ผีมาขอส่วนบุญ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 16 มกราคม 2006.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย ตอนนี้ก็มาคุยกันต่อ ตอนก่อนนั้นเห็นพระพุทธเจ้า ท่านผู้ฟังสงสัยหรือไม่สงสัย ไม่เกี่ยวหนังสืออ่านเล่น เราก็อ่านกันไปเล่น ๆ คุยกันไปเล่น ๆ แต่เรื่องจริง หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก จิตใจก็มีความมั่นคงในพระพุทธเจ้า นึกปั๊บเมื่อไรเห็นทุกที ๆ จิตใจชุ่มชื่น มีอารมณ์ปีติ มีความผ่องใสมาก ผิวพรรณก็ดีขึ้นเพราะความแจ่มใสของจิต
    ตอนนี้เราก็มาคุยกันถึงคืนที่สาม คืนที่สามของการเจริญกรรมฐานพวกเราทั้งสามคน แต่อยู่คนละที่ มันเงียบสงัด ต่างคนต่างกลัวผี แต่ผู้พูดนี่ เวลากลัวผีขึ้นมาเมื่อไร ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าเมื่อนั้น นึกถึงเมื่อไร ภาพนั้นก็ปรากฏขึ้นทันที เหมือนภาพเดิมทุกอย่าง ผู้ฟังหรือผู้อ่านอาจจะคิดว่า ท่านบอกว่า จะเห็นครั้งแรกในชีวิต นั่นหมายความว่า ท่านจะมาให้เห็นโดยที่เราไม่คิดถึงท่าน
    แต่ท่านบอกว่า ถ้านึกถึงเมื่อไรจะปรากฏเมื่อนั้น พอนึกถึงเมื่อไร ใจจะเห็น เห็นจากทางใจ ลืมตาก็เห็น จิตมันเห็นเหมือนกับลืมตาเห็น เห็นชัดเจนมา คำว่า กลัวผี ก็คลายตัวไป คำว่า คลายตัว บรรดาท่านพุทธบริษัท มันยังไม่หายไปนะ มันคลายไปเฉย ๆ นะ ในเมื่ออาการคลายตัวไปแล้ว ก็ปรากฏว่า วันนี้เป็นวันที่สามของการบวช การเจริญกรรมฐาน มีความมั่นใจในพระพุทธเจ้า จับพระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพลิดเพลิน การเพลิดเพลินในภาพของพระพุทธเจ้านี่ ก็เลยมีการพูดน้อย สนใจอย่างอื่นน้อย เพื่อน ๆ ที่เคยล้อ เคยเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ใช่สามองค์ พระประจำวัด และอีกสององค์เขาก็มีสภาพเหมือนกัน เมื่อผู้พูดเคยเห็นพระพุทธเจ้า ตอนเช้าเขาก็เล่าให้ฟังว่า เขาก็เหมือนกัน เป็นอันว่า ภาพ ๆ เดียวกันเห็นได้ทั้ง ๓ องค์
    ฉะนั้น คืนนั้น กำลังจิตตั้งแต่หัวค่ำ เวลาประมาณสักทุ่มเศษ ๆ เมื่อนึกถึงภาพพระพุทธเจ้า เห็นภาพชัดเจนแจ่มใสเหมือนเดิม จิตก็เริ่มเป็นสุข จิตจับเฉพาะที่ตรงนั้นจนกระทั่งไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจเข้าออก มันทรงตัวอยู่นานแสนนาน มารู้สึกตัวขึ้นมาอีกที ไม่รู้ว่าเวลาเท่าไร ความจริงไม่ใช่หลับมีความสุขมาก มีจิตสงัด มีอารมณ์เฉย จิตข้างใจก็สว่างจ้า จิตไม่คิดถึงเรื่องอื่นเลย เห็นแต่พระพุทธเจ้าอย่างเดียว ชัดเจนแจ่มใสมาก จิตเป็นสุข ในเมื่อลมหายใจไม่ปรากฏ มันก็เป็นอาการของ ฌาน ๔ มารู้ตอนเช้า ที่หลวงพ่อปานท่านบอก ตอนนั้นยังไม่รู้ หนังสือหายังไม่เคยอ่านกับเขา หนังสือจะอ่านอย่างเวลานี้ไม่มีหรอก ต้องอ่านหนังสือขอม หนังสือขอมก็ยังไม่ได้อ่าน หนังสือไทยก็หายากเต็มที
    คำว่า วิสุทธิมรรค เป็นตำรา บ้านนอกไม่มีจะซื้อ เวลานี้ตำรามีเยอะ ครูบาอาจารย์มีเยอะ แต่ว่าคนทำนักปฏิบัติก็เก่งจริง ๆ ไม่ค่อยจะไปไหนกันหรอก ดีไม่ดีก็เลยสงสัยพระพุทธเจ้าเสียส่งเดชก็ยังมี บางรายบอกว่า อ่านหนังสือมาตั้งหลายเล่มแล้วไม่เข้าใจ เคยมาที่ผู้พูด เขาบอกว่า อ่านหนังสือหลวงพ่อมาหลายเล่มแล้วไม่เข้าใจ คุณก็เป็นคนที่ฉันสอนไม่ได้ ไม่ต้องแนะนำอะไรกันเลย เลิกกัน รำคาญ คนที่ไม่สนใจจริง จะไปสนใจเขาทำไม ไม่เป็นเรื่องเป็นราว
    หลังจากที่จิตเกิดความรู้สึกขึ้น คลายอารมณ์ ตอนนั้นไม่รู้สึกเรื่องของร่างกายเลย ยุงจะกินริ้นจะกัดบ้างหรือเปล่า ก็ไม่รู้ ลมจะพัดแรง ลมจะพัดต่ำ จะเย็นก็ไม่รู้เรื่อง จิตมันเฉยสบาย ที่เขาเรียกว่าเป็น เอกัคตารมณ์กับอุเบกขา คือว่า เป็นอารมณ์ของฌานสี่ พอรู้สึกตัวขึ้นมาก็เอาไฟฉายฉายดู เห็นนาฬิกาตีสองเศษ ๆ คิดในใจว่า จะนอนหรือยังก็มาคิดอีกทีว่า คนอย่างเราถ้ากลางคืนไม่ได้นอน กลางวันเราก็นอนได้ หลวงพ่อไม่ได้บังคับ การทำงานของท่านก็ไม่มีการบังคับใคร สุดแล้วแต่ใครจะทำ ก็ทำ ไม่เป็นไรไม่ทำก็ไม่ได้ว่าอะไร
    ก็เป็นอันว่า เมื่อเห็นนาฬิกาตีสอง ก็ลุกไปปัสสาวะ อุจจาระ ปัสสาวะ นี่มันเป็น นิพัทธทุกข์ นะญาติโยมนะ เป็นทุกข์ประจำ พอไปปัสสาวะกลับมา เสร็จเรียบร้อยดี ล้างหน้าล้างตาดีแล้ว นึกในใจว่า เอาอีกนิดเถอะ มันจะใช้เวลามากเวลาน้อยอย่างไรก็ช่าง มันยังไม่ง่วง ขณะที่เรายังไม่ง่วง อย่าปล่อยเวลาให้เป็นทุกข์ อีตอนนี้นั่งแบบสบาย ๆ ตอนแรกก็นั่งสบายนะ บรรดาท่านทั้งหลายอาจจะถามว่านั่งแบบไหน นั่งทีแรกที่เห็นภาพพระ นั่งเอาหลังพิงกอไผ่ที่ถางไว้ดีแล้ว แล้วเหยียดขาไปทางทิศตะวันตก หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ดูใบไม้ไหว ทำใจให้เป็นสุข พอเห็นพระเข้าแล้ว ทีนี้นั่งคุกเข้า นั่งพับเพียบ ว่ากันไปตามเรื่องราว มาตอนนี้ มานึกในใจว่า โอ้โฮ เราเป็นสุขมาก เมื่อกี้นั่งเหยียดขามาตั้งหลายชั่วโมง ตอนนี้มานั่งขัดสมาธิเถอะ
    ก็เริ่มนั่งขัดสมาธิซ้อนตามแบบฉบับ หลังก็ยังพิงกอไผ่ตามเดิม พอเริ่มจับอารมณ์ปั๊บ จับอานาปานสติ คือ ลมหายใจเข้าออก พอหายใจเข้านึกปั๊บ พอเริ่มหายใจออกก็มีภาพคน ๆ หนึ่งเป็นผู้หญิง ตัวใหญ่มาก ถ้าจะวัดเอวกันจริง ๆ ก็ไม่เคยวัดกับเขาด้วยว่า มันเท่าไร่ต่อเท่าไร อาจจะเป็นร้อย ๆ ไอ้ที่เขาว่า ๓๐
     

แชร์หน้านี้

Loading...