ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

หายใจดีแล้ว แต่บอกด้วยว่าให้สังเกตุท้องด้วย ว่าหายใจเข้าให้ท้องพองนะ หายใจออกให้ท้องยุบนะ และให้เล่นกีฬาแบบโยน เหวี่ยง ที่มีเป้าไว้ล่อ ให้โยนให้ลง เหวี่ยงให้ลง หรือบังคับให้ลงหรือไปยังเป้าหมายจุดใดจุดหนึ่ง
ประมาณนี้
ไม่ใช่ยิงปืนนะ ๕๕๕

 

กระทู้นี้ดีแล้วหละครับ คุยได้หมดทุกเรื่อง...

 

จริงๆแล้วไม่มีอะไรหรอก ที่ ต้นธาร 11. เกี่ยวกับเรื่องที่ถาม
มันเป็นธรรมชาติของจิตเราเอง
ที่ลักษณะพลังงานไปทางด้านสัมผัสภายใน
มันไปผูกอยู่กับเรื่องของการสนทนา
(คือกลุ่มดวงจิตที่จะมีความสามารถคุย
ทางด้านนามธรรมได้ พูดแบบบ้านๆคือ
พวกคุยกับผีรู้เรื่อง )...เพียงแต่
ส่วนมากคนที่เจอแบบนี้
ไม่รู้ว่าจะไปอย่างไรต่อเท่านั้นเอง.....
และอาจจะมีปัญหา ในการเข้าสังคมได้
เพราะคนทั่วไป ถ้าเค้าไม่เข้าใจ เค้าจะมองว่าเราแปลกๆ
แต่จริงๆมันไม่แปลกหรอก.
ในระดับการใช้งาน ก็ใช้หลักการนี้เป็นฐานอยู่
เพียงแต่ต้นพลังงานที่จะทำให้เกิดการสื่อสาร
จะมาจากภายนอกจริงๆ.......
เพียงแต่ของ ต้นธาร อีเลเวน นั้น
มันจะยังมีความคิดในเชิงลักษณะที่วกวน
ที่สร้างจากสัญญาความจำได้เข้ามาปรุงร่วมด้วยอยู่
ไอ้สัญญาตัวนี้นี่หละ ที่เป็นตัวส่งผลต่อมาสำหรับ
การทำสมาธิ เพราะมันจะมาขวาง
การลดระดับคลื่นความถี่ เพื่อที่จะให้จิตเราลดคลื่นลง
(คลื่นยิ่งตำจิตยิ่งสงบ) มันจะเป็นคล้ายๆคลื่นแทรก
เหมือนคล้ายๆ เรากำลังจะปรับ ช่องคลื่นวิทยุ
ก่อนที่เราจะรับช่องนั้นได้ชัด มันจะมีเสียงครื๊ดๆ แซดๆ
มาแทรกนั่นหละ นี่พูดให้พอเห็นภาพ ไอ้คลื่นที่ ครี๊ดๆ แซดๆ
ก็มาจากสัญญาความจำได้ในสมองนั้นๆหละ
รู้ไหมทำไม่ถึงเกิดคลื่นนี้. เพราะเรารู้แล้วทิ้งไม่เป็น
เลิกสนใจไม่เป็น และไม่รู้จักแล้วๆไป ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้
เราต้อง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น มันถึงจะไม่มีคลื่นตรงนี้มาแทรก
ข้างบนคือ บทนำนะย้อนเหตุให้ดูเล่นๆ...


และทางปฏิบัติคือเราจะไปห้ามไม่ให้มันเกิดก็คงไม่ได้
เพราะว่ามันเป็นธรรมชาติของมัน
ถ้าเราไปฝืน ก็เหมือนเราไปบังคับให้แมวมันร้องโห่งๆนั่นหละ
หรือไปฝึกปลาให้ปืนต้นไม้ พอนึกภาพออกไหม....

แต่สิ่งที่สำคัญก็คือการที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติตรงนี้
ในลักษณะที่มันมีประโยชน์ ในการละคลายความยึดมั่น
ถือมั่นในจิตตนเอง นี่ถึงจะมาทางหลุดพ้นได้
เรียกหล่อๆว่า มาทางพุทธฯ....

วิธีการคือ ถ้ามันจะรู้อะไร ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม
ก็ปล่อยให้มันรู้ไป ปล่อยให้รู้ไป เหมือนเราแค่ดูเฉยๆ
ไม่ต้องไปร่วมในองค์ความรู้อะไรกับมัน
(ตรงนี้เป็นการสร้างกำลังในการปรุงแต่งร่วม
ให้เกิดกับสิ่งเหล่านั้นอย่างที่เราคาดไม่ถึง
ซึ่งมันจะทำให้เกิดความคิดวกวนในสมองเราเอง)
แม้ว่าการรู้เรื่องเกี่ยวกับพลังงานภายนอก
(ที่เกี่ยวกับ เทพ กับ จักรวง จักรวาลอะไรนั่นหละ)
มันจะมีเกิดขึ้นได้อยู่ แบบนิ่งๆ แต่ปัญหาคือ
มันยังไม่ได้เกิดการแยกแยะ และมีการควบคุมการ
ไปรับรู้ที่เพียงพอ ณ เวลานี้...
ถ้าเราโดนแอบแทรกจากภายนอกเข้ามา
เราก็จะไม่รู้ตัวเองว่า กำลังโดนแทรก ซึ่งอันตรายมาก

วิธีการต่อไปคือ
ถ้ามันจะเข้าใจก็ปล่อยให้มันเข้าใจไปเลยของมันเอง
เรามีหน้าที่ อ่อๆ ก็พอ พออ่อแล้วก็แล้วไป ไม่ต้องไปคิดต่อ
ไม่ว่ามันจะไปรู้ ไปเข้าใจอะไรก็ปล่อยมันไปของมัน ...
อย่างที่บอกนะ..

*** แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่ต้องรู้จักแล้วก็แล้วไป....
คือ รู้แล้วก็แล้วไป ถ้าไม่รู้ก็ช่างมัน ไม่ต้องไปพยายาม
ที่จะให้รู้ หรือพยายามที่จะเข้าใจอะไรมัน......
และไม่ต้องไปนึกคิดปรุงร่วมอะไรกับมันพอ ****

เพราะไม่งั้น มันจะโน้มหรือดึงให้จิตเราต้องไป
ตาม จริต วิสัย อนุสัย วิบากแห่งจิตตน....
ซึ่งมันจะขวางการคลายตัวเองได้ของ
จิตเราอย่างคาดไม่ถึงนั้นเอง
หรือจะโดนแทรกจากภายนอกที่ไม่พึ่งประสงค์ได้

จำได้นะ สัญญามันทำให้เราไปสร้างสมาธิต่อไม่ได้
พวกภายนอกก็จะมาแทรกเพราะ กำลังสมาธิเราไม่พอ
ตรงนี้นั่นเอง แล้วภายนอกเอากำลังอะไรมาแทรก
ก็เอากำลังจากการที่เราเผลอไปปรุงร่วมนั่นหละ
การปรุงร่วมเหมือนการที่เราป้อนข้าวป้อนน้ำให้เค้านั่นหละ
ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆนะ

ทำตามที่แนะนำข้างบนได้แล้ว...
ที่นี้เราก็จะสามารถมาเจริญสติในชีวิตประจำวัน
ให้ต่อเนื่องได้ เนื่องจากกำลังพวกนั้นมันจะน้อยลง
ทำให้เราจะมีสติทางธรรมขึ้นมาได้เอง
และได้สมาธิสะสมเรื่อยๆได้เอง.....

ซึ่งมันจะเหมือนเป็นเป็นอาหารว่าง กันท้องร้องเมื่อ
มาบวกกับการที่เราจะสวดมนต์บ้างหรือไม่ก็ตาม
หรือมานั่งสมาธิอย่างเป็นทางการ

มันก็จะพอมีกำลังต้านทานพวกความคิดต่างๆเหล่านั้นได้เอง
และเราก็จะไปต่อได้ ของเราเองต่อไป
กำลังสมาธิสำหรับต้านทานเราก็จะดีขึ้นได้
เองตามลำดับนั้นหละครับ....
ปล.ทั่วๆไป ไม่มีอะไรครับ...

 

ถ้าจะฝึก ของต้นธาร ให้ขึ้นด้วย
ดินหรืออากาศ กองไหนก็ได้ ใน ๒ กองนี้ แค่กองเดียว

ให้ใช้คำภาวนาเฉพาะปฐพีกสิณัง หรือ อากากสิณัง
ปรับระบบหายใจใหม่ให้ลึกถึงท้อง
ระลึกรู้ลมเข้าออกหยุดที่ปลายจมูกพอ แต่ไม่ต้องตามลม
ปรับวิธีการมองใหม่ ถ้าหลับตา ตาปกติให้มองที่ลิ้นปี่
ถ้าลืมตาให้ทำตานิ่งๆ ล้าก็พัก อย่าสนว่าภาพจะชัดไม่ชัด

อ่านในกระทู้ กสิณอะไรฝึกง่ายสุด
ห้องอภิญญาเล่นๆได้ กระทู้นั้น
แนะถึง อรูปญาน ๓ เลยกสิณไปเล็กน้อยแล้ว

 

ไม่มีโอกาสถ่ายรูปสวยๆกับเขาบ้าง เลยถ่ายรูปคุณชายที่นำมาเลี้ยงได้ราว 15วัน ให้ดู มันโตขึ้นเว้อร์มาก 555

 

วันนี้วันพระรู้สึกไม่ค่อยดี เรื่องแรกต้องส่งข้อความโกหกเจ้าขอวรถที่เราจะซื้อจากเมกา ตอนนี้มันนี่ยังไม่พอพ่อบ้านเลยบอกให้ส่วข้อความไปหาเค้าว่าไม่สบายอยู่รพ. เซ็งจริงต้องผิดศีล
เรื่องที่สอง เพื่อนสนิทที่ป๋านบเคยบอกว่าเค้าติดเรื่องเคยปรามาสพระโพธิสัตว์คนนี้ก็มาพูดถึงคนนึงชื่อเจสสิกา เค้าก็พูดไปว่าสงสัยทำนวดอย่างว่า บลา บลา บลาแถมแต่งตัวก็แรง ไอ้เราก็นึกถึงเจสสิกาที่ไปเจอที่วัดทุกครั้ง ฟังๆดูแล้วไม่น่าใช่ สรุปมาเช็คดูคนละเจสสิกา ทำให้เรานึกคลางแคลงพี่เค้า รู้สึกแย่ไปเลย นี่เรื่องปากของเพื่อนหนูนี่จะพาให้หนูเจอวิบากด้วยนะเนี่ย เซ็งจริงๆ

 

แวะมาทักทายค่ะ ไม่มีคำถามมาถาม แต่เอาประสบการณ์มาบอก ให้น้องเหมียวทานน้ำมันมะพร้าว 1ช้อนชาต่อวัน นอกจากแผลที่ถูกกัดจะหายบวม (ดีขึ้น +แก้อักเสธ 1ต่อ 50 ) ขนไม่ค่อยร่วงด้วยนะคะ

 

เพจของวัดหลวงพ่อกล้วย เจอรูปหลวงพี่ต้าร์ ท่านไม่เปลี่ยนเลยไม่แก่ลงเลย

 

อยากขอคำแนะนำในการปฏิบัติ ณ ขณะนี้เป็นต้นไปครับ โดยเฉพาะอยากฝึกกสิณควรเริ่มกองใหนดีครับ

 

ระหว่างรอคุณนบ ลองเข้าห้องอภิญญา อ่าน กสิณอะไรฝึกง่ายที่สุดหนอ ไปพลางๆก่อนนะคะ

 

สงสัยว่าวิญญาณที่นราธิวาสเค้าจะรับบุญจากการละหมาดได้ไม๊ จากในข่าวแยกนี้คนตายเพราะอุบัติเหตุบ่อย จนชาวบ้านต้องจัดทำพิธีละหมาดแบบนี้ ปกติถ้าทำบุญทางแบบพุทธจิตญาณที่เคยปรามาสพระรัตนตรัยจะรับบุญยากถ้าไม่พาขอขมากรรมต่อพระรัตนตรัยก่อน

 

ใช่หรือใช้อุบายอุทิศให้วิญญานไทยแถวนั้นก่อน

 

ดินและ ปรับระบบหายใจตามที่เคยแนะคนอื่นๆไว้
ปล.จิตเคยใช้งานในระดับกำลังสูงในอดีตมาก่อน
ค่อนข้างมีพอตัวเรื่องของเก่า โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน

 

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

 

นึกขึ้นมาได้ เกิดสงสัย เมื่อประมาณสิบปีมาแล้วเคยอบรมหลักสูตรหนึ่ง ขององค์กรหนึ่ง แล้วมีวิทยากรมาสอนเรื่องการทำสมาธิ แล้วท่านก็ให้ผู้อบรมหัดทำสมาธิตามแบบของท่าน พอเสร็จการสอน ก่อนท่านกลับ ท่านยิ้มแล้วมองมาที่กระผม แล้วพูดว่า"ใจใสบ้างแล้วนี่เรา" ก็สงสัยว่าคืออย่างไร แต่ก็ไม่ได้สนใจจนลืมๆไปแล้ว จนตอนนี้นึกขึ้นมาได้ หากท่านนพพอจะหาคำตอบให้ได้และจะเป็นประโยช์แก่กระผมต่อไป ก็ขอความกรุณาครับ

 

สภาวะตอนนั้นคือ ตัวจิตเกิดและก่อตัวอยู่แต่มันไม่เกี่ยวหรือผูกโยงเรื่องอะไรเลย เป็นเหตุให้เกิดกระแสโดยรวมที่เป็นทั้งกะแสฝ่ายพลังงานและฝ่ายครูบาร์อาจารย์ที่ออกจากตัวเรามันไหลลื่นครับ (กะแสแบบนี้ปกติจะเกิดพร้อมกับการทำงานได้ของจิตหรือกะแสจิตใช้งานปกติ )เพียงแต่จิตจะคลายตัวถ้าจะใช้งาน. พูดง่ายๆคือถ้าวันนั้นจิตคลายคัวจะเกิดการใช้งานทางจิตได้เลย
ปล จิตจะใช้งาน คือ กะแสแบบที่บอก + จิตคลายตัว. วันนั้นสภาวะมันเป็นเหมือนเตรียมพร้อมใช้แต่ไม่ได้ใช้ และจิตที่พร้อมจะใช้คือ จิตที่ไม่มีอะไรมาปนตอนนั้น เข้าใจเหตุที่ท่านทักแล้วยังครับ (^_^)

 

พอเข้าใจแล้วครับ ขอพระคุณครับ เสียดายจังจำไม่ได้ละว่าตอนนั้นทำยังไง

 

ช่วงนี้กำราบเด็ก 5 ขวบกับ 3 ขวบศิษย์หลานป๋านบลำบากใจมากๆ มีท้าทายด้วย เมื่อวานไปชอปปิ้งแอบไปหยิบอมยิ้มกันจะเดินออกห้างดีนะเห็นก่อน กะวันนี้ไปหยิบขนมที่มีคนแกะทิ้งไว้บนชั้นวางสินค้า ไยตัวแสบ 5 ขวบนี่หยิบมากินเลย ว่าก็แล้ว สอนพูดดีๆก็แล้ว ทั้งตีทั้งด่า ไม่ดีขึ้น ทำหน้าท้าทายไม่รู้ไม่ชี้ เหนื่อยใจขนาด ช่วงนี้ไม่ได้พาเด็กๆสวดมนต์กับโส...ด้วย สงสัยต้องเอาไปถวายวัดเป็นลูกพระได้ไม๊น๊อเด็กโตแบบนี้

 

เตรียมตัวเตรียมใจพบกับความหลอนของเขาเรียกตรูว่าแมว(บ้า)55555

 

ได้เรื่องปกติถวายกับพระพุทธฯแล้วขอมาเลี้ยง
กรณีที่เด็กมีอาการหรือป่วยแแลกๆยิ่งดี
ส่วนตัวตอนเด็กที่บ้านก็ยกให้เป็นพระพุธชินราชมาเหมือนกันข้านเกิดบิดาเนาะ ตอนเกิดพระมารดาฝันว่ามีพระสงฆ์เอาพระพุทธฯมาให้เลือกสามองค์ ท่านเลือกพระพุทธชินราชเลยเป็นเหตุในการยกเป็นลูกครั้งนั้น แต่ปัจจุบันพบหมดแล้วทั้งสามองค์ที่พระสงฆ์ในฝันเอามาให้ท่านแม่เลือก