ปาฏิหาริย์การขออโหสิกรรม (สุวิไล บุญธวัชชัย)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 24 เมษายน 2008.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    ปาฏิหาริย์การขออโหสิกรรม
    โดย สุวิไล บุญธวัชชัย



    ก่อนอื่นดิฉันขอขอบคุณสามีที่อนุญาตให้นำเรื่องนี้มาเล่า เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่มีคู่ครองติดสุราหรืออบายมุขอื่นๆ ที่กำลังท้อแท้กับชีวิต ได้มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป

    ชีวิตของดิฉันตั้งแต่เล็กจนโต มีแต่ความสุขสบาย ได้รับความอบอุ่นจากคุณพ่อคุณแม่ ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนดีๆจนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี หลังจากจบการศึกษาไม่นาน ก็ได้แต่งงานกับสามีซึ่งมีฐานะและพื้นฐานทางครอบครัวที่ใกล้เคียงกัน คุณพ่อของสามีมีกิจการค้าส่วนตัว เมื่อเข้าไปเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวสามี คุณพ่อคุณแม่และน้องสาวของสามีดีต่อดิฉันมาก สามีก็ช่วยกิจการค้าของคุณพ่อ

    ชีวิตสมรสของดิฉันราบรื่น ขณะที่มีลูกสาว ๓ คนที่น่ารัก (ลูกชายคนเล็กเกิดภายหลังวิกฤตการณ์ของครอบครัว) สามีเป็นคุณพ่อที่ดีของลูกๆ ไปไหนมาไหนจะไปทั้งครอบครัว วันหยุดส่วนใหญ่จะทำกิจกรรมร่วมกัน ไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวสวนสนุก แต่ความสุขทางโลกเป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืน มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเกิดมารวยหรือจน ต้องมาใช้กรรมที่ทำไว้ทั้งนั้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดิฉันก็เช่นเดียวกัน หนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น เหตุการณ์ที่ทำให้ดิฉันเป็นทุกข์อยู่หลายปีเกิดขึ้นหลังจากแต่งงานประมาณ ๑๐ ปี สามีไปเข้าหุ้นทำการค้ากับเพื่อนๆ ตัวเขาไม่ได้เข้าไปบริหารแต่เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้กับบริษัท ทำไปได้ไม่นานก็เกิดขาดทุน ไม่มีใครเข้าไปรับผิดชอบ สามีดิฉันซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้จึงต้องเข้าไปสะสางหนี้สินทั้งหลาย

    ชีวิตของดิฉันแปรเปลี่ยนไปชั่วข้ามคืน เพราะสามีต้องไปทำงานที่บริษัทใหม่ หน้าที่การงานที่เขาเคยรับผิดชอบอยู่ที่กิจการของคุณพ่อก็ต้องโอนให้ดิฉันดูแลแทนทั้งหมด ตอนกลางวันดิฉันต้องดูแลร้าน มีปัญหาเกี่ยวกับการค้าก็ต้องหาทางแก้ไขเอง เพราะคุณพ่อป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง เข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ ไม่สามารถเป็นที่ปรึกษาได้ ตอนกลางคืนก็ต้องดูแลลูกสาว ๓ คน และลุกชายคนเล็กซึ่งยังเล็กอยู่

    เหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายเข้าไปอีก เมื่อสามีดิฉันเข้าไปสะสางปัญหาต่างๆมากมายในบริษัทใหม่ ความเครียดกับงานก็เพิ่มมากขึ้น เขาเริ่มดื่มเหล้าเพื่อให้หลับในตอนกลางคืน จนกลายเป็นคนติดเหล้า ต้องดื่มทุกวัน เริ่มขาดสติและมีอารมณ์แปรปรวนเป็นประจำ บ่อยครั้งที่เขาไปงานสังคมและกลับบ้านดึก ดิฉันจะเป็นห่วงและไม่เข้านอนจนกว่าเขาจะกลับมา โรคปวดหลังที่เคยเป็นมาก่อนก็รุมเร้าดิฉันหนักขึ้น ถึงกลับเดินไม่ได้ต้องไปโรงพยาบาล ต้องทำกายภาพบำบัดเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ถึงจะหาย ดิฉันได้แต่ทุกข์กายทุกข์ใจอยู่คนเดียว ทุกครั้งที่กลุ้มใจมากๆก็จะเข้าห้องพระ จุดธูปอธิฐานขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดิฉัน แม้จะสวดมนต์บทชินบัญชรคาถา เพื่อให้คลายทุกข์ ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ เนื่องจากดิฉันไม่ทราบวิธีการสวดมนต์ที่ถูกต้อง และไม่เข้าใจว่าสวดมนต์เพื่ออะไร ขณะที่ดิฉันแทบจะหมดอาลัยตายอยาก

    อาจจะเป็นเพราะได้ทำบุญกุศลร่วมกับพี่สาวของดิฉัน อยู่มาวันหนึ่งพีสาวโทรศัพท์มาเล่าว่า ตั้งแต่ลูกๆ เขาไปเรียนเมืองนอก เขาว่างมาก จึงหยิบหนังสือสวดมนต์เล่มหนึ่งที่ได้จากงานศพของคนรู้จัก มาสวดทุกเย็นหลังเลิกงาน เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว และรู้สึกว่าตัวเองใจเย็นลง จิตใจแจ่มใสขึ้น ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็หยิบหนังสือสวดมนต์ที่ได้รับจากงานศพเดียวกันมาสวดบ้าง (เป็นบทสวดมนต์เดียวกับที่หลวงพ่อจรัญแนะนำให้สวด)

    การสวดมนต์และแผ่เมตตาที่จะทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันนั้น ทำได้ยากมาก เพราะการที่จะสำรวมกายสำรวมใจสวดมนต์ในตอนแรกๆ ต้องอดทนและฝืนใจตัวเองอย่างมากๆ คนส่วนใหญ่รวมทั้งตัวดิฉันเองมักจะพูดว่าไม่มีเวลาสวดมนต์ ทำงานเหนื่อยทั้งวัน สวดมนต์ทีไรง่วงทุกที แต่อย่างที่เขาพูดว่า เมื่อใดมีทุกข์เมื่อนั้นก็จะพบธรรมะ เมื่อความทุกข์เพิ่มทวีคูณ ดิฉันก็พยายามหาทางขจัดทุกข์ให้เร็วที่สุด จากที่เคยสวดบทง่ายๆและไม่เคยแผ่บทเมตตา ในช่วงแรกๆก็ได้เริ่มสวดบทพาหุงมหากา บทพุทธคุณ (อายุของตัวเองบวกหนึ่งจบ) พร้อมทั้งอโหสิกรรมและแผ่เมตตาทุกครั้ง อานิสงฆ์จากการสวดมนต์ ทำให้ดิฉันมีสติอยู่กับตัวเองมากขึ้นและคลายจากความทุกข์ความกังวลเกี่ยวกับสามีลงมาก แต่ที่น่าอัศจรรย์คือ อานิสงฆ์จากการสวดมนต์ ทำให้ดิฉันได้พบวิธีการปฏิบัติธรรมเพื่อเจริญสติเป็นขั้นเป็นตอนเหมือนกับธรรมะจัดสรรให้

    หลังจากได้สวดมนต์ไม่นาน พี่สาวของดิฉันก็ได้นำหุงสือเล่มหนึ่งชื่อ "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" ของคุณสุทัสสา อ่อนค้อม มาให้อ่าน มีหลายอย่างในหนังสือเล่มนั้นที่เป็นพลังผลักดันให้ดิฉันใฝ่หาความรู้ทางธรรมะมากขึ้น ความศรัทธาต่อหลวงพ่อจรัญจากหนังสือเล่มดังกล่าว ทำให้พี่สาวและดิฉันขับรถไปที่วัดอัมพวันเพื่อฟังธรรมะจากหลวงพ่อโดยตรง ทุกครั้งที่ได้ฟังธรรมจากท่าน ดิฉันจะนำคำสอนจากท่านมาประยุกต์ใช้กับชีวิตตัวเอง

    ดิฉันเริ่มมองตัวเองและแก้ไขสิ่งที่ตัวเองบกพร่อง ซึ่งแต่ก่อนมักจะโทษว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคนอื่นทำมากกว่า โดยเฉพาะปัญหาสามีติดเหล้า จะโทษว่าเป็นเพราะเขาที่ทำให้เราเป็นทุกข์ และจะโกรธเขาทุกข์ครั้งที่เห็นเขาดื่มเหล้า แต่หลังจากได้สวดมนต์ปฏิบัติธรรม และฟังธรรมจากหลวงพ่อทำให้ดิฉันอยู่กับตัวเองมากขึ้น กลับมองปัญหาที่เกิดขึ้นว่า คงเป็นกฎแห่งกรรมที่เราทำไว้ชาติที่แล้ว จึงต้องมาประสบปัญหาเช่นนี้

    ฉะนั้น เราควรอดทนใช้กรรมที่เราทำไว้ในอดีตอย่างมีสติ และไม่ควรเพิ่มกรรมใหม่ที่ไม่ดีในปัจจุบัน ดิฉันได้เริ่มต้นโดยขออโหสิกรรมจากสามี และอโหสิกรรมให้เขาเช่นกัน ไม่รื้อฟื้นสิ่งที่ไม่ดีในอดีต ปรับปรุงตัวเอง ลดทิฐิ พูดจาดีๆ กับเขา ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่จะให้เขาเลิกเหล้า หลังจากที่ดิฉันปรับปรุงแก้ไขตัวเองไม่นาน สามีของดิฉันก็ค่อยๆ ลดการดื่มเหล้าลง จนถึงขณะนี้เขาเลิกดื่มแล้วและกลับมาเป็นคุณพ่อที่ดีของลูกๆ และเป็นสามีที่ดีของดิฉัน

    การปฏิบัติธรรมนอกจากทำให้ดิฉันมีชีวิตครอบครัวที่ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ดิฉันได้ระลึกถึงกรรมที่ได้ทำไว้กับผีเสื้อเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว ดิฉันได้จับผีเสื้อมา ๔ ตัว และให้เพื่อนคนหนึ่งฉีดยากลางหลังทุกตัวเพื่อสต๊าฟไว้ส่งครูในวิชาชีวะ แต่หลังจากนั้นไม่นานดิฉันก็ฝันเห็นผีเสื้อยักษ์ตัวใหญ่บินเข้ามาหาดิฉันเพื่อจะมาทำร้าย จนดิฉันตกใจตื่น โดยไม่ทราบว่านี่คือความอาฆาตแค้นที่ผีเสื้อเหล่านั้นมีต่อดิฉัน จนกลายเป็นกรรมที่ดิฉันต้องชดใช้นานถึง ๑๐ ปี กับอาการปวดหลัง ที่ต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ทุกครั้งที่ปวดหลังดิฉันจะเดินไม่ได้ จะนั่งจะนอนก็ทรมานไปหมด กว่าจะดีขึ้นก็ต้องทำกายภาพบำบัดเป็นเวลา ๑ สัปดาห์ จนกระทั่งได้มานั่งกรรมฐาน จึงระลึกได้ว่า ที่ปวดหลังมาเป็นเวลา ๑๐ ปีนั้นเป็นเพราะกฎแห่งกรรมที่ทำไว้กับผีเสื้อ

    ดิฉันจึงขออโหสิกรรมและแผ่เมตตาให้กับผีเสื้อเหล่านั้น หลังจากนั่งกรรมฐานติดต่อกันเป็นเวลาหลานเดือน ในที่สุดพวกเขาก็ยอมอโหสิให้กับดิฉัน เพราะอาการปวดหลังของดิฉันได้หายเป็นปลิดทิ้งตั้งแต่ตอนนั้นเป็นเวลา ๔ ปีแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนปาฏิหาริย์ที่เกิดจากการขออโหสิกรรมโดยการเจริญกรรมฐาน

    ดิฉันขอสรุปว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรามีทางออกที่ดีได้ ถ้าเรายอมลดทิฐิลง มองดูตัวเองก่อนเพื่อแก้ไขความบกพร่อง ให้อภัยและอโหสิกรรมผู้อื่น เรื่องในอดีตอย่าไปรื้อฟื้น ขอให้ตั้งสติเพื่อแก้ไขปัญหาในปัจจุบันการที่จะทำเช่นนั้นได้ ก็โดยการเจริญกรรมฐานเท่านั้น จากประสบการณ์ชีวิตของดิฉันเอง การที่จะได้ของดีมักจะมีอุปสรรค ขอให้อดทน เริ่มจากสวดมนต์ อโหสิกรรม และแผ่เมตตาทุกวัน แล้วธรรมะก็จะจัดสรรเป็นขั้นเป็นตอนให้ได้มีโอกาสเจริญกรรมฐานในที่สุด ถึงแม้ต้องต่อสู้กับตัวเองและใช้ความอดทนอย่างสูงเพื่อทำให้เป็นกิจวัตร แต่พอทำได้แล้วจะรู้สึกไม่ยากเลย และจะพบแต่สิ่งดีๆ ที่รู้ได้เฉพาะตนจริงๆ (ปัจจังตัง เวทิตัพโพ วิญญฺหิ)
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=3263
     
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,612
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ขออนุโมทนาครับ เคยอ่านเรื่องนี้มาเหมือนกันครับ

    กฎแห่งกรรมครับ ไม่ทำกรรมมา ไหนเลยจะได้รับกรรม
     
  3. panya.hi

    panya.hi Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +39
    ขอเล่าบ้าง

    ยาวนิดหนึ่งแต่อยากให้อ่าน

    ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เอาเลย การนั่งสมาธิ ทำบุญโดยการใช้เงิน ที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว วันๆ ได้แต่ไหว้พระก่อนนอน ก็แค่ นโม เท่านั้น แค่นโมผม เองยังขออะไรต่อมิอะไร หลายอย่าง ขอให้สอบติด ขอให้เรียนจบ ขอโน้นขอนี้เพื่อตัวเอง หนักเข้า เริ่มนโมตั้งแต่ ก่อนถึงห้องพระซะอีก เดินนโมเลยละครับ

    จนมาช่วงหนึ่งแฟนผมเค้าเริ่มอ่านหนังสือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แล้วก็อยากไปนั่งกรรมฐานที่วัดหลวงพ่อจรัญ ผมก็ยังจะบอกเค้าไปว่า "จะไปทำไม บ้านตัวเองมีไม่นอน ไปนอนที่อื่นทำไม "

    โดยปกติผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ แล้วมีวันหนึ่งแฟนผมแกล้งเอาหนังสือ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม มาวางไว้ ในช่วงเวลาที่ผมนั่งรอรับแฟนกลับบ้าน ผมว่างก็เลยหยิบหนังสือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมมาอ่าน ช่วงแรกอ่านก็สนุกในมุม ที่เป็นนิยาย แบบหนึ่ง แต่แล้วอ่านไปๆ ผมก็ได้อะไรบ้างอย่างจากหนังสือ มีความอยากรู้มากขึ้น จนมาวันหนึ่งแฟนผมก็ได้ไปนั่งกรรมฐานที่วัดหลวงพ่อจรัญ ผมก็ไปรับ ในช่วงเช้าวันสึกของแฟน ช่วงที่นั่งสวดมนต์นั้นผมก็เกิดความคิด ติดตลก นึกถึงในหนังสือที่ว่าหลวงพ่อสามารถ ทราบได้ว่าใครคิดอะไร ผมก็คิดทำนองว่า ถ้าจริง ของให้หลวงพ่อมองผม แค่สิ้นความคิดเท่านั้น สายตาหลวงพ่อหันมาที่ผม ซึ่งผมไม่ได้นั่งใกล้หลวงพ่อเลย สันหลังผมเย็นวาบ นั้นคือสิ่งที่ผมประสบ หลังจากนั้นผมก็อ่านหนังสือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แทบทุกเล่มที่หาได้ ไม่ว่าจะอ่านเพราะสนุกที่เป็นนิยาย หรืออะไรก็ตาม แต่หนังสือฯ ได้สร้างอะไรบ้างอย่างในใจผม ทำให้ผมเกิดอยากไปนั่งกรรมฐาน ทั้งๆที่เคยพูดว่า "บ้านตัวเองมีไม่นอน"

    จนมาวันหนึ่งผมมีโอกาสได้ไปนั่งกรรมฐาน ดังใจต้องการ แต่ผมนั่งไม่ได้เลย
    ไปถึงที่นั้น ตอนเย็นนั่ง ดึกนั่ง เช้านั่ง ผมนั่งไม่ได้เลย ปวดไหล่ ปวดหลังมากนั่งได้แค่ นาทีสองนาที ก็ต้องขยับเพราะปวด จนเข้าวันที่สองที่หลวงพ่อลงมาเทศน์ ผมก็คิดว่าไม่ไหวแล้ว อีกเดี๋ยวก็ต้องนั่ง นั่งไม่ไหวแล้ว

    แต่แล้ว! ในช่วงนั้น ที่เริ่มนั่ง ก็เกิดภาพๆหนึ่ง เป็นเรื่องราวที่ผมลืมมันไปแล้ว นานมาผมว่าน่าจะเกิน15 ปีขึ้น ภาพมันเร็วมากวูบเดียว แต่ผมจำอารมณ์ตอนนั้น เหตุการณ์ตอนนั้นได้ทันที เหตุการณ์คือผม เอาไม้กวาดตีแมว ที่หลัง หลังมันงอเป็นรอยตามไม้กวาด บริเวณเดี่ยวกับที่ผมปวดหลัง มาตลอด ผมก็คิดว่าคงเป็นกรรมที่ผมทำ จริงๆแล้วผมปวดหลังมานานพอสมควร แต่ก็แค่รำคาญ จะมาปวดจนทนไม่ไหวก็ช่วงนั่งกรรมฐาน ผมก็ตั้งจิต ว่าขออโหสิกรรม จะนั่งกรรมฐานให้แมวตัวนั้น หลังจากนั้นผมก็นั่งกรรมฐาน ได้อย่างมีความสุข ใช้คำว่ามีความสุขแบบ ขาไม่ชา ไม่ขยับ คันก็ทนได้ นั่งได้สบายๆ จะใช้คำว่ามีความสุขเลยก็ได้

    เรื่องของผม อาจจะวกวนนะครับ ขอโทษด้วยและก็ขอบคุณที่อ่านจนจบ
     
  4. toon0901

    toon0901 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +17
    สาธุ ค่ะ การอโหสิกรรม ดูเหมือนจะทำได้ยากมาก แต่ถ้าคุณพยายามฝึกทุกวัน หลังจากที่ไหว้พระ สวดมนต์ แผ่เมตตาเสร็จแล้ว คุณลองมองดูที่พระพุทธรูป ตั้งใส ทำสมาธิก่อน แล้วอโหสิกรรมให้กับคนที่ทำให้คุณโกรธ โดยอธิฐานจิตต่อหน้าพระพุทธรูป ถวายเป็นอภัยทานแด่ท่าน ทำทุกวัน ทำบ่อยๆ ความโกรธ ความพยาบาท จะค่อย ๆๆจางหายออกจากใจคุณ และยังเป็นการสร้างบุญ สร้างกุศลให้กับตัวคุณด้วยนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...