ผมยังโง่ และไม่มีความรู้จึงมาขอความเมตตาจากผู้รู้ว่าควรปฏิบัติอย่างไรต่อ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ณัฏฐชัย สีม่วง, 11 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    กำลังสติทางธรรมที่ได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวันครับ
    ที่จะทำให้เรารู้และเข้าใจ
    นามธรรมทุกอย่างเรื่องเสียงเป็นหนึ่งในนี้
    ไม่งั้นเราก็จะไม่รู้อะไร ทางนามธรรม
    เราก็จะติดๆขัดๆ สงสัยอยู่เรื่อยไปครับ
    เรื่องนามธรรมให้จำไว้ว่า ถ้าเราไม่รู้เลย
    ณ เวลานั้นแสดงว่ากำลังสติทางธรรมเราไม่พอ
    ให้เรามาฝึกเพิ่มเติม และให้ลืมเรื่องที่เราไม่รู้
    ไปเลยครับ เด่วถ้ากำลังสติเพียงพอ
    มันจะย้อนรู้ได้เองทุกเรื่องครับ
    นามธรรมมันจะมา คิด วิเคราะห์ วิพากษ์
    วิจารณ์เอาไม่ได้ครับ เพราะมันไม่ใช่
    เรื่องทางโลกครับ ตรงนี้พอเข้าใจนะครับ


    ส่วนความกลัวผ่านได้ด้วยการฝืนครับ
    ปกติไม่ว่าเหตุการณ์อะไรเราฝืนๆ ๓ ถึง ๔ ครั้ง
    จิตถึงจะมีกำลังไม่กลัวได้ของมันเองครับ
    ใช้คำว่าต้องฝืนนะครับ

    ส่วนภูมิต้านทานพลังงานต่างๆ
    ที่เราไปรับรู้ แล้วส่งผลต่างๆทางกาย
    ทางจิตของเรานั้น เช่น จากพลังงานต่างๆ
    เช่น หมอผี หมอธรรม ผีต่างๆ ภพภูมิไม่ดีต่างๆ
    อยู่ที่กำลังจิตที่ได้จากการปั่นปฎิภาคนิมิต
    ในสมาธิระดับสูงหน่อย จากกรรมฐานที่ขึ้นรูปด้วยภาพครับ

    ส่วนสมาธิใช้ได้แล้วมันจบ
    ใช้ได้คือ สามารถนำมาใช้งานได้จริงๆ....

    ย้ำว่า ไม่ใช่เราเคยนั่งได้ระดับนี้ โน้นนั่น
    แล้วจะถือว่าเราเป็นคนมีสมาธินะครับ
    นี่แค่คือเคยนั่งเข้าถึงครับ
    สมาธิวัดกันที่ความสามารถในการนำมาใช้งาน
    ได้จริงไม่ว่าเรื่องอะไร รวมทั้งในชีวิตประจำวัน
    และใช้ได้ภายในเวลาเสี้ยววินาที...
    เช่น คุณทำ 1 ได้ใช้งานได้ในระดับ 1
    ในชีวิตประจำวันและพิสูจน์ได้...
    แต่ถ้าคุณเคยนั่งได้ระดับ 8
    ในความหมายคือ คุณมีสมาธิระดับ 1
    แต่เคยนั่งได้ถึง 8 ไม่ใช่ว่ามีสมาธิระดับ 8
    ที่เราจะช้าเพราะมัวไปยึด
    ว่าเราเคยนั่งได้ถึง 8 ตรงนี้แล้วเอามาวัดเป็นปัจจุบัน
    แล้วไปยึดติดตรงนี้ ทั้งๆที่ผลของสมาธิอยู่ในระดับ 1
    ต้องนี้เล่าให้ฟัง เราต้องระวังอย่า
    ให้เกิดกับเราครับ

    สมาธิถ้าได้แล้วมันจบครบ(ไม่ต้องไปเกร๊งกล้ามตรูดฝึกต่ออีก)
    ที่ไม่หยุดเพราะว่า ตนเองยังไม่ได้จริงๆ หรือหลงตัวเองว่าได้
    ทั้งๆที่ยังไม่พิสูจน์อะไรได้จากผลของมันครับ

    กำลังจิตก็เข่นกัน และไม่เกี่ยวกับเรื่องเวลาครับ
    ตรงนี้ไม่ได้เป็นเครื่องปะกันว่า เราจะประสบความ
    สำเร็จในเรื่องสมาธิ ความสามารถและปัญญาทางธรรมครับ
    มันอยู่ที่วาระ. วาระคือ วิบากทางสมมุติเรามันคลายหรือยัง
    ถ้าเรายังต้องเลี้ยงดู ส่งเสีย นี่คือยังไม่คลาย(ตัวอย่าง)
    หรือเรายังมีห่วงโน้นนี่นั้น(นี่ยังไม่คลาย ตัวอย่างๆ)
    บางคนฝึกสิบปี ยี่สิบปี หรือทั้งชาติก็ไม่ได้อะไร
    บางคนไม่ฝึกอะไรเลย บางคนฝึกไม่กี่เดือน
    ไม่กี่ปี ทำไมถึงไปไกลทั้งด้านความสามารถพิเศษ
    และปัญญาทางธรรม เพราะอะไร ก็เพราะวาระตรงนี้
    นี่หละครับ ที่จะเป็นเหตุให้จิตเริ่มคลายตัวเองได้
    ของมันเองครับ อะไรที่หนุนเรื่องจิตคลายตัวบ้าง
    เด่วเล่าให้ฟังทีหลัง

    ..ทั่วๆไป ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้
    เราจะแนะนำให้เตรียมพื้นฐานให้ดีก่อน
    เพื่อรองรับในอนาคต เช่น ปรับลมหายใจ
    ปรับความละเอียดของจิต สร้างสติทางธรรมไว้
    สร้างสมาธิสะสมไว้ เดินปัญญาไว้บ้าง
    เพื่อป้องกันการออกนอกเส้นทางยังไงหละครับ

    สิ่งที่จะหนุนให้วาระของเรามันมาถึงได้เร็วขึ้น
    ๑.เราจัดการปัญหาในการดำเนินชีวิตประจำวัน
    ได้เรียบร้อยหรือยัง..
    ๒.เราเป็นคนที่ทำบุญต่อเนื่องสม่ำเสมอไหม
    เราชอบทำบุญแบบปิดทองหลังพระไหม(ส่วน
    มากถ้ามีนิสัยอย่างนี้ จะได้รับการสอนจากภาคส่วนภพภูมิ)
    ๓.เราทำดีทั้งในที่แจ้งและในที่ลับไหม
    ๔.ศีล ๕ ของเรามีความต่อเนื่องมั่นคงมานานแค่ไหน
    ๕.จิตใจเรามีเมตตาเป็นธรรมชาติหรือไม่
    ไม่ว่ากับคน สัตว์ และ ไม่มีการแบ่งแยก แยกเยอะหรือไม่
    ๖.เราทำอะไรไป เราหวังผลตอบแทนหรือไม่
    หรือเราทำให้ไปเฉยๆ..
    ๗.เรารู้จักปล่อยวางกับทุกเรื่องในอดีตได้หรือไม่
    ยอมรับได้หรือไม่ว่า มันเกิดขึ้นได้ปกติ
    ๘.เราเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นหรือไม่
    ๙.เราเป็นคนที่เอาเปรียบคนอื่นๆหรือไม่
    ๑๐.เราเป็นคนชอบทำงานเอาหน้า ชอบเสนอหน้าหรือไม่
    นี่ทั่วๆไป..แต่ถ้าจะอยากเป็นคนที่มีเหมือนไม่มีอะไร
    ทำอะไรได้แบบที่คนทั่วไปคาดไม่ถึงว่าจะทำได้
    เราจะต้องมีนิสัยอย่างนี้เป็นทุนคือ..
    ๑.เราติดเรื่องการอยากได้รับการยอมรับ
    หรืออยากให้คนอื่นๆยกย่องหรือไม่ว่าตนเหมือน
    มีอะไรเหนือใคร หรือว่าตัวเองทำอะไรได้มากกว่าใคร..
    เวลาเราไปที่ไหน สังคมอะไรก็ตาม
    ๒.เรายังชอบไปในที่ๆหรือในสภาพแวดล้อมที่ทำให้
    จิตใจเราไม่สงบหรือไม่...
    ๓.เรายังชอบสร้างเหตุสร้างเรื่องให้บุคคลอื่นๆต้องทะเลาะกัน
    หรือไม่. ๓ ข้อนี้จะทำให้เราสามารถมีอะไรๆพิเศษ
    เกิดขึ้นกับจิตเราได้...

    และถ้าเรามี ๓ ข้อข้างบนเป็นทุนแล้ว
    เราจะพัฒนาต่อเนื่องได้อีกเราก็ต้องมาดูว่า
    ๑.เรายึดติดในสิ่งต่างๆที่เราทำได้หรือไม่
    ๒.เราใช้สิ่งที่เราทำได้ ในทางยกตนเอง
    ในทางให้ได้มาซึ่งลาภ ซึ่งยศ ซึ่งสุข ซึ่งสรรเสริญหรือไม่
    ๓.เราใช้ประโยชน์ในทางธรรมและเพื่อผู้อื่นๆหรือไม่..
    ๔.ที่สำคัญคือ เรามาเดินปัญญา เพื่อลด ละ ไม่ให้
    โมหะ โลภะ และโทสะ ที่มีอยู่ในใจเรา
    ที่มันจะไปดึงเอา ลาภ ยศ สุข สรรเสริญต่างๆ
    ภายนอกเข้ามาจนเป็นกิเลส และกลายเป็นตัวตน
    ของเราได้มากน้อยแค่ไหน...
    ทั้งหมดนี้ ถือว่าเล่าสู่กันฟัง
    ในภาพกว้างๆครับ (^_^)
     
  2. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53
    ครับอันที่จริงแล้วผมจะเรียก สมาชิคท่านใหนว่า อาจารย์ก็ไม่หน้าจะมีความสำคัญอะไร เพราะผมไม่ใด้ต้องการให้ใครๆเรียกตามผมครับ หรือ เชื่อตามผมว่าคนนั้นมีความหน้าเชื่อถือ หรือไม่หน้าเชื่อถือ ครับ

    ส่วนเรื่องอื่น คุณจะคิดอย่างไร ผมไม่สามารถควบคุมความคิดคุณใด้ครับ
     
  3. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53
    เรื่องสอนนิพพานคนอื่นผมคงไม่สอนแน่ๆครับ เพราะแค่สมาธิตัวผมเองยังไม่ไปใหนไกลเลยครับ จะให้ไปสอนคนอื่นคงจะลำบากครับ ผมคงสอนใด้เท่าที่เคยทำมาแล้วครับ อีกอย่างผมไม่ใช่พวกที่ยังทำไม่ถึงแต่ดันไปอ่วดอ้างไปสอนนิพพานคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองยังทำไปไม่ถึงใหนเลยครับ
     
  4. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53
    ผมไม่ทราบครับ ว่าทำไมเขาถึง like ผมคงจะหาตอบให้คุณไม่ใด้ครับ
     
  5. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    สนใจในสิ่งที่ทำสิคับสิ่งอื่นหมื่นแสนถ้าไม่ใช่สิ่งที่สนใจและใส่ใจก็ไม่จำเป็นต้องใ่สใจจริงแล้วการที่เราสามารถสนใจอะไรได้อย่างเต็มที่ี่นั้นด้วยความจริงด้วยศรัทธาแท้มันมีแต่มีน้อยสิ่งอื่นหมื่นแสนเป็นไปตามอารมณ์ความคิดเราซึ่งเราตอนก่อนหน้าก็ไม่ได้สนใจใยพอมาเห็นแล้วเราจะน้อมเอามาเป็นเราได้ยังไง...ทำไปถ้าศรัทธาว่านั้นคือธรรมแต่ทำไปแล้วไม่เกิดผลจะยอมแพ้แล้วเอาอะไรที่ม่ใช่สิ่งที่ต้องการมาเป๋นที่พึ่งมาเป็นสรณก็พิจารณาเอาว่าจะใช้อะไรช่วยสติปัญญาหรือว่ากิเลส
     
  6. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53
    ขอบคุณสำหลับคำแนะนำมากๆเลยครับ
     
  7. ณัฏฐชัย สีม่วง

    ณัฏฐชัย สีม่วง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    42
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +53
    ต้องขออภัยด้วยนะครับ เรื่องที่ผมจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณเหรอครับถ้าคุณบอกว่าคนนี้ดีคนนี้เก่ง ผมต้องเชื่อคุณอย่างนั้นเหรอครับ ทุกคนมีหัวสมองเป็นของตัวเองครับคิดเองใด้ครับว่าใครจะดีหรือเก่งกริยามันจะออกมาจากภายในครับ และขอถามอีกอย่างนึงเรื่องเวรกำครับ คือผมไม่เคยยุ่งเรื่องชาวบ้านเลย แต่มีเวรมีกำเกี่ยวพันกับเรื่องแบบนี้ใด้ไงครับ ขอบคุณครับที่ให้คำแนะนำเรื่องสมาชิคใหม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2017
  8. &เมฆา

    &เมฆา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2017
    โพสต์:
    262
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +610
    ตอบเจ้าของกระทู้
    นั่งสมาธิ คำภาวนาหาย แล้วเจอแสงสีเหลือง
    อธิบาย ดังนี้
    เมื่อภาวนา แล้วสามารถทำให้จิตรวมเป็นสมาธิ คำบริกรรมก็จะหายไป
    ไปสู่โลกของจิต แสงสีทองที่เห็นนั้น ถ้าจะเดินทางเอา อภิญญา
    ต้องตามไปดู โดยการกำหนดจิต ให้รู้แจ้ง เห็นจริง

    แต่ถ้าจะเดินมรรค ต้องเข้าฌาน 1-2-3-4 ด้วยการละ วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข
    โดยมีเอกัคคตา และอุเบกขาเป็นอารมณ์ กล่าวย่อๆ คือ
    ปฐมมรรค คือ การละเลส สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส
    โดยยึดหลัก เมื่อเกิด ปิติ ปัสสัทธิสุข ต่อจากนั้น จะต้องพิจารณาให้เกิด
    ธรรมสังเวชใจในสิ่งนั้นๆ เรียกว่า เดินมรรค มีสมาธิเป็นหลักแบบสายพระป่า

    แต่ต้องควรระวัง เพราะส่วนใหญ่ มักจะหยุดชมฌานของตน
    ทำให้พิจารณาอะไรไม่ค่อยได้ ต้องหัดถอยจิตออกมา
    พิจารณาพระไตรลักษณ์ให้ได้เท่านั้น จึงจะเรียกว่า เดินมรรคได้ครับ
     
  9. สนุกสนานมากๆ

    สนุกสนานมากๆ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    ท่าคำถามคือควรทำอย่างไรต่อไป?
    ผมอยากเนะนำแบบนี้ครับ เป็นข้อเสนอเนะเฉยๆนะครับอาจจะตรงจริตหรืออาจไม่ตรงก้ขออภัย

    ตอนช่วงเริ่มแรกที่จับเอาลมบ้าง พุทโธบ้าง มีการบริกรรมบ้างหายบ้างจนผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไป หลังจากนั้นเริ่มสงบ ตรงที่กำลังสงบตอนนี้อ่ะครับให้รู้ตัวขึ้นว่าเรากำลังตั้งใจทำสมาธิ เละกำหนดจิตใหม่ เอาจิตตั้งรูปขึ้นไหม่ตามที่เราต้องการครับ ให้สังเกตว่ารูปที่เรากำหนดจะชัดเจนเหมือนภาพที่เราเห็นนั้นเป็นเหมือนปกติในช่วงเวลาที่เราลืมตา

    อารมตรงนี้จะกำหนดรูปได้ง่ายเละชัดครับท่าเราชอบอาไรให้กำหนดสิ่งนั้นครับ ท่าหากว่ายังไม่กำหนดสมาธิลงในสิ่งใด นั่งเฉยๆต่อไปเละมีแสงสว่าง หรือภาพนิมิตรปรากด ก้กำหนดรุ้ในภาพนั้นครับ ท่าชัดเจนก้กำหนดรู้ไปเรื่อยๆถึงอาการเหล่านั้นท่าหายไปก้ให้รู้ว่าหายไปครับ เละตั้งสติให้ชัดเละเริ่มต้นบริกรรมสิ่งที่เราต้องการครับ

    ช่วงเวลานี้จิตจะพร้อมใช้งานแล้ว ท่าไม่กำหนดอาไรให้จิตภาวนา ก้จะมีอาการซัดส่ายไปสิ่งนั้นสิ่งนี้ อาจจะมีแสงบ้าง ภาพบ้าง ขนลุกชันบ้างวนเวียนมาเป็นระลอกก้ได้ครับเมื่อ จิตเกิด ปิติขึ้น ในขณะที่จิตสงบอยู่ มีความสุขสบาย มีสงบ ก้ควรแก่การใช้งานแล้วครับจะเริ่มอาไรก้ให้เริ่มที่ตรงนี้ แล้วกองกรรมฐานนั้นๆจะชัดแจ้งเละเป็นไปทีละขั้นตอนครับ

    เมื่อกำหนดสิ่งใดชัดแจ้ง จิตมีความสงบสบายแล้ว ก้จะเริ่มเข้าสู่องฌานของสิ่งที่เรากำหนดอีขั้นหนึ่งครับโดยรูปกองกรรมฐานเหล่านั้นจะแนนแน่นเละเปลี่ยนแปลงไปตามลำดับเอง ถึงตรงนี้จะไม่มีความสงสัยใดๆเพราะมันจะชัดเจนว่าคุณกำลังทำอาไรเละอาการทั้งหมดเป้นอย่างไรไม่แว้บมาแว้บไป ส่วนกระบวนการจิตที่จะเกิดหลังจากนั้นไว้ทำแล้วมาคุยกันต่อครับ
     
  10. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    น่าเสียดายนะครับ หยุดไปเสียทั้ง 5 ปี
    ถ้าฝึกต่อเนื่อง คงก้าวหน้าไปไกล

    การได้สัมผัสผลการภาวนาครั้งแรกสำคัญ
    มันจะเกิดแรงบันดารใจ ให้อยากปฎิบัติต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2017
  11. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    การบวช อยากบวก็สาธุครับ
    ยุคนี้(ยุค4G) หาข้อมูลการฝึกไม่ยากเหมือนสมัยก่อน
    มีคำสอนครูบาอาจารย์ มากมาย ให้ศึกษาเรียนรู้

    สถานที่ภาวนา ทั้งวัด สำนัก ที่ปฎิบัติธรรมมีมาก
    สะดวกสะบายในยุคนี้
    ถ้าจังหวะชีวิตเปิดทางให้ ไม่มีภาระหน้าที่อะไรมาผูกมัดไว้
    โอกาสเปิดทางให้ ก็ควรรืบลงมือภาวนา

    ควรพึงตัวเองให้มาก (ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ผู้มีปัญญาย่อมพึ่งตนเอง)
    เพราะ จริต นิสัย บารมี แต่ละคน ไม่เหมือนกัน

    ครูอาจารย์มีประโยชน์ก็ตอนที่เราติดสภาวะ จนเราแก้ไม่ได้

    แต่การภาวนาด้องพึ่งตัวเองให้มากในการฝึก ทำความเพียร
     
  12. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ตั้งต้นเอาแบบเข้าจุดก่อน ว่าถ้าเราต้องการปฏิบัติเพื่อละกิเลส
    ก็็ต้องว่าตามแบบครูบาอาจารย์ คือทำสมาธิพอได้อารมณ์สบายพอสมควร ก็ให้พิจารณาข้อธรรม แล้วสลับกับการทำสมาธิ ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา จะค่อยๆเจริญขึ้นๆตามลำดับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...