ปาฏิหาริย์ สมเด็จโต แสดงธรรม 15 ต.ค.2559

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย miracledharma, 5 พฤศจิกายน 2016.

  1. miracledharma

    miracledharma Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +44
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2017
  2. miracledharma

    miracledharma Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2016
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +44
    จดหมายจากกรุงศรีฯ
    จดหมายจากกรุงศรีฯ

    ดังนั้นสิ่งที่โยมเห็น และโยมไปยึดว่าเห็นนั้น นั่นคือความหลง คือความไม่รูจริง แต่ผู้ใดเห็นตน รู้ตน เตือนตน ตำหนิตน แก้ไขตน อยู่บ่อยๆ นั้นเรียกว่าเห็นของจริง คือเห็นทุกข์ แล้วโยมจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างทีจะเกิดขึ้นในโลกนี้และโลกหน้า

    เมื่อมาก็ดีแล้ว ฉันจะมาแจ้งข่าว จดหมายจากกรุงศรีฯ บอกว่ากรุงศรีฯ นั้นจะมีภัยอีกไม่นาน อีก 3 วาระ วาระใดบ้างที่จะเป็นสัญญาณเตือนภัยให้โยมนั้นได้เตรียมตัวเคลื่อนย้าย ไม่อยากรู้รึยังไงจ๊ะ (อยากค่ะ) อยากรู้ว่ายังไง

    วาระแรกหมายถึงว่าเมื่อประตูที่ตรงนี้ได้ถูกเปิดขึ้น ก็จะมีการเกิดและการตาย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วถ้าไม่เปิดเล่าจ๊ะ จะมีการเกิดการตายหรือไม่จ๊ะ ความตายนั้นไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงเวลา ดังนั้นมันต้องยอมเสียเพื่อแลกกับส่วนรวมที่ยังเหลืออยู่ ดังนั้นวาระแรกก็หมายถึงว่าถ้าโยมสร้างประตูนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ อีกภายในสามปี นั่นเรียกเป็นสัญญาณบอกเหตุ แห่งสัญญาณภัยแห่งธรรมชาติ เมื่อประตูมิติถูกเปิดขึ้น และฟ้าและธรณีจะถูกแบ่งแยก มันจึงเป็นธรรมดา ไม่มีใครไปเร่ง แต่เมื่อเรารู้ กำหนดก่อนได้ เราย่อมได้เปรียบกว่า อุปมาเหมือนอยู่ที่สูง ย่อมเห็นเบื้องล่างว่าเป็นในทางใด

    แล้วถ้าไม่เปิด จะเกิดอะไร แม้ไม่เปิด มนุษย์ก็ต้องตายกันอยู่ดี แต่ถ้าเปิดได้ มนุษย์ที่ยังมีบุญยังเหลือรอดเพื่อไปต่อเชื้อ ดังนั้นฉันได้แค่บอก หน้าที่ที่โยมต้องทำคือเปิดประตูเมืองตรงนี้ให้ได้เพื่อเราจะเอาวิญญาณนี้ไปแจ้งเกิด เมื่อวิญญาณแจ้งเกิดก็เรียกว่าแก้ไขเป็นตัวตายตัวแทนให้คนที่เป็นอยู่นี้ยังอยู่รอดได้ ใต้วิหารหลังนี้ที่ถูกปกปิดไว้ ยังมีจิตวิญญาณอีกมากมายที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด ฉันมาทำหน้าที่แห่งบรรพชิตที่จะมาเปิดประตูมิติให้เขาได้ไปผุดไปเกิด แล้ววิญญาณเหล่านี้แลที่เขาได้เป็นบรรพบุรุษของโยม เขาจะกลับมาช่วยโยมอีกครั้งหนึ่ง

    อีกส่วนหนึ่งในที่แห่งนี้ก็คือซากศพของโยมที่ตายทับถมเป็นภูเขาเลากา โยมต้องมาเผาซาก กู้จิตวิญญาณของโยมขึ้นมา แล้วจิตวิญญาณโยมนั้น เมื่อโยมทำ ร่วมบุญในครั้งนี้ จิตวิญญาณของโยมทุกดวงจะเป็นอมตะ คำว่าอมตะไม่ได้จะบอกว่าโยมจะไม่ตาย แต่ว่าคำอมตะในที่นี้โยมจะเหนือการตาย คือการหลุดพ้นแห่งทุกข์ สิ่งนั้นก็เรียกว่าเป็นบารมีที่โยมได้สะสมมา บางคนอาจจะเข้าถึงเร็ว บางคนอาจจะช้า แต่ยังไงก็ต้องไปถึง

    ดังนั้นวาระแรกนี้จะเป็นสัญญาณบอกเหตุ ดังนั้นรอบๆ ก็จะเริ่มเกิดภัย มันก็เหมือนว่าถ้ารอบๆ แล้ว มันมีภัยอยู่เนืองๆ เมื่อถึงเวลามันก็ต้องลุกลามเข้ามาสู่ใจกลางเมืองหลวง ดังนั้นในขณะที่เรานั้นยังมีโอกาส ควรเร่งสร้างกำแพงเมือง แล้วเปิดทางให้ภัยนั้นมันมีทางออกของมัน อย่าได้ปะทะ ไม่มีใครสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ แต่ถ้าเราเปิดทางให้เขาออกไปได้ ไม่มีแรงปะทะแล้ว ก็สามารถจะปิดรอยรั่วได้ รอยร้าวได้ แห่งเขื่อนใหญ่ที่จะแตกขึ้นในอนาคต

    ดังนั้นบุญครั้งนี้โยมอาจมองว่าไม่ยิงใหญ่ แต่จริงๆ แล้วที่โยมได้มานี้มันทำให้แผ่นดินสะเทือน แผ่นดินสะเทือนนั้น นั่นก็เรียกว่าเป็นรอยแยก เราไม่สามารถจะไปชะลอ หรือไปห้ามว่าไม่ให้เกิดได้ โยมไม่ได้เป็นผู้ที่จะไปเร่ง แต่ว่ามันเป็นเหตุอย่างนั้นอยู่แล้ว

    แล้วเมื่อสักครู่นี้ บอกไปถึงวาระไหนแล้วจ๊ะ (วาระแรกครับ) วาระสองบอกไปรึยัง (ยังไม่ได้บอก) คราวหน้าค่อยมาฟังต่อ เพราะว่ามนุษย์นั้นขั้นแรกโยมยังทำไม่ได้ เมื่อโยมรู้ เรียนรู้ชั้นต่อไป ก็เรียกว่าจะทำให้เกิดความกังวล สิ่งแรกโยมยังทำไม่ได้ ยังละวางไม่ได้ ยังทำให้เกิดไม่ได้ โยมก็ดับมันไม่ได้ ดังนั้นมีเวลาให้โยมอีกสามปี ที่โยมจะสามัคคีทำในบุญกุศลครั้งนี้ที่เปิดประตูเมือง อันที่ว่าไปเปิดทำไม ใช่มั้ยจ๊ะ แล้วเปิดแล้วได้อะไร ก็บอกว่าเปิดเพื่อให้บุคคลที่ยังมีบุญวาสนาได้เข้ามา เมื่อเปิดเสร็จแล้ว เราจะมีพิธีปิดประตู เพื่อไม่ให้ภัยมันเข้ามา ก็จะมีว่า 4 ปีเกิด 4 ปีดับ นี่ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งปี ก็เหลืออีก 3 ขวบปีที่ยังพอมีเวลาในภัยข้างหน้าที่มันจะเกิดขึ้นมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...