เรื่องเด่น บุญกิริยาวัตถุ ๓ ธรรมะสำหรับชาวบ้าน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มาจากดิน, 6 มิถุนายน 2017.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    บุญกิริยา ๓ คือ ทาน ศีล ภาวนา ซึ่งมีเนื้อหาผ่อนลงมาจากไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อให้เหมาะกับคฤหัสถ์

    buddha.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2017
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ชาวบ้านดำเนินมรรคาด้วยการศึกษาบุญ

    คำสอนธรรมเพื่อให้เหมาะสำหรับคฤหัสถ์คือชาวบ้าน แทนที่ท่านจะนำระบบของมรรคมาจัดขั้นตอนในรูปของไตรสิกขา เป็น ศีล สมาธิ ปัญญา แต่ท่านจัดใหม่เหมือนดังจะให้เป็นไตรสิกขาฉบับที่ง่ายลงมา โดยวางรูปขั้นตอนใหม่ เป็นหลักทั่วไป ที่เรียกว่าบุญกิริยาหรือบุญกิริยาวัตถุ ซึ่งมีจำนวน ๓ ข้อ หรือ ๓ ขั้น เท่ากับไตรสิกขานั่นเอง แต่มีชื่อหัวข้อต่างออกไปเป็น ทาน ศีล ภาวนา

    สาระหรือเนื้อแท้ทั้งหมดของบุญกิริยาคือการทำบุญนั้น ก็คือการศึกษานั่นเอง

    ขอให้ดูพุทธพจน์ที่แสดงหลักบุญกิริยาวัตถุ ๓ ดังนี้

    "ภิกษุทั้งหลาย บุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการนี้...คือ ทานมัย บุญกิริยาวัตถุ ๑ ศีลมัย บุญกิริยาวัตถุ ๑ ภาวนามัย บุญกิริยาวัตถุ ๑ ...

    "ผู้ใฝ่อัตถะนั้น พึงศึกษาบุญนั่นทีเดียว อันมีผลกว้างไกล มีความสุขเป็นกำไร คือ พึงเจริญทาน ๑ สมจริยา (ความประพฤติเข้ากับธรรม หรือสมตามธรรม) ๑ เมตตาจิต ๑ บัณฑิตเจริญธรรม ๓ ประการ อันก่อให้เกิดความสุข เหล่านี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลกที่เป็นสุข ไร้การเบียดเบียน" (ขุ.อิติ.25/238/270)


    จะเห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงหลักบุญกิริยาวัตถุว่ามี ๓ อย่าง คืออะไรบ้างแล้ว ก็ตรัสคาถาสรุป ทรงบอกให้รู้กันว่าจะทำอะไรกับบุญกิริยาวัตถุนั้น คือตรัสว่า พึงศึกษาบุญนั่นทีเดียว ขอย้ำพระดำรัสเป็นคำบาลีว่า "ปุญฺญเมว โส สิกฺเขยฺย" ถ้านำคำทั้งสองมาสมาส (รวมเข้าด้วยกัน) ก็เป็น "บุญสิกขา" นั่นเอง

    ที่ว่าศึกษา ก็คือ ฝึกทำให้เป็นให้มีขึ้น ฝึกหัดอบรมพัฒนาให้เจริญเพิ่มพูนถนัดชำนาญยิ่งขึ้นไป ก็คือก้าวหน้างอกงามขึ้นไปในมรรค อย่างคล้อยตามไตรสิกขานั่นเอง
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ต่อ

    หลักศึกษาบุญสำหรับชาวบ้านนี้ เน้นชีวิตด้านนอก และการประพฤติปฏิบัติพื้นฐานขั้นต้น ตรงข้ามกับฝ่ายบรรพชิตคือพระสงฆ์ ที่เน้นด้านใน และขั้นสูงขึ้นไป

    จะเห็นได้ชัดว่า หลักปฏิบัติขั้นต้นของไตรสิกขา รวมคลุมไว้ด้วยศีลคำเดียว แต่บุญกิริยาของชาวบ้าน ซึ่งเน้นด้านนอก ให้น้ำหนักแก่เรื่องการจัดการกับวัตถุ และการอยู่ร่วมสังคม จึงแยกขั้นต้นออกเป็น ๒ ข้อ โดยเอาเรื่องการจัดการวัตถุคือทาน มาหนุนมานำศีล ขณะที่ของพระมีศีล แต่ของชาวบ้านมี ทาน และ ศีล

    แต่ทางด้านใน ที่เป็นระดับลึกสูงขึ้นไป ไตรสิกขาของพระแบ่งชัดเป็น ๒ คือ สมาธิ และปัญญา แต่บุญกิริยาของชาวบ้าน พูดรวมคลุมด้วยภาวนาคำเดียวและตามพุทธพจน์ ให้มุ่งที่เมตตาภาวนาคือเจริญเมตตา

    พูดอีกแบบหนึ่งว่า ชีวิตพระนั้น ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับวัตถุ ทานจึงมีบทบาทน้อย ดังนั้น ในไตรสิกขา จึงเอาทานไปผนวกหรือแอบไว้ในศีล (จะดูการจัดสรรวัตถุของพระก็ไปมองในวินัย)

    แต่ชีวิตของพระนั้น มุ่งอุทิศแก่ด้านใน คือจิตใจและปัญญา ไตรสิกขาจึงจัดแยกการศึกษาพัฒนาด้านในนั้น ออกเป็น ๒ อย่างให้เด่นชัดขึ้นมา เป็นสมาธิ กับ ปัญญา (อธิจิตต์ และอธิปัญญา)

    ส่วนชีวิตของชาวบ้าน อยู่กับวัตถุโดยตรงเต็มที่ และการแสวงหาจัดการวัตถุนั้น ก็ ดำเนินไปท่ามกลางเพื่อนมนุษย์ร่วมสังคม ถ้าประพฤติปฏิบัติจัดการไม่ดี ทั้งวัตถุก็เสียหาย คนและสังคมก็เดือดร้อนวุ่นวาย จึงต้องยกทาน และศีล ขึ้นมาให้สำคัญโดดเด่น เป็นบุญกิริยา ๒ อย่างก่อน

    ส่วนการพัฒนาด้านใน ถึงแม้สำคัญ ก็ต้องจัดให้พอเหมาะแก่กำลัง เวลา เป็นต้น ที่เขาจะปฏิบัติได้ โดยเอาทั้งเรื่องจิตใจ และปัญญามารวมเป็นข้อเดียวกัน คือ ทั้งพัฒนาจิตใจ (จิตตภาวนา) และพัฒนาปัญญา (ปัญญาภาวนา) มารวมไว้เป็นภาวนาข้อเดียว และเพราะการอยู่ร่วมกันในสังคมเป็นลักษณะชีวิตของชาวบ้าน แม้แต่ภาวนานั้นก็จึงเน้นที่การเจริญเมตตาคือเมตตาภาวนา

    คำที่พูดกันสามัญว่า "ทำบุญ" ถ้าจะพูดให้ตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ ก็ต้องว่า "ศึกษาบุญ" คือให้ทำอย่างเป็นการฝึกฝนพัฒนา หมายความว่า บุญนี้เป็นคุณสมบัติ คือ ความดีงามความสามารถ ทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง ทางใจบ้าง รวมทั้งทางปัญญา เราต้องทำให้เพิ่มขึ้นและประณีตขึ้นเรื่อยๆ ให้เป็นการฝึกกาย ฝึกวาจา ฝึกจิตใจ และฝึกปัญญา ชีวิตของเราก็ประณีตงอกงามขึ้นเรื่อยๆ เป็นการพัฒนาชีวิต หรือพัฒนาตนเอง
     
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ต่อ

    ดังที่กล่าวแล้ว มี บุญกิริยาวัตถุ ๓ อย่าง คือ

    ๑. ทาน การให้ เผื่อแผ่ แบ่งปัน

    ๒. ศีล การประพฤติสุจริต มีความสัมพันธ์ที่ดี เกื้อกูล ไม่เบียดเบียนกัน

    ๓. ภาวนา ฝึกอบรมพัฒนาจิตใจ พัฒนาปัญญา

    ในอดีตที่ยาวนาน ท่านย่อมได้สอนได้อธิบายหลักธรรมเหล่านี้กันเรื่อยมา ปรากฏว่า ถึงยุคอรรถกถา ได้มีบุญกิริยาวัตถุเพิ่มขึ้นอีก ๗ ข้อ ซึ่งที่จริงก็ต้องถือว่าเป็นการขยายความและเพิ่มตัวอย่างของบุญกิริยาวัตถุ แต่ละข้อออกไป ดังที่อรรถกถาก็จัดไว้ ซึ่งขอประมวลมาดูเป็นแนวทางเสริมความเข้าใจ ดังนี้

    ๑. ทาน ในข้อนี้ รวมทั้งปัตติทานมัย คือการเปิดโอกาสให้คนอื่นได้มีส่วนร่วมบุญด้วยการทำความดีด้วยกัน และปัตตานุโมทนามัย คือการอนุโมทนาส่วนบุญ โดยพลอยชื่นชม หรือแสดงความยินดี ยอมรับเห็นชอบในการทำบุญทำความของผู้อื่น

    ๒.
    ศีล ในข้อนี้ รวมทั้งอปจายนมัย คือการมีความอ่อนโยน สุภาพอ่อนน้อม ให้เกียรติกัน เคารพยกย่องท่านผู้มีความเป็นผู้ใหญ่ ผู้สูงด้วยคุณธรรมความดี เป็นต้น รวมมาถึงการมีกิริยามารยาทงดงาม ตามวัฒนธรรมประเพณี และ ไวยาวัจจมัย คือการช่วยเหลือ รับใช้ บริการ ขวนขวายในกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์

    ๓. ภาวนา ในข้อนี้ รวมทั้ง ธรรมสวนมัย คือการแสดงธรรมให้คำสอนคำแนะนำความรู้แก่ผู้อื่น

    ข้อพิเศษ: ทิฏฐชุกรรม คือการทำความเห็นให้ตรง ซึ่งต้องทำร่วมกำกับการทำบุญข้ออื่นทุกข้อ ให้เป็นการกระทำด้วยความรู้เข้าใจตั้งใจมุ่งหมายถูกต้อง เท่ากับได้ตรวจสอบทุกกิจกรรม เป็นประกันให้ได้ผลดี และมีการพัฒนา

    โดยนัยนี้ จึงเกิดเป็นชุดขยาย เรียกกันว่า บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ คือ

    ๑. ทานมัย ทำบุญด้วยการให้

    ๒. สีลมัย ทำบุญด้วยการรักษาศีลประพฤติดีงาม

    ๓. ภาวนามัย ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา

    ๔. อปจายนมัย ทำบุญด้วยการประพฤติอ่อนน้อม

    ๕. ไวยาวัจจมัย ทำบุญด้วยการขวนขวายรับใช้

    ๖. ปัตติทานมัย ทำบุญด้วยการให้ส่วนความดีแก่ผู้อื่น

    ๗. ปัตตานุโมทนามัย ทำบุญด้วยการยินดีการทำดีของผู้อื่น

    ๘. ธัมมัสสวนมัย ทำบุญด้วยการฟังธรรม

    ๙. ธัมมเทสนามัย ทำบุญด้วยการสอนแสดงธรรม

    ๑๐. ทิฏฐุชุกรรม ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ตรง

    (พุทธธรรมหน้า 549)
     
  5. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    หลักการหรือคำสอนใดก็ตาม ที่เป็นเพียงการคิดค้นหาเหตุผลในเรื่องความจริงเพื่อสนองความต้องการทางปัญญา โดยมิได้มุ่งหมาย และมิได้แสดงแนวทางสำหรับประพฤติปฏิบัติในชีวิตจริง อันนั้น ให้ถือว่าไม่ใช่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างที่ถือว่าเป็นคำสอนเดิมแท้ของพระพุทธเจ้า
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
  7. LimitedZaa

    LimitedZaa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +40
    ทานที่ได้บุญมากที่สุด2อันดับแรกคือ อภัยทาน และธรรมทาน ซึ่งทั้ง2ทานนี้พระมีเป็นนิตย์ นี่แหละหนอ อานิสงค์การบวชพระ (ยังไม่รวมศีลกับภาวนาอีกนะ)
     
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    อ้าว...นึกว่าต้องลงมือปฏิบัติด้วย
    กลายเป็นว่าแค่ศึกษาก็ได้เนื้อแท้แล้ว ศาสนาอะไร
    ง่ายขนาดนี้ หรือ ศาสนามูจูดอ
    เขียนแบบนั้นเรียกว่า มี"โยนิโส"ได้หรือ
    ไปปล่อยหมูปล่อยแมวบ้างนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...