ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. มดเขียววีสาม

    มดเขียววีสาม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +7
    เรียนคุณเกษม
    เข้าใจว่าคุณกําลังเข้าใจผิดอยู่ ถ้าเช่นนั้นก็ต้องขอโทษด้วยที่สื่อไม่ตรงความหมาย
    เข้าใจว่าว่าคุณชยุตไม่ทราบตามที่คุณเกษมบอก จึงไม่ถือโทษโกรธแต่ประการใด
    เพียงแต่อธิบายไปตามที่ผมกล่าวไว้เช่นนั้น
    ถ้าเช่นนั้นก็ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สุภาพนัก ด้วยความรีบเร่งในการโพสท์จึงไม่ได้ต้องการจะข่มขู่แต่อย่างใด
    อย่างนั้น,ก็ใคร่ขอความกรุณาให้คุณชยุตคิดตามที่เห็น และปฏิบัติตามสิ่งคุณเห็นว่าสมควรดีแล้ว จักปฏิบัติแล้ว เถิด
    เนื่องด้วยผมจะไม่กล่าวยําอีกแล้ว
    ขอบคุณครับ
     
  2. ppinter

    ppinter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +289
    ฝันครับ เมื่อคืนฝันว่าน้ำไหลบ่าแรงมาก ...ทางกาญจนบุรีมีคนตายร่วม2000คน แปลกมากไม่เคยฝันอะไรที่มีองค์ประกอบที่ใหญ่โตอย่างนี้
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรียนคุณชยุต

    เราควรให้ความเคารพในบทประพันธ์ของคุณนฤดลนะครับ เมื่อเจ้าของไม่อนุญาตก็ลบออกไปเถอะครับ แล้วไปหาแหล่งความรู้อื่นๆ มาโพสใหม่ก็ได้ครับเพราะยังมีผู้รู้คนอื่นที่เต็มใจให้ความรู้เหล่านี้อีกหลายท่านครับ

    สำหรับเรื่องความฝันของคุณ ppinter ก็น่าสนใจครับ เพราะเท่าที่ผมค้นหาข้อมูลเรื่องภัยพิบัตินี้ ก็มีหลายท่านฝันเกี่ยวกับน้ำท่วมใหญ่คล้ายๆ กันรวมทั้งตัวผมเองเมื่อเร็วๆ นี้ก็ฝันเห็นน้ำท่วมใหญ่เหมือนกัน ในฝันเห็นกระแสน้ำไหลบ่ามาอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวแทบไม่ทัน มองไปทางไหนก็เห็นแต่น้ำล้อมรอบไปหมด ตกใจตื่นขึ้นมายังคิดว่าตัวเองคิดมากเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติจึงเก็บเอาไปฝัน........ ใครมีความฝันแปลกๆ ก็มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับเพื่อเป็นความรู้ เอาไว้เตรียมรับมือกับภัยที่อาจจะเกิดขี้นในเร็วๆ นี้
     
  4. saratee

    saratee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +22
    It is so boring to read them. Why does everybody want to be GOD ? Do you know what is the real big duty of being god ? Do you can take it ? It is not to wash the world with water only . It is not duty of prime minister. It is not just to use the laser to wash and kill the bad people . I dont understant what you think to be and do for this world.
     
  5. อักขรสั จร

    อักขรสั จร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +343
    ฝรั่งบุก!!!!
     
  6. saratee

    saratee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +22
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรื่องเล่าของนิมิตฝัน

    นิมิตฝันนี้ผมได้รับรู้มาจาก ผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งซึ่งผมไม่ขอเอ่ยนามนะครับ เป็นเรื่องของความฝันเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ผมจึงขออนุญาตนำเนี้อความในฝันนั้นมาเล่าให้ท่านฟังดังนี้ครับ (ขอย้ำว่าเป็นเรื่องของความฝันเท่านั้นนะครับ)

    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

    เรื่องสุบินนิมิตของผมนั้น จริง ๆ แล้ว ก็ไม่ต่างจากไปจากนวนิยายชวนฝันทั้งหลายหรอกครับ เพราะเป็นเพียงแค่ภาพที่เห็นจากความฝัน มิใช่สมาธินิมิตจริง ๆ ดังนั้นเรื่องราวที่เกิดจากความฝันของผม ขอคุณเกษมฟังเป็นนิทาน นะครับ

    ก่อนอื่นขอเล่าถึงเหตุแห่งสุบินนิมิตก่อนครับ.....คือเวลานอน ผมนอนทำสมาธิแล้วก็ก้าวลงสู่ความหลับ ซึ่งบางครั้งก็ฝัน บางครั้งก็ไม่ฝันครับ...ความฝันที่เกิดต่อจากจิตสงบแล้วก้าวลงสู่ความหลับ...จึงเป็นสุบินนิมิต (ซึ่งก็คือความฝันอยู่ดีครับ) บางครั้ง หากผมอยากเห็น ผมก็อธิษฐาน หรือตั้งใจอยากเห็นอย่างแรง แล้วค่อยนอนครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฝันเห็นทันทีหลังจากอธิษฐานนะครับ จะฝันเห็นอย่างนั้นก็ต่อเมื่อ จิตของผมคลายจากความอยากนั้นแล้ว คืนต่อ ๆ มา ไม่คืนใดก็คืนหนึ่ง เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ก็จะฝันเห็นเองครับ...เช่นเคยอธิษฐานขอเห็น นาค นารีผล รุกขเทวดา เป็นต้น

    คร่าว ๆ คือ ฝันเห็นช่วงเกิดภัยพิบัติ ทั้งจากคน ทั้งจากธรรมชาติครับ เช่น

    ฝันเห็นความหนาวมาก หนาวระดับน้ำแข็งเกาะต้นไม้(เกิดหลังใช้อาวุธร้าย),

    ฝันเห็นน้ำท่วมใหญ่สูงระดับตึกสิบสองชั้น บ้าง น้ำท่วมหลากไหลนองเต็มทุกพื้นที่ที่ไม่สูง บ้าง (ฝนตกหนักนาน),

    ฝันเห็นความร้อน แล้ง ไม่มีอาหารจะกิน คนเป็นกินคนตาย..คนที่ไม่ตายก็ถูกฆ่าเป็นอาหาร...(ในกลุ่มคนบาปเอง จะรวมกลุ่มกันเองแล้วกินกันเอง...กลุ่มผู้มีศีล ถือศีลอดอาหารยอมตาย ไม่ยอมกินใครก็มี)...ทั้งเห็นเขาเอาแขนคนขาคน ซี่โครงคน มาแขวนแลกข้าวของ ตามข้างทาง...

    ฝันเห็นแผ่นดินไหว, ตึกถล่ม, บ้านทรุดหายไปในดิน, คนที่อยู่ชายหาดหายไปกับน้ำ, เห็นลำแสงจากฟ้าฟาดลงพื้น จนดินแยก น้ำทะเลล้นกระแทกตึกถล่มไล่ทะลายล้มเป็นทิวแถว

    ฝันเห็นสงครามหลายครั้ง ทั้งทหารไล่ยิงคนตามภาคพื้นบ้าง ทั้งเครื่องบินบินเต็มท้องฟ้าทิ้งระเบิดสังหารบ้าง

    ฝันเห็นแดนเร้นภัยต่าง ๆ

    ฝันเห็นเจดีย์ทองอันสวยงามสูงเสียดฟ้า เห็นวิหารเจดีย์ที่จมอยู่ใต้น้ำ เห็นทำเลเมืองใหม่ (เปิดตามองภาพจากอากาศ) เห็นสถานที่มุรธาภิเสกที่มีอยู่แต่ผีบังไว้หรืออยู่อีกมิติหนึ่ง ซึ่งมีหุ่นพยนต์ยักษ์รักษาไว้อยู่(ในฝันมีพระอาจารย์บุญพาเข้าไป)...แสดงว่าของทั้งหลายปัจจุบันโดยมากมีอยู่ มีเกิดขึ้นแล้ว แต่เทวดาปิดบังไว้อยู่........เป็นต้น

    นับตั้งแต่ช่วงก่อนปี2000 ผมมักจะฝันเห็นสถานที่แปลก ๆ ฝันเห็นเจ้าลัทธิต่าง ๆ เช่นพวกเข้าทรง รวมถึงสำนักพระศรีอาริย์ทั้งหลาย ฝันเห็นพระที่เป็นมิจฉาทิฏฐินำพาคนไปสู่มิจฉาทิฏฐิดุจตน ฝันเห็นพระเกิดความโลภครอบงำ..เป็นต้น แล้วในฝันนั้น ๆ ตนเอง เข้าไปพยายามขัดขวาง แต่ก็สู้ไม่ค่อยได้ หลาย ๆ ครั้งในฝันต้องนั่งสมาธิเอาตัวรอดและก็รอดได้ทุกครั้ง และหลาย ๆ ครั้งในฝันก็ตั้งจิตอธิษฐานขอบำเพ็ญตนเพื่อเป็นคนหนึ่งที่จะสะสางชำระและรักษาพุทธศาสนาให้ผุดผ่อง

    ซึ่งความฝันเหล่านี้ ก็ทะยอยเล่าให้คุณทลิททกะฟังโดยลำดับ คุณทลิททกะ มีแนวทาง อุดมการณ์คล้าย ๆ กันจึงสามารถรับฟังเรื่องราวที่คนทั้งหลายเห็นว่าไร้สาระ ว่าเป็นเรื่องมีสาระได้ คนทั้งหลายฟังเรื่องธรรมะได้น้อย ธรรมะเป็นเรื่องของหัวจิตหัวใจ ไม่ใช่วัตถุนิยมซึ่งคนปัจจุบันส่วนใหญ่ไหลตามอยู่ การหามิตรสหายพูดคุยสนทนา รับฟังเรื่องธรรมะ จึงยากยิ่ง ยิ่งหากเป็นธรรมะที่ลึกลงไปในหมวดจิตใจ หมวดกรรมฐานด้วยแล้ว ยิ่งหายากขึ้นไปใหญ่ คุณทลิททกะ เป็นสหายธรรมที่ผมสามารถสนทนาเรื่องเหล่านี้ได้

    ผมตระหนักอยู่เสมอว่า ตนเองเกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว ได้นับถือพุทธศาสนาจนสุดใจ มีโอกาสศึกษาพระไตรปิฎก มีครูอาจารย์ทางกรรมฐานที่จบกิจแล้ว มีธรรมิกสหาย...เหล่านี้นับว่า เป็นโชคดีอย่างยิ่ง เป็นโชคดีที่ไม่ใช่โชคลางบังเอิญ แต่เป็นโชคดีที่ตนเองเสาะแสวงหา ตั้งจิตอธิษฐาน และสั่งสมปัจจยกรรมนี้มายาวนาน

    หากตัวเราเองแค่คิดว่า เราเดินทางมาเพียงนี้ ถือว่าโชคดีพอแล้ว พอล่ะเราจักหยุด หยุดรอ รอคอยสิ่งดี ๆ ทั้งหลาย...นี่นับว่าเสียโอกาสที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพุทธศาสนา...ตัวเราเอง พึงใช้ร่างนี้ ใช้ชาตินี้ ใช้ร่างอื่น ชาติอื่น ตราบเท่าที่ยังไม่เข้านิพพาน คอยจรรโลงพระพุทธศาสนา น่าจะเป็นการสร้างปัจจยกรรมที่ดีกว่า ที่ดีขึ้น อันเป็นไปเพื่อประโยชน์ตน และประโยชน์สรรพสัตว์ทั้งหลาย

    มีพุทธภาษิตซึ่งมีความหมายว่า " การนอนเฉย ๆ ดีกว่าการทำบาป แต่การนอนเฉย ๆ ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าเดิมเลย มีแต่ร่างกายจะบริโภคของเก่าไปเท่านั้น...."


    คำนึงถึงพุทธภาษิตนี้แล้ว จึงคิดว่า ตนเอง พึงทำตนให้เป็นประโยชน์ ทำตนเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะช่วยให้ล้อหมุนไปได้ ช่วยให้เครื่องจักรอุปกรณ์อื่น ๆ ทำงานได้....จึงได้อธิษฐานตนเป็นผู้หนึ่งที่จะรักษาพุทธศาสนา

    นอกจากผมจะฝันเห็นความเสื่อมแห่งพุทธศาสนิกชนอันเกิดจากปัญญาด้อยศรัทธาน้อยแล้ว ผมได้ฝันเห็นภัยพิบัติต่าง ๆ ผู้คนตายมากมาย....ผมจึงได้อธิษฐานตัวเองเป็นผู้หนึ่งที่จะช่วยผู้อื่น (ทั้ง ๆ ที่ตนก็ไม่รู้ว่าตนจะรอดหรือไม่) แต่ด้วยใจเมตตาเป็นทุนเดิม จึงตั้งใจไว้เช่นนั้น

    ผมเองเข้าใจว่า ภัยพิบัติใหญ่ จะเกิดขึ้นแน่นอน และตอนนี้ก็กำลังคืบคลานรุกเข้ามาเรื่อย ๆ และผมก็เข้าใจว่า คงมีผู้คนอีกมากมายคิดคล้าย ๆ ผม อยากให้โลกสงบสุข อยากให้โลกมีแต่คนดี ๆ มีเมตตา มีมุทิตา ไม่โลภ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่รังแกกันและกัน

    ซึ่งก่อนนี้ ด้วยเมตตาธรรม และกรุณาธรรม ผมคิดจะช่วยผู้อื่นโดยเฉพาะเหล่าญาติสนิทมิตรสหายให้รอดจากภัยพิบัติต่าง ๆ ด้วยอิทธิฤทธิ์ของตน จึงพยายามบำเพ็ญตนเพื่อให้สามารถทำได้ดังนั้น แต่ต่อมากลับมองเห็นการช่วยเหลือแบบนั้น เป็นวิธีการไม่ชอบธรรม เนื่องเพราะว่า คนเราจะอยู่จะตาย ก็ด้วยกรรมของตนบริโภคกรรมของตนเท่านั้น สัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม นั่นคือ หากเราช่วยผู้คนที่มีศีลไม่ดีงามพอ มีคุณธรรมไม่งามพอ ให้รอดชีวิตจนเป็นชาวประชาแห่งเมืองใหม่แล้ว ผู้คนเหล่านั้น จักอยู่ลำบากเอง เพราะธรรมตนไม่เหมาะสมกับธรรมของคนส่วนใหญ่ เปรียบเสมือนให้คนไม่ชอบเข้าวัดฟังธรรมไปอยู่ในวัดฟังธรรมทั้งวัน เขาย่อมทนอยู่ไม่ได้ ฉะนั้น นี่อย่างหนึ่ง จักอยู่สร้างความลำบากให้คนดีคนอื่น เพราะธรรรมชาติของตนเป็นคนไม่ค่อยดีอยู่ก่อนแล้ว นี่อย่างหนึ่ง ผู้คนเหล่านี้ จักสร้างความปั่นป่วนให้เมืองใหม่ได้

    แต่หาก กรรมของตนของตน เป็นผู้จำแนก คัดสรร จัดสรรแล้ว กลุ่มของสรรพสัตว์ จะเกิดการแบ่งอย่างชัดเจน คนที่รอดชีวิตก็จะรอดได้ด้วยกรรมของตนเองเป็นปัจจัย คนที่มีศีลดีงามจริง ๆ มีคุณธรรมดีงามจริง ๆ มีทิฏฐิตรงจริง ๆ มีศรัทธาเดียวกันจริง ๆ จะได้อยู่ในเมืองใหม่ เมืองที่เหลือแต่คนดี ๆ จึงจะมีแต่ความสงบสุขสมเป็นเมืองในอดุมคติได้

    เมื่อเห็นดังนี้ จิตจึงก้าวเข้าสู่อุเบกขาธรรม ปล่อยให้คนทั้งหลายสร้างตนเอง บำเพ็ญทางรอดเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ...ผู้ใดได้ยินได้ฟังเรื่องราว เกิดความตื่นตัว มิใช่ตื่นตูม แล้วใคร่รู้ทางรอด วิธีการดำเนินชีวิตเพื่อความเป็นผู้รอด ผู้นั้น ก็จักขวายขวายเอง เมื่อรู้วิธีดำเนินตนแล้ว พยายามดำเนินตนตามแนวทางนั้น ๆ จริง ๆ จนคุณธรรม ศีลธรรมซึมเข้าจิตใจเป็นอันดีแล้ว เขาจักรอดเอง ด้วยคุณธรรมของเขาเอง

    แม้แต่ตัวผมเอง หากมีคุณธรรม ศีลธรรมดีไม่พอ ก็ไม่รอดเหมือนกัน ดังนั้น จึงสำนึกในใจเสมอว่า ต้องประพฤติตัว บำเพ็ญตน ในคุณธรรม ศีลธรรม อันนั้นเหมือนกัน

    อากาศรองรับได้แต่เฉพาะของเบากว่าหรือคู่ควร สิ่งที่หนักกว่าอากาศ หรือไม่คู่ควร ย่อมอยู่บนอากาศไม่ได้

    น้ำปรับตัวเองเป็นไอน้ำ จึงอยู่บนอากาศได้

    ไอน้ำเมื่อรวมตัวกันเป็นหยดน้ำ ย่อมร่วงหล่นลงภาคพื้น

    ฉบับนี้ เท่านี้ก่อนนะครับ...ไม่ทราบว่าคุณเกษม ได้ยิน ได้ฟัง วิธีการดำเนินตนเพื่อเป็นผู้รอดแบบไหนบ้างครับ หากคุณเกษมรู้ ได้ยินได้ฟังมา ก็ช่วยเล่าให้ฟังบ้างนะครับ..


    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2005
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขออภัยที่ได้ละเมิดหรือล่วงเกินในสิ่งที่เจ้าของไม่อนุญาตครับ

    ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าในบรรดากระทู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ทำไมไม่มีผู้ใดนำข้อความจากหนังสือเล่มดังกล่าวมากล่าวไว้บ้างเลย เพราะคนที่เข้ามาในนี้ล้วนเป็นผู้ทรงความรู้ ทรงญาน ทรงฌาน ไม่น่าเป็นไปได้ที่หนังสือเล่มนี้จะรอดหูรอดตาไปได้
    ตอนผมอ่านผมก็เจอแล้วหละครับว่าเขาได้ห้ามไว้ไม่ให้นำไปเผยแพร่ต่อ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้อย่างมากมาย ว่าทำไมถึงได้ห้ามนักหนา ผิดกับหลายๆองค์หลายๆคนที่ถูกกล่าวถึงในนี้ ว่าให้เรารีบไปบอก ไปเตือนคนอื่นๆ เพื่อให้เขาไม่ประมาทและรีบเร่งทำความดีเสีย อันจะเป็นบุญกุศลกับทั้งตัวเราที่บอกกับตัวเขาที่ปฏิบัติดีด้วย แต่นี่กลับกลายจะเป็นความผิดอย่างใหญ่หลวงถึงกับจะเข่นฆ่าชีวิตกันให้ถึงตาย ผมก็ยิ่งสงสัยว่า ปกติเทพยดาหรือพระผู้เป็นเจ้ามีแต่ความรักความเมตตา มีจิตที่เป็นกุศลไม่ใช่หรอกหรือไฉนเลยจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ แต่อย่างไรเสียผมก็ไม่คิดที่จะละเมิดลิขสิทธิ์อะไรของเขาจริงๆหรอกครับ กับสิ่งที่ได้ทำไปแล้วก็ขออโหสิกรรมด้วยนะครับ
     
  9. saratee

    saratee สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +22
    ฉันไม่ได้มีเจตนาจะขัด หรือ ไม่เชื่อในคำพูดของท่านผู้รู้ของใคร เพียงแต่ คำพูดของพวกคุณ มันไม่ใช่เกิดจากอำนาจอภิญญาการหยั่งรู้แต่เพียงอย่างเดียว แต่มันยังบวกกับความกลัว และความยึดติด หรือที่เรีกว่าอัตตาของแต่ละบุคคล ฉันรู้ว่าพวกคุณอาจเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยเห็นและเห็นอยู่ แต่ฉันคิดว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คุณเพียงคนเดียว ไม่สามารถเปลี่ยนชะตาโลกได้ เพราะนี่คือผลกรรมที่มนุษย์จะต้องได้รับ การมีอภิญญาแต่ไร้อุเบกขา ไม่ได้ช่วยทำให้พวกคุณทั้งหลาย สำเร็จมรรคผลได้หรอก เมื่อช่วยจนถึงที่สุด ก็จงปล่อยวาง
     
  10. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +3,151
    แล้วผมอยากจะอ่านหนังสือลับบ้างจะไปหาอ่านได้ที่ไหนครับ ท่านทั้งหลาย
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หนังสือลึกลับ

    หนังสือ สัจบุรุษ ชาติ รู้ก่อนวันสิ้นโลก Written by N.Alien จัดจำหน่ายโดย สายส่งศักษิต บริษัทเคล็ดไทย 117-119 ถนนเฟื่องนคร ตรงข้ามวัดราชบพิธ กรุงเทพฯ 10200 โทร.225-9536-40 โทรสาร.222-5188

    ผมเคยเห็นอยู่ที่ร้าน ซีเอ็ด ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ถ้าคุณหลับตาอยากอ่านก็ลองไปถามหาดูนะครับ

    <O:p</O:p
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เมตตา กับ อุเบกขา ผมว่ามันคนละกรณีย์กันนะครับ ถ้าเราเห็นคนกำลังจะตายอยู่ตรงหน้าแม้เรารู้ดีว่าช่วยอะไรเขาไม่ได้ อย่างน้อยก็ควรเข้าไปปลอบใจ ให้คำแนะนำทางไปสู่สุขคติก็ยังดีกว่านิ่งดูดายไม่ทำอะไรเสียเลย ผมไม่ใช่ผู้ทรงอภิญญา หรือสามารถเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ในอนาคต แต่เมื่อได้มารับรู้เรื่องราวเหล่านี้มันก็อดอยากจะบอกกล่าวให้คนทั่วไปได้รับรู้เอาไว้ไม่ได้ เรียกว่ายังปล่อยวางไม่ได้นั่นเองครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2005
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรื่องเล่าของนิมิตฝัน (ต่อ)

    สวัสดีครับ คุณเกษม

    ขอบคุณมากครับ สำหรับการเตรียมตัวรับมือภัยใหญ่ นับเป็นความรู้ที่ดีมากครับ ผมเองไม่ค่อยได้เข้าหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต จึงยังไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ครับ

    ข้อความที่ลงในเว็บไซต์นี้ มีอยู่หลายประเด็นที่ตรงกับสุบินนิมิตของผม และมีหลายประเด็นที่ใกล้เคียง แต่ว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญน่ะครับ....

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อสามปีที่แล้ว ผมฝันว่า ได้เผชิญกับอาวุธร้ายที่สุดแห่งยุคที่คนสร้างขึ้น เป็นอาวุธแสงครับ เป็นแสงที่เป็นต้นแห่งแสง เป็นต้นแห่งวัตถุครับ เขาพัฒนามาเป็นอาวุธร้าย ตัวอาวุธมีรูปทรงคล้ายกระบอง ในฝันผมมีฤทธิ์นิดหน่อย กะว่าจะใช้ฤทธิ์นิดหน่อยนั้นสู้กับอาวุธ(ที่ตอนนั้นยังไม่ทราบอานุภาพ) พอเห็นเขายกอาวุธนั้นขึ้น ก็ปรากฏเสียงสะเทือนเลือนลั่น อากาศเกิดคลื่นอัดอันรุนแรง (สึนามิที่ว่าแรง ไหนเลยจะเท่าคลื่นอากาศ)

    นอกจากคลื่นอากาศแล้ว ในบรรยากาศยังมีคลื่นแห่งวัตถุอื่น ๆ ที่เรามองไม่เห็น ไม่ทราบว่าเป็นคลื่นแม่เหล็ก หรือคลื่นไฟฟ้า หรือคลื่นอันใดกันแน่ แต่ที่ตัวผมเองรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด อัดแน่นที่หัวใจ ราวหัวใจจะระเบิด บีบแน่นที่ในสมอง ราวสมองจะแตก....ซึ่งผมคาดว่า น่าจะเกิดจากตัวพลังงานจากอาวุธนั้น ไปกระตุ้นคลื่นหัวใจ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ให้หัวใจฉีดแรงขึ้น เสมือนคลื่นน้ำที่กระเพื่อมน้อย ๆ ด้วยแรงลมอ่อน ๆ เมื่อเราโยนก้อนหินใหญ่ลงไปคลื่นน้ำย่อมกระเพื่อมแรงขึ้น ฉะนั้น.....ในใจผมตอนนั้นซึ่งเจ็บปวดหัวใจ ปวดอัดแน่นในหัวสมอง คิดว่า "เอาล่ะ หากจะตาย ขอตายในกรรมฐาน" จึงนั่งขัดสมาธิ ทำสมาธิ กำหนดจิตให้นิ่งที่อารมณ์เดียว ไม่สนใจความเจ็บปวด..ไม่นานอารมณ์ผมนิ่ง จนแน่นิ่งไป...และไม่รู้สึกตัวอีก...เนิ่นนาน ไม่ทราบว่าเนิ่นนานเท่าใด..ผมรู้สึกตัวขึ้นมา พบตัวเองนอนอยู่ นอนอยู่ที่เดิมนั่นเอง แต่ไม่มีใครไหนอื่นเลย มีผมคนเดียว อากาศหนาวเย็นมาก ผมมองรอบ ๆ ต้นไม้ที่เคยมี หายไปหมด ราบไปหมด ...คิดว่าคงเสียหายไปจากอาวุธร้าย....

    ผมลุกขึ้น และพยายามประคองกาย เดินโซเซ หวังจะพบหมู่พวก เดินไปจนพบต้นไม้ ..อนิจจา ต้นไม้เอง ก็ไม่มีใบ มีน้ำแข็งเกาะตามกิ่งก้าน พอประมาณ ต้นไม้ หนาวเย็น จนต้องสลัดใบ สลัดลูกทิ้ง ยืนเดี่ยวอยู่ลำพัง...ผมยังเดินต่อไปอีกนาน....สุดท้ายก็ตื่นจากฝัน...รำพึงถึงฝันและข้อเตือนใจที่ได้

    ข้อเตือนใจที่จากได้จากฝันครั้งนี้ คือ อาวุธชนิดนี้ ทำร้ายได้ แม้จะอยู่ในที่กำบัง ...ผู้ที่จะรอดจากอาวุธชนิดนี้ ๑.ต้องอยู่ห่างจากวิถีและพิสัยของมันให้ไกล ๒.หากอยู่วิถีและพิสัยของมัน ต้องทำใจให้เป็นสมาธิ นิ่งในอารมณ์เดียว ใจต้องไม่กระเพื่อม

    .........ซึ่งเหตุการณ์ในสุบินนิมิตนี้ ก็ใกล้เคียงกับเรื่องคลื่นเสียงครับ........

    ส่วนเรื่องเชื้อโรค ผมเคยฝันเห็น ผ้าชนิดหนึ่ง เป็นผ้าสำหรับกรองน้ำดื่ม สามารถกรองเชื้อโรคได้ ซึ่งผมฝันเห็นเฉย ๆ ครับ ไม่รู้เหมือนกันว่า จะหาได้จากที่ใด

    เรื่อง ฝนพิษ ผมเคยฝันเห็นฝนพิษ เมื่อต้องกาย จะแสบคัน โดนมาก จะพุพอง...แต่ในฝันของผม ผู้ที่จะโดนฝนพิษแล้วได้รับพิษ คือผู้มีโทษบาปกรรมอันสมควรแก่พิษนั้น จึงได้รับฝนพิษนั้นครับ

    สุดท้าย ผู้ที่จะรอด หรือไม่รอด ก็ขึ้นอยู่กับกรรมของเขา ตามที่คุณเกษมว่า ผมก็คิดว่าคงเป็นเช่นนั้นครับ....
    ฉบับนี้ แค่นี้ก่อนนะครับ
     
  14. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +2,808
    ก่อนผมเห็นหัวข้อนี้นะครับ [​IMG] ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่ เป็นเวลาน่าจะ1เดือนได้ ก่อนผมเห็นหัวข้อนี้ ผมได้ฝันว่า มีเคลื่อนยักคล้ายๆกับซึนามินะครับ แต่ว่าใหญ่กว่ามากๆ พัดเขามาถึงกรุงเทพมหานคร ในฟันเห็นการยิงทำรายเคลื่อนยักเพื้อให้ลดแรงการซัดของเคลื่อน ถึง 2ครัง ในฝัน มีเครื่อนพัดมา2 ลูกแลก แต่พอลูกที่3 ก็ไม่มีการยิงออกมา คิดว่าคงจะถูกลูกที่2ซัดแล้ว ลูกที่3 ใหญ่มากๆ ในฝันผมอยุ่บนทางด่วนแล้วพอเคลื่อนมาผมก็ปีน เสาไฟบนทางด่วนหนี แต่พอสงบลงก็พบว่ามคนจมน้ำตายเป็นจำนวนมาก
    ในฟันท้องฟ้ามืดน่ากลัวมาก แล้วยังเห็นคนที่ตายตัวซืดๆอีกเนื่องจากจมน้ำตายผมยังจำภาพได้ติดตา ช้วย บอกทีว่ามันจะเกี่ยวข้องอะไรกันมั้ยกับหัวข้อ นี้คือ 1 ในความฟัน แต่อีกความฟันของผม มันกลายเป็นจริงไปแล้วอันนี้ไม่เกียวกับใครแต่เกียวกับผม เอง
     
  15. อยากรู้ไปโม๊ด

    อยากรู้ไปโม๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +183
    อ่านคำเตือนต่างๆแล้วเกี่ยวกับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือเห็นอยู่บ้างแล้ว
    กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ทำให้รู้สึก ปลงและปล่อยวางเรื่องต่างๆในชีวิตได้มากขึ้น
    ขอบพระคุณทุกท่านที่คอยเขียนเตือนเพื่อนมนุษย์ น่าจะมีคนที่มีความจำแม่นๆ
    เรียบเรียง ให้ไม่รู้สึกสับสนนะคะ
    [​IMG]
     
  16. rin5297

    rin5297 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +569
    คุณเกษมครับ ผมฝันเห็นน้ำท่วมเหมือนกันครับ ตัวผมไปติดอยู่บนยอดตึก เห็นคนอยู่บนยอดตึกหลังคาบ้านเต็มไปหมด แล้วน้ำก็ไหลท่วมเต็มไปหมดไหลแรงมาก เห็นน้ำในแม่น้ำที่ไหลแรงแบบน่ากลัว แต่ไม่เห็นคนตายนะ อีกนิด ก่อนที่ไฟใต้จะลุกลาม ผมฝันเห็น ยะลาเป็นเมืองร้างครับแต่ไม่ได้คุยกับใครแล้วยังไม่รู้จักกับเว็บนี้ ตื่นมาผมยังมานั่งคิดว่าคิดมากไปเปล่าหลังจากนั้นไม่ถึงเดือนระเบิดลูกแรกก็ระเบิดขึ้นภาคใต้ครับ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    นิมิตอย่างนี้ ใครประสบบ้าง เล่าสู่ฟังบ้างครับ


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle><TD class=row1 bgColor=#ffffff><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>

    ทั้งที่เป็นสุบินนิมิต และเป็นสมาธินิมิต ทำนองว่า เกิดภัยพิบัติใหญ่ แดนหลบภัยชั่วคราว โลกใหม่เมืองใหม่หลังภัยพิบัติ....

    เมื่อคืน(คืนวันที่13หรือเช้าของวันที่14) ประมาณ ตีห้า ฝันว่า

    เกิดภัยธรรมชาติอันรุนแรง (จำไม่ค่อยได้ว่าคืออะไร) ทำให้คนที่จิตไม่ดีหรือคนบาป ต้องเปลี่ยนกายใหม่ที่เหมาะสมกับจิตของพวกเขา (ตาย)
    ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ใช้อะไรในการตัดสิน เห็นในฝันเพียงว่า มีวัตถุอย่างหนึ่งมาเร็วมากคล้ายลูกปืน ลอยกระทบผู้คน แล้วแตกเป็นสีแดงบ้าง สีเขียวบ้าง ที่เป็นสีแดง-ต้องตาย ที่เป็นสีเขียว-ไม่ต้องตาย ผมก็โดนเหมือนกัน (โดนหลายลูกด้วย) พอโดนแล้ว เหมือนกับโดนยิง แต่ไม่เจ็บ มองดูอีกที วัตถุนั้นแตกเป็นสีเขียวติดที่เสื้อ และผมก็ไม่ตาย ยังรอดชีวิต จึงเข้าใจเองว่า วัตถุนั้น เมื่อลอยมาโดนคนจิตใจหยาบช้า น่าจะแข็งและทะลุเนื้อเข้าไป เลือดไหลออกมาเป็นสีแดง จนผู้นั้น ๆ ต้องตาย แต่เมื่อลอยมาโดนคนจิตใจไม่หยาบช้า วัตถุนั้น น่าจะเบาบางลง จนไม่มีแรงกระแทก มีแต่แรงกระทบหน่อย ๆ รู้แต่ว่ามีอะไรมากระทบหน่อย ๆ จึงไม่เจ็บและไม่ตาย (ไม่เข้าใจว่า ทำไม่ต้องเป็นสีเขียว)

    จากนั้น ได้เข้าไปสู่แดนหนึ่ง เข้าใจว่าเป็นแดนมนุษย์นี่แหละ (อาจเรียกได้ว่า "แดนรอดตาย" หรือ "แดนเร้นภัย") ที่นี่มีชุมชนดั้งเดิมของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ผู้รอดตาย มาพักพิงเท่านั้น (ชั่วคราวหรือตลอดไป ไม่ทราบครับ) ที่นี่ มีต้นไม้มากมาย ภูเขาสูงใหญ่ พืชพันธุ์ธัญญาหาร สมบูรณ์ดี ในบรรดาเขาต่าง ๆ นั้น มีภูเขาลูกหนึ่งสูงมาก และที่เขานี้ ก็มีผาที่มีชื่อเสียงมาก ผมมองจากด้านล่าง ก็เห็นยอดผาสูงเสียดฟ้า เสียดเมฆ (จินตนาการเอาจากยอดเขาในหนังจีนนะครับ) เห็นเฉย ๆ ครับ ไม่ได้ขึ้นไปเที่ยว ได้ยินเขาบอกว่า หากขึ้นไปบนยอดผานี้ จะมองเห็นสวรรค์ชั้นฟ้า เห็นน้ำตกสวรรค์สวยงามมาก (มองแบบไม่ต้องแหงนหน้ามาก) ผู้คนจึงตั้งชื่อว่า "ผาสบสวรรค์" หรือ "ผาสพสวรรค์"

    ผมแหงนหน้ามองจากหมู่บ้าน เห็นผาสบสวรรค์ อยู่ด้านตะวันออก เห็นสีขาว ๆ ลาง ๆ คล้ายสายน้ำตกอยู่ทางทิศใต้ (เหมือนสายน้ำตกจากอากาศลงอากาศ) คนที่หมู่บ้านเห็นผมท่าทางสนใจจึงชวนผมขึ้นไปเที่ยวดู ผมตกลง

    ตรงทางขึ้น (จากพื้นดินสู่สายน้ำตก) เห็นมีเพียงลูกกลม ๆ คล้ายไข่อยู่สองอัน อันนี้แหละคือยานพาหนะที่จะนำพาไปสู่จุดหมาย เห็นกลางอากาศ มีเส้นเถาวัลย์อยู่สองเส้น (เส้นหนึ่งขาขึ้น อีกเส้นหนึ่งขาลง) เป็นเหมือนรางรถ พอขึ้นนั่งบนยานกลม เห็นเขาใช้มือทั้งสองสาวเถาวัลย์ ฟับ ฟับ ฟับ ยานก็ลอยขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงจุดจอด ซึ่งก็เป็นพื้นดินนั่นเอง (ไปไงมาไงก็ไม่เข้าใจ) มันเป็นเหมือนเมืองอีกเมืองนึง ที่อยู่บนยอดเขาสูงมาก ๆ สูงจริง ๆ

    ผู้คนที่นี่ หน้าตา ไม่เห็นมีใครสวยสดงดงามเลยสักคน ดูธรรมดา ๆ มาก ๆ รูปร่างหรือหุ่น ค่อนข้างกลมยังกะลำไผ่ (ไม่ได้อ้วนครับ) แต่ที่ประหลาดมากสำหรับผมก็คือลิ้นของพวกเขาครับ ทุกคนมีลิ้นยาว ใหญ่ แลบลิ้นออกมาให้ดู ยาวประมาณเป็นฟุตเลย ตรงปลายลิ้นที่แลบออกมา โค้งกระดกขึ้นข้างบนวกเข้าหาปาก ตรงปลายลิ้นจึงมีลักษณะเป็นเมือนภาชนะใส่น้ำได้ (จินตนาการเอานะครับ --หรือลองหงายมือขึ้น แบมือ แล้วงอนิ้วทั้งสี่เข้ามา--จะคล้าย ๆ ครับ เพียงแต่ด้านข้าง ๆ ต้องมีแนวกั้นไว้ด้วย--ไม่งั้นไหลออกด้านข้างหมดสิ) และลิ้นของพวกเขา ก็ไม่เป็นสีแดง ๆ เหมือนเรา ๆ ครับ เป็นสีออกดำ ๆ ลาย ๆ ดูแล้วเป็นตาขี้เดียด

    ดูอาหารสดของพวกเขา (เหมือนเป็นตลาดแลกเปลี่ยนข้างทาง) เห็นเป็นพืชทั้งหมด เห็นมีสีแดง ๆ เหมือนเนื้อบ้างเหมือนกัน แต่ความรู้สึกบอกว่าเป็นพืชชนิดหนึ่ง

    ที่นี่ เป็นแดนที่ไม่ต้องกลัว ไม่น่ากลัว (ถ้าไม่รังเกียจลิ้นพวกเขา) เพราะว่า ผู้คนจิตใจดี ไม่มีเบียดเบียนกัน นับถือพุทธศาสนา

    จากนั้น ผมมองขึ้นไปตรงสายน้ำตกที่ว่านั้น เห็นมีเพียงสองชั้น จึงเดินไต่ตามทางลาดขึ้นไป ตรงชั้นแรก ด้านหน้าอ่างน้ำ มีลานหินสำหรับ นั่งเล่น กินลม ชมวิว มีผู้คนนั่งเล่นพักผ่อนอยู่มากพอสมควร มองจากจุดนี้ไปทางที่น้ำตกไหลมา เห็นมีน้ำตกใหญ่สองชั้น ฟังคนพามาบอกว่า มองจากที่นี่ลงไปทางโน้น จะเห็นผาไกลลิบ เรียกว่าผาสบสวรรค์ เมื่อผมเห็นแล้วก็เข้าใจทันทีว่า ที่ที่คนเมืองล่าง มองจากผาสบสวรรค์แล้วเห็นสวรรค์นั้น ความจริงคือเห็นที่นี่ เห็นน้ำตกนี้นี่เอง มันสวยงามเปรียบดังสวรรค์ จึงบอกว่าเห็นสวรรค์

    จากนั้น ผมเห็นว่ายอดบนสุด ด้านหลังน้ำตก มีวัดอยู่ จึงเดินต่อขึ้นไปอีก ไปถึงแค่ครึ่งทาง ก็บังเอิญพบคนผู้หนึ่ง คนที่ผมรู้จัก กำลังเดินสวนทางลงมา คนผู้นั้นบอกว่า มาอยู่ที่นี่นานแล้ว สบายดี คนผู้นั้น ไม่ใช่ใครอื่นไกล ก็คือ "พี่เทพ" ผมประหลาดใจไม่น้อย ที่พี่เทพมาอยู่ที่นี่ มีโอกาสอาศัยอยู่ในแดนอันสวยงาม แดนอันคนเมืองล่างบอกว่า สวรรค์

    บัดนั้น ผมพลันรู้ว่า ขณะนี้ เรากำลังฝันอยู่ เราไม่ได้มาจริง ๆ จึงบอกพี่เทปว่า ตอนนี้ผมฝันอยู่ พี่เทปก็ฝันอยู่ พวกเราต่างคนต่างฝันมาเจอกัน

    ณ ตอนนั้น แม้ผมรู้ว่าตัวเองฝัน แต่ก็ยังไม่อยากหลุดออกจากความฝัน เพราะกำลังสนุก ที่นี่ก็สวยงาม ยังอยากดูต่อไปว่ามีอันใดพิเศษ มีอันใดประหลาดอีกบ้าง......จากนั้น ไม่นาน ผมก็ตื่น...ตื่นตอนตีห้า สี่สิบ ลูก ก็ตื่น หิวนม (ได้ยินเสียงดิ้น) ใช้เวลาหลับตาเรียบเรียงทบทวนความฝันประมาณ 10 นาที จึงลุกมาป้อนนมลูก


    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ นิมิต เมื่อวันที่ 15/6/2547 13:02:20
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle bgColor=#b2e57f><TD class=row1 bgColor=#ffffff height=54>
    <TABLE width=550 align=left border=0><TBODY><TR><TD>
    ข้อความที่ 1​

    ผมก็เห็นคล้ายอย่างนี้ แต่ไม่ละเอียดเท่านี้ เห็นตอนนั่งสมาธิ อยู่บ่อย ๆ ยังไม่แน่ใจเลยว่าเป็นดินแดนใหม่ หรือเป็นดินแดนในอดีต มีลักษณ เป็นภูเขาสูงเหมือนกัน มีลักษณะเหมือนกับว่ามีความชื้นของอากศอยู่สูงมาก วิวสวยจัง แต่ไม่เห็นคนนะครับ...ผมเข้าใจไปก่อนว่า เป็นอุปทาน อาจจะเกิดจากความเบื่อหน่าย สังคมยุคปัจจุบันก็ได้ครับ
    อนุโมทนาและขอให้เจริญในธรรมยิ่งขึ้นไปครับ

    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ นพดล เมื่อวันที่ 15/6/2547 14:35:49
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle bgColor=#b2e57f><TD class=row1 bgColor=#ffffff height=54><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>
    ข้อความที่ 2​

    คืนวันที่ 8 (หรือเช้าวันที่ 9 ) ต.ค.2546 เวลาประมาณตีสี่ถึงตีห้า ฝันประหลาด
    ผมฝันเห็นสะพานประหลาดสำหรับข้ามลำห้วยหรือคลอง (ประมาณนี้แหละ) เป็นคลองที่อยู่ด้านหน้าหมู่บ้าน คือจะเข้าหมู่บ้านนั้น ต้องข้ามสะพานไม้นี้ จะออกจากหมู่บ้านนั้น ก็ต้องข้ามสะพานไม้นี้ (หากมาทางนี้มั้ง)
    สะพานนี้ จริง ๆ แล้วมันก็ไม่เชิงว่าเป็นสะพานหรอกครับ เพราะมันเป็นขอนไม้เท่านั้น (คล้าย ๆ ขัวข้ามห้วย ผมเปลี่ยนเป็นเรียกมันว่าขัวก็แล้วกันนะครับ) หนึ่งขัว มีขอนไม้ยาว ๆ สองท่อน ท่อนหนึ่งหัวโต ๆ บานออกเอาไว้ทรงน้ำหนักคน (มั้ง) พอมีคนเดินขึ้นไป มันก็จะค่อย ๆ เอียงลงตามน้ำหนักของคนข้าม พอเดินถึงตรงปลายขอนซึ่งสุดอยู่ประมาณกลางคลอง ก็จะมีอีกขอนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ต่อเชื่อมกันเลย แยกกันโดยเด็ดขาด การจะเดินจากปลายขอนแรกไปสู่ปลายขอนที่สองนี่แหละครับ เป็นเรื่องยากมาก (สำหรับผมในฝัน) เพราะระดับมันต่างกัน ปลายขอนท่อนที่สองนี้ มีระดับที่ต่ำกว่าปลายท่อนแรกประมาณหนึ่งก้าว หรือประมาณครึ่งเมตร การก้าวลงเหยียบ ไม่ใช่เรื่องลำบากนักกับระยะห่างแค่นี้ ที่น่ากลัวคือ...
    ตอนนั้นผมเห็นแล้วยืนลังเลในวิธีการข้ามอยู่ หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง (สงสารผมมั้ง) เลยมาสาธิตให้ดูว่าเหยียบข้ามแบบนี้ ... หญิงคนนั้นเหยียบเท้าแรกลงไปและตามด้วยเท้าอีกข้างโดยเร็ว (คล้ายกระโดด แต่ก็ไม่เชิง) และแล้วปลายไม้ท่อนที่สองนี้ ก็ลดระดับต่ำลงไปอีก ตามน้ำหนักคนข้าม ลดระดับลงไปอย่างเดียวยังไม่พอ ไม้ท่อนนี้ยังมีการส่ายไปมาซ้าย-ขวา อีกต่างหาก แต่หญิงคนนั้นยังทรงตัวอยู่ได้ ไม่ตก เมื่อท่อนไม้ทรงตัวนิ่ง ก็เดินต่อไปขึ้นฝั่ง แล้วก็ร้องบอกให้ผมข้ามตามไป
    ตรงนี้แหละครับที่ผม ไม่กล้าเหยียบข้าม เพราะกลัวว่า ตกแน่ ๆ
    จากนั้นผมเลยขอร้องให้หญิงคนนั้นช่วยหาไม้มาต่อ ขณะยืนรออยู่บนปลายขอนไม้นั้น ผมก็พยายามมองดูสังเกตขัวนี้ ก็พบว่าแม้จะมีสองขัวใกล้ๆ กัน แต่เป็นแบบ one way คือสำหรับข้ามเข้าอย่างเดียว และข้ามออกอย่างเดียว (เพราะความสูงต่ำที่ต่างระดับกันตรงปลายนั่นแหละทำให้ไปไม่ได้) นอกจากนั้นยังข้ามได้ทีละคนอีกด้วย คือตรงขอนท่อนแรกอาจจะมารออยู่ได้หลายคน แต่การเหยียบข้ามไปยังขอนท่อนที่สอง ต้องทำทีละคนเท่านั้น... เมื่อหญิงคนนั้นนำไม้มาต่อให้แล้ว ผมก็ไต่ไปจนถึงฝั่ง และหันมองกลับมายังสะพานนั้น พลางคิดว่า คนโบราณคิดได้ยังเนี่ยเทคนิคแบบนี้ สะพานแบบนี้ น่าอัศจารย์จริง ผมพยายามจำรายละเอียดต่าง ๆ ไว้ กะว่า ตื่นขึ้นมาจะไปเล่าให้พี่เทพฟัง ถามพี่เทพว่าลักษณะกลไกแบบนี้ มันทำงานยังไง (ฝันอยู่และรู้ว่าตัวเองฝัน) ในความฝันนั้น รู้สึกว่าสัญญามันใสชัดมาก จำได้ทุกอย่างชัดเจนเลย ขณะผมกำลังเรียบเรียงสัญญาในฝันอยู่นั้น ผมก็ตื่น (สงสัยเป็นเพราะจิตเคลื่อนจากฐานเดิม เลยตื่น) พอตื่นขึ้นมาจริง ๆ สัญญาแสดงตัวอนิจจังทันทีเลย ความใสชัดกลายเป็นขุ่นมัว จำภาพสะพาน รวมถึงกลไกต่าง ๆ ได้เพียงลาง ๆ เท่านั้นครับ

    ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ขัวข้ามน้ำแบบนี้ มีข้อดียังไง ทำไมไม่ทำให้มันเป็นท่อนเดียวกันตลอด หรือเป็นการป้องกันผู้ร้าย ป้องกันข้าศึก ไม่ให้ข้ามได้ง่าย ๆ ????
    ไม่ใช่คนโบราณ ก็เลยไม่เข้าใจคนโบราณ...

    การประกอบติดตั้ง ผมไม่ได้เข้าไปดูใกล้ ๆ เลยไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้เลยครับ ไม่ทราบว่ามีเสาค้ำกี่ต้น หรือเป็นเสาแบบไหน ประกอบรองรับขอนไม้แบบไหน ไม่ทราบครับ เห็นและจำได้เพียงลักษณะขอนไม้และการทำงานเท่านั้นครับ

    [​IMG]

    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ นิมิต เมื่อวันที่ 15/6/2547 15:49:40
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle bgColor=#b2e57f><TD class=row1 bgColor=#ffffff height=54><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>
    ข้อความที่ 3​

    ผมไม่ฝันครับแต่ผมเห็นตามที่คุณบรรยาย ​


    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ <<<xXx>>> เมื่อวันที่ 15/6/2547 17:37:11
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR bgColor=#000000><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=600 border=0><TBODY><TR align=middle bgColor=#b2e57f><TD class=row1 bgColor=#ffffff height=54><TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>
    ข้อความที่ 4​

    ทั้งที่เป็นสุบินนิมิต และเป็นสมาธินิมิต ทำนองว่า เกิดภัยพิบัติใหญ่ แดนหลบภัยชั่วคราว โลกใหม่เมืองใหม่หลังภัยพิบัติ....

    .../..ขอโมทนาที่เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าของโลกในภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดจากความมีราคะโทสะโมหะของคนนักปกครอง ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม ดังนั้นคนดีจึงอยู่ได้ คนร้ายถึงจัดการด้วยกฏแห่งความเป็นธรรมดาของโลกนั่นเอง


    </TD></TR><TR align=right><TD>
    จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 13/8/2547 16:09:21
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    <!-- สร้างแบบ form แสดงข้อความที่ได้รับตอบกลับ -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2005
  18. never

    never สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +10
    ไร้สาระดีแท้ ไม่เห็นมีใครนิมิตอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองเลย ไปช่วยกันตามจับคนร้ายดีกว่ามั้ง ไม่ใช่พอเกิดเรื่อง ซินามิแล้วมาฝันเพ้อเจ้อกันแบบนี้ อีกหน่อยถ้าเกิดแผ่นดินใหว ที่ในไทย แรงๆ ก็จะมีคนบอกว่าฝันอีก....ไม่จริงให้ธรณีสูบเลยครับ
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พุทธทำนาย 16 ประการ

    โดยพลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์

    พุทธทำนายในที่นี้ จะกล่าวถึงเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงทำนายพระสุบิน (ความฝัน) ของพระเจ้าปเสนทิโกศล จำนวน 16 ข้อ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงทำนายว่า เหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้น ในยุคสมัยที่ศาสนาได้เสื่อมลง ซึ่งหลายอย่างได้เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน เนื้อความดังกล่าวปรากฏใน อรรถกถาพระไตรปิฎก มหาสุบินชาดก เอกนิบาตชาดก ขุททกนิกาย มีเนื้อความดังต่อไปนี้


    สุบินนิมิตข้อที่ 1 : ภัยธรรมชาติ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นโคล่ำสัน 4 ตัว วิ่งมาจากทิศทั้ง 4 มีลักษณะอาการเกรี้ยวกราด ประดุจจะชนกัน ด้วยความโกรธแค้นกันมานาน พอโคทั้ง 4 วิ่งเข้ามาใกล้กันแล้ว กลับถอยห่างออกจากกันไป ไม่ชนกันเลย พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น จะเกิดภัยธรรมชาติขึ้น คือ ฟ้าฝนจะไม่ตกต้องตามฤดูกาล จะมีก้อนเมฆขนาดใหญ่ลอยมาจากทิศทั้ง 4 เหมือนกับฟ้าฝนจะตกลงมาในพื้นปฐพีอย่างหนัก เมื่อก้อนเมฆทั้ง 4 ลอยเข้ามาใกล้กันแล้ว ก็ลอยถอยห่างออกจากกันไป ไม่มีฝนตกลงมาในพื้นปฐพีเลย


    สุบินนิมิตข้อที่ 2 : เยาวชนมั่วสุมเสพกาม พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นต้นไม้นานาชนิด ยังไม่ใหญ่โตพอที่จะมีดอกมีผล แต่ต้นไม้นั้นเต็มไปด้วยดอกและผล จนกิ่งก้านสาขาจะรอรับดอกผลนั้นไม่ไหว พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น กุมารีที่มีวัยยังไม่สมควรจะมีสามี แต่กุมารีนั้นอยากแต่งงานให้เป็นครอบครัว เพราะมีความกระสัน ใฝ่ฝันในราคะตัณหา ใจมีความกำเริบในกามคุณ มีความยินดีใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นอย่างมาก มีความอยากในกามารมณ์แห่งความรักความใคร่ จึงได้แต่งงานกันเมื่ออายุยังวัยเด็ก ถูกต้องตามประเพณีนิยม บางคนมั่วสุมกัน ไม่มีความละอาย เยี่ยงสัตว์ดิรัจฉาน เมื่อตั้งครรภ์ขึ้นมา ก็หาวิธีฆ่าลูกในท้องของตัวเอง จึงเป็นบาปกรรมต่อไปในภายภาคหน้ายิ่งนัก เด็กบางคน ยังมีพ่อแม่เลี้ยงดูอยู่บ้าง เด็กบางคนพ่อแม่เลี้ยงดูไม่ไหว จึงได้ปล่อยปละละเลยให้หาขอทานกินตามลำพัง เป็นเด็กเร่ร่อนจรจัด ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีตระกูล ไม่มีการศึกษา ไม่มีที่พึ่งพาอาศัยในบ้านเรือน ค่ำที่ไหนนอนที่นั่น อดบ้าง อิ่มบ้าง น่าเวทนายิ่งนัก เหตุการณ์อย่างนี้ จะมีในภายภาคหน้าโน้นใครได้ไปเกิดในยุคนั้น สมัยนั้น ก็จะต้องเจอเหตุการณ์อย่างนี้แล
    สุบินนิมิตข้อที่ 3 : พ่อแม่ต้องเอาใจลูก พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิต เห็นฝูงพ่อแม่โคทั้งหลายพากันดูดกิน นมลูกของตัวเอง พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น พ่อแม่ทั้งหลาย จะได้อาศัยกินหยาดเหงื่อแรงงานของลูก อาศัยข้าวปลาอาหารเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ที่ลูกแสวงหามาเลี้ยงดู พร้อมทั้งเงินทอง ก็ต้องแบ่งปันให้พ่อแม่ได้จับจ่ายใช้สอย ในยุคนั้นสมัยนั้น พ่อแม่ก็ต้องเอาอกเอาใจลูกยิ่งนัก ต้องประจบประแจงปะเหลาะลูกอยู่เสมอ ถ้าพูดต่อลูกดีๆ ลูกก็แบ่งปันเงินทองให้ได้ใช้บ้าง ถ้าพ่อแม่พูดไม่ดี ก็จะไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไรจากลูกนี้เลย เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 4 : ผู้อ่อนประสพการณ์บริหารประเทศ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นฝูงคนทั้งหลายพากันจับลูกโคตัวเล็กๆ เข้ามาเทียมแอกเพื่อลากล้อเกวียน เมื่อลากไปไม่ไหว ก็จะพากันเฆี่ยนตี พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนทั้งหลายจะพากันนิยมเอาเด็กที่จบปริญญามาใหม่ๆ ไปรับราชการแผ่นดิน บริหารการพัฒนาประเทศชาติ บ้านเมือง อันเป็นงานที่หนัก ถึงจะมีความรู้อยู่ก็ตาม แต่เด็กนั้นยังขาดประสบการณ์ ขาดความสามารถ ขาดความรอบรู้ ขาดความรอบคอบ ในการบริหารเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม จึงเกิดความผิดพลาด ล่าช้า ไม่ทันต่อเหตุการณ์ ขาดความรับผิดชอบ ขาดดุลการค้า ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ทำให้ถ่วงความเจริญของประเทศชาติ ทำให้คนดุด่าว่ากล่าวนานาประการ เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 5 : ความไม่เป็นธรรมในการตัดสินความ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นม้าตัวเดียว หัวเดียว มีสองปาก กินหญ้าได้สองทาง กินเท่าไรก็ไม่มีความอิ่มพอ พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนผู้มีหน้าที่ตัดสินคดีความต่างๆ จะใช้อุบายวิธีอันมีเล่ห์เหลี่ยม เพื่อเอาเงินจากคู่กรณีทั้งสอง เอาทั้งฝ่ายโจทก์ เอาทั้งฝ่ายจำเลย เพื่อเป็นค่าจ้างรางวัลในการวินิจฉัยคดีความบ้าง เอาค่านั้นบ้าง เอาค่านี้บ้าง ถ้าไม่ได้ตามความเรียกร้อง ก็จะไม่รับเรื่องที่มาร้องเรียน ต้องการเท่าไรก็เรียกร้องตามใจชอบ ถ้าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เรียกร้องเอาน้อย ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ก็จะเรียกร้องเอาเงินอย่างเต็มที่ แล้วจึงจะมาวินิจฉัยคดี ตัดสินต่อไป เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีภายภาคหน้าทั่วโลก
    สุบินนิมิตข้อที่ 6: พระธรรมคำสอนถูกเหยียบย่ำ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นมีหมู่มนุษย์ ถือถาดทองคำอันมีค่ามหาศาล ไปวางไว้สุนัขจิ้งจอกถ่ายอุจจาระถ่ายปัสสาวะใส่ พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น กลุ่มคนที่โง่เขลาปัญญาทราม จะเอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ไปให้ลัทธิต่างๆ เหยียบย่ำทำลาย แล้วถ่ายทอดลัทธิของเขา เอาคำสอนของเขาที่สกปรกโสโครกด้วยกิเลสตัณหา มากลบเกลื่อนในคำสอนของเรา แล้วดัดแปลงแก้ไขคำสอนของเรา ให้เข้ากันกับลัทธิของเขา แล้วประกาศว่า คำสอนของเราตถาคต เป็นส่วนหนึ่งในลัทธิของเขา ให้คนทั้งหลายมีความเข้าใจผิดว่า คำสอนของเราเข้ากันได้กับของเขา ถือว่าเป็นอันเดียวกัน ลัทธิเหล่านั้นก็จะไม่รู้คุณค่าของคำสอนของเราตถาคตแต่อย่างใด มนุษย์อย่างนี้ก็จะมีในเมื่อเราตถาคตนิพพานไปแล้ว และจะมีลัทธิต่างๆ มาอวดอ้างว่าเป็นศาสนาเป็นจำนวนมาก
    สุบินนิมิตข้อที่ 7: ผู้มีใจต่ำแอบอ้างสถาบันกษัตริย์ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นชายคนหนึ่ง เอาหนังสือมานั่งฟั่นให้เป็นเชือก อยู่บนม้านั่ง แล้วมีสุนัขจิ้งจอกคอยกัดกินอยู่ เมื่อฟั่นเชือกเสร็จ สุนัขจิ้งจอกก็กินหมดทันที พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนผู้มีจิตใจต่ำ ปัญญาทราม จะได้รับสมมุติ ยกย่องขึ้นเป็นผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ นั่งทำงานอยู่ในพระราชสำนักระดับสูง อาศัยอำนาจ พระบารมีของพระมหากษัตริย์ ว่าราชการแผ่นดินแทนพระองค์อยู่เนืองนิตย์ โดยมีความโง่เขลาเบาปัญญา พูดจาขาดความสำรวม กล่าวเปิดเผยความลับต่างๆ ในพระราชสำนัก ให้หมู่ประชาชนได้รู้ คนลัทธิต่างๆ ที่ไม่มีความหวังดีต่อพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว ได้ยินเข้า จึงนำเอาไปตีแผ่ โฆษณาให้คนอื่นคลายศรัทธา หมดความเคารพในวงศ์พระมหากษัตริย์ และหมดความเชื่อถือในพระราชวงศ์ต่อไป เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้นคนที่ไม่มีความหวังดีต่อพระมหากษัตริย์ จะเป็นหนอนบ่อนไส้เสียเอง
    สุบินนิมิตข้อที่ 8 : ทำบุญเลือกหน้า พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นโอ่งน้ำใหญ่และโอ่งน้ำเล็กตั้งอยู่ในที่แห่งเดียวกัน แล้วมีทคนทั้งหลาย แย่งกันตักน้ำ เทใส่โอ่งน้ำใหญ่ จนล้นเหลือ ส่วนโอ่งน้ำเล็ก ไม่มีใครตักน้ำใส่เลย พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น จะมีคนทำบุญโดยเลือกหน้า พระองค์ที่มีอายุมาก พรรษามาก มียศถาบรรดาศักดิ์ในตำแหน่งต่างๆ จะมีคนให้ความสนใจจะพากันถวายเครื่องไทยทานเป็นจำนวนมาก ล้วนแล้วแต่ของที่ดีๆ มีค่า มีราคา ข้าวปลาอาหาร ปิ่นโตเถาขนาดใหญ่ ตั้งต่อหน้า จนเหลือเฟือ ส่วนพระเล็กเณรน้อยนั่งอยู่รอบข้าง ไม่มีใครคิดถวายอะไรเลย มีแต่งนั่งดูตาปริบๆ เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 9 : คอรัปชั่นในแผ่นดิน พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นสระน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำรอบนอกใส่สะอาดเยือกเย็น ส่วนน้ำในกลางสระขุ่นข้นเป็นโคลนตม แล้วมีสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย พากันแย่งชิงกินน้ำในสระที่ขุ่นข้นเป็นตมนั้น ส่วนน้ำรอบนอกที่ใสสะอาดเยือกเย็น ไม่มีสัตว์ตัวใดอยากจะกินเลย พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนจะมีความโลภ ความอยาก ไม่อิ่มพอในเงินทองมากขึ้น การงานที่สะอาด บริสุทธิ์ และสุจริต ไม่อยากทำ ถือว่า เงินเดือนน้อย ร่ำรวยช้า ไม่พอกับความโลภความอยากของตัวเอง จึงได้ลงสมัครตัวเข้ามาในสภาสันนิบาต เพื่อจะมีอำนาจในการบริหารงานและบริหารเงินของแผ่นดินได้อย่างเต็มที่ ใช้อุบายวิธี อันมีเล่ห์เหลี่ยม ทุจริต คิดมิชอบ ในเงินของแผ่นดิน มือใครยาว สาวได้สาวเอา จะได้เงินมาด้วยวิธีสกปรกอย่างไร จะไม่มีความละอายแก่ใจตัวเองเลย ขอให้ได้เงินก้อนโตมา ก็เป็นที่พอใจ ลักษณะนี้จะมีกันทั่วโลก มีทั่วทุกประเทศเขตแดน และจะเพิ่มความรุนแรงขึ้น จะเกิดความยุ่งเหยิงในสภาสันนิบาตของประเทศนั้นๆ เพราะการแบ่งสันตำแหน่งในการดูดกินเงินภายในประเทศนั้น ไม่ลงตัว ผู้นั้นจะได้กินน้อย ผู้นั้นจะได้กินมาก ผู้นั้นจะไม่ได้กินอะไรเลย สุดท้ายก็เกิดงัดข้อกันเอง เหตุการณ์อย่างนี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 10 : สงสัยในมรรคผลนิพพาน พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นหม้อหุงข้าวหม้อเดียวมีความแตกต่างกัน ข้าวในหม้อซีกหนึ่งสุก ซีกหนึ่งดิบๆ สุกๆ อีกซีกหนึ่งข้าวไม่สุกเลย พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนในโลกนี้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป กลุ่มหนึ่งจะมีความเชื่อว่า เราตถาคตเป็นที่พึ่งที่เคารพจริง พระธรรมคำสอนของเราตถาคตเป็นสวากขาตธรรม เมื่อนำไปปฏิบัติให้ถึงที่สุดแล้วจะพ้นจากทุกข์ได้จริง เชื่อว่ามีมรรคผลนิพพานจริง นรกสวรรค์มีจริง กรรมดีกรรมชั่วให้ผลแก่บุคคลที่กระทำจริง ตายแล้วเมื่อยังมีกิเลสตัณหาอยู่เชื่อว่าได้มาเกิดใหม่ อีกกลุ่มหนึ่งยังไม่แน่ใจว่า มรรคผลนิพพานในยุคนี้ สมัยนี้ มีจริงหรือไม่ เพราะพระพุทธศาสนาได้ล่วงเลยไปนาน พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า มีความสมบูรณ์อยู่หรือไม่ พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ในยุคนี้มีจริงหรือไม่ มีแต่ความสงสัยลังเล ไม่แน่ใจ อีกกลุ่มหนึ่งปฏิเสธว่า มรรคผลนิพพานไม่มีนรกสวรรค์ไม่มี ทำดี ทำชั่วไม่ให้ผลในภายหน้าชาติหน้า ตายแล้วไม่ได้เกิดใหม่แต่อย่างใด ในช่วงปลายพุทธศาสนาโน้น คนจะเกิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิดมากขึ้นๆ ดังนี้
    สุบินนิมิตข้อที่ 11 : นำพระธรรมมาขายกิน พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นคนพวกหนึ่ง เอาแก่นจันทร์แดงที่มีค่าราคาแพง ไปแลกกับนมเปรี้ยวหม้อเดียว ซึ่งไม่สมค่าราคากันเลย พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนพวกหนึ่ง จะเอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินตรา จะเขียนเป็นตำราเพื่อออกจำหน่าย ขายกิน หารายได้เพื่อเลี้ยงชีวิต เอาพระธรรมคำสอนของเราตถาคต ทำเป็นการแสดง แต่งกลอน เพื่อผลประโยชน์ในกัณฑ์เทศน์ แสดงธรรมเพื่อเห็นแก่ค่าจ้างรางวัล อันเป็นอามิส ไม่สมค่าราคากันเลย สิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นในช่วงปลายศาสนาของเราตถาคตโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 12 : คนดีถูกขัดขวางรังแก พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นน้ำเต้าแห้งเปล่ากลวงใน ตามธรรมดาแล้วจะลอยอยู่บนน้ำ แต่น้ำเต้าเปล่านั้น กลับดิ่งจมลงในน้ำนั้นเสีย พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนดี มีความรู้ดี มีสติปัญญาดี มีความรอบรู้ มีความฉลาด มีความสามารถ มีทั้งพระและฆราวาส จะไม่ได้รับความยกย่องเชิดชูในสังคม จะถูกขัดขวางจากกลุ่มคนพาลสันดานชั่วอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นฆราวาส ก็ไม่มีโอกาสได้ทำงานในการบริหารแระเทศชาติบ้านเมือง คนมีความรู้ความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีโอกาสได้รับเลือกตั้งเข้ามาในสภาสันนิบาต หรือได้รับเลือกเข้ามาแล้ว ก็ไม่มีโอกาสได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ จะมีกลุ่มทุจริตคิดมิชอบ เพื่อหวังผลประโยชน์ต่างๆ เบียดสีให้ตกเก้าอี้ไป ในสายตาของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ จะมองเห็นคนดีๆ ว่าเป็นตัวกาลกิณีของเขา ไม่ยอมที่จะให้เข้าไปรู้เห็นในความทุจริตคิดมิชอบของตน คนดีๆ จึงไม่มีในสังคมนี้เลย ถ้าเป็นนักบวช ก็เป็นในลักษณะนี้เช่นกันท่านองค์ใดมีใจบริสุทธิ์ผุดผ่องในพระธรรมวินัย มีความรู้ดี ปฏิบัติชอบต่อมรรคผลนิพพาน ท่านเหล่านั้นจะไม่มีใครให้ความสนใจ ไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากฟังธรรม จะมองเห็นว่าเป็นพระคร่ำครึล้าสมัยไม่เกิดศรัทธา ไม่อยู่ในสายตาของเขาแต่อย่างใด เพราะใจไม่มีความเคารพเชื่อถือในท่านเหล่านั้น แม้แต่จะแบ่งปันปัจจัยทั้งสี่ ที่มีอยู่อย่างเหลือเฟือ ก็ไม่เต็มใจ ถึงจะถวายให้ ก็นิดหน่อยพอเป็นพิธีเท่านั้น ท่านเหล่านี้จึงมีชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก ใครก็ไม่อยากบวชเป็นพระในลักษณะนี้ ในที่สุด พระดีๆ มีคุณธรรม ก็จะค่อยหมดไปๆ ในศาสนาของเราตถาคต เรื่องเหล่านี้ จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 13 : คนชั่วเรืองอำนาจ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นก้อนศิลาแท่งทึบ ขนาดใหญ่เท่าเรือ ลอยอยู่บนผิวน้ำเหมือนกับเรือสำเภาเปล่า ตามธรรมดาแล้ว ก้อนศิลาย่อมจมอยู่ใต้น้ำ แต่ก้อนศิลานั้นกลับลอยอยู่บนผิวน้ำ พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น คนพาลสันดานชั่ว คนทุศีล คนทุธรรม คนขี้โกง คนหัวประจบสอพลอ คนทุจริตคิดมิชอบ คนไม่มีความละอาย จะได้เป็นที่ยกย่องเชิดชูในสังคม เป็นผู้มีบทบาท มีอำนาจ มีชื่อเสียงเกียรติยศ มีพวกพ้องบริวารมาก ถ้าเป็นฆราวาสก็จะมีแต่ผู้เชิดหน้าชูตา ไปไหนมาไหนมีแต่คนเคารพยำเกรง มีฝูงชนให้การต้อนรับเอาใจ เรียกว่าเป็นกระจกบานใหญ่ ให้แสงสะท้อนเงาของประเทศนั้นๆ สังคมของประเทศนั้นมีความเจริญหรือเสื่อมลง ก็ให้ดูกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในสภา จะเป็นสื่อบอกประตู้หน้าต่างของสังคมได้เป็นอย่างดี ประเทศใดมีตัวแทนในลักษณะใด จะรู้ได้ว่าผู้ที่เลือกเขาเข้ามา ก็เป็นลักษณะอย่างนั้น เขาจะเลือกเอาเกรดเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน ถ้าเป็นนักบวช นักพรต ก็เป็นลักษณะนี้ศาสนาจะมีความเจริญขึ้นหรือเสื่อมลง ก็ขึ้นอยู่กับบริษัททั้งสี่ ลำพังพระอย่างเดียว จะโดดเด่นขึ้นในท่ามกลางของสังคมนั้นไม่ได้ พระที่จะมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็เพราะญาติโยมนำไปออกข่าวโฆษณา ว่าองค์นั้นมีความขลังอย่างนั้น องค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ มีอภินิหาร ไปทางไหนก็นำไปออกข่าว องค์ไหนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ องค์ไหนเป็นพระอริยเจ้า ฆราวาสจะเป็นผู้คาดการณ์ให้เอง ในยุคสมัยนั้น พระอรหันต์จะเกิดจากลูกศิษย์ยกให้เอง ศิษย์แต่ละครู ศิษย์แต่ละสำนัก จะผลิตจะกำหนดรูปแบบอาจารย์ของตัวเอง ให้เป็นพระอรหันต์ขึ้น เรื่องข้อวัตรปฏิบัติของอาจารย์ มีความเคร่งครัดอย่างไร ก็นำไปโฆษณาอย่างหยดย้อย นี่เองก้อนศิลาแท่งทึงจึงได้ลอยอยู่บนผิวน้ำมีความโดดเด่นเห็นได้อย่างชัดเจน จึงเป็นธุรกิจในคราบผ้ากาสาวพัสตร์บังหน้า เอาศาสนามาแอบอ้างหากิน เมื่อช่วงปลายศาสนาโน้น คนจะหมดความเลื่อมใสในศาสนาของเราตถาคต คนที่มีศรัทธาเบาบางก็จะค่อยจืดจางไป เพราะเห็นความชั่วร้ายในพระยุคนั้นๆ ผู้ที่มีปัญญาดี มีความมั่นคง มีเหตุมีผล เขาจะแสวงหาพระที่เป็นพระได้อย่างถูกต้อง เมื่อปลายศาสนาโน้น เรื่องอย่างนี้จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน
    สุบินนิมิตข้อที่ 14 : นักบวชหลงลาภยศ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นนางเขียดน้อยไล่กินงูเห่าตัวมหึมา เมื่อไล่ทันก็กระโดดคาบกลืนกินทันที พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น นักบวชองค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีคำพูดเป็นวาทศิลป์ เคยแผ่พังพานในการแสดงธรรม มีบทบาทในสังคม มีประชาชนให้ความเคารพเชื่อถือเป็นอย่างมาก ได้รับลาภ ยศ สรรเสริญจนลืมตัว ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา รักษาใจไม่มีความฉลาด จึงขาดในการสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ปล่อยให้ไปสัมผัสในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จึงทำให้ใจเกิดอัฏฐารมณ์ คือ อารมณ์แห่งความรักความใคร่ในกามคุณ มีความกำหนัดย้อมใจ นางเขียดน้อย (สตรี) ได้มองเห็นช่องโหว่ จึงได้วางแผนหว่านล้อมด้วยมารยานานาประการ มีคำหวานอันหยดย้อยเหมือนน้ำอ้อยน้ำตาล ชโลมหัวใจงูเห่าจนหน้ามือตาลาย หายใจไม่เต็มปอดอีนางเขียดน้อยได้จังหวะก็กระโดดคาบกลืนกินทันทีเรียบร้อยไป
    สุบินนิมิตข้อที่ 15 : แวดล้อมด้วยพระทุศีล พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นหงส์สีทองทั้งหลาย ไปห้อมล้อมอีกา อีกาไปไหน ฝูงหงส์สีทองทั้งหลาย ก็ห้อมล้อมเป็นบริวาร พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น พระเณรผู้บวชใหม่ ใจยังมีความบริสุทธิ์อยู่ในศีลในธรรม จะห้อมล้อมพระที่ทุศีลทุธรรม จะยกให้เป็นครูอาจารย์เพื่อเคารพกราบไหว้อย่างเหลือเฟือ อีกาฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมในการหาอาหารฉันใด พระทุศีลทุธรรมเหล่านี้ก็ฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมในการหาลาภสักการะได้ฉันนั้น และแบ่งลาภสักการะให้แก่หงส์เล็กหงส์ใหญ่ได้อย่างทั่วถึง ฝูงหงส์ทั้งหลาย จึงให้ความสำคัญในอีกาเป็นอย่างมาก ในยุคต่อไปช่วงปลายศาสนาโน้น การเปลี่ยนไปในสังคมของสมณะก็จะเป็นอย่างนี้ พระที่ทุศีลทุธรรมจะเพิ่มมากขึ้น พระเณรที่ขาดการศึกษา จะไม่รู้ธรรมวินัย ไม่เข้าใจว่าอะไรควร อะไรไม่ควร อะไรผิดศีล อะไรผิดธรรม จะไม่รู้หน้าที่ของตน เพียงบวชกันตามประเพณีเท่านั้น เหตุการณ์อย่างนี้ ก็จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น
    สุบินนิมิตข้อที่ 16
    : โค่นล้มราชาธิปไตย พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นฝูงแพะทั้งหลายพากันไล่จับเสือมาเป็นอาหาร พากันเคี้ยวกินอยู่กรอบๆ พระพุทธเจ้าให้คำทำนายว่า อนาคตต่อไปในภายภาคหน้าโน้น ประชาชนทั้งหลาย ไม่พอใจการปกครองแบบราชาธิปไตย จึงพากันจับกลุ่มเพื่อเรียกร้องต่อต้านการปกครองของพระราชา ให้ได้มาซึ่งการปกครองแบบประชาธิปไตย ให้พระราชลดบทบาท ลดอำนาจลง อยู่ในการปกครองภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน เมื่อพระราชาไม่ยินยอม ก็พากันปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจ ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน ถ้าพระราชชาองค์ใดขัดขืน ก็ลบล้างพระมหากษัตริย์ ผู้เป็นประมุขของประเทศนั้นๆ พร้อมด้วยพระราชวงศ์ ให้หมดไปจากประเทศชาตินั้นเสีย มีบางประเทศที่พระราชยินยอมตามคำขอร้องของประชาชน ยอมลงจากอำนาจเดิมคือราชาธิปไตย ประชาราษฎรในบ้านนั้นเมืองนั้น ก็จะพากันให้ความเคารพเชื่อถือในองค์พระมหากษัตริย์ พากันยกย่องเชิดชูในพระราชวงศ์นั้นจนสุดชีวิต เพื่อให้เป็นร่มโพธิร่มไทร เป็นสมมุติเทพ กราบไหว้เทิดทูน ให้เป็นศูนย์รวมน้ำใจของประเทศนั้นๆ ตลอดไปสินกาลนาน เหตุการณ์อย่างนี้ ก็จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2005
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภัยธรรมชาติร้ายแรงมากขึ้นทุกวันเลย

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center bgColor=white border=1><TBODY><TR><TD bgColor=white>
    [font=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]หลายวันมานี้ภัยธรรมชาติร้ายแรงมากขึ้นทุกวันเลย น้ำก็ท่วมภาคเหนือหนักขึ้น จะลดลงก็เห็นเป็นบางจังหวัดเท่านั้น เห็นข่าวทางทีวีเสนอภาพระดับน้ำที่ท่วมนั้นสูงมากเลยคะ แล้วยิ่งฝนตกทุกวันด้วย น้ำก็ระบายไม่ทันก็ยิ่งท่วมหนักเข้าไปอีก เห็นแล้วน่าสงสารเด็กเล็กๆกับคนสูงอายุจริงๆเลยคะ

    ไม่รู้ว่านี่คือสัญญาณของ episode 1 ที่กำลังจะมาถึงแบบที่อ.บอกรึเปล่า เห็นแล้วน่ากลัวจริงๆ
    [/font]

    </TD></TR><TR><TD>[font=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]โดย สาวขี้แยกับชายขี้อ้อน [16 ส.ค. 2548 , 12:39:05 น.] [/font]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center bgColor=white border=1><TBODY><TR><TD bgColor=white>[font=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ข้อความ 1[/font]

    [font=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ที่บ้านผม คนที่บ้านไม่ได้คิดอะไร ฝันก่อนว่าน้ำท่วมในระดับที่สูงมาก ถัดจากนั้นไม่นาน ผมก็ไม่ได้คิดเรื่อง episode 1 นะครับ แต่ฝันว่ายืนอยู่บนที่สูง แล้วเห็นคลื่นจากทะเล วิ่งมาแต่ไกลตรงเส้นขอบฟ้า ไล่จากซ้ายไปขวา ทีละลูก ลูกนี้สูงมากครับ เมื่อเช้าฝันอีกแล้วว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าจะเกิดเหตุเริ่มต้น episode 1 ที่มาเลเซียก่อน แล้วอีก 6 เดือนถัดมา จะเกิดอีกทีแต่ไม่รู้ที่ไหน นี่คือความฝันครับ[/font]

    </TD></TR><TR><TD>[font=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]โดย คน153 [16 ส.ค. 2548 , 23:00:29 น.] [​IMG] [/font]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center bgColor=white border=1><TBODY><TR><TD bgColor=white>[font=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ข้อความ 2[/font]

    [font=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]มีอยู่คืนนึง ผมฝันว่า ล่องเรือเล่นแถวๆท่าเรือที่ไหนซักแห่ง แล้วอยู่ๆมีคลื่นซึนามิพัดมา ผมกำลังตัดสินใจว่าจะแล่นเรือสู้คลื่นออกทะเลไปหรือ กลับเข้าฝั่งดี แต่ไม่ทันครับ โดนคลื่นซัดเข้าฝั่งหมดแต่ไม่เป็นอะไร[/font]

    </TD></TR><TR><TD>[font=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]โดย . (CraZyBMW) [17 ส.ค. 2548 , 08:58:54 น.] [​IMG] [/font]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center bgColor=white border=1><TBODY><TR><TD bgColor=white>[font=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ข้อความ 3[/font]

    [font=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]แค่หนังตัวอย่าง
    ให้รู้ว่าดินยุบยุบยังไง
    น้ำท่วมภูเขาท่วมยังไง
    ต่อไปจะเข้าสู่บทที่หนึ่ง หุหุ
    [/font]

    </TD></TR><TR><TD>[font=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]โดย กาหลิบ [17 ส.ค. 2548 , 20:41:30 น.] [​IMG] [/font]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=pimonracha&topic=141
    <SCRIPT language=JavaScript><!--function openWindow() { popupWin = window.open('/images.shtml', 'remote','scrollbars,resizable,width=600,height=200')}//--><!--function openCommand() { popupWin = window.open('/freewebboard/function.shtml', 'remote','scrollbars,resizable,width=500,height=300')}//--></SCRIPT>
     

แชร์หน้านี้

Loading...