ประสบการณ์โลกทิพย์"หลวงปู่ตื้อ" กับกายทิพย์ภพภูมิต่างๆ.

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย แดนโลกธาตุ, 30 พฤษภาคม 2007.

  1. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]

    <CENTER>[​IMG]
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
    พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ในยุคปัจจุปัน
    โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๒
    รศ.ดร.ปฐม - ภัทรา นิคมานนท์ เรียบเรียง
    เผยแพร่โดยได้รับอนุญาต
    </CENTER>
    e f
    <TABLE align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>
    พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    บรรดาศิษย์สายกรรมฐานส่วนใหญ่มักจะคุ้นชื่อและได้ยินกิตติศัพท์ของ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นอย่างดี ท่านมีปฏิปทาที่แปลก น้ำใจเด็ดเดี่ยว โผงผาง ตรงไปตรงมา มีแง่มุมต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์มักจะกล่าวถึงเสมอๆ และเล่าถ่ายทอดต่อกันมา ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นที่น่าสนใจทั้งผู้เล่าและผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง
    จัดได้ว่า หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นพระป่าที่ดังมากองค์หนึ่ง ในบรรดาศิษย์รุ่นแรกๆ ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
    หลวงปู่ตื้อ เป็นศิษย์องค์หนึ่งที่ออกธุดงค์ติดตามหลวงปู่มั่น
    ไปหลายปี ในแถบป่าเข้าทั้งทางภาคอีสานและภาคเหนือ
    ท่านเป็นศิษย์องค์หนึ่งที่หลวงปู่มั่นไว้วางใจ และมักพูดกับสานุศิษย์ทั้งหลายว่า
     
  2. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ชาติกำเนิด
    <TABLE id=table8 align=right border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>
    บ้านโยมพ่อโยมแม่ของหลวงปู่
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านพักจำพรรษาประจำที่และอยู่นานที่สุดที่วัดป่าอาจารย์ตื้อ ต.สันมหาพน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่บนเส้นทางเชียงใหม่-เชียงดาว อยู่ตรงมุมทางแยกขวาเข้าเขื่อนแม่งัด ทางไปวัดอรัญญวิเวก ของหลวงพ่อเปลี่ยน ปญฺญาปทีโป นั่นเอง
    ครั้งสุดท้ายท่านกลับไปจำพรรษาที่บ้านเกิด ที่วัดป่าอรัญญวิเวก บ้านข่า ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม และมรณภาพเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๑๗ เวลา ๑๙.๐๕ ณ สิริรวมอายุได้ ๘๖ ปี
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม นามเดิมว่า ตื้อ นามสกุล ปาลิปัตต์ เกิดในครอบครัวชาวนา เมื่อวันจันทร์ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๓๑ ตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๓ ปีชวด สัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๒๕๐ ณ บ้านข่า ตำบลบ้านข่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม
    บิดาของท่านชื่อ นายปา มารดาชื่อ นางปัตต์[​IMG]
    หลวงปู่ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๗ คน เป็นชาย ๕ หญิง ๒ คนโตเป็นหญิงชื่อ นางคำมี คนที่สองเป็นชาย ถึงแก่กรรมตั้งแต่ยังเล็ก คนที่สามชื่อ นายทอง คนที่สี่ชื่อ นายบัว ส่วนหลวงปู่เป็นบุตรคนที่ห้า คนที่หกชื่อนายตั้ว และคนสุดท้ายเป็นหญิงชื่อ นางอั้ว ทีสุกะ พี่น้องทุกคนรวมทั้งหลวงปู่มรณภาพหมดแล้ว เป็นไปตามวัยและตามธรรมดาของสังขาร ที่ยังเหลืออยู่ก็มีแต่ความดี และความชั่ว ยังให้คนระลึกถึงพูดถึงไปอีกนาน
    ef
    ครอบครัวที่ใกล้ชิดกับวัด
    ในบรรดาเครือญาติของหลวงปู่ตื้อ นับเป็นครอบครัวที่ใกล้ชิดกับวัด ใฝ่ใจต่อการศึกษาในทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า บรรดาผู้ชายล้วนแต่ได้บวชเป็นพระภิกษุ และถ้าเป็นหญิงก็สละบ้านเรือน มาบวชชีจนตลอดชีวิตก็มีหลายคน
    หลวงปู่ จึงได้รับการปลูกฝังให้สนใจการบวชเรียน สนใจศาสนาโดยสายเลือดก็ว่าได้
    ท่านเป็นศิษย์วัด รับใช้พระเณรตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเคยบวชเณรมาครั้งหนึ่ง ท่านจึงมีความคุ้นเคยกับวัด คุ้นเคยกับพระกับเจ้าเป็นอย่างดี และปรารถนาที่จะได้บวชเป็นพระภิกษุเมื่อถึงเวลาอันควร ท่านคิดเรื่องการบวชอยู่ตลอดเวลา
    ef
    ศุภนิมิตก่อนบวช
    ก่อนที่หลวงปู่จะได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุนั้น ในคืนหนึ่ง ท่านฝันว่าได้มีชีปะขาว (ตาผ้าขาว) ๒ คนเข้ามาหาท่าน คนหนึ่งแบกครกหิน อีกคนถือสากหิน เอามาวางไว้ตรงหน้าท่าน
    ตาผ้าขาวคนแรกพูดว่า
     
  3. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    อุปสมบทเป็นพระภิกษุ
    ต่อจากนั้น หลวงปู่ตื้อ ก็ได้เข้าไปอยู่เป็นศิษย์วัด ไปเรียนรู้ธรรมเนียมพระ และฝึกขานนาคเตรียมตัวที่จะบวช
    ในบันทึกไม่ได้บอกถึงวันเวลาและสถานที่บวช ทราบแต่ว่า ท่านบวชในฝ่ายมหานิกาย บวชกับพระอุปัชฌาย์คาน ที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
    ตามประวัติ บอกไว้ว่า หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เมื่ออายุ ๒๑ ปี บวชครั้งแรกในฝ่ายมหานิกาย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๒ บวชอยู่นานถึง ๑๙ พรรษา จนถึง พ.ศ. ๒๔๗๑ จึงได้ญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ที่วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิศาลสารคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูนพีสีพิศาลคุณ (ทอง โฆสิโต) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    หลวงปู่ตื้อ อยู่ในฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ๔๖ พรรษาจวบจนท่านละสังขารเมื่ออายุ ๘๖ ปี รวมอายุพรรษาทั้งสองนิกาย ๖๕ พรรษา
    หลังจากที่หลวงปู่ เข้าพิธีอุปสมบทที่อำเภอท่าอุเทนแล้ว ท่านก็กลับไปจำพรรษาที่วัดบ้านเกิด เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยขั้นต้น และท่องบ่นบทสวดมนต์ต่างๆ ตามที่พระเณรใช้สวดกันเป็นประจำ
    เมื่อหลวงปู่ตื้อ บวชครบ ๗ วัน ปู่จารย์สิมของท่านได้มาที่วัด ถามพระหลานชายว่าต้องการจะสึกหรือยังไม่สึก ถ้าสึกจะได้กลับไปจัดเสื้อผ้ามาให้
    หลวงปู่ตื้อ ท่านรู้สึกลังเลในตอนนั้น ใจหนึ่งก็อยากจะสึก ใจหนึ่งก็ไม่อยากสึก แต่มาคิดได้ว่า ถ้าสึกในขณะนั้น ชาวบ้านจะพากันเรียกว่า
     
  4. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๑๐ f
    ได้ครูผึ้งมาสอนกรรมฐาน
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้เดินทางข้ามแม่น้ำโขงไปทางฝั่งลาวได้พักบำเพ็ญเพียรบริเวณนครเวียงจันทน์เป็นเวลาหลายเดือน
    หลวงปู่ตื้อ เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ท่านได้ไปทำความเพียรที่เชิงภูเขาควายอยู่ ๔ เดือนเต็ม
    คืนแรกที่ไปถึงภูเขาควาย ได้ไปนั่งภาวนาภายในถ้ำเล็กๆ แห่งหนึ่ง เมื่อเริ่มนั่งสมาธิไปได้หนึ่งชั่วโมงเศษ ก็ได้ยินเสียงดังอู้ๆ มาแต่ไกล คล้ายเสียงลมพัดอย่างแรง เมื่อลืมตาดูก็ไม่เห็นอะไร ท่านก็หลับตาทำสมาธิต่อ
    ปรากฏว่ามีผึ้งเป็นหมื่นๆ แสนๆ ตัวมาบินวนเวียนเหนือศีรษะท่าน เสียงคล้ายกับเครื่องบิน
    อย่างไม่คาดคิด ทันใดนั้นฝูงผึ้งก็บินลงมาเกาะตามผ้าจีวรของท่านเต็มไปหมด ท่านต้องเปลื้องจีวรออก ถอดผ้าอังสะออก เหลือนุ่งผ้าสบงผืนเดียว รวบชายสบงด้านหน้า เอาลอดหว่างขาแล้วมาเหน็บไว้ที่ขอบเอวด้านหลัง คล้ายนุ่งผ้าโจงกระเบน รัดขอบขาให้ตึงเพื่อกันไม่ให้ผึ้งชอนไชเข้าไปในผ้าได้
    ในบันทึกไม่ได้กล่าวว่า ท่านนั่งสมาธิต่อ หรือทำประการใด บอกแต่เพียงว่าฝูงผึ้งตอมไต่ยั้วเยี้ยไปตามเนื้อตัวของท่านเต็มไปหมด ไม่มีตัวใดต่อยเนื้อตัวท่านเลย ท่านสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว ใช้ความอดทนรอดูมัน ประมาณ ๒๐ นาที ฝูงผึ้งก็พากันบินจากไป จัดว่าผึ้งฝูงนี้มาเป็นครูสอนกรรมฐานฝึกความอดทนให้หลวงปู่ได้เป็นอย่างดี
    e ๑๑ f
    เทวดามาบอกที่ซ่อนทองคำ
    หลังจากที่ฝูงผึ้งกลับไปหมดแล้ว หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ก็นั่งสมาธิต่อ
    เมื่อท่านนั่งไปได้สองชั่วโมงเศษๆ ได้นิมิตเป็นศีรษะคนมีขนาดใหญ่มาก มองเห็นแต่ไกล ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจนเห็นเต็มร่าง ซึ่งมีรูปร่างใหญ่โตมาก มาหยุดยืนดูท่านอยู่นานพอสมควรโดยไม่ได้พูดจาอะไร หลวงปู่ก็สงบนิ่งดูอยู่
    บุรุษนั้นยืนจ้องท่านนานพอสมควร แล้วก็หันหลังกลับเดินออกไปในทิศทางที่โผล่มา ดูคล้ายกับเดินลึกลงไป ร่างกายส่วนล่างหายไปตามลำดับ แล้วศีรษะอันใหญ่โตก็ลับหายไปอย่างรวดเร็ว
    หลวงปู่ไม่ได้มีอาการหวั่นไหวแต่อย่างใด ท่านนั่งสมาธิภาวนาอยู่ในที่เดิม นั่งอยู่ไม่นานก็ปรากฏเป็นเทวดา ๒ องค์ ใส่มงกุฎสวยงามเข้ามาหาท่าน
    เทวดาองค์หนึ่งพูดขึ้นว่า
     
  5. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
     
  6. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๓๓ f
    อดีตพระราชาเมืองตองฮู้
    วิญญาณที่มาในรูปชีปะขาวหนุ่มได้เล่าเรื่องราวในอดีตของตนถวายหลวงปู่ว่า
    แต่ก่อนข้าพเจ้าเป็นพระราชาอยู่เมืองตองฮู้ ระยะแรกได้เมินเฉยต่อพระธรรมคำสอน เพราะโลภมากในทรัพย์สมบัติ แต่ระยะหลังๆ ตอนบั้นปลายของชีวิตได้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
    พระพุทธองค์เคยเสด็จมาโปรด ข้าพเจ้าก็ได้รับศีลรับพรจากท่าน ได้กราบทูลขอให้พระพุทธองค์ได้ประทับรอยพระบาทไว้เพื่อเป็นที่สักการบูชาแก่ชาวเมือง
    พระองค์ได้ทรงประทับรอยพระพุทธบาทไว้อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล อยู่กลางแม่น้ำที่พนังหินกลางแม่น้ำ แม่น้ำนี้ลึกท่วมหลังช้างเท่านั้น ไม่ลึกมากเท่าไรแม่น้ำนี้อยู่ใกล้เมืองประดู่ขาว
    ปัจจุบันแม่น้ำนี้เรียกชื่อว่า แม่น้ำปอน และเมืองประดู่ขาวเปลี่ยนเป็น เมืองรัว
    วิญญาณนั้นบอกย้ำอีกว่า รอยพระพุทธบาทนั้นอยู่กลางแม่น้ำนั้น นิมนต์ท่านไปดูและนมัสการด้วย ถ้าท่านนับถือพระพุทธเจ้าจริงๆ แล้วก็จะบอกหนทางเดินให้ แต่ท่านอย่าลืมว่าตรงปากทางเข้าไปจะถึงแม่น้ำนั้น จะมีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่ง เมื่อเข้าไปในถ้ำนั้นจะเห็นหินยาวรีมีลักษณะคล้ายงู แต่เป็นก้อนหินธรรมดา มนุษย์ทั่วไปเข้าใจว่าเป็นงูเพราะมีแต่ความกลัวเป็นใหญ่
    ให้ท่านเดินข้ามไปหรือเหยียบไปเลยก็ได้ และภายใต้หินก้อนนั้นมีไหเงินและทองคำอยู่ ๔ ไห ถ้าหากท่านพระอาจารย์จะเอาไปเพื่อเป็นการเมตตาต่อข้าพเจ้าแล้วก็ขอน้อมถวายท่านเลย
    เมื่อพูดเพียงนี้แล้ว ชีปะขาวหนุ่มนั้นก็กราบลาแล้วก็หายไป
     
  7. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
     
  8. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๓๔ f
    เดินทางไปดูรอยพระพุทธบาท
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโมได้พักภาวนาอยู่ที่นั่นเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ก็ออกเดินทางเพื่อไปดูรอยพระพุทธบาทตามที่วิญญาณอดีตพระราชาเมืองตองฮู้ ได้บอกไว้เมื่อคืนก่อน
    หลวงปู่เล่าว่า ท่านใช้เวลาเดินทางตามที่วิญญาณบอก ๑ วันเต็มๆ ก็ไปถึงปากถ้ำทางเข้าไปเพื่อดูรอยพระพุทธบาทนั้น ท่านได้พบก้อนหินยาวเหมือนรูปงูจริงๆ ซึ่งมันก็เป็นก้อนหินธรรมดานั่นเอง
    เดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงริมแม่น้ำ ก็มองเห็นหินก้อนใหญ่เหมือนภูเขาทั้งลูกตั้งอยู่กลางแม่น้ำเลย และก็ได้พบรอยพระพุทธบาทตามคำบอกเล่าจริงๆ
    รอยพระพุทธบาทนี้ยาวประมาณ ๘ ศอก กว้าง ๖ ศอก สูง ๔ ศอก โดยประมาณเห็นจะได้
    เมื่อพิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่พระพุทธองค์ประทับไว้จริงๆ หลวงปู่ จึงได้กระทำการสักการะ แล้วก็จากสถานที่นั้นไป
    ขณะที่หลวงปู่ตื้ออยู่ปฏิบัติภาวนาในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามดอยตามป่าต่างๆ นั้น ท่านมักจะเจอกับพวกกายทิพย์ และมีเหตุการณ์แปลกๆ มารบกวนการบำเพ็ญภาวนาของท่านเสมอ
    หลวงปู่ได้ใช้ความอดทนอดกลั้นเอาชนะด้วยการบำเพ็ญภาวนาไปทุกครั้ง
    พวกวิญญาณหรือกายทิพย์ทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนมากมักจะเป็นพวกที่อยู่เฝ้าสมบัติมีค่าต่างๆ เมื่อได้ทดสอบความมั่นคงทางจิตใจของหลวงปู่แล้ว วิญญาณเหล่านั้นก็จะบอกถวายสมบัติที่พวกเขารักษานั้นให้ แต่หลวงปู่ก็ไม่เคยสนใจ คงมุ่งหน้าแต่การปฏิบัติพระธรรมกรรมฐานเพียงอย่างเดียว
     
  9. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๓๕ f
    พุทโธช่วยให้พ้นภัยอันตรายได้
    ลูกศิษย์ลูกหาต่างก็เชื่อมั่นว่า นับตั้งแต่หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านบวชมาในพระพุทธศาสนาท่านก็ได้ดำเนินปฏิปทาในการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ไม่เคยรู้สึกท้อแท้ หลวงปู่ท่านบอกว่า
     
  10. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๓๖ f
    ถือเอาเสือเป็นอาจารย์กรรมฐาน
    เกี่ยวกับการผจญกับสัตว์ร้ายต่างๆ เช่นเสือ เป็นต้น ซึ่งพระธุดงค์ที่เดินทางในป่าดงในสมัยก่อน มักจะต้องพบเห็นอยู่เสมอ
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านถือว่า เสือเป็นอาจารย์ในการปฏิบัติกรรมฐาน คือมาช่วยสอน ช่วยเตือน ให้พระธุดงค์ไม่ประมาทในการบำเพ็ญเพียรของตน ต้องทำสมาธิภาวนาอย่างไม่ลดละ
    หลวงปู่ท่านว่า เสือคือเทพเจ้าที่คอยรักษาเอาให้ปลอดภัยจากการเดินธุดงค์ในป่าเขา ไม่ว่าเสือจริงๆ หรือเสือเทพเนรมิต เพราะเสือที่ท่านพบมักแสดงเหมือนกับรู้ภาษาคน
    หลวงปู่เล่าว่า
     
  11. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๓๘ f
    ผจญเปรตเจ้าที่
    ในการเดินจงกรมครั้งเดียวกัน ที่พระพุทธบาทบัวบก
    หลังจากงูใหญ่เลื้อยหายเข้าป่าไปแล้ว ทันใดนั้นเองก็ปรากฏเป็นคนร่างสูงใหญ่ กะว่าสูง ๑๐ วา มายืนกางขาที่ปลายทางจงกรมคล้ายกับจะคร่อมทางเดินไว้ แสดงท่าทางว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในถิ่นนั้น
    หลวงปู่ตื้อ ท่านเดินจงกรมตามปกติ แสดงท่าว่าไม่สนใจกับมันท่านบอกว่ารู้สึกขนพองสยองเกล้าขึ้นบ้างเล็กน้อย ปรากฏว่าเริ่มมีกลิ่นสาบสางเหม็นขึ้นมา และก็เหม็นมากขึ้นทุกที จนรู้สึกว่าจะทนไม่ไหว ไม่สามารถดับเวทนาตัวนี้ได้
    หลวงปู่ได้กำหนดจิตแผ่เมตตาให้มันก็ไม่เป็นผล ได้ออกปากไล่ให้มันหนีไป มันก็ยังทำเฉย แถมยังคงปล่อยกลิ่นสาบสางนั้นเช่นเดิม ท่านพยายามเดินจงกรมไปมา และกำหนดจิตไล่มันอยู่นานพอสมควร ก็ไม่ได้ผล ท่านยังยึดพุทโธอยู่ในอารมณ์ตลอดเวลา ตอนนี้จิตใจท่านไม่หวั่นไหวหรือเกรงกลัวมันเลย
    ในที่สุดหลวงปู่ก็หยุดเดิน แล้วพูดขึ้นว่า
     
  12. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๔๐ f
    เข้ากราบเรียนถามหลวงปู่มั่น
    ถึงตอนเช้า หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ก็เดินไปหาหมู่คณะที่อยู่ห่างออกไป ซึ่งมีหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พระอาจารย์ใหญ่เป็นประธานอยู่ ณ ที่นั้นด้วย
    พอหลวงปู่ตื้อ เข้าไปถึง หลวงปู่มั่นก็กล่าวทักว่า
     
  13. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๔๓ f
    วิญญาณชาวเผ่ากุยก่อมองกะเร
    อีกครั้งหนึ่งที่ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม บำเพ็ญเพียรอยู่ที่บ้านภูดิน ในคืนหนึ่งได้ปรากฏนิมิตเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่และตัวดำมาก ท่านว่า ดำยิ่งกว่าถ่านไฟเสียอีก ได้มาปรากฏอยู่ข้างหน้าท่าน แล้วก็พูดว่าอย่างไรก็ฟังไม่ชัด
    หลวงปู่ได้ถามกลับไปว่า
     
  14. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๔๖ f
    เจ้าที่ยังลองดีต่อไป
    ในคืนต่อมาแค่เวลาเพียง ๓-๔ ทุ่ม เท่านั้นเอง หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโมกำลังนั่งภาวนาอยู่ภายในกลดธุดงค์ ก็ได้ยินคล้ายเสียงฝีเท้าม้า เดินไปเดินมารอบๆ บริเวณที่ท่านนั่งอยู่ เสียงม้าเดินดังอยู่ที่ก้อนหินเป็นจังหวะ เสียงฝีเท้าม้าหนักเข้า เดินเข้ามาหามุ้งกลดของท่าน เสียงใกล้จนชิดมุ้ง
    หลวงปู่เลิกมุ้งกลดขึ้นดู ก็เห็นม้าสีขาวมีขนาดใหญ่เดินเสียงห่างออกไป ท่านเอามุ้งกลดลงแล้วนั่งภาวนาต่อไป
    เสียงม้ายังดังรบกวนแบบเดิมอยู่อีก หลวงปู่จึงออกจากมุ้ง แล้วมาเดินจงกรมแทน
    อีกไม่นานก็ได้ยินเสียงม้าเดินอีก แต่อยู่ห่างออกไป เสียงเดินยังดังอยู่รอบๆ ห่างๆ มันคงไม่กล้าเข้ามาใกล้ท่าน
    หลวงปู่คงเดินจงกรมเป็นปกติ ไม่นานนักเสียงฝีเท้าม้านั้นก็เงียบหายไป
    หลังจากนั้นอีกสักครู่ ปรากฏว่า ที่ทางเดินจงกรมของท่าน มีงูเลื้อยยั้วเยี้ยอยู่หลายสิบตัว จนหลวงปู่เดินจงกรมไม่ได้ พิจารณาดูงูเหล่านั้นล้วนมีสีดำสนิท ถ้าหากท่านเดินไป จะต้องเหยียบพวกมันอย่างแน่นอน
    หลวงปู่ จึงหยุดเดิน และยืนดูเฉยๆ บนทางจงกรมนั้น หลับตาเพ่งดูพวกงูเหล่านั้นว่าจะพบอะไรบ้าง
    หลวงปู่ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นค่อนข้างนาน ปรากฏว่ามีงูมามากขึ้นกว่าเดิม แต่พวกมันไม่ได้เลื้อยมาใกล้ท่านเลย อยู่ห่างท่านในช่วง ๑ วาเศษ เท่านั้น
    หลวงปู่ตั้งใจว่า จะต้องยืนอยู่ที่นั้นจนกว่าบรรดางูจะหนีไปหมด ท่านไม่ได้ให้ความสนใจกับพวกมันว่าจะมีมากหรือน้อยเพียงใด ยืนกำหนดจิตภาวนาอยู่อย่างนั้น
    ปรากฏว่ามีบุรุษคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น มาบอกหลวงปู่ว่า ขอให้ท่านเดินจงกรมต่อไปเถิด กระผมจะจับงูเหล่านี้ไปให้หมด จะเอาไปให้เป็นอาหารพญาครุฑ
    บุรุษนั้นเก็บเอางูทั้งหมดใส่ลงในถุงใบใหญ่ได้เกือบเต็มถุงแล้วก็เดินหายไป
    หลวงปู่มองดูที่เดินจงกรม ก็ไม่มีงูเหลืออยู่แม้แต่ตัวเดียว ท่านจึงออกเดินจงกรมต่อไป ตั้งใจว่าคืนนี้จะไม่นั่งและไม่นอน จะเดินและยืนภาวนาอยู่ในที่เดินจงกรมนี้จนสว่าง
    e ๔๗ f
    เจ้าที่ยังไม่ยอมลดละ
    หลังจากบรรดางูทั้งหลายหมดไปจากทางเดินจงกรมแล้ว หลวงปู่ก็เริ่มเดินจงกรมต่อไป เดินไปได้สักครู่ก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันประมาณว่ามี ๔-๕ คน หลวงปู่ไม่ได้สนใจว่าเขาพูดอะไรกัน เพียงแต่สักว่าได้ยินเท่านั้น ท่านยังคงเดินจงกรมต่อไป
    สักครู่เดียวก็เห็นคนเดินถือคบไฟลงมาจากก้อนหินใหญ่ด้านหน้าแล้วก็เลี้ยวขึ้นไปทางหลังเขา มีคนเดินตามหลังไปจำนวนหนึ่ง ท่านคิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่คุยกันเมื่อสักครู่นี้เอง คนเหล่านั้นเดินหายไป
    หลวงปู่เดินจงกรมต่อไปจนได้อรุณวันใหม่ จึงเตรียมตัวเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน แล้วกลับมาฉันที่โรงฉันตามปกติรวมกับพระองค์อื่นๆ
    ชาวบ้านได้เล่าให้พระอาจารย์ที่เป็นประธาน ณ ที่นั้นฟังว่า
     
  15. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๕๐ f
    หัวหน้าเทพเมืองลับแลมานิมนต์หลวงปู่
    เกี่ยวกับเรื่องเมืองลับแลที่เมืองหลวงพระบางนี้ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านให้ความเห็นว่า
     
  16. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๕๓ f
    การแสดงธรรมของหลวงปู่
    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม มีชื่อเสียงในการแสดงธรรมที่เป็นไปอย่างดุเดือด โลดโผน ใช้คำเทศน์ที่รุนแรงชนิดไม่เกรงกลัวใคร ผู้ที่รับไม่ได้ เห็นว่าท่านใช้คำหยาบคาย หรือเทศน์ไม่รู้เรื่องก็มี
    ท่านพระภิกษุบูรฉัตร พรหมฺจาโร ผู้บันทึกเรื่องราวของหลวงปู่ ได้เขียนถึงเรื่องการแสดงธรรมของหลวงปู่ ดังนี้ (ในบันทึกใช้คำแทนท่านว่า หลวงตา ซึ่งผู้เขียนเปลี่ยนมาใช้คำว่าหลวงปู่เพื่อให้สอดคล้องกับการเรียกขานในหนังสือเล่มนี้__ผู้เขียน)
     
  17. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๕๙ f
    น่าจะเป็นความอารมณ์ดีของท่าน
    พระอาจารย์ประยุทธ ธมฺมยุตฺโต เล่าอีกตอนหนึ่งว่า มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ไปร่วมประชุมสงฆ์ในกรุงเทพฯ ท่านพระเถระนั่งกันอยู่พร้อมแล้ว ยังขาดแต่สมเด็จพระสังฆราช ที่จะเสด็จมาเป็นองค์ประธานของการประชุม
    หลวงปู่ตื้อท่านไปถึงก่อน จึงเดินตรงจะไปนั่งตรงอาสนะที่เขาเตรียมไว้สำหรับสมเด็จฯ
    เจ้าหน้าที่เข้ามาร้องห้ามว่า ที่นี่เป็นที่ประทับของสมเด็จฯ ที่เสด็จมาเป็นประธาน หลวงตามาจากไหน นั่งไม่ได้นะ
     
  18. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๖๒ f
    การอุปัฏฐากครูบาอาจารย์
    หลวงพ่อเปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ได้อยู่จำพรรษากับ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดธรรมสามัคคี สมกับความตั้งใจ ท่านเล่าให้ฟัง ดังนี้
    ในระหว่างพรรษานั้น อาตมาก็ได้อยู่จำพรรษากับหลวงปู่ตื้อ สมความปรารถนา ดังนั้น การปฏิบัติตนในฐานะศิษย์ และได้อยู่ปรนนิบัติพระอาจารย์ตามฐานะและกำลังกาย จึงนับได้ว่ายอดเยี่ยม เป็นการแสดงความกตัญญูมากทีเดียว
    ข้อปฏิบัติต่อผู้เป็นพระอาจารย์ มีดังนี้ ๑. ต้มน้ำร้อน ถวายน้ำล้างหน้า ๒. ทำความสะอาดกุฏิ และเช็ดบาตร ๓. จะทำหน้าที่ต่างๆ ช่วยดูแลสอดส่องสิ่งของของครูอาจารย์ เช่น ซักจีวร ย้อมผ้าจีวร เป็นต้น ๔. ถวายการนวด กวาดลานวัด และทางเดินจงกรมถวายท่าน
    เวลาพิเศษสำหรับพระเณรลูกวัดก็เห็นจะได้แก่เวลาค่ำ ในเวลาดังกล่าว ครูบาอาจารย์จะหยุดพักผ่อนดื่มน้ำชาน้ำร้อน พระภิกษุ สามเณรต่างมาพร้อมกันที่กุฏิของท่าน
    สำหรับอาตมานั้น เป็นผู้อุปัฏฐาก จึงไม่เคยขาดการบีบนวด ถวายท่าน ก็ในระหว่างนี้เองหลวงปู่ท่านจะเทศน์ให้ฟังบ้าง สอนธรรมะ บ้าง สอนวิธีปฏิบัติที่ได้ผลมากๆ เช่น การละขันธ์ ๕ เพราะเป็นแนวทางแห่งความพ้นทุกข์จริงๆ
    พระเณรที่มีปัญหาขัดข้องในการปฏิบัติธรรมประการใดๆ ก็นำมาถามมาตอบกันในช่วงนี้เอง จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญและ ให้ประโยชน์มาก
    ในส่วนของอาตมา หลังจากถวายการอุปัฏฐากแล้ว ก็ออกไป บำเพ็ญภาวนาด้วยตนเองได้แก่ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา จะนอนหลับ จริงๆ ก็เพียงคืนละ ๒ ชั่วโมงเท่านั้น
    ความเคยชินของอาตมา จะนอนได้ไม่มากกว่านี้ คือ ๒ ชั่วโมง ถ้าพ้นจากนี้นอนไม่หลับ จะต้องตื่น ลุกขึ้นมาทำความเพียรทันที
    ในช่วงแรกๆ อาตมาทำความเพียรอย่างเคร่งครัดมาก ไม่มีเวลาจะมานั่งพูดคุยอย่างนี้หรอก
    อาตมาสังเกตตัวเองว่า ในพรรษานั้นจิตใจก้าวหน้าไปไกลทีเดียว ทั้งนี้เพราะได้พระอาจารย์ที่มุ่งมั่นหาทางพ้นทุกข์ และหลวงปู่ก็สอนเราอย่างหนักหน่วงจริงจังมากด้วย
    อาตมาเริ่มตามดูจิตใจที่ตกหายไปกลางทาง เริ่มเข้าเค้าความจริง จิตจะนิ่งดีมาก รู้ชัดเจน เมื่อรู้ทางดำเนินจิตก็ทำให้ปิติเป็นอันมาก มีกำลังใจปฏิบัติภาวนาให้หนักยิ่งขึ้น เช่น เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ แม้หลังเที่ยงคืนก็จะนั่งสมาธิไปจนเช้า เป็นต้น
    e ๖๓ f
    คิดอยากได้วิชาจากหลวงปู่
    เกี่ยวกับปฏิปทาของ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม นั้น หลวงพ่อเปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ได้เล่าไว้ ดังนี้
    อาตมาเคยสังเกตความอัศจรรย์ทางจิตของหลวงปู่ตื้อ เป็นอันมาก มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลังจากฉันเสร็จ วันนั้นไม่มีญาติโยมคนใดนั่งอยู่เลย อาตมาเห็นว่าสมควรจะได้นิมนต์ให้ท่านไปพักผ่อนกลับขึ้นกุฏิ พอออก ปากนิมนต์ หลวงปู่ก็พูดออกมาว่า
     
  19. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๖๖ f
    เกี่ยวกับการขบฉันภัตตาหาร
    [​IMG]การขบฉันภัตตาหารของพระป่ากรรมฐาน กับพระบ้านโดยทั่วไปนั้น ไม่ค่อยจะเหมือนกัน พระบ้านโดยปกติจะนั่งฉันเป็นหมู่ เป็นวงร่วมกัน และฉันจากจานหรือภาชนะต่างๆ หลายใบ
    ส่วนพระธุดงค์ หรือพระวัดป่าท่านจะฉันในบาตร คือจะพิจารณา แล้วจัดอาหารในส่วนที่ท่านต้องการใส่ลงในบาตร แล้วลงมือฉันเฉพาะในบาตร ต่างองค์ต่างฉันเงียบๆไม่พูดไม่คุยกัน ฉันเสร็จก็เก็บบาตร ลุกขึ้นไปไม่ต้องรอกัน
    ผู้เขียนขออนุญาตออกนอกเรื่องหน่อย คือ เกี่ยวกับเรื่องการฉันอาหารของพระสงฆ์นี้ ท่านเจ้าคุณพระโพธินันทมุนี ลูกศิษย์ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล แห่งวัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ท่านพูดกับผู้เขียนในลักษณะเปรียบเปรย ขำขันว่า
    เวลาดูพระท่านฉันภัตตาหาร ก็คล้ายกับการเล่นดนตรี คนเก่งก็เล่นหลายชิ้น คนไม่เก่งก็เล่นดนตรีชิ้นเดียวเงียบๆ พระป่าเวลาฉันก็เหมือนตีกลองอยู่ตรงหน้าเพียงใบเดียว นักดนตรีที่เก่งหน่อยก็ตี ระนาด ขยายไปถึงตีฆ้องวง ส่วนนักดนตรีที่เก่งก็บรรเลงกันเป็นวง และขยายเป็นวงใหญ่ๆ มีผู้ร่วมบรรเลงหลายคน ญาติโยมซึ่งเป็นคนชม ก็สนุกสนานครื้นเครงไปด้วย ---ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเขียน ก็กราบขออภัยด้วยครับ
    สำหรับ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ท่านเป็นพระที่แปลกกว่าพระเถระองค์อื่นๆ ซึ่งหลวงพ่อเปลี่ยนเล่าให้ฟัง ดังนี้
    มีอยู่วันหนึ่ง พระผู้ใหญ่รูปหนึ่งมาที่วัด พอถึงเวลาฉันพระอาจารย์ ท่านนั้นก็นั่งรอเฉยอยู่ หลวงพ่อเปลี่ยนก็กราบนิมนต์ให้ท่านฉัน ท่านก็บอกว่ารอหลวงปู่ตื้อก่อน หลวงปู่ยังไม่มา
    เมื่อพระผู้ใหญ่ไม่ลงมือฉัน พระลูกวัดก็ต้องนั่งรอไปด้วย ใช้ผ้าปิดบาตรนั่งภาวนารอนานพอสมควร หลวงปู่ตื้อท่านก็เดินขึ้นมา พอเห็นว่ายังไม่ได้ฉันกันเลย ท่านก็พูดว่า
     
  20. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    e ๗๒ f
    ปฏิปทาหลวงปู่ตื้อ หลวงปู่แหวน หลวงปู่สิม
    ในระหว่างที่หลวงปู่บุญเพ็ง กปฺปโก (ปัจจุบันท่านอยู่วัดป่าวิเวกธรรม อ.เมืองขอนแก่น) ได้ไปอยู่ภาวนากับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม นั้น ท่านได้เล่าถึงปฏิปทาครูบาอาจารย์ดังนี้ : -
    ประสบการณ์ที่เคยได้อยู่กับครูบาอาจารย์น่ะ รูปอื่นๆ เช่น หลวงปู่สิม น่ะ ท่านก็เป็นพระเถระที่เงียบๆ ไม่ค่อยจะพูดอะไรนัก เมื่อสอนธรรมะเท่านั้นที่หลวงปู่จะพูดสอนนานๆ ส่วนเวลาที่นั่งดื่มน้ำชาร่วมกับพระอื่นๆ ท่านพูดน้อยมาก ไม่ถามไม่ตอบ
    เมื่อได้อยู่กับหลวงปู่ตื้อ โอ...ท่านพูดเก่งมาก สอนธรรมะนี่ ทั้งวันทั้งคืนไม่จบสิ้น ฟังจนขึ้นใจ จำคำพูดของท่านได้หมด
    ส่วนหลวงปู่แหวนนี่ ท่านเงียบเลย ไม่ถามไม่ตอบ ไม่ถามไม่พูด อะไรเลย
    หลวงปู่ตื้อนั่นท่านพูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ พอค่ำมาก็นำทำวัตร สวดมนต์ ทำวัตรเสร็จท่านก็หันหน้ากลับมา ที่นี้ท่านจะเทศน์สอน การปฏิบัติทางจิตให้เกิดความสงบอย่างไร อะไรที่วุ่นวายท่านให้จับตัวนั้นให้ได้ มองดูภายใน พอได้เห็นชัดอย่างนั้น ก็สามารถกำหนดความดีเข้าสู่จิตใจได้แล้ว ท่านว่าอย่างนั้น
    หลวงปู่ตื้อ ท่านเทศน์เท่าไรๆ อาตมานั่งฟังได้ตลอด จะเป็น ๒ ชั่วโมง หรือ ๓ ชั่วโมง ก็สุดแท้แต่ สามารถนั่งฟังได้ตลอดเวลา
    e ๗๓ f
    ต้องเทศน์สอนตัวเองด้วย
    หลวงปู่บุญเพ็ง กปฺปโก เล่าต่อไปว่า : -
    อยู่กับหลวงปู่สิม พุทฺธจาโรที่วัดสันติธรรมในตัวเมืองเชียงใหม่ ๒ พรรษา (พ.ศ. ๒๕๐๓-๒๕๐๔) มีโอกาสได้ไปฟังเทศน์หลวงปู่ตื้อ เพื่อแลกเปลี่ยนคำสอนและสถานที่อยู่หลายครั้ง
    อย่างกับในฤดูหนาวอีกปีหนึ่ง พอนั่งสมาธิได้ เอาผ้าคลุมศีรษะไว้ เพราะมันหนาวจริงๆ เย็นเฉียบเลย นั่งนิ่ง พอจิตมันรวมแล้ว อะไรก็ช่าง หนาวก็ไม่รู้จัก ร้อนก็ไม่วุ่นวาย ทำความเพียรตลอด
    หลวงปู่ตื้อ ท่านก็เทศน์ ๒-๓ ชั่วโมงเลยเหมือนกัน ท่านเทศน์นะ ท่านสอนตัวของท่านเองด้วย ท่านอธิบายว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...