ปัจจัตตังซัมเมอร์ ^O^ มหาสติ มหาสติ

มีนัมจะฝึกอันเนี๊ยะ รบกวนพวกพี่ๆหน่อยนะ

 

ใจมีนัม ว่ากันว่า ลุงขันธ์ ได้สิ่งที่เรียกว่า "ตรง" อันหนึ่งมา
จึงใช้สังเกตุแนวทางของแต่ละคนได้

 

เป็นแฟนพันธ์แท้ ก็จะสอนให้

การดูที่ตนเอง ให้ทำความสงบ กับสติให้เป็น เริ่มแรก ดูว่า สงบหรือยัง
มีสติ ระลึก อาการได้มากน้อยแค่ไหน

 

แล้ว ด่าลุงขันธุ์ด้วยได้มั๊ย

 

ตำรา ไม่ตำรา นอกๆในๆตำรา

 

จะด่าอะไรหละ ลองพูดมาก่อน

 

ถ้าไม่ด่า ธรรมไม่เดิน ไม่กระชุ่มกระชวย
ลุงขันธ์

 

ที่เรียกว่าตรง ของลุงขันธ์ คำนี้ ก็น่าจะออกจากปากผู้เห็นธรรมแล้วไม่ใช่เหรอ
ลุงขันธ์ เห็นธรรม แล้ว แล้วทำไม ตอบแบบหลวงตา มีปฏิเวธเหมือนหลวงตา

 

การปฏิบัติ จะต้องดูฐานะของตนให้เป็นว่า ตอนนี้ เราเดินไปในระดับไหนแล้ว
กิเลสน้อยลง ปัญญามากขึ้น สมาธิแน่นหนามั่นคงมากขึ้นหรือไม่

แต่ทีนี้ เวลาเราหลง เราจะไม่รู้ตัวเอง ต้องหมั่นไต่ถามสภาวะของตนกับคนที่รู้
เช่นว่า เรามีแนวคิดแบบนี้ถูกต้องไหม เข้าทางธรรมหรือไม่

เพราะสังขารมันปรุงได้ตลอด อวิชชาแนบกับตัวตลอด นิวรณ์มีตลอด

เราจึงเชื่อความคิดของตนไม่ได้ ตราบใดเรายังไม่สงบ

พระศาสดาจึงว่า ปัญญาอันเกิดจากสมาธิมีอานิสงค์มาก

สติ ที่คอยดูตน ฉลาดในการมอง การกระทำ จึงต้องฝึกใคร่ครวญในทุกขณะ

แล้วหมั่นถาม

 

จริง แล้วมีนัม จะฝึกมองลุงขันธ์
ที่ว่า ธรรมห่าอะไรฝึกมองคนอื่นนั่นแหละ

 

ปฏิเวธของใครก็เหมือนกันหมด แต่อย่าเอา ขันธ์ไปเทียบกับหลวงตาเลย หลวงตาอยู่เหนือหัว

 

ถ้าจะถามว่า ลุงขันธ์บรรลุธรรมแล้วเหรอ แล้วลุงขันธ์ จะตอบยังไง
คงไม่ตอบว่า ใช่ กับไม่ใช่ ตรงๆแบบนั้นล่ะมั๊งเนี่ย

 

เล่นกษิณลุงขันธ์รึมีนัม
จับเอา แล้วข้ามหัวไปเลยเน้อ
หรือไม่ก็ให้เป็นผงฝุ่นไปซะเลย ลุงขันธ์นะ

 

๑๐. ขันธสูตร
ว่าด้วยสัทธานุสารีและธัมมานุสารีบุคคล
[๔๗๘] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่น
เป็นธรรมดา เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร ฯลฯ วิญญาณไม่เที่ยง มีอันแปรปรวน
เป็นอย่างอื่นเป็นธรรมดา. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหวซึ่งธรรมเหล่านี้อย่างนี้
เรากล่าวผู้นี้ว่า สัทธานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลงสู่สัปปุริสภูมิ ล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควร
เพื่อทำกรรมที่บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน หรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อทำกาละ
ตราบเท่าที่ยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้ย่อมควรเพ่งด้วยปัญญา
โดยประมาณอย่างนี้แก่ผู้ใด. เรากล่าวผู้นี้ว่า ธัมมานุสารี ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม ก้าวลงสู่
สัปปุริสภูมิ ล่วงภูมิปุถุชน ไม่ควรเพื่อทำกรรมที่บุคคลทำแล้วพึงเข้าถึงนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
หรือปิตติวิสัย ไม่ควรเพื่อทำกาละ ตราบเท่าที่ยังไม่ทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ผู้ใดรู้เห็นธรรมเหล่านี้อย่างนี้. เรากล่าวผู้นี้ว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา
เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
ที่มาตามลิ๊งนี้
แล้วลุงขันธ์แบบไหนน่ะ ธัมมานุสารีเหรอ ??? หรือมากกว่านั้นมาก

 

การตีขันธ์ 5 ให้แตก ไม่ใช่ไปแยกมันว่าตัวนั้นเป็นสัญญา ตัวนี้เป็นสังขาร

แต่ให้ตีตัวกิเลสก่อน เมื่อตีตัวกิเลสแล้ว กิเลสสงบลงไป ขันธ์ 5 จะทำงานตามปกติ

แล้วเราจึงจะเห็น มันเป็นอิสระ

กิเลส ที่เป็นตัวโง่ ตัวหลง สำคัญที่สุด เห็นได้ยาก
แต่จะเห็นได้ หากมีสติระลึกในอาการของตนได้แม่น และต้องหมั่นีะลึกย้อนหลังไป เอาธรรมน้อมลงมา เตือนตน ในการกระทำที่ผิดพลาด ธรรมจะย้อมที่จิต ขัดเกลาจิตของเราให้ยอมรับธรรมอันละเอียดไปเรื่อยๆ

 

เข้ามาสาธุธรรมท่านขันธ์ครับ

 

ขอเป็นแฟนพันธุ์แท้ด้วยคน ลุงขันธ์ สม่ำเสมอที่สุดแล้วในตอนนี้

 

มาเชียว..จมูกไวนัก

 

จิตของคน ถูกดันออกจากอวิชชา ให้ทำนั่นทำนี่ คิดนั่นคิดนี่ ไม่มีหยุด

ถ้าเราไม่รู้จักทำความสงบแล้ว สติจะไม่มีทางตามทัน ไม่สามารถระลึกอาการต่างๆได้

จึงว่า ให้ทำจิตให้ลดภาระลงก่อนด้วยศีล ก่อน คือ งดเว้น ข้อวัตรที่จะทำให้เราวุ่นวาย ลดการงานลง ไม่ไปก่ออกุศลเพิ่ม ไม่ไปสร้างเรื่องสร้างราวเพิ่ม ไม่เช่นนั้่น เราจะไปก่อกรรมใหม่ไปเรื่อยๆ

ทบทวนตนเองว่า ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ตื่นนอนมา เรา คิด พูด ทำ อะไรบ้าง พยายามทำไปในทางกุศลให้มากที่สุด นั่นแหละเีาจะเห็นตัวเราชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

กรรมคือ สิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวัน แต่เราไม่เคยสังเกตุ ถ้าเราสังเกตุแล้วพิจารณาว่า ดีหรือไม่ดี เปิดใจกว้างๆ แล้วปรับเปลี่ยนแก้ไข เราจะพัฒนา

วันนี้พอเท่านี้ก่อน เอาไว้จะมาบอกเพิ่ม