ประสบการณ์ การฝึกเจริญสติ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย solardust, 3 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    เหมือนเดิมนะครับ เล่าให้ฟังเฉยๆ ให้อ่านเล่นๆ ว่าฝึกมาแล้วเจออะไรแปลกๆมาบ้าง
    แล้วก็เหมือนเดิมนะครับ ไม่ได้บอกว่า นี่ถูกหรือผิด แค่เอามาให้อ่านเล่นๆว่า ไปทำอะไรมาแล้วไปเจออะไรมาบ้าง

    ------------------------------------------------------------------------------------

    เรื่องเริ่มที่สมัยหนุ่มๆ (อีกแล้วนะครับ) ได้ไปอ่านพระไตรปิฏกฉบับย่อเข้าบทหนึ่ง
    ประมาณว่า
    ผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน 4 นั้น
    อย่างเร็ว บรรลุอนาคามีผล หรือ อรหัตผล ภายใน 7 วัน
    อย่างกลาง บรรลุอนาคามีผล หรือ อรหัตผล ภายใน 7 เดือน
    อย่างช้า บรรลุอนาคามีผล หรือ อรหัตผล ภายใน 7 ปี

    ก็เลยเกิดสนใจว่า สติปัฏฐาน 4 คืออะไร
    ก็เลยเสิร์ชฃ้อมูลเอาจาก 84000.org
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2014
  2. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    อ่านเอาตามนี้แหละครับ

    ตอนเริ่มนั้น แค่อ่านก็มึนแล้ว เนื่องจากลักษณะภาษาในพระไตรปิฏก อ่านค่อนข้างยาก
    อ่านผ่านๆแค่พอเอาไปคุย ก็พอได้อยู่ แต่อ่านเอาเรื่องเอาไปทำตามนี่สิ...บ่องตง...มึนไปหลายตลบ

    สมัยนั้นก็เข้าไปถามในเว็ปธรรมะต่างๆ ว่าทำกันยังไง ได้ผลอะไรบ้างจากการฝึก
    คำตอบที่ได้มาก็สารพัดจะไปคนละทิศ แต่พอสรุปได้อย่างนึง ก็คือ
    ไปทีละบรรพ เริ่มจากอานาปานบรรพ จบตัวหนึ่งก็ไปอีกตัวหนึ่ง ต่อไปเรื่อยๆ จนจบ ธรรมานุปัสสนา ตัวสุดท้าย

    ได้คำตอบมาปุ๊บ เราก็ไปเปิดบรรพแรกทันที เริ่มเลยนะครับ(ไฟมันแรง) นั่งตัวตรง กำหนดการรับรู้ตามอยู่แค่ลมหายใจเข้าออก
    ไปเรื่อยๆนะครับ แล้วก็พบว่ามันไม่ไปถึงไหน...

    ได้แค่เข้ายาวออกยาว เข้าสั้นออกสั้น กองลมคืออะไรก็ไม่รู้ ระงับกายสังขารคืออะไรก็ไม่รู้ งง มึน ตัน
    เข้าไปถามในเน็ตใหม่ ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน คือผู้หวังดีเยอะ แต่ผู้รู้ที่ให้คำตอบได้จะๆ...ไม่มี
    ประมาณว่านักอ่านเยอะ นักตีความเยอะ แต่คนที่ทำแล้วได้เห็นผลมาบ้าง สามารถเอามาเล่าสู่กันฟังได้ ในตอนนั้นไม่เจอเลย

    ทำยังไงล่ะทีนี้ บรรพแรกก็ล่มซะแล้ว ก็เริ่มเสิร์ชหากลุ่มคนที่ฝึกสติตามเน็ต
    ก็พบว่า มีหลายกลุ่มไม่ได้เริ่มจาก บรรพแรก ไปเริ่มบรรพที่สองบ้าง ที่สามบ้าง
    เราก็เลยหยุดบรรพแรก โดดไปบรรพอื่นซะเลย

    นับว่าโชคดีนะครับ ถ้าไปตั้งเป้าว่าต้องจบบรรพแรกซะก่อน อย่างเร็วคงใช้เวลาหลายปีแน่กว่าจะขึ้นบรรพสอง
    ทำไมเหรอครับ
    จะรู้กองลมทั้งปวงได้ จะเริ่มรู้ที่อุปจารสมาธิ จะรู้ชัดที่ฌาน 1
    กายสังขารระงับนี่ ยิ่งหนักไปใหญ่ มันจะไประงับที่ฌาน 4
    คิดเอาแล้วกัน ถ้าจะเอาบรรพแรกให้จบก่อน จะใช้เวลาขนาดไหน (ผมคิดของผมเองนะครับ ห้ามเลียนแบบ !!!!)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2014
  3. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    พอตกลงใจว่าจะแหกคอกจากที่เพื่อนๆในเน็ตแนะนำไว้ ก็พบว่า
    เราฝึกอสุภะอยู่แล้ว นวสีวถิกาบรรพ เราก็ข้ามไป
    เราฝึกจตุธาตุวัฏฐานอยู่แล้ว ธาตุบรรพ เราก็ข้ามไป
    เราฝึกกายคตาสติอยู่แล้ว ปฏิกูลบรรพ เราก็ข้ามไป
    อานาปานุสติเราก็ฝึกอยู่ถึงแม้ไม่ได้เรื่องเราก็ฝึกอยู่เรื่อยๆ อานาปานบรรพ เราก็ข้ามไป
    ตกลงเหลือสองบรรพ ยังไม่เคยฝึกคือ อิริยาปถบรรพ กับสัมปชัญญบรรพ

    ก็เลยเอาสองบรรพนี้มาอ่าน แต่อ่านแล้วไปเข้าใจว่า อิริยาปถเป็น subset ของ สัมปชัญญ
    ก็เลยฝึกสัมปชัญญตัวเดียว เนื่องจาก อิริยาปถ นั้นให้มีสติรู้อยู่กับ การ เดิน ยืน นั่ง นอน ส่วนสัมปชัญญนั้น นอกจาก เดิน ยืน นั่ง นอน แล้ว ยังมีตัวอื่นอีกด้วย
    ตกลงหมวดกายานุปัสนา ฝึกตัวเดียวจบ เนื่องจากเหตุผลข้างต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2014
  4. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    หมวดกายานุปัสนานั้น
    เริ่มตอนแรกจะมั่วได้ใจมาก พออะไรขยับก็ไปกำหนดรู้ตามที่จุดนั้น เสียเวลาไปสองสามวัน จับอะไรไม่ได้ซักอย่าง
    พอดีไปเจอพระองค์หนึ่งทางทีวี ถ้าจำไม่ผิดพระท่านชื่อ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (ถ้าจำผิดขออภัยอย่างแรง)
    ท่านบอกว่าท่านสอนให้คน ขยับแขนขึ้นลง แล้วก็เอาสติไปจับ ไปรับรู้ อยู่แค่แขนข้างนั้น
    เราฟังปุ๊บ ก็รู้ปั๊บว่า กำหนดรู้อยู่แค่แขนข้างเดียวก็พอ ขยับก็รู้ว่าขยับ นิ่งก็รู้ว่านิ่ง
    ประมาณสอง ถึงสามวัน ขอบเขตุของความสามารถในการกำหนดรู้ก็กว้างขึ้น กว้างขึ้น จนรู้ทั่วตัวตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าในขณะเดียว
    แต่เป็นการรู้เบาๆนะครับ ไม่ได้เหมือนฌานสาม ที่แน่นหนึบรู้สึกตัวตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า แล้วไม่เอาอย่างอื่นเลย

    อาการอีกอย่างนึงตอนนี้ที่เจอก็คือ เวลาเดินไปเจริญสติไป จะรู้สึกเหมือนมีเราสองคน หนึ่งคนเดินแบบมีสติ หนึ่งคนตามดูไม่คลาด อยู่ห่างๆประมาณ 1ฟุต ออกไปทางท้ายทอย
    ความที่ฝึกกรรมฐานอื่นๆคู่ไปด้วย ตอนนี้เลยเข้าฌาน 3 ได้นิ่มๆ แบบไม่ต้องตั้งท่ามาก

    ตัวอย่างเช่น ขึ้นรถเมล์ จ่ายค่าตั๋ว หาที่นั่งมุมๆหน่อย เอาหัวพิงขอบหน้าต่าง ขาข้างนึงลงพื้น อีกข้างชันเข่าขึ้นมาดันเบาะหน้าเบาๆ กอดอกหลวมๆ เอียงหัวไปทางหน้าต่างรับลมนิดๆ
    หลับตาปุ๊บ เข้าฌาน 3 ปั๊บ อีก 2-3นาที ก่อนถึงที่หมาย จะรู้สึกว่าต้องลืมตาแล้วนะ(มันจะรู้สึกของมันเองนะครับว่าลืมตาได้แล้ว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน) ก็ลืมตาแล้วก็ลงรถ
    ง่าย แบบไม่มีใครรู้ด้วยว่าเราทำอะไร เพราะการฝึก สัมปชัญญบรรพ ทำให้เราชินกับการเข้าสมาธิท่าไหนก็ได้ ไม่ต้องนั่งขัดสมาธิ
     
  5. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    เวทนานุปัสนา
    ตั้งใจฝึกเป็นตัวที่สอง ตัวนี้ตอนฝึกก็มั่วนะครับ คืออ่านแต่หัวข้อ แล้วก็ไปแปลเวทนาว่า อารมณ์
    เวลาฝึกก็เลย พอมีอารมณ์โกรธ ก็นั่งดูมันตั้งแต่เกิดจนดับ มีอารมณ์ทางเพศ ก็นั่งดูมันตั้งแต่เกิดจนดับ มีอาการฟุ้งซ่าน ก็นั่งมองมันตั้งแต่เกิดจนดับ
    ถ้าใครอ่านมหาสติปัฏฐานสูตรมานะครับ ตัวที่กำลังฝึกอยู่เนี่ย ท่านเรียก จิตตานุปัสนา
    มั่วตั้งแต่เริ่ม...ความโง่ไม่เคยปราณีใคร...

    จิตตานุปัสนา
    ตั้งใจฝึกเป็นตัวที่สาม ตัวนี้ไปฝึก ตอนฝึกสมาธิ
    เนื่องจากในหนังสือฝึกสมาธิ ท่านสอนเรื่อง จิตมีสุข จิตมีอุเบกขาไม่ทุกข์ไม่สุขที่นี่ เราก็เลยเข้าใจว่า ถ้าดูสุข ดูทุกข์ ดูเฉย มันคือจิตตานุปัสสนา
    แต่ที่จริงตัวนี้คือ เวทนานุปัสนา

    โชคยังดี ที่ไม่ได้ฝึกแค่ตัวเดียว ถึงจะจำชื่อบรรพสลับกัน แต่ก็ฝึกทุกตัวไปพร้อมๆกัน เลยรอดมาได้
    ร่างกายเคลื่อนไหวก็ดูกาย
    ราคะ โมหะ โทสะ เข้า ก็ดูจิต
    สุข ทุกข์ เฉย เข้า ก็ดูเวทนา
    กรรมฐานอีกสารพัดกองก็ฝึกควบไปด้วยตามปรกติ

    อยู่มาวันหนึ่ง ตอนจะออกจากสมาธิ ก็รู้สึกว่า เห็นจิตผุดขึ้นมาเป็นดวงกลมๆ ขนาดเท่าจานข้าวได้
    เราก็ดูมันไปเรื่อยนะครับ ก็สังเกตุว่า มันไม่ได้กลมอย่างเดียว
    เวลาออกจากสมาธิใหม่ๆ มันก็กลมขาวใส
    พออารมณ์เริ่มเบื่อๆ มันก็ออกหม่นๆ
    พอมีเรื่องดีใจ ผิวนอกมันมีอาการเหมือนกระพือ ดูฟูๆ
    พอเริ่มจะห่างจากความดี มันจะเริ่มดูมืดๆ เป็นต้น

    สมัยนั้นก็เลยเอาอาการแบบนี้เป็นตัววัด ว่าเมื่อไรควรจะนั่งสมาธิ ถ้าออกหม่นๆ ทึมๆ ฟุบๆ ลงไปแบบไม่มีสาเหตุละก็ สมาทานศีลแปด เข้าห้องพระเก็บตัวนั่งสมาธิไปเลย
    พอมันใสๆ นิ่งๆ ไม่ฟุบ ไม่ฟู อยากไปทำอะไรก็ไป พอเริ่มออกอาการด้านลบ ก็เก็บตัวใหม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2014
  6. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    อยู่มาวันนึง
    ก็มีอาการแปลกๆเกิดขึ้น เริ่มเห็นภาพสโลว์โมชั่น แรกๆก็งงนะครับ แต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไร สนุกดี
    อาจเป็นเพราะว่า อาการนี้เกิดหลัง อาการมีสติตื่นอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกำลังกรนหลับน้ำลายไหลยืดก็ตาม
    อาการที่บังคับตัวเองในความฝันได้ และอาการที่กายทิพย์เริ่มหลุดออกมานอกกายเนื้อ ก็เกิดก่อนตัวนี้ ก็เลยไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไร
    ตอนหลังถึงเข้าใจว่า มันเกิดขึ้นเพราะความว่องไวเฉียบคมของสติที่เราฝึกเล่นๆทุกๆวัน

    ตอนนั้น จะเริ่มเห็นผู้คนรอบๆตัว ขยับแบบโสลว์โมชั่น
    เวลาพูด จะเห็นเสียงวิ่งเป็นคลื่น ค่อยๆขยับเป็นวงเข้ามาใกล้ๆ
    พอเสียงมากระทบหู จะรู้สึกว่าหูจะส่งผ่านความสั่นสะเทือนผ่านอะไรซักอย่างหยุ่นๆคล้ายๆวุ้น ลงไปที่ดวงกลมเท่าจานข้าวที่กลางตัว

    คือจะรู้สึกเหมือน ดวงกลมนั้นตั้งอยู่กลางตัว แช่อยู่ในอะไรซักอย่างคล้ายก้อนวุ้นหยุ่นๆ ที่ถูกอัดแน่นอยู่ใต้ผิวหนัง ตั้งแต่หัวจรดเท้า

    หลังจากที่ข้อมูลจากภายนอก ถูกส่งผ่านไปกระทบ ดวงกลมแล้ว
    ดวงกลมจะมีอาการตอบกลับสามอาการ คือ ชอบ เฉย ชัง
    ความรุนแรงในการตอบกลับจะมีสามระดับ คือ เบา กลาง หนัก
    ระดับเบา จะมีความคิดต่อสิ่งกระทบนั้น ผุดขึ้นในหัว
    ระดับกลาง จะตอบโต้สิ่งกระทบนั้น ออกทางปาก
    ระดับหนัก จะตอบโต้สิ่งกระทบนั้น ออกทางกิริยาอาการอื่นๆทางกาย เช่น หัวเราะบ้าง กระโดดบ้าง ทุบโต๊ะบ้าง เป็นต้น

    เห็นปุ๊บ รู้สึกทันทีนะครับ ว่ามันลวง หลอกลวงทั้งนั้น ของจริงมีอย่างเดียวคือไอ้ดวงกลมกลางอกนั่นแหละ

    แต่เนื่องจากอาการแบบนี้ จะโผล่ออกมาบางครั้งบางคราว คล้ายกับการถอดจิต หนักกว่าด้วย
    ถอดจิตนี่ยังมีลุ้น ว่าเข้าฌาน 4 ไปแป็บนึง ถ้าไม่นิ่งสนิทก็หลุดออกมาได้ เรียกว่า 50:50
    แต่อาการแบบนี้นี่ นึกจะมาก็มา นึกจะหยุดก็หยุด จับต้นชนปลายไม่ได้ว่า มาได้ยังไง หยุดไปเพราะอะไร
    ก็เลยไม่ได้พัฒนาอะไรต่อ

    หลังจากนี้นะครับ ก็มีความคิดว่า เราจะไปอยู่ป่าดีกว่า ชีวิตในเมืองไม่เหมาะกับเรา
    จากนั้นก็ตัดสินใจไปอธิษฐานขอมีคู่ มีครอบครัว กับพระพุทธรูปที่บ้าน......ทำไปได้นะครับ.....ทำไปได้
    รายละเอียดก็ไปอ่านเองในกระทู้เกี่ยวกับการอธิษฐาน ของผมนะครับ อยู่ตอนท้ายๆในนั้นแหละ

    การฝึกสติแบบมั่วๆของผมก็มาได้แค่นี้แหละครับ ได้เมียปุ๊บ กรรมปรามาสพระรัตนตรัยตามทันปั๊บ
    เล่าให้อ่านเล่นๆ เผื่อใครจะมีลูกฮึด เจริญสติ ทำความรู้สึกตัวแบบไม่ขาดสาย ตลอด 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน ทุกๆวันบ้างนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2014
  7. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    ชอบครับชอบ
     
  8. น้ำเกลี้ยง

    น้ำเกลี้ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +505
    อานุโมทนาครับ เพิ่งไปตามอ่าน series อื่นครบ สาธุๆ ที่แบ่งปันกัน
     
  9. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เหอะๆ เพิ่งอ่านเจอคนที่ถนัดทั้งเจริญสติและทำฌาน ถึงจะดูเหมือนมั่วและทำเล่นๆ แต่กลับเห็นผลก้าวหน้าอย่างมาก ..เรากำลังคิดอยู่เหมือนกันว่า กรรมฐาน40กอง ต้องเลือกทำให้ตรงกับจริต แค่วิธีเดียวรึป่าว?

    น่าจะเล่าต่อว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรื่องของคุณน่าสนใจมากๆ การเล่าเรื่องน่าติดตามด้วย ขอบคุณมากๆนะ เดี๋ยวเราจะไปตามอ่านหัวข้ออื่นๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...