ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

อ้าวว!! งานจะเข้ารึคะ??

ตอนแรกก็งงๆ แต่บทสวดคุ้นๆ มาเปิดดูตอนเช้า บทงานสวดนี่ (ห๋าาา!!) แต่พอมาอ่านดูคำแปล ก็ไม่ใช่เกี่ยวกับคนตายอย่างเดียว เลยเข้าใจว่า ถ้าไม่เกี่ยวกับความสงสัยเรื่องธรรม :การใช้ดอกไม้เวียนในวัด ก็คงจิตใต้สำนึกเรานี่ละค่ะ 5555++

 

พยายามเก็บมา 3 ปี เผาเอาทองได้แค่นี้ 5555++ บริสุทธิ์ 99%นะ

 

หลอนแท้!!! บรื๋อออออ

 

คิดว่าเดาถูก วัดเขาวง จ.สระบุรี ฟันธง!!!

 

อวดๆๆๆ

 

เอาลูกชายมาให้ชม อิอิ

 

งานหล่อพระ วัดลุ่มเจริญศรัทธา

 

เพิ่งได้รถมือสองสภาพใหม่มา ทะเบียนรถมีเลข 634 เลขบวกกันผลรวมได้ 13 ค่ะ อยากขับให้รู้สึกอุ่นใจ ถ้าแบบว่าเรานึกถึงหลวงปู่ที่เราเคารพนับถือหรือนึกถึงบารมีพระรัตนตรัยให้คุ้มครองเรากะทุกคนที่นั่งในรถให้ขับไปไหนปลอดภัยอะไรแบบนี้ได้ไม๊คะ?

สงสัยอีกอย่าง ทุกวันนี้เวลาทำงานบ้านหรือนั่งเฉยๆหรือบางทีดูลูกเต้าเล่าดากไปแต่ก็นึกถึงคนเราเกิดมาใช้กรรม นึกถึงเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา มันมีความรู้สึกเหมือนเราคิดวิปัสนึกเอง คิดมากไปยังไงบอกไม่ถูก รบกวนป๋านบแนะนำด้วยค่ะว่าแบบนี้มันเกิดจากเราเริ่มเจริญสติทางธรรมหรือวิปัสนึกไปเอง?

 

ปกติเวลาเดินทางไปไหน
ทั่วไปก็ระลึกอย่างนั้นหละ
ถึงได้มีสติ๊กเกอร์ รูปต่างๆติดรถ
ห้อยพระบ้าง คือยันต์บ้าง
เพื่อเป็นอุบายในการโน้มเข้าถึง

ส่วนตัวเลข ส่วนตัวไม่คิดอะไรมาก
เพราะมันจะต้องรวมตัวอักษรด้วย
เท่ากับเรื่องของ สติในการขับรถบนถนน
การเคารพ กฎระเบียบวินัยจราจร
ส่วนรถถ้าเจ้าของเก่าเค้าเลือกคนซื้อหรือเป่า
บอกได้ว่าดีอยู่ถ้าเป็นแบบนี้


ส่วนเรื่องสุดท้าย มันไม่ใช่เราคิดหรอก
มันเกิดจากสภาวะที่ตัวสติ
มันควบคุมปล่อยให้จิตรับรู้ไปเรื่อยๆ
แรกๆเราจะดูเด็กๆด้วยตาไปก่อน
และก็เห็นกิริยาบ่อยๆ จนเรารู้สึกเฉยๆ
ไอ้ตอนเฉยๆไม่สนใจนี่หละ มันคือกิริยาที่สติ
กำลังควบคุมจิตให้รับรู้ คล้ายๆว่าจิตกำลังเรียนรู้ และพอเราเฉยๆอีกมันก็เหมือนมี
ความคิดอะไรขึ้นมา มันก็เป็นกระบวนการเรียนรู้ของจิตเพื่อที่จะปล่อยวาง
เรื่องที่มันเคยรับรู้มา กระบวนการนี้
เค้าเรียกว่าปัญญาทางธรรม
อนาคตเรื่องเดิมๆก็อาจจึ้นมาได้แต่มันจะไม่ค่อยมีผลกับจิตเราเท่าไร
ถือว่าเป็นเรื่องปกติไป

เพียงแต่อาจจะงงๆหน่อย
ไม่มีอะไรถือว่าดี
เพียงแต่มันจะมีความคิดอะไรจึ้นมาก็ให้เฉยๆไปพอ

ปล เป็นกระบวนการในระหว่างทาง
ก่อนจะเกิดเป็นปัญญาทางธรรมปกติ
เพียงแต่อนาคตมันอาจจะผ่านขั้นนี้ไปเร็ว
จนไม่ทันสังเกตุเท่านั้นเอง

ปัญญาทางธรรมจะมาก่อนปัญญาญาน
เสมอตามลำดับ

ทั่วไปไม่มีอะไรถือว่าดี

 

ขอบคุณมากค่านึกว่าหลงความคิดตัวเอง

รถเป็นซากสภาพดีซื้อประมูลจาก auction มาราคา $300 แล้วพ่อบ้านก็ค่อยๆไปหาซื้อชิ้นส่วนมาเปลี่ยนค่า ลงทุนซื้อไป ~$1000 กว่าๆ เองเพราะรู้จักที่หาอะไหล่แท้และถูกพร้อมกับซ่อมเอง คิดถึงราคารถเบนซ์บ้านเราทำไมมันแพงเนาะ ประเทศนี้มีเงินไม่ถึง $2000 ก็ซื้อขับได้แล้วเพียงแต่ถ้าไปซ่อมตามศูนย์หรือร้านก็จะแพงก่ารถเมกาหรือญี่ปุ่นทั่วไปหน่อยนึง

 

แฮร่ๆ ได้ฤกษ์เอางานไหว้ครูมาอวดสักที ครึๆ
แต่สิ่งที่ภูมิใจนำเหนอคือ พานบายศรี น่ะออเจ้า
(ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำสักกะติ๊ดเดียว เอิ๊กๆๆ)

บายศรีจริงๆที่ใช้ในงานมีสามพาน ที่ตั้งหน้าพระ
ส่วนอีกพานใหญ่ๆที่เป็นแบบที่เราคุ้นตานั้น
คุณยายแกทำ(ต่อตัวบายศรีบนรถกระบะช่างมีความสามารถกระไรเช่นนี้ นับถือๆ) เพื่อเอามาร่วมงาน

บายศรีทีมีเทียนปักและใส่ขนมของมงคลตามแบบโบราณเด๊ะๆ
พวกญาติๆมาช่วยพับจับจีบ แต่คนจัดต่อตัวบายศรีนี่น้าชาย(เจ้าพิธี)ต้องทำเอง

แม่บอกว่าเขาถือกันว่าต้องได้องสาจะต้องจัดหันวางให้ถูก
เจ้าพิธีเลยต้องจัดพานเอง (อย่าถามหนูเพราะไม่เข้าใจเหมียนกัน)
น้าแกบอกให้ลองทำหัดทำจะได้เป็น
แต่งานฝีมือแบบนี้อิน้องเคยทู่ซี้อยู่หลายครา ม้วนใบตองเป็นกรวยเล็กๆง่ายๆก็แล้ว เฮ้อ ไม่รอด(โยนทิ้งนั่งดูชาวบ้านซะสู) ช่วยได้แค่ฉีกใบตอง

เลยไม่แตะนั่งดูเขาทำอย่างเดียว
กรวยยอดมีข้าว(เขาแย่งกันดีนัก)ข้างใน
แต่อิน้องไม่แย่งไรเลย
ในบายศรีก็มีแต่ขนมหวานๆเกิ๊นเช่น ขนุนเชื่อม ตระกูลทองกล้วย อ้อย ได้กินขนมกรอบหรือขนมเกียวอยู่อันนึงก็โดนลมจนเหนียว ไม่อยากไรเลย

อีกอย่างที่ พราวทูพรีเซน(กระแดะฝาหรั่งอีก)
คือ ขนมโค หรือที่ภาคกลางเรียกขนมต้มขาว
(บ้านหนู ขนมต้มขาวคลุกมะพร้าวเรียกขนมโค
ถ้าเอาลอยในน้ำกะทิเค็มปะแหร่มๆอย่างครองแครง ก็เรียก ขนมโค เข้าใจตรงกันน่ะ)

อยากบอกว่าพวกญาติๆปั้นกันเอง แต่ละลูกไม่เท่ากัน
งานแฮนเมดฟุดๆ(ลูกใหญ่แป้งเยอะ ลูกเล็กแป้งน้อย แรกๆลูกเล็กดี ปั้นไปนานๆชักเมื่อยเลยใหญ่เรื่อยๆ555)

ไอที่ปากดีเล่านี่ไม่มีเอี่ยวช่วยเขาสักลูก นั่งกินอย่างเดียว
ขอบอกว่าอาหย่อย มว๊ากๆๆๆ
ที่เขาทำขายทั่วไปแป้งจะแข็งไม่หร่อย
แต่แป้งนวดเองนี่นุ่มลื่นคอมากมายยย
ไส้ไม่หวานเกิน โดนลมนานๆยังไม่แข็ง
แม่บอกเคล็ดลับคือ ต้องใส่หัวกะทิเล็กน้อยตอนนวดแป้ง
มันจะไม่กระด้างแบบใส่น้ำอย่างเดียว

กินไปหลายลูกแล้วไปตักข้าวกิน แทบกินข้าวไม่หมดเพราะอืด (แต่กับข้าวก็อร่อยอีกเพราะแม่อิน้องเป็นเชพกระบวยเหล็กคุมงานปรุงเอง ขนมจีนน้ำพริกแบบข้นๆไม่ใช่ใสเป็นน้ำล้างถ้วย มันฟินมากๆๆๆ)
แกงส้ม(แกงเหลือง)ปลากระพง แกงเขียวหวาน น้ำยาข้นๆฟูไปด้วยเนื้อปลา และอีกหลายๆอย่าง( น้ำยายไหย)

ช่วยงานก๊อกๆแก๊กๆดูไม่ค่อยมีประโยชน์อย่างไรชอบกล
พอเริ่มพิธีพระท่านสวดแป็บเดียวอิน้องก็น็อค ง่วงแรงหาวแรงอะไรเบอนั้น หูได้ยินแต่ตาปิดไม่สามัคคีกะหูเอาซะเรย
อายน่ะ แต่ฝืนไม่ไหว ทำงานร้านเก่าก็นอนน้อย พอเดินทางก็หลับหน่อยเดียว วันพิธีก็ต้องตื่นเช้า(แต่สายกว่าคนอื่นอีกแระ) เลยพนมมือหลับโชว์ซะเรยยย

พิธีก็มีนิมนต์พระมาสวดและถวายเพล
ระหว่างพระฉันท์เพลก็เริ่มสวดอ่านโองการไหว้ครู
(ตอนนี้หลับแรงตั้งแต่บทเชิญเทวดา แต่ก็ฝืนตื่นเป็นช่วงๆ)
ไม่ใครแสดงอาการของขึ้น ไม่เล่นเพลง เต้นเตรงๆเตร้งใดๆทั้งสิ้น น้าแกบอกว่าทำอย่างเดิมๆเหมือนสมัยพ่อหลวงทวด(คุณทวด)เป็นเจ้าพิธี
พอเสร็จก็โปรยข้าวตอกแบ่งของไหว้ในงาน
กับข้าวก็ตักแบ่งๆกันไปเหมือนงานบุญตามต่างจังหวัดทั่วไป

แต่วันเดียวกันตอนหัวค่ำ บ้านใกล้ๆบ้านน้านี่มีงานไหว้ครูเหมือนกัน แต่เป็นงานร่างทรง กรี้ดกร๊าดเกรียวกราว
ท่าทางจะสนุกจริงๆ (ไม่ได้ไปดูแต่เสียงดังจนได้ยินชัดแจ๋วเขาใช้เครื่องขยายเสียง)
น้องชายลูกน้าบอกเขาเต้นรำกันน่าดู
คนไปเยอะเพราะไปดูพวกนี้แต่งตัวเต้นรำกันอย่างงานโชว์

เขาประกาศว่าไหว้ครูถูกต้องตามพิธีการทุกประการ(แต่งานมงคลอะไรจะเริ่มตอนมืด งานมงคลปกติเขาเริ่มกลางวันไม่ใช่เหรอ ถึงลากยาวยันดึกก็เริ่มกลางวัน)
ไม่มีบทบูชาไรมากมายเปิดเพลงเมดเล่รีมิกซ์จนฟังไม่ทันว่าเพลงอะไร
ทั้งไทย จีนฝรั่ง เพลงมาร์ชทหารเปิดไปไม่ถึงนาทีเปลี่ยนเพลงใหม่ คงกลัวเจ้าจะน้อยใจเลยคละๆกันเพราะร่างทรงเจ้ามาหลายท่านเดี๋ยวไม่ทั่วถึง5555

 

เรื่องสินค้าที่ขายในบ้านเรา มันคงเป็นที่ระบบภาษีนั่นหละ
ส่วนเรื่องรถไม่ใช่เจ้าของเก่าเลือกคนซื้อเนาะ
ตรงนี้ส่วนตัวมองผิดไปเอง...เรื่องภาษีเนี่ย
รถยนต์นี่จะชัดเจนที่สุด ภาษีเป็นหลายร้อยเปอร์เซนต์
มันถึงได้มีกระบวณการสวมทะเบียน เอารถหรูมาขับนั่นหละ
ถ้าจะจับกันตอนไหน ก็หาผู้กระทำผิดได้ตลอดนั่นหละ
ที่พลาดกันคือ ดันมาออกสื่อนี่หละ ๕๕๕
และก็อาวุธปืนด้วยประมาณ ๒๐๐ เปอร์เซนต์
อย่าง Colt defender ขาย 900 เหรียญหรือประมาณเกือบสามหมื่น
บ้านเราข้ายแสนต้นๆ ป้ามรึงเอ้ย !!
กระบอกปกติ พวก Glock Baretta sig นานๆจะเมืองนอกจะมีเกิน พันเหรียญ มาบ้านเรา
ไม่สนใจ ตรูใส่ราคาไป ๗ หมื่นอัพไปถึงแสนกว่า
ช่วงนี้เงียบหน่อย ลงมา เก้าหมื่น ก็ยังแพงกว่าเมืองนอก ๓ เท่า ปกติตั้งไว้ ๓ ถึง ๔ เท่าไง..
สวัสดิการบางรุ่นที่นิยม อย่างพวกลูกโม่ ราคาสวัสดิการกับหน้าร้าน ก็พอๆกัน งึดหลาย..

แต่พอเป็น พวก accessory ราคาพอๆกัน แต่ก็จะเสียภาษี
นำเข้ามาอีก กลายเป็นว่า พอกับที่ขายในบ้านเราอีก
ยกเว้นว่า จะได้ตัวแทนที่เป็นตัวแทนบริษัทจริงๆ
ที่มูลค่าของราคาไม่ว่าจะขายในบ้านเรากับเมืองนอกไม่ต่างกัน
แต่พ่อค้าบางกลุ่มก็ยังมาบวกราคา ซะเวอร์
นี่หละ เป็นเหตุให้บางครั้ง ต้องพึ่งพอค้าที่สามารถ
จะเอาเข้ามาได้แบบราคาพอเหมือนนอก แต่บวกกำไลไม่มาก
ทั้งๆที่ การจัดเก็บภาษี มันมีกระบวณการในการจัดเก็บได้มากกว่านี้
และมีหลายวิธี ไม่ใช่เอะอะ ก็ขึ้นราคา แบบนี้ ไม่ต้องมีความรู้อะไร
ก็สามารถทำได้กันทั้งหละ ๕๕๕๕๕




แถมยังมีกฏหมายแบบหยุมหยิมอีกต่างๆหาก
แม้ว่าจะมีระบบประมูลแต่มันก็ยังแพงอยู่
อาจจะคล้ายๆในประเทศลาว ที่รถจักรยานยนต์ก็แพงลิบลิ้วเช่นกัน
๒ ถึง ๓ พันเหรียญได้ขับรถเบนส์ ก็ถือว่า เครแล้ว เพราะอย่างไร
ระบบช่วงล่างมันก็ดีกว่า รถยี่ปุนเยอะอยู่ ยกเว้นที่ทำแข่งในระดับ wrc
ถ้าจำไม่ผิดนะ จบ....





ส่วนเรื่องการไหว้ครูส่วนตัวมองเป็นประเพณีนะ
เหมือนเรารดน้ำ ขอขมา ขอพรผู้ใหญ่ในวันสำคัญนั่นหละ
เป็นการแสดงความเคารพอย่างหนึ่ง
เข้าใจว่า ทางเป็นประเพณีของทางพราหมณ์
ที่มีมาก่อนพุทธศาสนา จนกระทั่งเดี๋ยวนี้แยกกัน
แทบไม่ออก แต่ก็มีปฏิบัติกันมาเรื่อยๆ

ส่วนสิ่งของที่บูชานั้น ก็ตามแต่ที่สืบๆกันมา
แต่อย่างที่บอกนั่นหละ เป็นการแสดงความเคารพ
การระลึกถึงคุณความดีของท่าน ไม่ว่าจะเป็นระดับไหนก็ตาม
ในเรื่องของพานบายศรี ยอดแหลมๆนั่นหละ เป็นเหมือน
สะพานในการเข้าถึงต้นพลังงานของท่านที่เราจะบูชา
ส่วนอาหารประกอบ ก็สุดแล้วแต่
ส่วนตัวก็เคย มีการบูชา หลังๆแม้ไม่ได้ทำได้
แต่ก็ยังให้ความเคารพนับถือเหมือนเดิม
มองว่าประเด็นนี้ความให้ความสำคัญด้วย...

แต่ขนมลูกกลมๆออกขาวๆ บอกตรงว่า ชอบกินอยู่ ๕๕๕ (เกี่ยวกันไหม)
ดูจากเครื่องบูชา การจัดพาน เหมือนไหว้เทพ เทวดา สายมีฤิทธิเลยเนาะ
คือมีชื่อเป็นที่รู้จักปกติ ไม่ก็ไหว้ครูบาร์อาจารย์ สายมีฤิทธิ์ ที่ล่วงลับไป
แล้วในอดีตเลย (เดาเอา)....

ปล.ไม่รู้จะพูดอะไรแระ ๕๕๕ ช่วงนี้แม้ฝนตก ก็ร้อน ณ ประเทศไทย..

 

มีข่าวแปลกๆค่า
งงกับคนที่ทำจริงๆ
แล้วที่เขาทำจะมีผลเสียร้ายแรงเกิดขึ้นไหมค่ะ

https://amp.mgronline.com/south/9610000045797.html

 

ถ้านักการเมืองระดับท้องถิ่นทำขนาดนี้ได้...นึกถึงในรัฐสภาบ้านเราจะโดนขนาดไหน เพราะผ่านมากี่พรรคกี่พวกกี่รุ่นกี่ฝ่ายการเมืองก็ยังวุ่นวายไม่จบสิ้นเนอะ อยากรู้เหมือนกันว่าที่นครฯมันจะมีผลอะไรตามมาบ้างจากพิธีนี้

นี่ยังคิดว่าคนเราถ้าอยากเปลี่ยนดวงจริงๆทำทาน ศีล ภาวนาไปเลยแบบเคร่งๆน่าจะเปลี่ยนดวงได้ แต่ไอ้ที่ทำชั่วทุจริตไปแล้วนี่ควรยอมรับผลกรรมเนอะถ้าหากผิดจริง

 

อลังการมากเลยอ่า!!! ถ้าพ่อบ้านพี่มาเห็นรูปนี้แกจะชอบมากก็ตรงเหล้าขาว หอบมาจากไทยเมื่อ 5 ปีที่แล้วขวดนึงเพิ่งซดหมด (แก้เครียด)เมื่อไม่นานมานี้เอง

 

สมัยเรียน พอถึงวันไหว้ครู เด็กนักเรียนอย่างเรา ก็ต้องจัดแต่งพานกันขึ้น ตอนนั้นก็นั่งทำในห้องกิจกรรมของโรงเรียน ครูเดินเข้ามาทำท่าตกใจ ว่าเราว่า ใครที่ไหนให้ทำพานไหว้ครูจากใบตอง (คือมีแต่ให้ทำพานพุ่มดินเหนียวนึโฟมกัน อีเด็กนี่ทำพานใบตองซะงั้น) เราก็อ้าว หนูไม่รู้นิ เห็นว่าแบบมันสวยดี อีกทั้งเค้าเขียนว่า พานไหว้ครู ครูก็ว่า ระวังบ้านะ !! ของแบบนี้ เราก็เถียงว่า ก็ในหนังสือเขียนว่าพานไหว้ครูนิคะ ก็น่าจะใช้ได้ ตอนนั้นไม่คิดอะไร ครูทัก ก็ยังเฉยๆ ใจมุ่งมั่นจะทำ ก็ทำจนเสร็จ ก็ใช้พานใบตองนั่นแหละไหว้ครู 5555++ ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี พอมาอ่านถึงได้เก็ทว่า พานนี้สำหรับไหว้เทพเทวดา (กำ) แถมตอนนั้นทำแบบไม่ได้กำหนดอะไรเลย กลีบจะมีกี่ชิ้น ชิ้นนึงมีกี่แฉก เอาแค่สวยงามตามท้องเรื่องเอง ขอบคุณค่ะ ที่เอามาบอกเล่าต่อกัน

 

@คุณนบ >>>>เมื่อวานเห็นบ่นว่า ฝนตกก็ยังร้อนนะเมืองไทย อยากถามว่า พอตกเย็นย่ำแล้วเป็นไงบ้างคะ 5555++(บ่นนัก) แซวเฉยๆนะ!

ปล. พอดีเห็นในคลิป

 

เรื่องแก้บนพอเล่าได้ว่าทำไมต้องทำ
เรื่องฝน กระทบมากสุดตั้งปี ๒๕๓๘
ออกข่าวช่อง ๙ และท้องถิ่นไปแระ
รถเพียบ รถนักข่าว นักการเมืองท้องถิ่น ๕๕
จะเข้าบ้านเมื่อวาน ซิกแซกหน่อย
มีรูป เด่วสดวกก่อนจะมาเล่าที่เหลือ
ทั้งแก้บนและฝน
ปล ทั่วไปไม่มีอะไรหรอก

 

ประเด็นนี้เล่าให้ฟังเล่นๆ..จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจเป็นอีกเรื่อง
ปกติใครหรืออะไรก็ตามที่จะมีผลในเรื่อง
ของการช่วยอฐิษฐานจิตให้ได้ผลในเรื่องใดๆนั้น
จะประกอบไปด้วย ๓ ส่วนทั่วไป
๑.กำลังสัมผัสแบบภายใน
๒.ลักษณะของเส้นสายพลังงานที่ขึ้นบน
๓.ในข้อที่หนึ่งผูกติด กำลังเมตตาและผูกติดวาจา(ถ้าเป็นกรณี
มีชีวิต ถ้าไม่มีชีวิตอาศัยผู้ที่ขอ ตรงนี้จะเกี่ยวข้องกับ
กรณีที่มีบางคนไปแก้บน)
แล้วไปเชื่อมโยงกับข้อที่ ๒
โดยปกติทั่วไปจะเป็นอย่างที่บอก.......


อย่างกรณีสถานที่ๆ มีบางคนไปแก้บน
สถานที่แบบนั้น มีเรื่อง ทั้ง ๓ ข้อครบเป็นปกติ
แต่ต่างกันว่า สถานที่ใดจะมีความหนาแน่นของพลังงาน
มากกว่ากันเท่านั้นเอง ถ้ามีมาก สำเร็จได้เยอะ
คนก็จะบอกว่า ศักดิ์สิทธิ์ อะไรประมาณนี้......
และก็จะมีรูปปั้นคล้ายๆงู ส่วนนี้เป็นส่วนของ
การช่วยในส่วนป้องกันภัยอันตราย ซึ่งมีข้อ ๑ เป็นปกติ
และมีลักษณะพลังงานที่ป้องกันแบบไปกระแทก
พลังงานส่วนไม่ดีได้จะเรียกว่าฤิทธิ์ก็ได้
...............ถามว่า ทำไมเค้าต้อง
ทำอย่างนั้น สงสัยกันเนาะ..


เพราะว่า ตัวบุคคลขาดในข้อ ๒ ไป เนื่องจากความคิดวกวน
ในหัวตรงนี้เป็นวิบากอย่างหนึ่ง ซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่าไปทำอะไรมา
ทำให้โดนปิดในเรื่องนี้. โดนปิดเพราะไม่มีกำลังจากฝ่าย
ครูบาร์อาจารย์มาช่วยหนุนเลย(หมายถึงตัวบุคคล)
แต่ตัวคนนั้นยังพอมีในส่วนของพลังงาน
ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องหาอุบายมาเพื่อให้ได้ผลทางด้านพลังงาน
แต่จะสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่กระบวณการมันก็คือ




การผูกสีแดงในรูปปั้นด้านหน้าก็เพื่อไปเอากำลังเฉพาะ
ของรูปปั้นให้เกิดรูปแบบของวาจาขึ้นเพื่อส่งไปยังสถานที่นั้น
แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จึงใช้ผ้าสีดำเพื่อไปเหวี่ยง เอาวาจา
ที่ผ่านมาจากรูปปั้น เข้ามาเกี่ยว ก็จะครบในกระบวนการ
ของทั้ง ข้อ ๑. ๒ แล ๓. คล้ายๆคนปกติทั่วไปนั่นเอง.....
หลักการทางกิริยาก็ประมาณนที่เล่าให้ฟัง..........


ต้องถือว่า ใครก็ตามที่แนะนำให้ทำอย่างนี้
แสดงว่า เค้าจะต้องรู้เรื่องแบบนี้พอสมควรนั่นเอง

 

แรง!!! ขนาดหม้อไฟฟ้าลงน้ำ ไฟจะช๊อตไหมนั่น ต้นไม้โค่นยันราก ดีนะรถที่จอดไว้แถบนั้นไม่โดนไปด้วย (รอดหวุดหวิดนะคะ)

ปล.พระธุดงค์รึเปล่า