ประสบการณ์อกหัก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 19 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,100
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    16830618_681974758647803_6082137718733315474_n.jpg







    ประสบการณ์อกหัก

    ตอบโดย...พศิน อินทรวงค์

    ถาม....โดยน้องคนหนึ่ง

    พี่ค่ะ ถ้าคนเราเสียใจมากๆ ผิดหวังในความรักมากๆ เราจะทำยังไงให้มันผ่านพ้นไปได้ ทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุข มันนึกถึงเรื่องเก่าๆ ตลอด หนูยอมลงทุนย้ายมหาวิทยาลัยเพื่อมาเรียนกับเขา แต่มาเป็นแบบนี้มันทำให้เศร้ามาก อยากหายจากอาการนี้ หนูรู้สึกผิดที่มีความรัก รู้สึกว่าตัวเองโง่ที่ไปรักคนที่ไม่รัก เราต้องทำยังไง พี่ช่วยตอบหน่อย

    ตอบ...
    เวลาที่คนเราเป็นแผล ถึงเราไม่ทำอะไร แผลมันก็จะหายเองอยู่แล้วตามธรรมชาติ ดังนั้นน้องก็ไม่ต้องทำอะไรเลย เพื่อให้แผลของตัวเองหาย ไม่ต้องทำอะไรเลยเพื่อให้ตัวเองหายเสียใจ อีกทั้งพี่ขอแสดงความยินดีด้วยที่น้องต้องมาพบกับความเจ็บปวดกับความรักในวันนี้ พี่ขอเดาว่าน้องคงอายุราวๆ 18-20 ปี มนุษย์ในวัยนี้ ไม่มีประสบการณ์อะไรที่ควรค่าแก่การจดจำมากไปกว่าการอกหัก อกหักครั้งแรกนั้นเป็นความรื่นรมณ์อย่างหนึ่งของชีวิต คนเราควรใช้ชีวิตให้สมวัย และไม่ควรพลาดโอกาสที่จะได้ลิ้มรสในสิ่งต่างๆ ที่ชีวิตมอบให้ อย่างถูกที่ ถูกเวลา และถูกต้องกับธรรมชาติของมนุษย์ การบังคับให้วัยรุ่น ไร้ความรัก เป็นการบังคับที่เป็นไปไม่ได้ เป็นเรื่องเหลวไหล เพราะธรรมชาติไม่ได้สร้างมนุษย์มาแบบนั้น เพียงแต่น้องต้องรู้จักบริหารจัดการความรักของน้องไม่ให้มันมาทำลายชีวิตของน้องได้ เสียใจได้ และควรเสียใจ แต่อย่าทำอะไรโง่ๆ ที่ทำลายอนาคตของตัวเอง น้องมีหน้าที่เรียนหนังสือ น้องก็เรียนไป น้องมีหัวใจ น้องก็รักไป ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีอะไรผิด

    เมื่อเราอยู่ในวัยเด็ก เราควรใช้ชีวิตอย่างซุกซน หกล้ม และหัวแตก ถ้าเป็นเด็กผู้ชายการลองชกต่อยกับเพื่อนสักครั้งก็ไม่ใช่อะไรเสียหาย ถ้าเป็นวันรุ่น นี่ก็คือช่วงเวลาแห่งความเป็นศิลปิน เป็นเวลาที่น้องจะใช้อารมณ์ที่มีอย่างมากมายเขย่าโลก มนุษย์ในวัยนี้ สมควรมีความรักและลองอกหักดูสักครั้ง เมื่ออยู่ในวัยเริ่มทำงาน มันคือวัยแห่งคนไฟแรง เป็นวัยหนุ่มสาวที่มีพลังอย่างเหลือล้น ในช่วงเวลานี้ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าความล้มเหลว คนไฟแรงจะเผาตัวเองจนตายถ้าไม่รู้จักหรี่ไฟลงบ้าง

    แต่ละวันวัยของคนเราก็มีสิ่งที่สมควรเรียนรู้แตกต่างกันไป คนอายุ60 ปี ไม่สมควรต้องมาเรียนรู้เรื่องอกหัก ขณะที่คนอายุ 17 ก็ไม่สมควรมานั่งฟังเรื่องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ บทเรียนแต่ละบทของชีวิต ควรมาในวันที่ถูกต้อง ถูกเวลา ในความเป็นคนๆ หนึ่งนั้น ถ้าได้ผ่านประสบการณ์ที่ควรจะผ่าน ในแต่ละวัย เมื่อเติบโตขึ้นมาก็จะไม่เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเบื่อ ผู้ใหญ่ที่น่าเบื่อนั้นเอาแต่บ่นๆๆๆๆ และสั่งสอนสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ทำไม่ได้ นี่เองคือที่มาของช่องว่างระหว่างวัย ช่องว่างระหว่างวัยนั้นไม่ได้เกิดจากเด็ก เมื่อผู้ใหญ่ผ่านโลกมามาก ก็ควรมีความเข้าใจเด็ก และรู้จักธรรมชาติของเด็ก ไม่ใช่รอให้เด็กมานั่งเข้าใจตนเอง

    ดังนั้นสิ่งที่พี่ต้องการจะบอกน้อง จึงไม่ใช่เรื่องที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะหายเจ็บปวด แต่พี่จะบอกให้น้องรู้ว่า ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่ดี แผลเป็นบนร่างกายบ้างครั้งก็มีประโยชน์ เพราะมันทำให้เราระลึกถึง และไม่ทำผิดพลาดซ้ำสอง มันทำให้ชีวิตของน้องกลายเป็นตำนานได้ เมื่อเวลานี้ เป็นเวลาแห่งความเจ็บปวด น้องต้องรู้จักใช้ความเจ็บปวดไปในทางสร้างสรรค์ รู้จักพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ศิลปินระดับโลก แทบทุกคนใช้ความเจ็บปวดในวัยหนุ่มสาวสร้างงานศิลปะ พี่อยากให้น้องฟังเพลงมากๆ อ่านบทกวีมากๆ อ่านหนังสือดีๆ ให้มากที่สุด ออกไประบายอารมณ์ด้วยการถ่ายรูปเล่น หรือหยิบดินสอขึ้นมาวาดรูป หรือหยิบปากกาขึ้นมาเขียนหนังสือ พี่อยากให้น้องอยู่กับธรรมชาติ มองฟ้ามองน้ำ และดาวเดือน อย่าปล่อยให้เวลาแห่งความเจ็บปวดผ่านไป ใช้ห้วงเวลานี้ปลุกความเป็นศิลปินในตัวของน้องขึ้นมา ความเป็นศิลปินนั้นมักถูกบ่มเพราะจากความเจ็บปวดในวัยหนุ่มสาว ความเฉลียวฉลาด และความเป็นนักปราชญ์ก็เช่นกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่น้องมีสายตาเป็นเช่นศิลปิน น้องจะเห็นโลกต่างออกไปจากคนอื่น น้องจะกลายเป็นคนที่มีความลึกซึ้งทางจิตวิญญาณ ถึงจุดหนึ่งความลึกซึ้งนี่เองจะทำให้น้องเข้าใจตนเอง ผู้อื่น และโลกใบนี้ได้

    อย่ากลัวที่จะผิดหวังในความรักเมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เพราะนั้นคือประสบการณ์ที่น่าลิ้มลอง ขอให้มีความสุขอยู่กับวันเวลาของน้อง ไม่จำเป็นเลยที่คนๆ หนึ่งจะรีบเติบโตให้เป็นผู้ใหญ่ พี่อยากบอกน้องว่า การที่คนๆ หนึ่งจะเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพนั้นต้องใช้เวลาบ่มเพาะ ไม่มีต้นไม้ใหญ่ต้นใดเตฺิบโตภายในวันเดียว

    คนเรานั้นมีความเติบโตอยู่ 3 มิติด้วยกัน
    มิติที่ 1 เป็นการเติบโตทางด้านร่างกาย
    มิติที่ 2 เป็นการเติบโตทางด้านความคิด
    มิติที่ 3 เป็นความเติบโตทางด้านจิตวิญญาณ
    คนส่วนใหญ่เติบโตทางด้านร่างกาย และความคิด
    แต่ในมิติของจิตวิญญาณนั้น เขากลายเป็นเด็กที่ไม่เคยโต
    กลายเป็นคนแก่หน้าเหี่ยว
    ที่มีความคิดแบบผู้ใหญ่แต่ทำอะไรโง่ๆแบบเด็ก
    จงใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น จงเรียนรู้ชีวิตและเติบโตไปในทุกมิติของชีวิต วันหนึ่งน้องจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีชีวิตชีวา
    เป็นผู้ทรงปัญญาที่รู้เท่าทันชีวิต อารมณ์ และความเป็นไปของโลก

    พี่ขออวยพรให้น้องมีกำลังใจอันเข้มแข็ง ที่จะเชื่อมั่นในความดี
    ความฝัน และความพยายาม
    สามสิ่งนี้จะทำให้น้องอยู่รอดปลอดภัยในทุกสถานการณ์
    ขอให้น้องรู้ว่าสิ่งดีๆ ยังรออยู่
    ชีวิตเป็นการเดินทางที่ยาวไกล และน้องยังต้องพบเจอกับสุขทุกข์อีกหลายอย่าง แต่วันนี้อย่าพลาดโอกาส
    เมื่อมันต้องเจ็บปวด จงเรียนรู้กับมันให้มากที่สุด
    ก่อนที่ความเจ็บปวดอันล้ำค่าจะผ่านเราไป
    เหมือนกับทุกเรื่องในชีวิตที่มันจะผ่านเราไปเช่นกัน..

    ******************************************************



     

แชร์หน้านี้

Loading...