป็นใคร มีพลังบางอย่างกดดันบังคับให้ผมต้องสารภาพออกมาเอง ถึงการทำผิดกฎหมายต่าง ๆ รวมทั้ง

    คดีฆาตกรรมด้วย หลังจากเจ้าทุกข์ชี้ตัว ผมถูกตั้งข้อหาแล้วส่งเข้าเรือนจำ โดยห้ามติดต่อกับุคคลภายนอก ตำรวจออกตามล่าเพื่อนร่วมก๊วนที่กำลังหลบหนี

    คืนวันนั้นขณะที่ผมอยู่ในเรือนจำ หญิงคนนั้นก็มาปรากฏตัวให้ผมเห็นอีก ในสภาพหน้าตาเขียวคล้ำ ดวงตาเบิกกว้าง มีเลือดโทรมกาย คล้ายผีดิบ มือถือเหล็กแหลมพลางร้องว่า “ไอ้ฆาตกร แกควรจะถึงวันนี้นานแล้ว คราวนี้ต่อให้มีปีกก็หนีไม่พ้น ฉันจะไปรอแกที่ลานประหาร” พลาง ทำท่าจะปรี่เข้ามาหา ทำให้ผมตกใจถอยหนีล้มลุกคลุกคลาน หญิงคนนั้นพูดอีกว่า “ไอ้ชาติชั่ว ยมบาลรอแกมานานแล้ว อีกไม่ช้าแกจะได้รู้รสชาติของนรกบ้างละ” ผมคุกเข่าอ้อนวอนขอให้เขาอภัย หญิงคนนั้นร้องไห้อย่างโหยหวนแล้วหายวับไปกับตา ผมอกสั่นขวัญผวา ในใจคิดว่าที่วันนั้นผมหกล้ม

    ที่จริงถ้าเพื่อนอีกคนยังไม่ถูกจับ ผมอาจมีชีวิตต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่คงเป็นคราวเคราะห์เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนเพื่อนคู่หูของผมถูกจับได้ เราทั้งสองถูกส่งฟ้องศาลอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่ครึกโครม ศาลได้ลัดคิวพิจารณาตัดสินลงโทษประหารชีวิต กำหนดวันเวลาประหารก็คือเช้าวันนี้

    ที่กล่าวมาข้างต้น ผมสารภาพโดยไม่ได้ปิดบังแม้แต่น้อย เพื่อหวังว่าอาจทำให้จิตใจผมสงบลงบ้าง ช่วงที่อยู่ในเรือนจำผมได้อ่านหนังสือธรรมะไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่อง “ท่องเมืองนรก” ผมอ่านแล้วเกิดความหวาดกลัวจนขนหัวลุกเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมรู้สึกสำนึกผิด แม้จะเป็นสำนึกผิด

    ที่เกิดจากใจจริง แต่ก็สายไปแล้ว ตามเนื้อเรื่องในหนังสือผมรู้ดีว่านอกจากผมจะทำผิดกฎหมายบ้านเมืองแล้วยังทำผิดทางคุณธรรม และไม่เคยคิดจะกตัญูญูเลี้ยงดูพ่อแม่ หนำซ้ำยังใช้วาจาก้าวร้าวโต้เถียง ซึ่งผิดในข้ออกตัญญู เนรคุณใหญ่หลวง กับลูกเมียไม่เคยเหลียวแลหรือให้ค่าใช้จ่าย

    แม้แต่น้อย มีแต่ด่าว่าตบตี ซึ่งผิดในข้อไร้น้ำใจ และตัวเองก็ไม่เคยขยันอดทนในทางสัมมาอาชีวะ ซึ่งผิดในข้อเกียจคร้านเอาแต่กิน ดื่ม เที่ยว คนชั่วร้ายที่อกตัญญู ไม่ซื่อสัตย์ เอาแต่เที่ยวเตร่ทำความชั่วตามที่บันทึกใน “ท่องเมืองนรก” “ท่องอเวจี นอกจากนั้นจะต้องตกนรกกระทะทองแดงและนรกอื่นๆ แล้ว

    ยังอาจต้องตกนรกขุมอเวจี ซึ่งไม่มีวันได้ผุดเกิดตลอดกาลหรือถ้ามีบุญสักนิดได้เกิด ไม่รู้ว่าต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานถูกคนเขาแล่เนื้อเฉือนหนังเจ็บปวดแสนสาหัสกี่ชาติ ถึงจะได้เกิดเป็นคนยากจนแขนขาพิการด้วยความเสียใจและหวาดกลัวกรรมสนองในภายหน้าทำให้ผมคิดเพ้อฝันว่าจะได้ยืดชีวิตออกไปอีกสักหน่อย เพื่อจะได้สร้างบุญกุศลไถ่บาป แต่ชีวิตผมกำลังจะสิ้นสุดในอีกไกี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว ไม่มีใรสามารถช่วยผมได้ ผมปวดร้าวและเสีใจ แต่จะมีประโยชน์อะไร ในขณะชีวิตกำลังจะสิ้นสุด จึงเพิ่งรู้สึกชีวิตมีค่ายิ่งนัก โอ...พ่อแม่ ลูกเมีย โลกอันสวยงาม ไหนผมจึงโง่เขลาเช่นนี้ เมื่อสิ้นายสังขาร เมื่อไหร่จะมีอีก เขียนมาถึงแค่นี้ เมืองผมมืดตื้อคิดอะไรไม่ออก เจ้าหน้าที่มาแล้ว เขากำลังจะนำผมไปที่

    ลานประหาร ผมขอร้องพวกเขาให้เวลาผมอีก 5 นาที เพื่อให้ผมได้เขียนบันทึกจนเสร็จ ผมอายุแค่ 30 กว่าปี แต่ได้ทำความผิดไว้มากมาย ผมกำลังจะถูกกฎหมายบ้านเมืองลงโทษ แล้ว

    ขอฝากถึงผู้ที่ทำผิดกฎหมายทุกคน ขอให้ดูผมเป็นบทเรียน แล้วรีบกลับตัวโดยเร็วอย่างลังเล ชีวิตเป็นของมีค่ากาลเวลาไม่คอยใคร อย่าเป็นเหมือนผมที่คิดจะอยู่ต่อไปอีกสักหน่อยเพื่อไถ่บาปก็ยังทำไม่ได้เจ้าหน้าที่เร่งผมแล้ว แม้จะมีความในใจอีกมากที่คิดจะเขียนแต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่หวังให้ทุกท่านจงเชื่อ กฎแห่งกรรมมีจริง และหวังว่าผู้ที่ไอ่านบันทึกนี้แล้ว ได้ใช้เป็นบทเรียนเตือนใจ อย่าได้เจริญรอยตาม หากใครอ่านแล้วสามารถกลับตัวใหม่เป็นคนดี ก็ถือเป็นกุศลอย่างหนึ่งหรือทางยมโลกอาจลดโทษให้ผมบ้าง ซึ่งเป็นความหวังอันเลือนลางของผม

    ที่มา : บทความ บันทึกของนักโทษประหาร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2009
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    เป็นเรื่องที่น่าสนใจ ถ้าใส่ที่มาของข้อมูล ผมจะทำกระทู้แนะนำให้ครับ

    โมทนาครับ
     
  3. slungling

    slungling เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2008
    โพสต์:
    527
    ค่าพลัง:
    +419
    ได้แต่หวังให้ทุกท่านจงเชื่อ กฎแห่งกรรมมีจริง

    สาธุ

    อนุโมทนาค่ะ




     
  4. Doo-DD

    Doo-DD เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +151
    ขอบคุณนะค่ะ

    ที่ได้เขียนเรื่องราวดีดี ไว้สอนลูกหลาน

    อนุโมทนาค่ะ
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    จะส่งต่อเป็น FW Mail นะคะ

    ขอให้ข้อคิดเตือนใจในนี้เป็นธรรมทานเพื่อให้มนุษย์ทำดี

    ขอให้ผลบุญของจดหมายฉบับนี้ทำให้คุณลดทอนบาปกรรมไม่มากก็น้อยคะ
     
  6. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับ

    พอดีคุณสันโดษ Forward mail มาให้ผม ก็เท่ากับมีที่มาแล้ว ดังนั้นผมจะไปเติมให้ จขกท. และทำเป็นกระทู้แนะนำต่อไปครับ
     
  7. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    "พระมหานันทา"กับ...กิจนิมนต์ที่ไม่อยากรับนิมนต์" อ่านแล้วอย่าประมาทกับชีวิต


    "พระมหานันทา " กับ...กิจนิมนต์ที่ไม่อยากรับนิมนต์ "
    พระมหานันทา นนฺทปญฺโญ

    คมชัดลึก :
    "พระนักเทศน์นักโทษประหาร" เป็นฉายาที่ พระมหานันทา นนฺทปญฺโญฺ เจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้ อ.เมือง จ.นนทบุรี

    บอกว่าไม่อยากรับและก็ไม่อยากเป็น ซึ่งชื่อนี้อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูของนักฟังเทศน์ ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่พระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงอะไรมากนัก แต่ท่านกลับเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในหมู่นักโทษเด็ดขาดของเรือนจำบางขวาง นักโทษบางคนมีโอกาสฟังเทศน์ของท่านเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็ไม่มีโอกาสอีกเลย
    จากประสบการณ์เดินเข้าออกคุกบางขวางนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ เมื่อครั้งยังเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส มีคำพูดหนึ่งของนักโทษมักพูดให้ได้ยินอยู่เสมอๆ ว่า "ถ้าผมไม่ติดคุก ผมคงไม่มีโอกาสฟังเทศน์และปฏิบัติธรรม" ได้สร้างความสะเทือนใจให้กับพระมหานันทา ขณะเดียวกันท่านก็พูดไว้อย่างน่าคิดว่า

    "วันนี้เรามีโอกาสฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมก็จงทำเสีย อย่าบอกว่าไม่ว่างหรือไม่มีเวลา เพราะท่านอาจจะว่างและมีเวลาก็ต่อเมื่อไปอยู่ในเรือนจำเสียแล้ว และอาตมาไม่อยากเทศน์ให้ใครฟังเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต"

    ../ ตั้มจัง

    ๑๓ มี.ค. ๒๕๕๒, ๐๙.๑๑ น.
    <TABLE class=insert_pic border=0 cellSpacing=8><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2009
  8. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    นักโทษประหาร ที่ถูกประหารชีวิตโดยวิธีการใช้เข็มฉีดยาเป็นครั้งแรก ที่เรือนจำบางขวาง จากนั้นก็ไม่มีการประหารอีกเลย

    ทุกวันนี้พระมหานันทายังเดินเข้าคุกบางขวางเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในช่วงวันสำคัญทางศาสนาและเทศกาลสำคัญๆ ของปี จนกลายเป็นว่า อาตมาเป็นส่วนหนึ่งของคุกบางขวางไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะกรรมในอดีตชาติที่เคยสร้างมากับนักโทษจึงต้องมาเทศน์โปรดกันถึงในคุกเช่นนี้ การเทศน์โปรดนักโทษทั่วๆ ไปอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่เทศน์โปรดนักโทษประหารนี่สิเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ เห็นเขาเป็นๆ ตอนเข้าทางประตูหน้าพอรุ่งเขามาที่วัดเป็นร่างไร้วิญญาณ
    ../ ตั้มจัง
    ๑๓ มี.ค. ๒๕๕๒, ๐๙.๑๒ น.
    <TABLE class=insert_pic border=0 cellSpacing=8><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  9. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โบสถ์ของวัดซึ่งล้อมด้วยกำแพงคุกถึง ๓ ด้าน


    กิจนิมนต์ครั้งสุดท้ายที่พระมหานันทา ถูกนิมนต์ไปเทศน์เพื่อไปโปรดนักโทษประหาร คือ เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ในครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่นักโทษประหารถูกประหารชีวิตโดยวิธีการใช้เข็มฉีดยาเป็นครั้งแรกที่เรือนจำบางขวาง จากนั้นก็ไม่มีการประหารอีกเลย โดยในครั้งนั้นมีการประหารชีวิต ๔ คน คือ น.ช.พนม ทองช่างเหล็ก คดีฆ่าคนตาย น.ช.บุญลือ นาคประสิทธิ คดียาบ้า น.ช.พันพงษ์ สินธุสังข์ และ น.ช.วิบูลย์ ปานะสุทธ
    “คนทั่วๆ อาจจะไม่รู้การได้มีชีวิตและลมหายใจอยู่บนโลกทุกวันนี้เป็นความสุขอย่างยิ่ง แต่นักโทษประหารที่รอคำสั่งประหารเกือบ ๑๐๐ คน เขาจะมีความสุขอย่างยิ่งอยู่ ๒ วัน คือ วันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่ ๑๖.๐๐ น.ของเย็นวันศุกร์ถึง ๐๘.๐๐ น.ของเช้าวันจันทร์ จากนั้นอีก ๕ วัน ก็ต้องใช้ชีวิตที่ต้องรอลุ้นว่าคำสั่งประหารจะตกอยู่ที่ใคร“พระมหานันทากล่าว
    ../ ตั้มจัง
    ๑๓ มี.ค. ๒๕๕๒, ๐๙.๑๒ น.
    <TABLE class=insert_pic border=0 cellSpacing=8><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  10. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โกดังเก็บศพนักโทษประหาร ซึ่งมีอยู่รายเดียวเท่านั้นที่ยังไม่มารับศพ

    พร้อมกันนี้ พระมหานันทายังบอกด้วยว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่มีต่อนักโทษประหาร ตั้งแต่ปีมหามงคล ๒๕๔๖ มาถึงปัจจุบัน ยังไม่ได้รับกิจนิมนต์ไปเทศน์โปรดนักโทษประหารเลยสักรายเดียว ซึ่งหมายถึงหลังจากโปรดนักโทษประหาร ๔ รายด้วยการฉีดยาก็มีกิจนิมนต์อีกเลย และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มักจะอธิษฐานจิตเสมอๆ ว่า ขออย่าให้เจ้าหน้าที่เรือนจำบางขวางสงฎีกามานิมนต์อีกเลยตลอดทั้งชีวิต เมื่อไม่ต้องเทศน์ประตูผีที่เคยเปิดปีละหลายๆ ครั้งก็ถูกปิดตายไปด้วย ถ้าเป็นไปได้อยากโบกปูนปิดประตูนี้เสียเลย
    ../ ตั้มจัง


    ๑๓ มี.ค. ๒๕๕๒, ๐๙.๑๓ น.
    <TABLE class=insert_pic border=0 cellSpacing=8><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2009
  11. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ประตูผี ทางออกสำหรับศพของนักโทษที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น ซึ่งถูกปิดตายมาตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๖ แล้ว

    อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ที่ไปเทศน์โปรดนักโทษประหาร พระมหานันทา บอกว่า สิ่งที่นักโทษประหารมีเหนือกว่าคนปกติทั่วๆ ไป คือ ตายแบบรู้ตัวรู้วันเวลา ปกติแล้วคนทั่วๆ จะตายแบบไม่รู้ตัว หรือเรียกว่าตายแบบไม่มีสติ แต่นักโทษประหารตายอย่างมีสติ รู้กำหนดลมหายใจจะสิ้นเมื่อไร การที่รู้ตัวก่อนตายทำให้สามารถเตรียมตัวก่อนตาย สามารถทำกิจอะไรก่อนตายได้ เขียนจดหมายบอกลา ฝากคำพูด และแบ่งทรัพย์สมบัติได้ ส่วนคนที่ตายแบบไม่รู้ตัวเลยนั้น ร้อยทั้งร้อยไม่เคยเตรียมอะไรไว้เลย ดังนั้นคนเราจึงควรตั้งชีวิตอยู่บนความไม่ประมาทเพราะความตายเปรียบเสมือนเงาที่ตามตัวเราตลอดเวลา

    เทศน์ให้นักโทษประหารฟังมันเป็นบทพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าว่ากรรมนั้นมีจริง ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้าชาตินี้กรรมก็ตามทัน นักโทษบางคนหนีอาญาแผ่นดินกว่า ๑๐ ปี แต่ก็ถูกจับประหารชีวิตเพื่อชดใช้กรรม ถ้ากรรมไม่มีเขาต้องหนีกรรมพ้น เขาต้องไม่ถูกประหารเมื่อเรามีโอกาสฟังพระเทศน์ก็จงรีบฟัง ถ้าตั้งใจฟังก็จะเกิดปัญญา หากนำหัวข้อธรรมะไปปฏิบัติชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรืองเหมือนได้อยู่เมืองสวรรค์

    ถ้าไม่ฟังเทศน์นอกจากไม่เกิดปัญญาแล้วอาจจะนำพาชีวิตไปสู่นรกได้ ฉันได้ยินนักโทษพูดเสมอว่า นี่ถ้าไม่ติดคุกคงไม่ได้ฟังเทศน์ ไม่มีโอกาสได้สวดมนต์ และปฏิบัติธรรม หากเข้าวัด ฟังเทศน์และปฏิบัติธรรมตั้งแต่อยู่นอกคุก วันนี้คงไม่ต้องมานั่งฟังเทศน์ในคุก คนส่วนใหญ่มักอ้างว่าไม่มีเวลา

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเปลี่ยนวิธีการประหารจากการประหารชีวิตด้วยวิธีการใหม่คือ การแทนวิธีการประหารชีวิต แบบเดิมนั่นคือวิธีการยิงเป้าซึ่งใช้มา ๖๘ ปี แต่ประเด็นเทศน์ยังคงเดิม คือ เทศน์เรื่องกฎแห่งกรรมอย่างเดียว หัวข้อธรรมอื่นคงไม่มีประโยชน์อะไร เริ่มจากการให้ศีลก่อน ที่สำคัญคืออย่าไปซ้ำเติมนักโทษ ต้องเทศน์ให้อยู่ในกรอบของพระ ต้องไม่อิงกฎหมาย ต้องอิงธรรมะของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะเรื่องกรรม สิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ตอนท้าย คือ การอโหสิกรรม ต่อผู้คุม ผู้ประหาร เพื่อให้หมดเวรกรรมต่อกัน

    “เหตุของการตายไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ว่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรก แต่มันอยู่ที่การกำหนดจิตก่อนชีวิตจะดับ เมื่อจิตของเราผ่องใส จิตมีสติ สุคติเป็นที่หวังในเบื้องหน้า ดังพระบาลีว่า จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา เมื่อจิตไม่เศร้าหมองสุคติเป็นที่หวังได้” พระมหานันทา กล่าวทิ้งท้าย
    เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"
    ----------
    คมชัดลึก
    http://www.komchadluek.net/detail/20...รับนิมนต์.html
    ../ ตั้มจัง

    ๑๓ มี.ค. ๒๕๕๒, ๐๙.๑๓ น.
    <TABLE class=insert_pic border=0 cellSpacing=8><TBODY><TR><TD>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    ที่มา : K21481-"�����ҹѹ��"�Ѻ...�Ԩ��������������ҡ�Ѻ������" ��ҹ�������һ���ҷ�Ѻ���Ե
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2009
  12. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ขอทุกพระองค์ทรงพระเจริญ และเป็นมิ่งขวัญของชาวไทยไปตราบนานเท่านาน

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชนะ

    ข้าพระพุทธเจ้า นายชยาคมน์ ธรรมปรีชา
     
  13. choo choo

    choo choo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +49
    แล้ว...วัว ควาย หมู เป็ด ไก่ นั้นเล่า อนิจจา...อาหาเรปฏิกูลสัญญา...
     
  14. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    กฏแห่งกรรมช่างน่ากลัวยิ่ง ความชั่วไม่ทำเลยจะดีกว่า
    แต่การไม่ล่วงรู้ถึงกฏแห่งกรรมนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า เร่งทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาสอย่าละเว้น ....
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ
     
  15. YiSan

    YiSan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +43
    เมื่อวานผมอ่านในสีแดงแล้ว
    ก็ขอให้บุญในส่วนที่เขาเผยแพร่เรื่องราวของเขาเพื่อสอนทุกๆคนขอให้เขาได้ไปอยู่ในภพภมูที่ดีด้วยเถิด
     
  16. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    อ่านแล้วหลากหลายอารมณ์ หลากหลายความรู้สึกมาก แต่ที่สำคัญถึงเขาจะเลวแสนเลว ชั่วแสนชั่วแต่เราก็ยังอดสงสารเขาในฐานะคนๆหนึ่งไม่ได้ เมื่อถึงเวลาต้องใช้เวรใช้กรรม เราเข้าใจความรู้สึกดีเลย ว่ามันหนักหนาสาหัสมาก มาเจอธรรมะก็เมื่อสาย เสียดายชีวิตมากๆ สงสารแต่ก็ไม่รู้จักทำอย่างไรได้ ทำได้ก็เพียง ขออานิสิงค์ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำมาตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงส่งผลให้ท่านหลุดพ้นจากความทุกข์ หลุดพ้นจากการถูกกักขังจองจำ ขอให้ท่านได้ไปสู่ภพภูมิีที่สูงขึ้น ได้มีโอกาสฟังธรรม จนหลุดพ้นบ่วงกรรมด้วยเทอญ
     
  17. bortong

    bortong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2009
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +24
    narokmieta hiatamdie jamiecaamsuk sa tu
     
  18. ดั่งมายา

    ดั่งมายา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอพลานิสงค์นี้ที่ให้คนอ่านได้กลับใจซึ่งเปรียบเหมือนการให้ธรรมะเป็นธาน อันมีกุศลมากมายมหาศาลหาที่สุดประมาณมิได้จงบังเกิดแก่ ผู้ที่ได้กลับใจและแขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้น ให้พ้นจากทุกข์เวทนา และมีความสุขใจสุขกายเทอญ สาธุ
     
  19. ลูกหลานปู่

    ลูกหลานปู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +74
    กฏแห่งกรรม หนทาง
    ที่ไม่มีใครหลีกพ้นได้ ให้เชื่อเถอะว่า คนเรา ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น รีบทำในสิ่งที่ดีกันครับ อนุโมทนา ใจสงบ จิตสงบ
    "เขาดีปล่อยเขาดี เขาร้ายปล่อยเขาร้าย ลมโชยไร้สันเขา แสง
    จันทร์ฉายอาบลำน้ำ ตัวเราดูตาม ด้วยจิตรู้ ระลึกด้วยสติ เรารักษา สติและความดีไว้ อย่าประมาทกับชีวิตก้อเพียงพอ
    แม้โลกหนี จะโหมซัดใส่ ด้วยกิเลสตัณหา ด้วยความวุ่นวาย ด้วยความเจ็บปวดมากน้อยเพียงใด ก็ ไม่อาจทำร้ายเราได้"
    สาธุ สาธุ
     
  20. ลูกหลานปู่

    ลูกหลานปู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +74
    คนเราถึงแม้จะเคยทำผิด แต่ในเมื่อคิดกลับตัวได้ กุศลผลบุญ ก้อย่อมเกิดขึ้นได้ ด้วยปัญญาที่เกิดขึ้น จากกระแสจิตที่คิดกลับตัวได้ในขณะนั้น ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
    ความไม่รู้ในกฏแห่งกรรมมันช่างน่ากลัวนัก โอกาสที่จะเกิดเป็นมนุษย์ได้ก้อยากอยู่แล้ว แต่การที่จะให้คนเห็นและสำนึกรู้ในเรื่องบาปบุญ นั้นยากกว่า เพราะคนเราภูมิธรรม ภูมิปัญญาที่มานั้นต่างกัน พระท่าน จึงสอน ให้เรา รู้หน้าที่ ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ด้วยการรู้ในความดี เชื่อ ในความดี เชื่อ ในสิ่งที่ถูกต้อง เรียนเพื่อให้รู้ ฝึกปฎิบัติ เพื่อให้เกิดขันติ มีจิตสมาธิ และเกิดปัญญา จะได้ไม่หลงผิดคิดทำในสิ่งที่เป็นอกุศล เป็นผลกรรมกับตนเอง
    ภพนี้ ชาตินี้ มนุษย์ทุกคนเกิดมาด้วยผลของบุญและกรรม เห็นไหมละ ว่า มันไม่เที่ยง จะรวยล้นฟ้าแค่ไหน ก็หนีไม่พ้น จะรวยแต่เกิด หรือ ว่าจนแต่เกิด ก็ไม่สามารถทำให้คนเรา มีความสุขที่แท้จริงได้ หากปราศจากคุณธรรม และความดี แต่ในทางกลับกันต่อ ให้ ยากจนข้นแค้นแค่ไหน หากมีความเพียรพยายาม กุศลผลบุญที่ทำ กรรมเก่าที่ชดใช้เมื่อหมดไป ก็ย่อมทำให้คนเรามีชีวิตบั้นปลายที่ดีได้เช่นกัน ด้วยกุศลแลความดีที่เราทำลงไปนั้น เห็นไหม ว่า จากจนก้อดีมั่งมีได้ นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่เที่ยงเช่นกัน เดี่ยวนี้ โลกนี้กำลังร้อน ร้อน ด้วยหลงผิด ร้อนด้วยวัฒนธรรมแปลกๆ ที่มีเข้ามา ตอนนี้ คนเราอยู่ในระหว่างการถูกทดสอบ เราเป็นเหมือนคนที่ทวนกระแสน้ำ ทวนกระแสโลก แต่ทวนด้วย ความสงบ ทวนกระแสด้วยด้วยความนิ่ง ด้วยความดี เหมือนเบื้องบน กำลังร่อน ร่อนเพชร ร่อนดิน ร่อนหิน ทรายกรวดต่างๆอยู่ ต่อไป โลกนี้จะวุ่นวาย มีแต่คนดี คนมีธรรมมะเท่านั้น ที่จะอยู่ได้ อย่าลังเลในการ ทำดีเลยนะ ครับ เราเอามือเขกโต๊ะเราก้อเจ็บเอง เรากินน้ำเย็นกินน้ำสะอาดเราก้อสดชื่นเอง เราก้อเย็นเอง เราทำเองเราได้เอง ไม่มีใครมารับทุกข์หรือรับกรรมกับเราได้ ขอให้ความรู้สึกสำนึกกลับตัวจงเป็นผลบุญทุกชาติไปนะ ครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...