ประวัติและปฏิปทา : หลวงปู่ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ กนฺตสีโล

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 23 เมษายน 2012.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ตามครูบาอาจารย์เฒ่าไปดูพระอรหันต์

    อีกครั้งหนึ่งที่บ้านชีทวน มีโยมสองฝ่าย ฝ่ายนักสอนมูลกัจจายน์<SUP>๑</SUP> ก็ถือว่าตนมีความรู้ บางครั้งก็พูดเสียดสีพระวัดป่า

    วันหนึ่งมีโยมอาจารย์สอนมูลกัจจายน์ พูดเปรยๆ ขึ้นว่า สมัยนี้ปฏิบัติกันอย่างไรก็ไม่เห็นพระอรหันต์ดอก มันหมดสมัยแล้ว

    ครูบาอาจารย์ทองรัตน์ได้ยินเข้า ท่านก็พูดว่า

    "อยากเห็นพระอรหันต์บ้อ ให้ไปโกนหัวมา ครูบาอาจารย์จะพาไปเบิ่ง ให้ทำตามครูบาอาจารย์บอก ถ้าบ่เห็นพระอรหันต์ ครูบาอาจารย์สิเอาคอเป็นประกัน ถ้าบ่ทำบ่เฮ็ด มัวกอดคัมภีร์อยู่ เห็นได้อย่างไร ยังไม่นานดอก คัมภีร์จะล้มทับตาย"



    <SUP></SUP> มูลกัจจายน์ = ตำราหลักธรรมคำสอนที่นักปราชญ์รวบรวมไว้ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน สมัยก่อน ใช้วิธีท่องจำเป็นหลัก
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เยี่ยวเหมือนควาย

    วันหนึ่งมีโยมสองผัวเมียจะมาทำบุญที่วัดป่าบ้านชีทวน ภรรยาได้หิ้วหม้อเขียวใส่อาหารและสะพายกระติบข้าวเหนียว เดินนำหน้ามาก่อน ส่วนสามีได้หาบมะพร้าวอ่อน แตงไทยเดินตามหลัง ในระหว่างทางนั้น สามีเกิดปวดปัสสาวะขึ้น จะวางหาบก็ไม่ทันใจ หรือเพราะความเคยชินก็ไม่ทราบได้ มองหน้ามองหลังเห็นว่าปลอดคน เลยปลดทุกข์ข้างทางนั้น พอมาถึงวัดก็วางหาบลง ไปกราบครูบา-อาจารย์เฒ่า ในโอกาสนั้นเองครูบาอาจารย์เฒ่าเลยให้สติไปว่า

    "เออ สิเยี่ยว สิขี่ กะให้วางหาบของลงก่อนแน่ อย่าสิยืนขี่ยืนเยี่ยวคือควายคืองัวหลาย"

    ฝ่ายเมียไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ส่วนสามีถึงกับหน้าแดงตัวแข็งทื่อ อายก็อาย สงสัยก็สงสัย เพราะระยะทางห่างจากวัดตั้ง ๓-๔ กิโลเมตร ครูบาอาจารย์เฒ่าไปแอบดูตอนไหน แล้วก่อนจะเยี่ยวก็รอบคอบตรวจตราดูดีแล้วนา
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    อาหารพิเศษ

    พระเทียบบวชเป็นพระใหม่ ญาติโยมอุปัฏฐากกลัวจะหิว เพราะไม่เคยชินกับการฉันข้าวมื้อเดียว

    มีอยู่วันหนึ่งภรรยาครูใหญ่โทน ฉลวยศรี ซึ่งเป็นญาติกับพระเทียบ ได้ออกมาใส่บาตรเหมือนกับทุกวัน แต่วันนี้ ไม่เหมือนกับทุกวัน ครูบาอาจารย์เฒ่าได้เดินรับบิณฑบาตนำหน้า และองค์รองมา ๒-๓ รูป ก็ได้แต่ข้าวเปล่า พอมาถึงองค์สุดท้าย โยมได้ชักปิ้งไก่ซึ่งซ่อนไว้ใต้ขันข้าว ใส่ในบาตรพระเทียบ เมื่อได้รับอาหารพิเศษเหมือนเทวดารู้ใจ จึงวาดภาพในอากาศว่า กลับถึงวัดคงจะอิ่มแปล้ล่ะวันนี้

    พอกลับมาถึงวัด ยังไม่ได้จัดอาหารออกจากบาตร ครูบาอาจารย์เฒ่าได้พูดขึ้นว่า

    "มื้อนี้ท่านเทียบได้อาหารพิเศษอีกแล้วโว้ย"

    พระเทียบถึงกับอึ้ง และอายเพื่อนพระเณรที่นั่งฟังมาก เพราะไม่คิดว่าครูบาอาจารย์จะรู้ ทั้งๆ ที่ได้ซ่อนปิ้งไก่เป็นอย่างดี เป็นอันว่าอ้อยกำลังจะเข้าปากช้างอยู่แล้ว นึกว่าจะได้ฉันสมความอยากสักที ในที่สุดช้างก็เลยต้องอ้าปากค้าง
     
  4. boatsa2538

    boatsa2538 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +90
    ผมมีหนัง สือ มณีรัตน์ อยู่ ได้มาจากชมรมการไฟฟ้า เคยอ่าน ปฏิปทาท่านแล้ว เป็นพระสุปฏิปัณโน ท่านหนึ่งเลย แต่ประวัติท่าน ไม่ค่อยจะมีบันทึกสักเท่าไร .
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เคารพเหนือสิ่งอื่นใด

    หลังจากที่หลวงปู่เสาร์ได้ให้ครูบาอาจารย์ทองรัตน์ไปจำพรรษาที่บ้านชีทวน ครูบาอาจารย์เฒ่าก็ไม่เคยไปที่ไหนอีกเลย นอกจากไปกราบหลวงปู่เสาร์ที่บ้านข่าโคม จนญาติโยมเกิดความสงสัย และกลัวว่าท่านจะเบื่อ เพราะวันๆ อยู่แต่ในวัด จึงได้ถามท่านว่า

    "ขอโอกาสขะน้อย ครูบาจารย์มาจำพรรษาอยู่นี่กะดนนานแล่ว ครูบาจารย์บ่คิดสิไปธุดงค์ทางได๋บ้อ ขะน้อย" (ขอโอกาสครับพระอาจารย์ พระอาจารย์มาพำนักอยู่ที่นี่ก็เป็นเวลานานแล้ว ท่านพระอาจารย์ไม่คิดจะไปธุดงค์ที่ไหนบ้างหรือครับ)

    ครูบาอาจารย์เฒ่าท่านจึงได้พูดว่า

    "ฮ่วย! พวกหมู่เจ้าส่างมาเว้าจั่งซั่น สิมาให้อาตมาผิดครูผิดอาจารย์จั๋งได๋ ครูบาจารย์เผิ่นมอบเผิ่นหมายให้มาอยู่นี่ สิไปลวงไปเกินเผิ่นจั๋งได๋" (ทำไมพวกโยมจึงได้พูดอย่างนั้น จะมาทำให้อาตมาผิดต่อคำพูดของครูบาอาจารย์ได้อย่างไร ก็ในเมื่อครูบาอาจารย์ท่านได้มอบหมายให้มาอยู่ก็อยู่ ท่านยังไม่ให้ไปจะไปอย่างไร)

    โยมว่า

    "ไปจั๊กหว่าง จั๊กคราว สิได๋บ้อขะน้อย" (ไปชั่วครั้งชั่วคราวไม่ได้หรือครับ)

    ครูบาอาจารย์เฒ่าพูดว่า

    "บ่่ได๋เดิ๊ก อย่ามาเว้าให้อาตมาเป็นบาปเป็นกรรม คันอาตมาไป ครูบาจารย์เผิ่นมา บ่เห็นอาตมา กะเป็นบาปเป็นกรรมท่อนั้นตั๋ว สิไปลืมความครูบาจารย์จั๋งได๋" (ไม่ได้ อย่ามาพูดให้อาตมาเป็นบาปเป็นกรรมกับครูบาอาจารย์เลย ถ้าท่านมาไม่เห็นอาตมา ก็จะเป็นบาปเป็นกรรมเท่านั้นแหละ จะไปผิดคำพูดของครูบาอาจารย์ได้อย่างไร)
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ของดีมีให้แต่ไม่รู้จักเอา

    พ่อใหญ่คำมีซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากใกล้ชิดติดตามครูบาอาจารย์เฒ่าคนหนึ่ง เห็นมีหลายคนที่มากราบครูบาอาจารย์เฒ่า แล้วได้ตัวดี (หมายถึงเลขหวย) กลับไป พ่อใหญ่คำมีได้ติดตามครูบาอาจารย์เฒ่ามานาน แต่กลับไม่ได้กับเขา เลยคิดน้อยใจ วันหนึ่งจึงกราบเรียนครูบาอาจารย์เฒ่าว่า

    "ครูบาจารย์เฒ่าขะน้อย คนอื่นเขามา เขาก็ได้ตัวดีไป แต่ทำไมครูบาจารย์เฒ่าไม่เมตตาสงสารผมบ้าง"

    ครูบาอาจารย์เฒ่าเลยพูดเป็นเชิงดุว่า

    "ให้ของดีดีบ่เอา จะเอาของไม่ดีนั่นหรือ ไม่รู้หรือว่าที่ญาติโยมเขามาเขาได้ไปนั้น เขาได้อบายมุขไป เขาไม่ได้อรรถได้ธรรมะไปนะ พ่ออยากได้นักหรือนั่น"

    ได้ฟังอย่างนั้น พ่อใหญ่คำมีถึงกับอึ้งไป และลาครูบาอาจารย์เฒ่ากลับด้วยความรู้สึกผิดหวัง พอเดินไปจะพ้นจากเขตกุฏิครูบาอาจารย์เฒ่า ครูบาอาจารย์เฒ่าเลยเรียกให้กลับมา และได้ยื่นยาสูบ ๒ มวน วางบนกลักไม้ขีด

    พ่อใหญ่คำมีทั้งดีใจทั้งแปลกใจไปจนถึงบ้าน และเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยกันแปล พอถึงวันหวยออก พ่อใหญ่คำมีก็ต้องผิดหวังตามเคย แต่เพื่อนบ้านกลับดีใจไปตามๆ กัน
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ผู้ทำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลตอบแทน

    ที่วัดป่าบ้านชีทวน ปกติกุฏิครูบาอาจารย์เฒ่าจะสร้างแบบง่ายๆ หลังคามุงหญ้าคา ยกเคลื่อนย้ายได้ ด้านข้างมีฝาปิดเปิดได้ ยกพื้นสูงพอนั่งหย่อนขาได้พอดี หลังจากสร้างเสร็จได้ไม่นาน ได้มีผึ้งมาทำรังใต้ถุนกุฏิ

    หลายวันต่อมา ครูบาอาจารย์เฒ่าได้นั่งเก็บใบไม้อยู่ข้างๆ กุฏินั้น ได้มีผึ้งตัวหนึ่งมาต่อยหัวคิ้วท่าน ครูบาอาจารย์เฒ่าก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำงานอื่นต่อไป ในคืนนั้น ไม่รู้มดดำ (มดสามเหล่า) มาจากไหน ได้ขึ้นไปกินลูกผึ้งนั้นหมดทั้งรัง ตื่นเช้ามา ครูบาอาจารย์เฒ่าได้ลงไปดู ก็ได้แต่สลดสังเวชใจต่อผึ้งรังนั้น
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ระวังเป็นเปรต

    เรื่องธรรมวินัยเล็กๆ น้อยๆ นี้ ครูบาอาจารย์เฒ่าท่านอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ว่า อย่าได้มองข้ามเป็นอันขาด เพราะจะทำให้เดือดร้อนตามมาทีหลัง เช่น เรื่องการหยิบการจับ การอยู่ การกินต่างๆ ให้มีสติ แม้แต่การปลูกต้นไม้ในวัด ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง มะขาม หรือไม้อะไรก็แล้วแต่ ท่านจะแนะนำให้ปลูกเป็นของบุคคล จะไม่ให้ปลูกเป็นของสงฆ์

    ท่านให้เหตุผลว่า ถ้าปลูกเป็นของสงฆ์แล้ว คนอื่นจะเอาไปใช้ไปกินไม่ได้ ต้องได้รับอนุญาตจากสงฆ์ก่อน (พระ ๔ รูปขึ้นไปประชุมอนุมัติให้จึงใช้ได้) ถ้าสงฆ์ไม่อนุญาตแล้ว พระนำไปฉัน พระก็เป็นเปรต โยมกิน โยมก็เป็นเปรต เมื่อปลูกแล้วก็บอกกล่าวปวารณาว่า ไม้นี้หรือของสิ่งนี้ใครใคร่ใช้ประโยชนอันใด ก็ให้นำไปใช้ประโยชน์ตามประสงค์
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ทดสอบศิษย์

    มีบ่อยครั้งเหมือนกัน ที่ครูบาอาจารย์เฒ่าทดสอบลูกศิษย์ที่ยังประมาทอยู่ หลวงพ่ออวนเล่าว่า

    ครั้งหนึ่งหลวงพ่ออวนได้กราบลาหลวงปู่กินรี เพื่อจะไปศึกษาธรรมะกับครูบาอาจารย์เฒ่า ก่อนไป หลวงปู่กินรีกำชับว่า ระวังนะ ถ้าไปหาครูบาอาจารย์เฒ่า ระวังท่านจะสอบอารมณ์ ทดสอบสติ เมื่อไปถึงได้กราบครูบาอาจารย์เฒ่า ก็ได้เรื่องจนได้ เมื่อครูบาอาจารย์เฒ่าท่านสั่งให้ไปตัดไม้มาให้ท่าน ขณะนั้นท่านทำกิจวัตรอยู่พอดี หลวงพ่ออวนซึ่งผ่านการฝึกมาดี จึงรู้ทางมวย ได้ถือมีดโต้เดินเข้าไปในปา ตัดไม้ที่ตายแล้วมาให้ท่าน พอครูบาอาจารย์เฒ่าได้เห็นเท่านั้นแหละ

    "เออ! นี่แม้มันจั่งแม่นศิษย์พระพุทธเจ้า" (เออ! นี่มันจึงสมกับเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า)

    มีบ่อยครั้งเหมือนกันที่พระเณรบางรูป เมื่อท่านบอกให้ทำในสิ่งที่มันผิดวินัย ก็ทำด้วยความไม่รู้เท่าทัน ทำให้ได้รับบทเรียนที่ไม่มีวันลืม คือ เทศน์กัณฑ์ใหญ่ที่แสบเผ็ด ท่านว่า เห็นครูบาอาจารย์เป็นใหญ่ แต่ไม่เห็นแก่พระธรรมวินัย ซึ่งครูบาอาจารย์เฒ่าท่านไม่ปล่อยเรื่องอาบัติเล็กๆ น้อยๆ ท่านถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับชีวิตพรหมจรรย์ ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลวงปู่ชาท่านให้ความเคารพต่อครูบาอาจารย์เฒ่าเป็นอย่างมาก จึงได้นำหลักธรรมต่างๆ จากครูบาอาจารย์เฒ่ามาสอนลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอ โดยเฉพาะข้อวัตรปฏิบัติทุกอย่างในสำนักวัดหนองป่าพงและวัดสาขา ปัจจุบัน มีข้อวัตรปฏิบัติเหมือนกับของครูบาอาจารย์เฒ่า ที่ได้สั่งสอนลูกศิษย์ในสมัยที่มีชีวิตอยู่เกือบทุกอย่าง

    ตามที่หลวงปู่ชาได้คุ้นเคยกับครูบาอาจารย์เฒ่า หลวงปู่ชาท่านว่า ถ้าคนไม่ฉลาด จะไปเอาธรรมะกับท่านไม่ได้ คือไปเอาอย่างท่าน แต่ไม่ไปเอาเยี่ยงท่าน อย่างเช่น ครูบาอาจารย์เฒ่าท่านพูดไม่สำรวม การออกไปรับบิณฑบาต ท่านขอของไปเรื่อยๆ เวลาท่านดุพระเณรในที่ประชุมจะดุเก่งมาก พระเณรไปเอาอย่างท่านไม่ได้ ความเป็นจริงนั้น ท่านพูดอะไร ทำอะไร ท่านมุ่งสอนธรรมะตามแบบฉบับของท่านที่ไม่เหมือนใคร
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ติดสมมติ

    บางคนไม่เข้าใจท่าน หาว่าท่านเป็นโรคประสาท เช่น มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ชาเล่าว่า

    ครูบาอาจารย์เฒ่าได้เดินไปพร้อมภิกษุสงฆ์หมู่หนึ่ง เห็นควายตัวเมียกินหญ้าอยู่ข้างทาง ครูบาอาจารย์เฒ่าพูดว่า

    "โอ้ย ควายเถิกโตนี่ คือกินหย่าอยู่ใกล้ทางแท้" (โอ้ย ควายผู้ตัวนี้ทำไมจึงมากินหญ้าอยู่ใกล้ทางจังเลย)

    และเดินไปอีก ท่านได้ชี้ให้ดูควายตัวผู้กำลังเล็มหญ้าอยู่กลางทุ่ง และพูดว่า

    "เออ ไปหากินกลางทุ่งคือควายแม่ โตนั้นแม้มันจั่งแม่น" (เออ ไปหากินกลางทุ่งนาเหมือนควายตัวเมียซิ มันจึงจะถูก)

    ท่านพูดควายตัวผู้เป็นตัวเมีย ควายตัวเมียเป็นตัวผู้ ผู้ไม่เข้าใจก็หาว่าท่านเป็นประสาท ความจริงไม่มีตัวผู้ ไม่มีตัวเมีย อย่างนี้ท่านเทศน์ให้เราฟังเรื่องสมมติ ถ้าคนไม่เข้าใจธรรมะก็คงเถียงกันวุ่น
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    หลวงปู่เสาร์ทำบุญระลึกถึงพระกรรมวาจาจารย์

    ในระหว่างจำพรรษา พ.ศ. ๒๔๗๙ - ๒๔๘๓ อยู่ที่วัดป่าหนองอ้อ บ้านข่าโคมนั้น หลวงปู่เสาร์ได้นิมิตเห็นญาคูสีทา ชยเสโน พระกรรมวาจาจารย์ของท่าน สมัยที่อยู่วัดบูรพา ในตัวเมืองจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งพื้นเพท่านอยู่เมืองสีพันดอน แขวงจำปาศักดิ์ ท่านไปเรียนที่กรุงเทพฯ แล้วได้มาเป็นอุปัชฌาย์อยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากนั้นได้ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่มาตุภูมิ ไปอยู่วัดดอนฮี (วัดเกาะฮี) เมืองโขง แขวงจำปาศักดิ์ และได้มรณภาพลงที่นั่น หลวงปู่เสาร์จึงคิดจะไปทำบุญระลึกถึงพระกรรมวาจาจารย์

    เมื่อออกพรรษาแล้วหลวงปู่เสาร์ พร้อมด้วยคณะศิษย์ทั้งสายมหานิกายและธรรมยุต จำนวน ๑๑ รูป มีครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ กนฺตสีโล ครูบาอาจารย์ดี ฉนฺโน ครูบาอาจารย์บัวพา ปญฺญาภาโส ครูบาอาจารย์กองแก้ว ฯลฯ และมีคณะศิษย์ที่เป็นฆราวาสติดตามไปด้วยอีก ๕ คน คือ

    ๑. พระราชธรรมสุธี (พวง สุขินฺทริโย) ซึ่งขณะนั้นเป็นฆราวาส อายุ ๑๔ ปี

    ๒. พระครูโอภาสธรรมภาณ (อำนวย)

    ๓. นายบุญมาก ไชยงาม

    ๔. นายเจริญ

    ๕. นายกร
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เอาตอไม้เป็นอาจารย์

    ในปี พ ศ ๒๔๘๓ ใกล้ออกพรรษา หลวงปู่เสาร์ได้ให้คนไปส่งข่าวที่วัดป่าบ้านชีทวน ให้ครูบาอาจารย์ทองรัตน์ทราบว่า เมื่อออกพรรษาแล้ว ท่านจะพาไปทำบุญระลึกถึงพระกรรมวาจาจารย์ ที่เมืองโขง แขวงจำปาศักดิ์ โดยให้ไปเจอกันที่เมืองโขงเลย

    เมื่อออกพรรษา หลังจากฉันเสร็จ ท่านได้ล่ำลาญาติโยมแล้ว ขณะที่ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ เตรียมของอยู่นั้น ได้มีพระบวชใหม่ หอบจีวร หอบบาตร มาหาท่าน เล่าให้ท่านฟังว่า

    "ขะน้อยลาเมียมาบวช และใจอยากออกไปประพฤติปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ แต่เมียบ่อยากให้บวช (กระผมลาเมียมาบวช ใจก็อยากออกประพฤติปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ แต่เมียเขาไม่อยากให้บวช) จึงได้บอกเขาไปว่า ขอบวชชั่วคราว เขาจึงให้บวช และกระผมได้หนีออกมาเมื่อคืนนี้ ไม่มีใครรู้ กลัวเขาไม่ให้มา กระผมไม่มีอะไรมาด้วย เพิ่งบวชเมื่อวานนี้ กระผมขอมอบกายถวายชีวิตไว้กับครูบาจารย์ด้วย"

    ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์บอกว่า

    "เออ บุญท่านยังมีนะ เกือบไม่ได้พบกัน ผมจะรีบเดินทางไปแล้วนี่ มาแล้วก้มลงกราบที่นั้นล่ะ"

    ครูบาอาจารย์เฒ่าท่านบอกกรรมฐาน พร้อมชี้ไปที่ตอไม้เต็งซึ่งยืนตายมานานหลายปี และพูดว่า

    "นั่นเห็นไหมตอไม้ ทำเหมือนตอไม้นั่น"

    ทำเอาพระใหม่รูปนั้นนั่งงงอยู่นาน

    ครูบาอาจารย์เฒ่าจึงได้ออกเดินทาง คงปล่อยแต่พระรูปนั้นอยู่เฝ้าวัดก่อน เพราะท่านต้องรีบออกเดินทาง เพื่อตามหลวงปู่เสาร์ไปให้ทัน

    พระใหม่รูปนั้นเช้าเดินผ่านก็มอง ทำอะไรก็มองแต่ตอไม้ เกิดสงสัยว่า ทำไมครูบาอาจารย์เฒ่าจึงให้ทำเหมือนตอไม้ คิดไปคิดมาหลายวันเข้า เลยเข้าใจว่า กว่าจะเป็นตอไม้ เริ่มจากเกิดมาเป็นกล้าไม้ แล้วโตมาเป็นต้นไม้ใหญ่ พอใช้งานได้ คนเขาก็มาตัดเอาไปใช้ประโยชน์ เหลือไว้แต่ตอที่ทำประโยชน์ได้ แล้วก็ไม่มีใครสนใจ จึงเอาต้นไม้เป็นอาจารย์ภาวนา เลยตั้งใจว่าจะไม่สึก
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    หลวงปู่เสาร์โปรดชาวบ้านห้วยยาง

    หลวงพ่อกองแก้ว ธนปญฺโญ วัดป่าเทพบุรมย์ อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ผู้เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อบุญมาก ได้มีโอกาสไปอุปัฏฐากครูบาอาจารย์เฒ่าอยู่บ่อยๆ ที่บ้านคุ้ม เล่าว่า

    หลวงปู่เสาร์กับครูบาอาจารย์ทองรัตน์ ได้เดินธุดงค์มาจากวัดป่าหนองอ้อ บ้านข่าโคม และได้หยุดพักมาเรื่อยๆ เมื่อธุดงค์มาถึงห้วยยาง จึงได้หยุดพักที่ริมห้วยยาง ญาติโยมเมื่อได้ทราบว่ามีพระธุดงค์มาพักในป่าใกล้หมู่บ้าน จึงได้นิมนต์ให้แก้อาถรรพ์ เพราะสถานที่ที่สร้างวัดในปัจจุบันนั้นชาวบ้านเชื่อกันว่าเจ้าที่แรง ใครไปทำอะไรใกล้สถานที่ดังกล่าวไม่ได้ หาปู หาปลาไม่ได้ บ้างก็เข้าสิงแล้วพูดออกปากชาวบ้าน บ้างก็ทำให้ล้มป่วย บางช่วงก็เกิดการตายติดกัน ๕-๖ ศพก็เคยมี เป็นเหตุให้หลวงปู่เสาร์ต้องสงเคราะห์ในกิจนี้ และญาติโยมได้ขอนิมนต์ให้คณะท่านได้จำพรรษาด้วย เพื่อชาวบ้านจะได้มีกำลังใจต่อไป แต่หลวงปู่เสาร์ก็ยังไม่รับว่าจะจำพรรษา

    ท่านได้พาคณะออกเดินทางต่อไป ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้จะเข้าพรรษา หลวงปู่เสาร์จึงได้ให้โยมพาไปหาสถานที่เหมาะสมในการจำพรรษา ญาติโยมได้พาไปหาสถานที่หลายแห่ง ในที่สุดท่านจึงตกลงว่าจะจำพรรษาที่ดอนธาตุ ซึ่งเป็นเกาะอยู่กลางแม่น้ำมูล เพราะเป็นสถานที่ที่เหมาะในการภาวนา
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    สร้างวัดป่าเทพบุรมย์

    หลวงปู่เสาร์ได้ให้ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ หลวงพ่อบุญมากพร้อมพระเณร กลับไปจำพรรษาที่บ้านแก้งยาง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากดอนธาตุมากนัก เมื่อออกพรรษาในปี ๒๔๘๕ หลวงปู่เสาร์ได้ให้มีการจัดพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างวัดป่าเทพบุรมย์ ในวันวางศิลาฤกษ์ได้มีพระเณรมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยมีหลวงปู่เสาร์เป็นประธาน และต่อมาได้ให้ครูบาอาจารย์บุญมากมาสานต่อเจตนารมณ์ ทำการก่อสร้างให้เป็นรูปเป็นร่างต่อไป

    หลังจากวางศิลาฤกษ์เสร็จ คณะหลวงปู่เสาร์ได้เดินทางต่อไป โดยญาติโยมนิมนต์ท่านขึ้นรถไป เพราะถ้าไปทางเรือเกรงว่าท่านจะเมาคลื่น เพราะหนทางที่ไปมีเกาะแก่งมากและน้ำไหลเชี่ยวมาก ประกอบกับอาการไข้ในช่วงเข้าพรรษายังไม่หายดี คือขณะที่ท่านนั่งสมาธิอยู่โคนต้นยางใหญ่ ได้มีเหยี่ยวตัวหนึ่ง บินโฉบเอารังผึ้งซึ่งอยู่บนกิ่งต้นยางใหญ่ที่ท่านนั่งอยู่ รังผึ้งได้ขาดหล่นลงมาใกล้กับที่ท่านนั่งอยู่พอดี ผึ้งได้กรูเข้าต่อยท่านหลายตัว จนท่านต้องหนีเข้าในมุ้งกลด ผึ้งจึงเลิกรังควาน จากนั้นท่านได้เกิดอาการไข้เพราะพิษของผึ้งต่อย เมื่อออกพรรษาแล้วอาการจึงค่อยทุเลาลง

    ส่วนครูบาอาจารย์ทองรัตน์พร้อมพระเณรส่วนหนึ่ง ได้เดินทางจากวัดเทพบุรมย์ด้วยเท้าต่อไป ส่วนครูบาอาจารย์บุญมากกับครูบาอาจารย์กิได้แยกเดินทางไปต่างหาก โดยมีจุดจะไปพักอยู่ที่บ้านห้วยสาหัว พระเพ็งไปทางเรือกับครูบาอาจารย์เจี๊ยะและสามเณรอีก ๑ รูป ไปขึ้นที่ท่าวัดอำมาตย์ ได้พบกับคณะครูบาอาจารย์เฒ่าที่วัดอำมาตย์ที่ได้ล่วงหน้ามาถึงก่อน จึงได้ถามถึงหลวงปู่เสาร์ ได้รับคำตอบว่าท่านได้เลยไปเมืองโขงไปดอนฮีก่อนแล้ว และท่านได้ฝากความไว้ว่า

    "ถ้าท่านเจี๊ยะกับท่านเพ็งมาถึงไม่ต้องตามไป ให้ท่านรออยู่วัดอำมาตย์นี่ และได้นัดว่าในวันมาฆบูชาให้พระเณรทุกรูปมาร่วมลงอุโบสถด้วยกันที่นี่"

    เมื่อหลวงปู่บอกให้รอ ครูบาอาจารย์เจี๊ยะกับพระเพ็งและเณรหนึ่งรูป จึงได้ไปพักที่บ้านห้วยสาหัว เพราะที่นั่นมีที่พักพร้อมและอยู่ไม่ไกลนัก ขณะนั้นหลวงปู่เสาร์ ครูบาอาจารย์ดี ฉนฺโน พร้อมคณะศิษย์ไปทำบุญที่วัดดอนฮี แล้วเดินทางไปชมน้ำตกหลี่ผี แล้วจึงมาพักอยู่ภูหม้อออม ห่างจากที่ทำการจังหวัดจำปาศักดิ์ประมาณ ๒ กิโลเมตร
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    หลวงปู่เสาร์อาพาธหนักที่ภูหม้อออม

    ในคราวนั้นรัฐบาลไทยได้ตั้งที่ทำการจังหวัดจำปาศักดิ์ ที่บ้านทัพเปึอย ปากเซลำเพา เมืองสีพันดอน ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ พร้อมด้วยครูบาอาจารย์บุญมาก ครูบาอาจารย์กิ ได้เดินทางถึงภูหม้อออมทีหลังคณะหลวงปู่เสาร์

    เมื่อไปถึง ครูบาอาจารย์ดีได้รีบมากระซิบแจ้งข่าว อาการอาพาธของหลวงปู่เสาร์ให้ครูบาอาจารย์เฒ่าทราบ ว่าอาการของหลวงปู่เสาร์ขณะนี้น่าเป็นห่วง อ่อนเพลียมาก ถ้าเดินทางต่อไปกลัวจะเป็นอะไรไปกลางทาง นิมนต์ท่านกลับ หลวงปู่ท่านก็ไม่เห็นด้วย หลวงปู่เสาร์ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะเดินทางกลับแต่อย่างไร แต่ครูบาอาจารย์ดีเกรงว่าถ้าหลวงปู่อาพาธหนัก และเป็นอะไรไปที่นี่ เกรงว่าศิษยานุศิษย์ที่ไม่ได้ไปด้วยจะตำหนิท่าน ครูบาอาจารย์ดีจึงอยากให้ครูบาอาจารย์ทองรัตน์และครูบาอาจารย์บุญมากช่วยนิมนต์หลวงปู่เสาร์กลับ

    คณะศิษยานุศิษย์ปรึกษาหารือกันว่า จะพูดอย่างไรดี ท่านจึงจะเห็นด้วย ถ้าไม่ขึ้นถึงอุบลราชธานีก็เลื่อนขึ้นไปดอนไช หรือไปวัดป่าสาละวัน ซึ่งเป็นวัดที่ครูบาอาจารย์บุญมาก และ ครูบาอาจารย์กิสร้าง และเป็นบ้านเกิดครูบาอาจารย์กิด้วย หรือจะไปถึงวัดอำมาตยารามก็ยิ่งดี

    เมื่อคณะศิษย์ตกลงกันแล้ว ก็พากันเข้าไปกราบหลวงปู่เสาร์ ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ได้พนมมือกราบเรียนท่านว่า

    "ขอโอกาสขะน้อย ครูบาจารย์อยู่ที่นี่มันกันดาร กันดารจังได๋ (อย่างไร) ก็คือว่า ข้าราชการก็เป็นคนใหม่ มาตั้งบ้านเมืองใหม่ ถ้าสิอาศัยข้าราชการ กะบ่มีผู้คุ้นเคย ถ้าอาศัยคนพื้นเมือง ก็เป็นคนเขมร บางคนเว้าลาวก็บ่ได้ ผู้เว้าลาวได้ก็อาศัยเขาบ่ได้ เพราะเขามีความทุกข์ยาก ถ้าแม่นว่าป่วยหนักพักฮ้ายที่นี้ รถก็มาบ่ถึง เรือมาก็คาแก่ง เหตุนี้จึงอยากนิมนต์ครูบาจารย์กลับขึ้นอุบลฯ หรือเลื่อนขึ้นไปดอนไซ หรือไปบ้านท่านกิ บ้านหนองผำ - ดอนไซนี้ ก็มีป่าที่สวยงามเหมาะสิเฮ็ดวัดป่า เพราะมีบ้านหลายหมู่บ้าน ส่วนวัดป่าสาละวันภูมะโรงของท่านบุญมาก บ้านท่านกินั้น ก็เป็นวัดป่าที่ร่มรื่น เหมาะสมกับคนเฒ่าคนแก่จะอยู่อย่างสะดวกสบาย หรือไปฮอดวัดอำมาตย์ก็ได้"

    เมื่อหลวงปู่เสาร์ได้ฟังคำอ้อนวอนของลูกศิษย์ดังนั้น ซึ่งตอนแรกพระอาจารย์ดีเคยกราบนิมนต์ท่านแล้วแต่ท่านไม่กลับ ท่านพิจารณาสักครู่จึงพูดขึ้นว่า

    "เออ ถ้าอย่างนั้น กลับก็กลับ นี่ก็ใกล้จะถึงเดือนสามแล้ว ให้ท่านบุญมากและท่านกิกลับไปเอาเรือมารับ ถ้าไปไม่ทันวันเพ็ญ ให้บอกท่านเพ็งกับพระที่รออยู่วัดภูให้ลงอุโบสถก่อนเลย"

    หลวงปู่เสาร์เคยปรารภไว้ว่า จะไปให้ทันลงอุโบสถวันมาฆบูชาที่ปราสาทหินวัดภู จำปาสัก แต่ไปไม่ทัน

    ครูบาอาจารย์บุญมากกับครูบาอาจารย์กิ รีบเดินทางเพื่อไปจัดหาเรือมารับคณะหลวงปู่เสาร์ ครูบาอาจารย์กิแวะดูสถานที่ที่ดอนไซ เพื่อเรียนคณะสงฆ์ให้ทราบว่า จะนำหลวงปู่เสาร์มาพักที่นี่สักระยะหนึ่ง ส่วนครูบาอาจารย์บุญมากขึ้นมาวัดป่าสาละวันเพื่อจัดหาเรือ การจัดหาเรือก็ล่าช้ามากเนื่องจากเป็นเรือพ่วงและหาคนแจวเรืออีก ๔ คน จนถึงวันเพ็ญ เดือนสามแล้ว ก็ยังล่องเรือไปรับหลวงปู่เสาร์ไม่ถึง

    เมื่อถึงวันเพ็ญ เดือนสาม ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา หลวงปู่เสาร์ได้ร่วมลงอุโบสถกับคณะลูกศิษย์ตามปกติ ทั้งที่อาพาธหนักอยู่ หลังจากลงอุโบสถเสร็จ องค์ท่านเริ่มอาพาธหนักขึ้นเรื่อยๆ ท้องร่วงอย่างแรง

    แรม ๑ ค่ำ เดือน ๓ คณะลูกศิษย์จึงได้ไปวานขอความช่วยเหลือ จากข้าราชการ ตำรวจ ญาติโยม ช่วยกันนำท่านลงเรือ ถ่อเรือขึ้นมาถึงบ้านนาดี เซลำพา พักแรมที่นี่ รุ่งเช้าถ่อเรือต่อ ถึงเมืองมูลปากโมกข์มืดค่ำ พักแรมที่นี่ รุ่งเช้าถ่อเรือต่อผ่านดอนนางคอย ทางด้านทิศตะวันออก แรม ๓ ค่ำ เดือน ๓ เป็นวันเดียวกับครูบาอาจารย์บุญมากล่องเรือจะไปรับหลวงปู่ ได้ไปรับครูบาอาจารย์กิที่ดอนไซก่อน แล้วล่องเรือผ่านดอนนางคอย ทางด้านทิศตะวันตก การผ่านเกาะคนละทิศเป็นสาเหตุให้เรือสองลำไม่เจอกัน
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    หลวงปู่เสาร์ละสังขารเลยแล้ว

    คณะครูบาอาจารย์เจี๊ยะได้รออยู่บ้านห้วยสาหัว ใกล้วัดภูหลายวันไม่เห็นคณะหลวงปู่มา จึงได้กลับมาลงอุโบสถที่พิบูลฯ และได้ถามข่าวก็ไม่ทราบความ หลังจากลงอุโบสถเสร็จ วันรุ่งขึ้นได้มีรถจะไปเมืองมูลปากโมกข์ จึงได้ขึ้นรถไปลงจำปาศักดิ์ รอคณะหลวงปู่เสาร์ที่วัดอำมาตยาราม ซึ่งมีพระอุปัชฌาย์เม้าเป็นเจ้าอาวาส ได้ทราบข่าวจากนายร้อยจำรัส ซึ่งเป็นคนอุบลฯ ไปรับราชการที่จำปาศักดิ์บอกว่า ตอนเย็นคณะหลวงปู่เสาร์จะมาถึง ท่านอาพาธหนักให้จัดสถานที่รอรับด้วย

    เมื่อตอนบ่าย ๔ โมง ได้ยินหวูดเรือดังมาแต่ไกล อุปัชฌาย์เม้าและพระเพิงจึงได้ลงไปรอรับคณะที่ท่าเรือวัด แต่เรือไม่จอด ได้เลยไปจอดที่ท่าศาล เลยท่าวัดไปไม่ไกล จึงได้นิมนต์ท่านลงเรือเล็กย้อนลงมาท่าวัดอีกครั้งหนึ่ง ครูบาอาจารย์ดีลงท่าศาล ได้โทรเลขไปบอกลูกศิษย์ท่านทางอุบลฯ อาการของหลวงปู่เสาร์ขณะนั้น ใบหู ริมฝีปากเหลืองซีด อิดโรยเห็นได้ชัด

    เมื่อเรือมาถึง อาจารย์กองแก้วได้ลงเรือไปประคองหลัง ครูบาอาจารย์บัวพาประคองด้านหน้า ยกท่านขึ้นนั่งบนแคร่ไม้ไผ่ ในขณะนั้นมีพระที่อยู่ด้วยกันคือ ครูบาอาจารย์กองแก้ว ครูบาอาจารย์บัวพา ครูบาอาจารย์คำ พระเพ็ง ได้ช่วยกันประคองท่านขึ้นจากฝั่ง และนำท่านขึ้นไปในโบสถ์ เมื่อวางองค์ท่านลง ตัวหลวงปู่ท่านนั่งหลับตาคอตกในท่าเดิม อ่อนเพลียมาก ครูบาอาจารย์บัวพา จึงได้พนมมือกราบเรียนหลวงปู่ด้วยเสียงอันอ่อนนุ่มว่า

    "ขอโอกาสขะน้อย ขณะนี้อยู่ในโบสถ์วัดอำมาตยาราม จำปาศักดิ์แล้วขะน้อย"

    หลวงปู่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นดูพระพุทธรูปเล็กน้อย จึงได้สั่งให้นำผ้าสังฆาฏิมาพาดบ่า จากนั้นท่านกราบพระได้ ๓ ครั้ง แล้วพับคอลงเช่นเดิม เมื่อเห็นเช่นนั้น ครูบาอาจารย์บัวพาได้เข้าประคองท่านให้นอนลง เมื่อถูกองค์ท่านจึงรู้ว่าท่านละสังขารเสียแล้ว เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๕ แรม ๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะเมีย สิริรวมอายุได้ ๘๓ ปี ๖๓ พรรษา

    เมื่อหลวงปู่ละสังขารลง คณะสงฆ์เตรียมนำสรีระองค์หลวงปู่กลับอุบลฯ เลย แต่ญาติโยมทางจำปาศักดิ์ไม่ยอม เพราะมีความประสงค์จะทำบุญกับครูบาอาจารย์เสาร์ด้วย จึงตกลงกันว่าให้พบกันครึ่งทางคือ ให้โยมทางจำปาศักดิ์ได้ทำบุญ ๓ คืนแล้วขอเคลื่อนสรีระท่านกลับอุบลฯ
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ผู้มีบุญมาเกิด

    ยายชีปิ่น นารัตน์ อายุ ๘๗ ปี เล่าว่า

    เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๖ ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ ได้เดินธุดงค์ไปที่บ้านนาโพธิ์น้อย ตำบลนาโพธิ์น้อย อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ราวเดือน ๔-๕ หน้าแล้ง เมื่อเดินมาถึงป่าท้ายบ้านนาโพธิ์ จึงได้หยุดพัก ชาวบ้านเมื่อเห็นพระธุดงค์มาพักใกล้บ้าน พากันดีอกดีใจ ต่างได้เรียกกันหาน้ำหาท่าเพื่อไปถวายพระพร้อมกัน พระท่านมาด้วยกัน ๒ รูป

    เมื่อทุกคนไปถึงที่พระธุดงค์นั่งพักเอาแรง ต่างก็ก้มลงกราบ เมื่อได้สนทนากับท่านพอสมควรแล้ว พ่อใหญ่มิ่งได้ขอนิมนต์ครูบาอาจารย์เฒ่าให้พักอยู่ด้วยนานๆ เพื่อโปรดญาติโยม เพราะนานๆ ทีจะมีพระธุดงค์ผ่านมา

    ครูบาอาจารย์เฒ่าพิจารณาเห็นว่าสถานที่เหมาะในการภาวนา พร้อมทั้งญาติโยมก็มีความศรัทธาเป็นอย่างมาก จึงตกลงอยู่พักฉลองศรัทธา

    ในโอกาสนั้น ครูบาอาจารย์เฒ่าได้เหลือบไปเห็นผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งนั่งร่วมอยู่ในกลุ่มชาวบ้านนั้น จึงพูดขึ้นว่า

    "เออ เฮาอยู่ในหว่างถือพก ถือพา กะให้หลู่มา อย่ามาอายพู้นอายพี้ไล ลูกออกมามันจั่งสิได๋นิสัย ถ้ามันเกิดเป็นผู้ชาย ใหญ่มามันสิบวชบ่สึกได๋นี่" (เออ เราอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ก็ให้มาบ่อยๆ อย่าได้อายนั่นอายนี่ ลูกเกิดมาเขาจะได้นิสัยด้วย นี่ถ้าเขาเกิดมาเป็นชาย โตมาเขาจะบวชไม่ลาสิกขานะนี่)

    หญิงนั้น ต่อมาได้มาบวชกับพระลูกชาย ก็คือ แม่ชีปิ่น นารัตน์นั่นเอง ขณะนั้นมีอายุได้ ๓๑ ปี กำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่ ๓

    ในระหว่างที่ครูบาอาจารย์เฒ่าได้พำนักอยู่นั้น นางปิ่นได้อุ้มท้องมาอุปัฏฐากทุกวันไม่ได้ขาด ครูบาอาจารย์เฒ่าได้พักอยู่ประมาณเดือนกว่า ท่านได้ลาญาติโยมธุดงค์ต่อไป

    ในเวลาต่อมานางปิ่นได้คลอดบุตรออกมาเป็นชาย และได้เข้าบวชในพระพุทธศาสนากับหลวงปู่ชา สุภทฺโท ที่วัดหนองป่าพง เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน นับได้ ๔๓ พรรษา คือ พระครูสุวรรณโพธิเขต (พระอาจารย์คูณ อคฺคธมฺโม) สมกับคำทำนายที่ครูบาอาจารย์เฒ่าให้ไว้ ปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าโพธิ์สุวรรณ บ้านนาโพธิ์น้อย ตำบลนาโพธิ์น้อย อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    โนนบักบ้าบ้านคุ้ม

    ในปี พ.ศ. ๒๔๘๖ หลังจากได้พำนักที่บ้านนาโพธิ์ประมาณ ๑ เดือน ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ได้ธุดงค์ต่อไป ตามสมณวิสัยของพระโยคาวจรผู้ใฝ่หาความสงบ ในบ่ายวันหนึ่ง ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า นกกำลังบินกลับรัง ชาวบ้านได้ต้อนวัวควายกลับบ้านตามปกติ เป็นเวลาเดียวกับที่ครูบาอาจารย์เฒ่าได้เดินธุดงค์มาถึง ก่อนเข้าบ้านคุ้ม

    ครูบาอาจารย์เฒ่าจึงได้ปรึกษาพระปัจฉาสมณะว่า ในคืนนี้จะพักใกล้หมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อตอนเช้าจะได้อาศัยออกไปบิณฑบาต และได้ถามชาวบ้านคนหนึ่ง ที่กำลังต้อนควายจะกลับบ้าน ซึ่งต่อมาได้เป็นโยมอุปัฏฐากใกล้ชิด และศรัทธาต่อครูบาอาจารย์เฒ่ามาตลอด คือ พลทหารปลดประจำการ เขียน ศรีสุธรรม (ซึ่ง)ได้เล่าว่า

    วันที่ครูบาจารย์เฒ่ามาถึง เป็นเวลาใกล้จะมืดแล้ว ได้ถามหาป่าช้า แต่ป่าช้าต้องเดินผ่านหมู่บ้านไปอีก ท่านได้ถามอีกว่า ที่อื่นที่ใกล้กว่านี้มีอีกไหม เลยชี้มาทางข้างหลัง ที่ท่านเดินผ่านมา ว่ามีโนนบักบ้า ข้ามห้วยข้าวสารมาเท่านั้น แต่ไม่เหมาะที่จะไปพัก เพราะสถานที่นั้นมีเครือบักบ้า (เป็นชื่อไม้เถาชนิดหนึ่ง ที่ชาวบ้านเก็บเอาลูกไปเล่นลูกสะบ้า) รกทึบมาก และเป็นที่อาถรรพ์มาก ใครเข้าไปทำอะไรไม่ได้ แม้แต่จะไปเก็บผักเก็บฟืนมาหุงหาอาหาร ยังต้องมีอันเป็นไป ชาวบ้านจึงกลัว และไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้โนนป่านั้น

    จึงขอร้องให้ท่านไปพักที่วัดในหมู่บ้าน จะปลอดภัยกว่า แต่ท่านว่าไม่เป็นไร จะขอพักที่โนนบักบ้า เมื่อท่านตั้งใจแน่วแน่อย่างนั้น จึงชี้บอกทาง นิมนต์ท่านไป"

    ส่วนนายเขียนได้รีบต้อนควายเข้าบ้าน บอกแม่บ้านให้เตรียมน้ำใช้น้ำฉัน เพื่อไปถวายพระ และได้ไปร้องบอกชาวบ้าน ให้ไปช่วยกันจัดสถานที่ปักกลด ทำทางเดินจงกรมให้พระธุดงค์ ซึ่งโอกาสแบบนี้ไม่ค่อยจะมีบ่อยนัก

    จึงพร้อมกัน ๗-๘ คน มุ่งหน้าสู่โนนบักบ้า ได้ช่วยกันปัดกวาดที่ทางให้ พอจะปักกลดและเดินจงกรมได้ ถามท่านว่ามาจากไหน ท่านบอกว่า มาจากบ้านนาโพธิ์ ส่วนบ้านเกิด ท่านบอกว่าอยู่บ้านสามผง - ดงพะเนาว์

    ไม่มีใครกล้าถามท่านต่อว่า อยู่จังหวัดอะไร เพราะแค่ฟังชื่อบ้าน ยังไม่มีใครเคยได้ยินชื่อมาก่อน และในข้อสงสัยนี้ ไม่มีใครกล้าถาม จนญาติของท่านได้บวชและออกตามหา จนมาพบท่านที่บ้านคุ้ม จึงได้รู้ว่า สามผง - ดงพะเนาว์ ที่ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์พูด อยู่ที่จังหวัดนครพนม

    ตอนเช้า ครูบาอาจารย์เฒ่าท่านได้ออกรับบิณฑบาตตามปกติ และชาวบ้านได้ติดตามท่านมาถวายจังหัน ที่โนนบักบ้าหลายคนด้วยกัน

    พอมีโอกาส ชาวบ้านจึงได้นิมนต์ท่านพักจำพรรษาด้วย แต่ท่านไม่รับว่าจะจำพรรษาด้วย ท่านได้อยู่มาเรื่อยๆ ชาวบ้านก็ไม่มีใครคิดว่าท่านจะอยู่นาน เพราะใครมานิมนต์ท่าน ท่านก็ไม่รับ ทุกคนต่างก็เตรียมตัวเตรียมใจว่า ไม่วันใดก็วันหนึ่งท่านจะต้องจากญาติโยมทางบ้านคุ้มไป เพราะทุกคนพอจะรู้ว่า เป็นธรรมดาของพระธุดงค์ ท่านจะไม่พักที่ไหนนาน ท่านจะไปเรื่อยๆ ไม่มีพันธะอะไรมาผูกพันท่านได้ ช่วงแรกๆ ก็ไม่ค่อยมีคนมาหาท่านมากนัก
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วัตรปฏิบัติของครูบาอาจารย์เฒ่า

    ครูบาอาจารย์เฒ่าท่านมีอัธยาศัยดี พูดเสียงดังฟังชัด เมื่อเรียกญาติโยมจะเรียกพ่อ - แม่ การเทศน์อบรมท่านก็เทศน์ไม่มาก แต่เมื่อใครได้ฟังท่านเทศน์แล้วจะติดใจอยากจะฟังอีก จนในเวลาต่อมา ชื่อเสียงท่านได้กระฉ่อนไป ไม่ทราบว่าไกลแค่ไหน ทราบแต่ว่าญาติโยมที่มากราบถวายภัตตาหารท่าน ได้มีคนต่างถิ่นเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ในแต่ละปี จะมีญาติโยมนำลูกหลานมาฝากให้ท่านอบรมสั่งสอน และบวชให้เป็นจำนวนมาก

    พ่อใหญ่ จันทร์ ภูธา เล่าว่า ในช่วงที่บวชกับครูบาอาจารย์เฒ่า ก่อนบวชต้องโกนผม โกนคิ้ว เป็นปะขาว ถือศีล ๘ ทดสอบจิตใจเสียก่อน อย่างน้อย ๗ วัน ๑๕ วัน ถ้าท่านพิจารณาเห็นว่าประพฤติปฏิบัติตามข้อวัตรของท่านได้ ท่านจึงจะให้บวชเป็นสามเณร ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติ เมื่อรู้จักอาบัติต่างๆ ของพระภิกษุอย่างถ่องแท้ จึงจะได้บวชเป็นพระตามลำดับ ในแต่ละช่วงเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะท่านถือว่า ถ้าทำตามข้อวัตรปฏิบัติไม่ได้ การที่จะคิดไปรักษาพระธรรมวินัย ซึ่งเป็นของละเอียดอ่อนนั้นมันยาก

    เรื่องอาบัติเล็กๆ น้อยๆ ท่านถือเป็นสำคัญมาก ไม่เคยเห็นพระรูปไหนมาก่อนเลย ที่จะละเอียดเท่าครูบาอาจารย์เฒ่า เรื่องอาหารการขบฉัน การนอน การนั่ง การพูด การคุย การขับถ่ายต่างๆ ท่านจะกำชับพระเณร อย่าได้มองข้าม เช่น

    อาหารการขบฉัน ท่านห้ามกัดห้ามแทะ ห้ามตัดไม้ ขุดดิน เรื่องบริขารเครื่องใช้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจีวรหรือเป็นบาตรต้องเคารพรักษา ถือเป็นของสูง แม้แต่การขบฉันอาหารที่เป็นเศษ เป็นเดน ต้องทิ้งลงในกระโถน ห้ามวางกระโถน หรือของที่เป็นเศษเป็นเดน บนฝาบาตรเด็ดขาด ท่านบอกว่าของเล็กๆ น้อยๆเหล่านั้นถ้าทำไม่ได้ จะทำให้ชีวิตนักบวชนี้เศร้าหมอง เป็นการสร้างบาปสร้างกรรมให้ตัวเอง เรื่องการเดินจงกรม-นั่งสมาธิ ท่านให้ถือว่าเป็นงานหลักของพระเณรที่จะต้องทำเป็นกิจวัตร

    ตอนเช้าตีสาม - ตีสี่ (ไก่ขัน) ตีระฆัง รวมกันนั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์ ท่านจะอบรมถึงสว่าง จัดที่ฉันเสร็จแล้ว ออกรับบิณฑบาต กลับมาถึงวัด จัดอาหารออกจากบาตร ทำกิจ รอญาติโยมที่บ้านอยูไกล จะตามมาถวายจังหัน

    ประมาณสองโมงเช้า แจกอาหาร แต่ก่อนครูบาอาจารย์เฒ่าท่านจะแจกเอง ต่อมาให้พระที่รองจากท่านเป็นคนแจก ฉันเสร็จกราบพระพร้อมกัน เข้าทางเดินจงกรม ถึงประมาณห้าโมงเช้า พักเล็กน้อย

    ประมาณบ่ายสามโมง ตีตาด (กวาดลานวัด) ท่านจะลงมาทำร่วมกับพระเณรทุกครั้ง เสร็จแล้วอาบน้ำสรงน้ำ เข้าทางเดินจงกรมอีก

    ประมาณหนึ่งทุ่ม ร่วมกันทำวัตรเย็น เสร็จประมาณสองทุ่มกว่า ท่านจะไม่อบรมตอนเย็น แต่ท่านให้เข้าเดินจงกรมต่อ ส่วนมากในตอนดึกประมาณ ๓-๔ ทุ่ม ท่านจะออกเดินตรวจพระเณร ถ้าท่านเดินไปเห็นพระเณรเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิ ท่านจะพูดให้กำลังใจ

    "อือเฮ็ดไป" (อือทำไป)

    ถ้าไปกุฏิไหนไม่เห็นพระเณรเดินจงกรม ท่านจะเรียกสองสามครั้ง ถ้าไม่ตอบ ท่านจะว่า

    "ฮู้ขี่หนี่ บวชมามีแต่กินกับนอนกัน สิเห็นอีหยั่ง" (ตูดนี่ บวชมามีแต่กินกับนอน มันจะเห็นอะไร)

    ท่านว่าพระเณรบวชมาถ้าทำความเพียรเดินจงกรม - นั่งสมาธิน้อยกว่าวันละ ๓ ชั่วโมง ให้ลาสิกขาไปช่วยพ่อแม่ทำมาหากินซะ อย่ามาถ่วงความเจริญให้ตัวเองอยู่เลย ถ้าคิดจะไปทำอะไรก็ให้ออกไปทำเลย ถ้ามีพระเณรขาดกิจวัตร ท่านจะไม่ตำหนิตอนนั้น ส่วนมากเมื่อทำวัตรเสร็จ ท่านจะยกตัวอย่างจากที่นั่นที่นี่บ้าง สุดท้ายก็มาลงที่ว่า

    "ที่วัดเราอย่าให้มันมีนะ"
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เอาไว้ช่วยกินขนม

    การสอนลูกศิษย์ ครูบาอาจารย์เฒ่าท่านจะใช้เหตุผลในการสอนเป็นหลัก ไม่ให้เชื่อใครง่ายๆ จนกว่าคิดว่าเหตุผลเป็นที่น่าเชื่อถือ แล้วจึงจะตัดสิน และการตัดสินต้องเป็นธรรม

    หลวงพ่อกิเล่าว่า

    หลวงตาสดท่านบวชเมื่อแก่ มาขออยู่ปฏิบัติกับครูบาอาจารย์เฒ่าที่บ้านคุ้ม ด้วยจริตนิสัยหลวงตาสุดแกขยันในกิจวัตรต่างๆ ไม่ว่าจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ ปัดกวาดวิหารลานเจดีย์ แกไม่เคยขาด และแกชอบฉันแตงโมเป็นชีวิตจิตใจ จะให้สองลูกสามลูกก็ฉันหมด บางครั้งครูบาอาจารย์เฒ่าต้องร้องห้าม

    หลวงตาสุดมีโรคประจำตัวคือเป็นขี้มูกก้าด (เป็นหวัดไม่หาย น้ำมูกไหลตลอด) บางครั้งเวลาฉันข้าว น้ำมูกออกก็ฉันไปสูดน้ำมูกไป แม้กระทั่งไปฉันในบ้านโยมก็ไม่เว้น ทำให้พระเณรที่ไปด้วยอายญาติโยมแทน จึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปฟ้องครูบาอาจารย์เฒ่า

    ท่านก็พูดทีเล่นทีจริงว่า

    "เอาเพิ่นไว่ฮั่นละ พอยามขนมหลายสิมีผู้กินส่อยตั๋ว" (เอาท่านไว้นั่นละ เพื่อว่าเมื่อมีขนมเยอะ จะได้มีคนช่วยฉัน)

    หลวงตาสุดถึงท่านจะดูน่ารังเกียจ แต่ท่านก็มีสิ่งที่ดีอยู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...