พญานาคเกี้ยว หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Muang99, 8 ตุลาคม 2015.

  1. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    25B8%252581%2525E0%2525B8%2525B5%2525E0%2525B9%252589%2525E0%2525B8%2525A2%2525E0%2525B8%2525A77.jpg

    25B8%252599%2525E0%2525B8%2525AB%2525E0%2525B8%2525A5%2525E0%2525B8%2525B1%2525E0%2525B8%2525877.jpg

    1. พญานาคเกี้ยว หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย บูชา 2,000 บาท
    (มีท่านหนึ่งโทรมาจอง ได้จ่ายเงินแล้ว และผมจัดส่งไปให้แล้วครับ)


    พญานาคเกี้ยว หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม เป็นสุดยอดวัตถุมงคลที่หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปญโญ อนุญาตให้พระเทพมงคลเมธี วัดมหาธาตุ จัดสร้างขึ้นเพื่อหาปัจจัยบูรณะพระอุโบสถวัดมหาธาตุ เหตุที่ว่าเป็นสุดยอดวัตถุมงคลประเภทหนึ่งของหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ เพราะว่าหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ มีความผูกพันกับพญานาคมาตั้งแต่อดีตชาติ พญานาคเกี้ยวนี้ จัดสร้างขึ้นในปี 2545 มีเนื้อนวโลหะ เนื้อทองเหลือง และเนื้อทองแดง ก้นอุดผงมหามงคล 108 ที่หลวงปู่ฯ อธิษฐานจิตนับสิบปี

    หลายปีก่อน ผมเคยไปที่วัดธาตุมหาชัย และได้บูชามาหลายอย่างรวมทั้งพญานาคเกี้ยวด้วย พญานาคเกี้ยวองค์นี้เมื่อผมบูชามาแล้ว ก็ไปเลี่ยมใส่กรอบทอง ที่ตลาดอินโดจีน และยังไม่เคยห้อยขึ้นคอ เก็บรักษามาหลายปี

    พญานาคเกี้ยวมหาลาภ

    ความเป็นมาพระเทพมงคลเมธี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครพนมเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุจังหวัดนครพนม มีความประสงค์จะบูรณะพระอุโบสถวัดมหาธาตุ จังหวัดนครพนม เพราะเป็นวัดที่เก่าแก่ของจังหวัดนครพนมจึงขออนุญาตหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นหลายแบบ หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นเครื่องราง เป็นรูปพญานาคเกี้ยวสวยงามมากออกแบบโดยนายช่างบุญจวง สุรจารุสาร โดยคุณบุญจวง เป็นศิษย์ของหลวงปู่ฯ และมีความเชื่อว่าหลวงปู่ฯ มีความผูกพันกันกับพญานาคอย่างใกล้ชิดกันมาแต่อดีตชาติจึงออกแบบพระพญานาคเกี้ยวเป็นสองขนาด โดยเนื้อนวโลหะนั้นคุณบุญจวงได้สรรหาเนื้อโลหะศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศไทยตลอดอายุของคุณบุญจวงที่เป็นช่างหล่อพระนำผสมกันเพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์เคล็ดขลัง ด้านล่างพญานาคเกี้ยวเนื้อนวโลหะเจาะรูเพื่ออัดผงมหามงคล 108 ที่หลวงปู่ฯ อธิฐานจิตนับสิบปี และหลวงปู่ฯได้เมตตาอธิษฐานจิตให้ที่พระธาตุมหาชัยด้วยบารมีธรรมและพลังจิตอันแข็งกล้าทำให้พญานาคเกี้ยวเนื้อนวโลหะ ได้แสดงประสบการณ์ให้เห็นแจ้งกับผู้ที่มีไว้ในความครอบครอง (อ้างถึงหนังสือพญานาคมีจริงหน้า 53-47 โดยอ้างจาหนังสือนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคเกี้ยว คือได้มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ฯ ได้บูชาพญานาคเกี้ยวไปฝากคุณคณิต ตาระกา (พี่การตูน) สิบองค์ คุณคณิตได้แบ่งให้พวกไปเหลือเพียงสององค์เท่านั้นจึงได้นำไปไว้ในตู้พระภายในบ้านที่กรุงเทพมหานคร โดยไม่นึกเอะใจอะไรอาจจะเป็นเพราะไม่รู้จักหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ในช่วงแรก ก็จะมีสิ่งประหลาดเกิดขึ้น ภายในบ้านคุณคณิต คุณแม่คุณคณิตจะได้ยินเสี่ยงแปลกๆ ภายในห้องพระ ได้ยินบ่อยๆ จึงเกิดความแปลกใจ จนกระทั่งในวันหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ อีกก็แอบย่องเข้าไปดูว่าเป็นเสียงอะไรกันแนะ และแล้วสิ่งที่ปรากฏทำให้เกิดความตกใจอย่างสุดขีด ได้มีงูเหลือมสองตัวขดกันเหมือนรูพญานาคเกี้ยวตัวใหญ่เท่าลำแขนไม่รู้มาจากไหน อยู่บ้านหลังนั้นมานานไม่เคยเห็นงูเข้าบ้านแบบนี้ หลังจากที่งูเหลือมสองตัวเข้าบ้านคุณพ่อคุณคณิตก็ถูกหวยติดต่อกันถึง 6 งวดซ้อน เท่ากับจำนวนที่เห็นงูเหลือมปรากฎให้เห็นในห้องพระได้เงินจำนวนมาก ทำให้ทุกคนในบ้านมีความเชื่อและศรัทธาในบุญฤทธิ์ของพญานาคเกี้ยวที่หลวงปู่คำพันธ์ท่านได้อธิษฐานจิตเพราะได้มาแสดงให้เห็นโดยขดรัดกันเหมือนรูปเครื่องรางพญานาคสองตัวขดรัดกัน จากการสอบถามไปยังคุณบุญจวง สุรจารุสาร ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นช่างหล่อพระทั่วประเทศนับพันวัดจะเก็บฉนวน โลหะเศษน้ำทองหล่อพระไว้ทุกงานเพื่อตั้งใจจะนำมาหล่อพระพุทธรูปให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ใช้ความเพียรพยายามเก็บฉนวนต่างๆ มานาน เมื่อออกแบบพญานาคเกี้ยวแล้ว เกิดตวามศรัทธาในรูปแบบพญานาคเกี้ยวและเคารพในหลวงปู่ฯ จึงเกิดแรงดลใจให้นำโลหะศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ทั่วประเทศมาหล่อพญานาคเกี้ยวเนื้อโลหะ ซึ่งในการหล่อเนื้อนวโลหะนั้นมีจำนวนไม่ถึงหนึ่งองค์


    ประสบการณ์ของผู้บูชาพญานาคเกี้ยว
    อธิษฐานสอบเป็นข้าราชการได้


    ได้มีผู้ที่พบประสบการณ์เกี่ยวกับ พญานาคเกี้ยวได้แจ้งกับชมรมอนุรักษ์พุทธศิลปะนครพนมหลายเรื่องซึ่งส่วนมากจะเป็นทางด้านโชคลาภ และค้าขายดี ดัง เช่น นายวิทยา ปลายเนตร ภูมิลำเนาอยู่ที่ จังหวัดอำนาจเจริญ ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนเองได้รับพญานาคเกี้ยวมาจากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือเป็นพญานาคเกี้ยวพิมพ์ใหญ่ เนื้อนวโลหะ โดยผู้ใหญ่แจ้งว่าเนื้อนวโลหะจะพิเศษกว่าเนื้อทองเหลือง คือ จะมีการะเจาะ และบรรจุผงพุทธคุณและหินปัฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ไว้ด้วย

    เมื่อได้มาก็นำมาไว้บนหิ้งบูชาร่วมกับพระเครื่องทั่วไป เมื่อประมาณเดือน ตุลาคม 2550 ตนเองได้สมัครสอบครู ซึ่งมีบุคคลสอบทั่วประเทศหลายพันคน เมื่อสมัครเสร็จได้เดินทางมาในตัวเมือง จังหวัดนครพนม ได้ยินเพื่อนบอกว่าเครื่องรางที่เป็นรูปพญานาคเกี้ยวของหลวงปู่คำพันธ์มีคนบูชาแขวนคอ ติดตัวมีประสบการณ์หลายเรื่อง โดยเฉพาะทางด้านโชคลาภ จึงนึกในใจว่าเราก็มีเหมือนกัน จะลองอราธนาติดตัวใช้ดู หลังจากมาที่บ้านก็ได้นำใส่ตลับขึ้นแขวนคอในช่วงก่อนทำการสอบ

    นายวิทยา ปลายเนตร กล่าวต่อไปอีกว่า หลังจากนำขึ้นแขวนคอมีความรู้สึกว่าอะไรต่างๆ จะดีขึ้นหรือสภาพชีวิตดีขึ้น เจ้านายที่เคยบ่นดุด่าก็ไม่ทำอะไรยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายดี มอบงานสำคัญๆ ให้ทำซึ่งทำให้ตนเองมีความคิดว่าคงเป็นเพราะบารมีองค์พญานาคเกี้ยวแน่ทำให้ขวัญและกำลังใจดีตลอด จึงติดตัวแขวนคอประจำ ก่อนสอบได้อาราธนาขอพร ขอให้ผมสอบเป็นข้าราชการครูได้ด้วยเถิด

    จากนั้นก็เดินทางไปสอบที่จังหวัดขอนแก่น เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจมีความโล่งอกสบาย ข้อสอบที่ออกเป็นงานที่ตนเองทำและมีความถนัดเป็นส่วนใหญ่ และอ่านหนังสือเล่มใดก็ตรงกับข้อสอบที่ออก จึงทำให้มีความมั่นใจสูงเมื่อประกาศผลการสอบออกมาปรากฏว่าสอบได้ในลำดับต้อนๆ
    หลังจากที่ไปรายงานตัวเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการครูที่ จ.หนองคาย แล้วอาจารย์วิทยาได้กล่าวกับเพื่อนฝูงที่สนิทว่า “พญานาคเกี้ยวมหาลาภศักดิ์สิทธิ์จริงๆ”


    พญานาคเกี้ยวอธิษฐานขอพรสอบเลื่อนระดับได้

    ข้าราชการครูถ้าไม่ได้เป็นสายบริหาร สิ่งที่ปรารถนาและต้องการก็คือ การสอบเลื่อนขั้นจากซี 7 เป็น ซี 8 และ ซี 9 เพราะระดับที่สูงขึ้น นั้นหมายถึงความรู้ความสามารถและศักยภาพในตัวบุคคลและสิ่งที่ตามมาก็คือเงินวิทยฐานะ เช่นเดียวกันกับอาจารย์ชูลิตแก้วบุตรดี โรงเรียนอนุบาล อ.เมือง จังหวัดสุรินทร์

    ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในพุทธานุภาพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าว กับทีมงานข่าวว่าตนเองได้รับการแจกหนังสือหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ “เทพเจ้าแห่ง ลุ่มน้ำโขง” จากผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ หลังจากอ่านหนังสือจบแล้วมีความเคารพ ศรัทธาในข้อธุดงค์วัตรของหลวงปู่มากและเมื่อได้อ่านหนังสือหน้าหลังสุดที่เขียนถึงพญานาคเกี้ยว ที่จัดสร้างโดยคณะสงฆ์จังหวัดนครพนมโดยเจ้าคณะจังหวัดนครพนม จึงอยากจะร่วมทำบุญด้วย ได้โทรศัพท์มาหาญาติที่ จังหวัดนครพนม เพื่อให้บูชาส่งมาให้ 2 องค์ คือ พญานาคเกี้ยวเนื้อนวโลหะใหญ่ และ พญานาคเกี้ยวเนื้อนวโลหะเล็ก เพราะเชื่อมั่นในผงพระธาตุพนม ผงว่าน 108 ชนิด และเม็ดหินปฐวีธาตุที่อธิฐานจิตโดย หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญพระเถระวิปัสสนาจารย์ใหญ่แห่งลุ่มน้ำโขง

    หลังจากได้รับพญานาคเกี้ยวที่ส่งมาทางไปรษณีย์แล้ว ได้แต่งขันธ์ห้าขึ้นหิ้งบูชา ในคืนนั้นเองก็ฝันได้พบกับพระภิกษุรูปหนึ่ง นัตย์ตามีความเมตตามากมานั่งยิ้ม อาจารย์ชูลิตก็เข้าไปกราบ พอตื่นมาตอนเช้ามีตวามคิดว่าตนเองต้องโชคดีแน่นอน จึงแขวนพญานาคเกี้ยวติดตัวตลอดเวลา และมีความรู้สึกว่าสภาพการเงินคล่องตัวขึ้น คนที่เคยยืมเงินหายหน้าไปนานก็นำเงินคืนให้ ไหว้พระสวดมนต์ทำให้ปล่อยวางและแปลงเรื่องต่างๆ ได้มากขึ้น

    ด้วยความตั้งใจมนการสอบปรับระดับ จึงอธิษฐานทุกวันขอให้เลื่อนเป็นชำนาญการพิเศษ โดยได้ทำผลงานและทำวิจัยส่งหน่วยงานภายในจังหวัด เพื่อส่งกระทรวงตรวจสอบต่อไป ด้วยจิตที่แน่วแน่ทำให้งานที่ดำเนินการเป็นไปด้วยความสะดวกในเดือนสิงหาคม 2550 ได้เข้าสอบเพื่อเลื่อนตำแหน่งคือก่อนสอบได้ฝันเห็นงูสองตัวมาขดรัดกันเหมือนพญานาคเกี้ยว พอตื่นมาเพื่อทำการสอบเช้าวันรุ่งขึ้นคิดว่าคงสอบได้แน่จึงยกเหนือและอธิษฐานขอให้สอบได้ ซึ่งเป็นข้อสอบกลางของกระทรวงศึกษาธิการ

    เมื่อสอบเสร็จก็เกิดความสบายใจ ทำข้อสอบได้ดี คิดในใจว่าสอบได้แน่ๆ เพียงแต่รอผลออกมา อาจารย์ชูลิต แก้วบุตรดี โรงเรียนอนุบาลจังหวัดสุรินทร์ สอบได้ที่ 1 ในเอกปฐมวัยของจังหวัดสุรินทร์ได้คะแนน 88.79 เปอร์เซ็นต์ ไม่ทราบว่าในเอกนี้สอบได้ที่ 1 ในประเทศไทยหรือไม่ อาจารย์ชูลิตกล่าวว่า “พญานาคเกี้ยวมหาลาภเมตตามหานิยมมากจริงๆ โดยเฉพาะด้านโชคลาภ”


    พญานาคเกี้ยวแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทางรถ

    จากการเปิดเผยของ คุณฑภณ สุรเกรียงไกร (คุณอ๊อตบ้านสูท) อยู่บ้านเลขที่ 86/ 3 ถนนธำรงประสิทธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เล่าให้ฟังว่าตนเองบูชาพญานาคเกี้ยวใหญ่เนื้อนวโลหะมาหนึ่งองค์เลี่ยมทองขึ้นแขวนคอ พญานาคเกี้ยวได้แสดงพุทธานุภาพให้เห็นครั้งแรกคือ วันที่ 15 มีนาคม 2541 ตนเองได้เกาะรถมอเตอร์ไซด์ของเด็กชายเอ็มผู้เป็นหลานออกจากห้างเทสโก้โลตัส โดยขับย้อนศรเพื่อจะมาออกทางเลี้ยวหน้าบริษัทโตโยต้า นครพนม ได้มีรถเก๋งขับสวนมาด้วยความเร็วสูง คุณอ๊อตตกใจหลับตา ไม่มองอะไร คิดในใจเสร็จแล้วคราวนี้ แต่ก็เหมือนมีอะไรมาผลักให้คุณอ๊อตและรถกระเด็นจากกลางถนนมาอยู่ด้านข้างแบบหวุดหวิด เสียงปรงปะทะจากรถวิ่งสวนมารุนแรงมาก ถ้าชนคิดว่ากระดูกคงหักไปหลายส่วน และพญานาคเกี้ยวก็แสดงประสบการณ์ครั้งที่สองอีก ในวันที่ 17 เมษายน 2551 คุณอ๊อตเป็นหวัดกินยาแก้ไข ได้ปั่นรถจักรยานออกจากสามแยกโอไฮโอ ตอนนั้นเหมือนคนหลับในปั่นมากลางถนน ได้ยินคุณจิ่งพร้อมเสียงผู้หญิงข้างถนนด้านซ้าย ตะโกนเสียงดังออกมาตายแน่ๆ และมีมอเตอร์ไซด์ของวัยรุ่นสวนมาด้วยความเร็วสูง คิดว่าคงโดนกดางลำแน่ๆ แต่ก็เกิดปาฏิหาริย์เหมือนมีอะไรมาผลักให้รถจักรยานไหลไปข้างหน้าด้านซ้าย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ปั่นเลยประมาณเดือนเมษายน ตนเองก็โชคดีได้เข้าทำงานที่เทศบาลเมืองนครพนมอีก เลยคิดในใจว่าพญานาคเกี้ยวพุทธานุภาพครอบจักรวาลจริงๆ นอกจากจะแคล้วคลาดจากภัยอันตรายแล้วยังมาด้วยมหาสิทธิโชคอีกด้วย


    เครดิตข้อมูล : เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่นำโขง..หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2019
  2. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    พระเครื่องและวัตถุมงคลที่ให้เช่าบูชา รับประกันแท้ 100%

    ท่านที่สนใจเช่าบูชา ลงจองในกระทู้นี้ได้เลยครับ หรือติดต่อหาผมทางมือถือ หรือทาง PM ครับ

    ท่านที่ได้จองเอาไว้ เปิดโอกาสให้จองได้ประมาณ 5 วันครับ ถ้าเลยกำหนดแล้วไม่ได้โอนเงิน ก็ขออนุญาตยกเลิกสิทธิ์การจองครับ

    กรุณาช่วยค่าจัดส่ง 50 บาท

    บัญชีสำหรับโอนเงินนะครับ : ธนาคารกรุงเทพ หมายเลขบัญชี 129-5-235657 ชื่อบัญชี เมธา รุ่งพัฒนพันธ์


    ติดต่อหาผมได้ที่ มือถือ 081-2670895
    เมธา.
    Line ID : metharung
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2018
  3. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    สมัยที่ผมเดินทางไปกับญาติธรรม เพื่อไปหาเช่าบูชาวัตถุมงคล ที่วัดธาตุมหาชัย ช่วงนั้นก็ไม่ค่อยมีเงินนัก อาศัยต่อรถ 2-3 ทอด นั่งรถสามล้อไปขนส่งนครพนม และจากขนส่งไปลงปากทางเข้าวัดธาตุมหาชัย และนั่งอีกต่อเป็นรถสกายแล็ป ไปที่วัด

    เมื่อไปถึงที่วัดธาตุมหาชัย ก็มีสุนัขมาต้อนรับ 2 ตัว ลักษณะท่าทางดีใจมาก ญาติธรรมบอกผมในภายหลังว่า สนัข 2 ตัวนี้เป็นพญานาคแปลงกายมา ผมอ่านประวัติหลวงปู่คำพันธ์ ในภายหลังจึงรู้ว่าหลวงปู่คำพันธ์ผูกพันธ์กับพญานาคมาก

    สุนัข 2 ตัวนี้ ถ้าจำไม่ผิด จะเป็นตัวสีขาวกับสีเหลือง ซึ่งก็คือพญานาคแปลงกายมา คือเป็นพญานาคตัวสีเหลืองกับตัวสีขาว ทางญาติธรรมบอกว่าจริงๆ ยังมีอีกตัวเป็นตัวสีดำ

    [​IMG]

    ดูรูปพญานาคของจริงกันนะครับ ลูกสะใภ้ญาติธรรมส่งมาให้ผม ก็เลยนำลงให้ชมกัน ลูกสะใภ้ญาติธรรมบอกว่าเป็นพญานาคจริงๆ ท่านอยู่ในพานไม่นานก็หายตัวไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2015
  4. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    พญานาคเกี้ยว ลป.คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย ปี 45

    สำหรับวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าว พระเทพมงคลเมธี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ ประสงค์จะบูรณะพระอุโบสถและจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ จึงได้ขออนุญาตหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาหลายแบบ และหนึ่งในนั้นเป็นเครื่องราง หรือ "พญานาคเกี้ยว"

    วัตถุมงคลดังกล่าวมีความแตกต่างจากวัตถุมงคลที่จัดสร้างก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญ พระผง พระกริ่ง รูปหล่อ รูปเหมือน หรือล็อกเกต โดยช่างฝีมือที่ออกแบบ "พญานาคเกี้ยว" คือ นายบุญจวง สุรจารุสาร ลูกศิษย์หลวงปู่ มีความเชื่อว่าหลวงปู่คำพันธ์มีความผูกพันกับพญานาคอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่อดีตชาติ

    ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าที่วัดพระธาตุมหาชัย หลวงปู่คำพันธ์จัดสร้างเสนาสนะ เช่น ศาลากลางน้ำพระพุทธรูป พิพิธภัณฑ์ พระธาตุ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ หรือวัตถุมงคลหลายรุ่น จะเกี่ยวเนื่องกับพญานาคเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ในหนังสือที่ระลึกเกี่ยวกับประวัติ คำบอกเล่าของหลวงปู่ และนิทานชาดก ล้วนแต่กล่าวถึงภพภูมิของพญานาคที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่

    วัตถุมงคลพญานาคเกี้ยวมหาลาภ เป็นรูปพญานาค 2 ตัว ขดลัดกัน เพื่อจะให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ด้านล่างเจาะรูอัดผงว่านมหามงคล 108 ชนิด ที่หลวงปู่คำพันธ์นั่งอธิฐานจิตมานับสิบปีและเมตตาอธิฐานจิตที่พระธาตุมหาชัย

    พญานาคเกี้ยว หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย หลวงปู่บอกว่าจะเน้นพุทธคุณทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2015
  5. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ประสบการณ์เกี่ยวกับพญานาคของญาติธรรม :

    1.ท่านเล่าว่า ในอดีตที่ผ่านมา เคยไปที่วัดแห่งหนึ่ง ที่จ.สกลนคร เมื่อไปถึงที่วัด ก็มีพญานาคมาต้อนรับ ญาติธรรมเห็นพญานาคด้วยญาณทิพย์ของท่าน ก็เลยขอถ่ายรูปพญานาค ท่านสามารถถ่ายรูปพญานาคขึ้นมาได้ เป็นพญานาคลำตัวสีขาว มีหงอน รูปร่างใหญ่ ระดับตัวพ่อตัวแม่

    แถววัดนั้นมีบึงน้ำ เป็นสีเขียวมรกต ดูลึก และน่ากลัว

    2.ท่านไปทำบุญแถวภาคอีสาน ท่านเล่าว่า ได้พบเมียพญานาค ท่านเดินในหมู่บ้านนั้น สัมผัสบ้านหลังหนึ่ง ด้วยญาณของท่าน ก็แวะเข้าไปดู ได้พบกับเมียพญานาค ซึ่งก็คือคนนี่ละครับ แต่เป็นเมียของท่านพญานาค เวลาที่ท่านพญานาคมา จะมีลดพัดแรง ผมฟังแล้ว ก็ไม่สามารถเล่าได้ทั้งหมด คงเล่าได้ประมาณนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2015
  6. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    [​IMG]

    [​IMG]

    2.ปฐวีธาตุ หลวงปู่คำพันธ์ บูชา 450 บาท (ปิดรายการให้คุณ sptd)

    ปฐวีธาตุองค์นี้ท่านผู้มีอภิญญาส่งมาให้ผม จึงนำออกให้เช่าบูชา ท่านบอกว่าเช่าบูชามาจากร้านให้เช่าบูชาที่วัดพระธาตุพนม คนขายบอกว่าหลวงปู่คำพันธ์ปลุกเสกแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2015
  7. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    “ปฐวีธาตุ” หรือ “พระเพชร”แห่งลุ่มแม่นำโขง

    หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนม

    ย้อนไปเมื่อสมัยท่านเจ้าคุณนรฯ ยังทรงสังขารอยู่ ท่านเคยปรารภว่า พระรูปเหมือนนั่งใบโพธิ์ของท่านประสบความสำเร็จ (คือมีคนนิยมมาก) ต่อไปจะมีผู้ร้างพระใบโพธิ์อีกมากมายแต่ไม่ประสบความสำเร็จดังเช่นของท่าน หากจะมีพระทางภาคอีสานรูปหนึ่ง ประสบความสำเร็จในพระรูปเหมือนใบโพธิ์เช่นของท่าน แต่พระรูปนั้นจะต้องอธิษฐานจิตปฐวีธาตุได้ด้วย จึงได้เกิดการตามหาพระรูปนั้นหลังจากที่สิ้นท่านเจ้าคุณนรฯ ไปแล้ว

    หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนม คือพระรูปนั้น ท่านได้ทำปฐวีธาตุแจกศิษย์มาแต่ปี พ.ศ. 2495 ก่อนท่านเจ้าคุณนรฯ เสียอีก ท่านได้เล่าให้ฟังว่า ท่านได้รับตำราการอธิษฐานจิต“ ปฐวีธาตุ” มาตั้งแต่ยังเป็นพระหนุ่มโดยได้มีชายผู้หนึ่งได้นำมาถวายให้ท่านตามคำสั่งเสียของบิดาก่อนตาย โดยบิดาของชายผู้นั้นได้สั่งกำชับบุตรชายไว้ว่า เมื่อพ่อตายแล้วจงเอาคัมภีร์เล่มนี้ไปมอบให้กับหลวงพ่อคำพันธ์แต่เพียงรูปเดียวเท่านั้น ซึ่งตำราเล่มนั้นเขียนด้วย “ตัวธัมใหญ่” ทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็นอักขระที่มีความศักดิ์สิทธ์สูงสุด ใช้จารเฉพาะตำราชั้นสูงเท่านั้น เป็นตำราที่ว่าด้วยการ “อธิษฐานปฐวีธาต” สามารถทำธาตุธรรมชาติธรรมดาให้มีอานุภาพ มีพลังงานขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่านจึงศึกษาวิธีการจนแตกฉาน จดจำได้ทุกขั้นตอน ในเวลาต่อมาก็มีพระภิกษุรูปหนึ่งมาขอตำรานั้นไป ท่านก็กรุณามอบให้ ทุกวันนี้ยังไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใคร

    หลวงปู่คำพันธ์ได้เมตตาอธิบายถึงคุณลักษณะของปฐวีธาตุที่ถูกต้องตามตำราทุกประการว่า ต้องเป็นกรวดที่แช่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติเท่านั้น จะอยู่บนบกไม่ได้ ตัวกรวดเมื่อเก็บขึ้นมาต้องมีลักษณะเดิมตามธรรมชาติของเขา จะบิ่น จะแตกหักหรือร้าวไม่ได้เลย ที่สำคัญสุดยอด คือต้อง “โปร่งแสง” เท่านั้น และด้วยคุณลักษณะเช่นนี้เองที่ทำให้ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันเป็นของหายากที่สุด แม้ว่าทางวัดจะพำยายามแก้ไขด้วยการนำกรวดจากแม่น้ำโขงชนิดขุ่นมาถวายท่านอธิษฐานแทนก็ตาม แต่ก็หาถูกต้องตามตำราบังคับไม่ หากท่านก็อนุโลมให้เป็นปฐวีธาตุได้เช่นกัน ผิดกับครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆเช่น ท่านเจ้าคุณนรฯ “ปฐวีธาตุ” ของท่านจะต้องได้มาจากอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการเท่านั้น จะใสหรือขุ่น ใหญ่หรือเล็กไม่สำคัญ นอกจากนี้ในตำรายังได้ระบุไว้ว่า ผู้จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้นต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วน จะเป็นผู้เล่นทางสายวิชาคือ คาถาอาคมไม่ได้เลย

    มูลเหตุของการอธิษฐานจิตปฐวีธาตุ

    สืบเนื่องจากในช่วงก่อนปี 2500 บ้านเมืองยังเต็มไปด้วยผู้ก่อการร้าย ทำให้เหล่าทหาร ตำรวจและข้าราชการต่างๆ มาขอของดีจากท่านเอาไว้คุ้มตัว ท่านจึงได้ให้เหล่าทหารและชาวบ้านไปเก็บหินในแม่น้ำโขงมาให้ท่านอธิษฐานจิต ท่านบอกว่า ท่านเสกด้วยพระคาถาชินบัญชรเช่นเดียวกับปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรฯ แล้วเสกหนุนธาตุต่างๆตั้งให้เป็นองค์พระและธาตุปฐวีคือ ธาตุหินนี้แกร่ง ท่านจึงเรียกปฐวีธาตุของท่านว่า “ พระเพชร “

    ลป.คำพันธ์ ท่านเก่งในการคุมธาตุสี่ น้ำ ดิน ลม ไฟ จนเป็นที่ยอมรับโดยทั่ว ลป.โต๊ะฯ ก็อีกรูปหนึ่ง เมื่อท่านนำ”ปฐวีธาตุ”มาเสกก็จะเรียกธาตุ 4 ทีละธาตุแล้วรวมธาตุเป็นหนึ่ง เสกบรรจุลงในก้อนปฐวีธาตุนั้น เมื่อนำมาใช้ธาตุสี่ในตัวเราก็จะผสานกับปฐวีธาตุนั้น สรรพคุณสุดแท้จะอธิษฐานเอา ในเวลาอธิษฐานปฐวีธาตุหลวงปู่ท่านจะอธิษฐานว่า ให้ป้องกันภัยอันจะเกิดแต่ธรรมชาติก็ดี ภัยอันเกิดแต่มนุษย์ก็ดี กันได้ทั้งสิ้น กันภัยจากอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะมีขึ้นในอนาคต ท่านเรียกการอธิษฐานแบบนี้ว่า “เสกครอบลงไป” การเสกแบบนี้ไม่เหมือนกับการเสกพระเครื่องทั่วไปของท่าน ท่านจึงย้ำว่า “ ปฐวีธาตุนี้เป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ ”

    หลวงปู่คำพันธ์ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของปฐวีธาตุของท่านว่า คุ้มครอง คุ้มภัย กันฟ้า กันไฟ ปฐวีธาตุแห่งแม่น้ำโขงนี้เป็นธาตุเย็น อานุภาพแห่งองค์พระเพชร สามารถป้องกันภัยอันเกิดจากรังสีความร้อนที่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันได้

    การบูชาปฐวีธาตุ

    หลวงปู่สั่งว่า เมื่อได้มาแล้วถ้าจะบูชาติดตัวก็พยายามเลี่ยมแบบเปิดหน้า เปิดหลังให้ปฐวีธาตุได้สัมผัสกับไอของร่างกาย ธาตุจะดึงดูดซึ่งกันและกันปรารถนาสิ่งใดก็ให้ตั้งจิตเอา ปฐวีธาตุช่วยได้ แต่ถ้าบูชาอยู่กับบ้าน ให้เอาปฐวีธาตุแช่น้ำสะอาดตั้งบูชาไว้บนที่สูง ใส่น้ำอบ น้ำหอมผสมลงในน้ำเป็นการบูชา ลอยด้วยดอกมะลิหรือดอกไม้หอมอื่นก็ได้ จุดธูปบูชา 7 ดอก สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วต่อด้วยพระคาถานี้

    “ หิตะหิรา มันทิโล กะสิรา กะละลาสติ โสจะถิโห คะเนตะเน ” ( 3จบ )

    แล้วตั้งจิตระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณมารดา บิดาคุณครูบาอาจารย์ พระคุณของหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ เหล่าพญานาคผู้รักษาองค์พระธาตุพนมและพระธาตุมหาชัย และทั้งที่สถิตอยู่ในลำน้ำโขงปรารถนาสิ่งใดก็อธิษฐานเอา หลวงปู่บอกว่า ปฐวีธาตุมีคุณวิเศษครอบจักรวาลมีทุกข์ร้อนสิ่งใดก็ให้บอกกล่าว สามารถช่วยเหลือได้จริง

    การลอยดอกไม้ในน้ำให้ทำเฉพาะวันพระ เมื่อหมดวันพระแล้วให้ช้อนดอกไม้ออกอย่าให้เน่าเสียคาภาชนะเด็ดขาด น้ำหล่อปฐวีธาตุถ้าจะเปลี่ยนให้นำไปประพรมบ้านเรือนหรือสาดขึ้นหลังคาบ้านเป็นสิริมงคลนัก กันภัยนานาชนิด

    หมายเหตุ การที่หลวงปู่ท่านให้แขวนแบบเปิด ไม่ได้หมายความว่ากลัวพุทธคุณจะออกมาไม่ได้ แต่เป็นวิธีการ "ใช้งาน" ในแบบเฉพาะของวัตถุมงคลประเภทนี้ ที่ทำแบบนั้นก็เพราะต้องการให้กระแสธาตุในร่างกายเราได้สัมผัสกระแสธาตุในองค์ปฐวีธาตุพลังงานในปฐวีธาตุน่ะออกมาหาเราได้ แต่พลังงานในกายเราเข้าไปหาเขาไม่ได้ จึงจำเป็นที่จะต้อง "เลี่ยมเปิด" เพื่อสงเคราะห์ตัวเราเอง ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือท่าน

    ปฐวีธาตุต่างกับพระเครื่องอย่างไร

    ปฐวีธาตุต่างจากพระเครื่องตรงที่กรวดจากแม่น้ำโขงซึ่งหลวงปู่นำมาอธิษฐานเหล่านั้น พวกนาคเขาถือว่าเป็นสมบัติอย่างหนึ่งของเขา กรวดเหล่านั้นจึงมีพลังงานของพวกเขาติดมาด้วย และเมื่อได้รับการอธิษฐานด้วยกระบวนการทางจิตที่ซับซ้อนอย่างยากที่เราจะเข้าใจ ก็จะทำให้กรวดเหล่านั้นเกิดพลังงานมหาศาลชนิดที่เราก็ไม่เข้าใจอีกอยู่ดีว่าเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร

    พลังงานมหาศาลที่ว่านี้ หลวงปู่คำพันธ์รับรองว่า กันนิวเคลียร์ได้

    เมื่อปฐวีธาตุซึ่งมีพลังงานแฝงอยู่แล้ว ได้รับการอธิษฐานจากจิตที่มีพลังงานมหาศาลเพราะได้รับการฝึกฝนมาดีเยี่ยม พุ่งกระแสลงไปสู่หินเป็นจุดเดียว กระแสจิตที่แรงกล้าเกิดกระทบกับพลังงานที่อยู่ในหินแล้วกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง เป็นคลื่นรังสีที่มีพลัง งานแรงสูง พอที่จะให้ความคุ้มครองผู้บูชาตามที่ผู้อธิษฐานได้ "ตั้งโปรแกรม” ไว้

    นอกเหนือไปจากหมู่นาคทั้งหลายที่จะขึ้นมาพิทักษ์รักษาผู้ครอบครองปฐวีธาตุเมื่อยามเกิดภัยพิบัติตามคำทำนาย ชนิดปฐวีธาตุ 1 องค์ ต่อพญานาค 1 ตน ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวไม่อาจมีในพระเครื่องที่ถูก "สร้าง" ขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ ผิดกับ "ปฐวีธาตุ" ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากผลงานของธรรมชาติ จึงเก็บประจุพลังงานจากธาตุทั้งสี่และรังสีจากจักรวาลมาเนิ่นนานนับได้เป็นล้าน ๆ ปี

    ครูบาอาจารย์ผู้มีจิตอัศจรรย์เข้าถึงหลักธรรมชาติอย่างถ่องแท้จึงมักทำปฐวีธาตุให้ศิษย์ อาทิ ท่านเจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทร์ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม ท่านพ่อเมือง พลวัฑโฒ วัดป่ามัชฌิมวาส

    ซึ่งก็ตรงตามที่หลวงปู่คำพันเคยบอกว่า "ผู้ที่จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้น ต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วน จะเป็นผู้ที่มาทางสายวิชาอาคมไม่ได้เลย"

    และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไม "ปฐวีธาตุ" จึงมีความแตกต่างจากพระเครื่องมากมายนัก

    เครดิต : ปฐวีธาตุ (ธาตุกายสิทธิ์) แห่งลุ่มแม่นำโขง
     
  8. อรหโตพุทโธ

    อรหโตพุทโธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +1,017
    จองครับ

    จองครับโอนวันที่ 1 นะครับ
     
  9. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ปฐวีธาตุที่ญาติธรรมผมพอมีอีก 2 องค์ ถ้าท่านใดสนใจ ก็ติดต่อหาผมได้ครับ

    ...

    Update : ผมติดต่อญาติธรรมแล้ว ท่านบอกว่าปล่อยให้เช่าบูชา 1 องค์ ที่เป็นองค์ลักษณะใส คล้ายรายการที่ 2 และมีท่านหนึ่งจองทางโทรศัพท์แล้วครับ ส่วนองค์ทึบท่านบอกจะเก็บไว้บูชาเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2015
  10. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ปฐวีธาตุ ที่สุดแห่งขลัง ของหลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ

    [​IMG]

    ตลอดชีวิตของคน “ทำ” พระเป็น ย่อมรู้แน่แก่ใจว่าเครื่องมงคลชิ้นใดที่ตนได้ “บรรจุคุณ” ไว้อย่างเต็มที่ที่สุด หรือทราบชัดว่า ของสิ่งใดที่ทรงไว้ซึ่ง “อานุภาพ” อย่างถึงที่สุด แล้วมักเก็บงำของนั้นไว้เป็นอย่างดี ไม่ใคร่ตกถึงมือใครง่ายๆ ดังเช่นของสิ่งอื่นทั่วไป เช่น หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ยากที่ใครจะได้ตะกรุดธาตุหก, หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ยากที่ใครจะได้พระพรหมผง และสำหรับหลวงปู่คำพัน

    [​IMG]

    ใครจะเอาปฐวีธาตุก็ยากนัก คงเป็นเพราะท่านเหล่านั้นเกรงว่าผู้รับจะไม่รู้ถึงคุณค่าของของนั้น หรือไม่ก็กลัวผู้รับไปจะเปลี่ยนใจเป็นโจรในภายหลัง ซึ่งจะยากแก่การปราบปราม

    ผมก็เดาได้แค่นี้แหละ

    [​IMG]

    ในศักดิ์สิทธิ์ฉบับก่อนโน้นที่เคยกล่าวถึงของป้องกันนิวเคลียร์ได้ มีหลายท่าน จ.ม. ไปถามผมว่ากันอย่างไรได้ระเบิดตกลงมาตรงหน้ายังกันได้หรือ? โถ ! ถ้าถึงขนาดนั้นอย่าว่าแต่คนแขวนเลย พระก็คงจะป่นนะครับ ที่ผมบอกว่าป้องกันได้นั้น หมายถึง กัน “กัมมันตภาพรังสี” ต่างหาก เป็นที่แน่ชัดว่าประเทศไทยไม่ถูกบอมบ์ด้วยนิวเคลียร์ดังเช่นที่ญี่ปุ่นเคยดอก แต่กัมมันตภาพรังสีที่ฟุ้งกระจายไปในชั้นบรรยากาศมันจะมากับอากาศที่หายใจกับเมฆ กับฝน และแม่น้ำ ลำธารต่างๆ ฝุ่นรังสีย่อมปนเปื้อนอยู่ทั่วไป มงคลวัตถุที่ท่านผู้ทรงคุณทั้งหลายเจริญภาวนาให้ จะมีอานุภาพทำลายกัมมันตภาพรังสีเหล่านั้นให้มีสภาวะเป็นกลาง ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย

    ไม่ใช่ระเบิดตกลงหลังคาบ้านแล้วไม่ตายครับ

    นั่นเป็นความเชื่อของผมโดยส่วนตัว ใครจะเชื่อก็ไม่ว่า ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่าเป็นของธรรมชาติอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าตรัสสอนสัตว์โลกอยู่เป็นนาน คนเชื่อก็มีคนไม่เชื่อก็มี สำมะหาอะไรกับผม

    คนไม่เชื่อหยุดอ่านก่อนได้เพื่อความสบายใจ ส่วนคนเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างเชิญอ่านต่อไป เพราะผมจะเข้าเรื่องสำคัญ

    ย้อนไปเมื่อสมัยท่านเจ้าคุณนรฯ ยังทรงสังขารอยู่ ท่านเคยปรารภว่า พระรูปเหมือนนั่งในใบโพธิ์ของท่านประสบความสำเร็จ (คือมีคนนิยมมาก) ต่อไปจะมีผู้สร้างพระใบโพธิ์อีกมากมายแต่ไม่ประสบความสำเร็จดังเช่นของท่าน

    [​IMG]

    หากจะมีพระทางภาคอีสานรูปหนึ่ง ประสบความสำเร็จในพระรูปเหมือนใบโพธิ์เช่นของท่าน แต่พระรูปนั้นจะต้องอธิษฐานจิตปฐวีธาตุได้ด้วย

    ปรารภนี้เป็นที่น่าสนใจ ใครที่รู้ต่างก็ออกแสวงหาพระผู้เสกปฐวีธาตุเป็น คำว่า “เป็น” ของท่านคุณนรฯ คงหมายถึงทำได้มากจนแพร่หลายไปในหมู่ชนได้ ไม่ใช่ทำเพียงแค่ก้อนสองก้อนก็จบ

    หากันอยู่นาน ก็ระแคะระคายว่ามีพระทางจังหวัดนครพนมรูปหนึ่ง ท่านทำปฐวีธาตุได้ เอ ! หรือท่านจะ “รับมุข” ที่ท่านเจ้าคุณนรฯพูด ทว่า เมื่อเช็คกับผู้รู้ท่านหนึ่งท่านว่าพระเถระรูปนั้นทำปฐวีธาตุแจกศิษย์มาแต่ปี พ.ศ. 2495 ก่อนท่านเจ้าคุณนรฯ เสียอีก

    [​IMG]

    จึงออกสืบเสาะจนได้ความว่าเป็น หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ

    หลวงปู่คำพันทราบถึงวิธีการอธิษฐานปฐวีธาตุได้อย่างไร มันมีที่มาอย่างนี้ครับ

    กลับไปหลายสิบปีก่อน ครั้งหลวงปู่คำพันยังเป็นพระหนุ่ม ๆ มีผู้เฒ่าที่ครอบครองตำราสำคัญอยู่ นัยว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ครั้นชายชราใกล้ถึงที่สุดแห่งอายุขัย ก็ได้สั่งกำชับบุตรชายว่า เมื่อพ่อตายแล้วจงเอาคัมภีร์เล่มนี้ไปมอบให้กับหลวงพ่อคำพันแต่เพียงรูปเดียวเท่านั้น

    สั่งความได้ไม่นานก็ลาโลกนี้ไป บุตรชายก็ทำตามสั่งทุกประการ นำตำราไปมอบให้หลวงพ่อคำพัน เมื่อท่านเปิดอ่านก็ปรากฏว่าตัวอักษรในนั้น เป็น “ตัวธัมใหญ่” ทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็นอักขระที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ใช้จารเฉพาะตำราชั้นสูงเท่านั้น

    เมื่ออ่านไปเรื่อยจึงทราบว่าหนังสือนั้นเป็นตำราที่ว่าด้วยการ “อธิษฐานปฐวีธาต” สามารถทำธาตุธรรมชาติธรรมดาให้มีอานุภาพ มีพลังงานขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

    ท่านจึงศึกษาวิธีการจนแตกฉาน จดจำได้ทุกขั้นตอน ในเวลาต่อมาก็มีพระภิกษุรูปหนึ่งมาขอตำรานั้นไป ท่านก็กรุณามอบให้ ทุกวันนี้ยังไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใคร

    หลวงปู่คำพันได้เมตตาอธิบายถึงคุณลักษณะของปฐวีธาตุที่ถูกต้องตามตำราทุกประการว่า ต้องเป็นกรวดที่แช่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติเท่านั้น จะอยู่บนบกไม่ได้ ตัวกรวดเมื่อเก็บขึ้นมาต้องมีลักษณะเดิมตามธรรมชาติของเขา จะบิ่น จะแตกหักหรือร้าวไม่ได้เลย

    ที่สำคัญสุดยอด คือต้อง “โปร่งแสง” เท่านั้น

    คำว่าโปร่งแสงหมายถึง แสงสามารถลอดทะลุผ่านได้ ไม่ใช่โปร่งใส ถ้าโปร่งใสจะหมายถึงมองทะลุเห็นภาพอีกด้านได้ ซึ่งคงไม่มีกรวดชนิดใดเป็นเช่นนั้นแน่ หรือถ้ามีคงหายากสุดๆ

    และด้วยคุณลักษณะเช่นนี้เองที่ทำให้ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันเป็นของหายากที่สุด แม้ว่าทางวัดจะพยายามแก้ไขด้วยการนำกรวดจากแม่น้ำโขงชนิดขุ่นมาถวายท่านอธิษฐานแทนก็ตาม มันก็หาถูกต้องตามตำราบังคับไม่ หากท่านก็อนุโลมให้เป็นปฐวีธาตุได้เช่นกัน

    ผิดกับครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ เช่นท่านเจ้าคุณนรฯ ด้วยท่านมีข้อแม้กับปฐวีธาตุว่า ต้องอยู่ในอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการเท่านั้น ส่วนจะใสหรือขุ่น จะใหญ่หรือเล็ก ท่านไม่เอามาเป็นประมาณ

    ผมเองก็เพิ่งทราบว่า ไม่เพียงท่านเจ้าคุณนรฯ หรือหลวงปู่คำพันเท่านั้นที่ทำปฐวีธาตุได้ พระมหาเถระผู้ทรงคุณสูงสุดคือ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี ก็ทำปฐวีธาตุ แต่ง่ายดายมาก ด้วยการให้ศิษย์เก็บเอากรวดที่ข้างกุฏิท่านนั่นแหละมาอธิษฐาน

    หาง่ายแต่หายาก

    “หา” แรกง่าย เพราะเอากรวดข้างกุฏิไม่ต้องไปไกล “หา” หลังยาก เพราะของไม่มี คนอยากได้ก็ฝันไปก่อน รวมทั้งผม

    ไม่เพียงหลวงปู่ขาวเท่านั้นที่ทำปฐวีธาตุ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ ก็ทำ ทำจริงๆนะ มีคนใกล้ชิดที่เชื่อถือได้ ได้รับจากมือหลวงปู่ดูลย์มาจริงๆ

    ก็น่าแปลกที่ท่านเหล่านั้นสามารถทราบได้ว่ากรวดธรรมดาหากกำหนดจิตให้เป็นของมีพลังงานด้วยกระบวนการทางจิตที่ซับซ้อนเกินปุถุชนจะเข้าถึงได้ละก็ ย่อมมีอานุภาพสุดจะประมาณ

    ขนาดกันนิวเคลียร์ได้ก็แล้วกัน

    หลวงปู่คำพันบอกว่า ในตำราระบุไว้ว่าผู้จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้นต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วน จะเป็นผู้เล่นทางสายวิชาคือคาถาอาคมไม่ได้เลย จึงหมดสงสัยว่าทำไมหลวงปู่ขาว หลวงปู่ดูลย์ก็ทำเป็น

    ปฐวีธาตุของครูบาอาจารย์องค์อื่น ผมไม่ทราบว่าท่านอธิษฐานจิตในการป้องกันอย่างไร แต่ของหลวงปู่คำพันท่านอธิษฐานว่า ให้ป้องกันภัยอันจะเกิดแต่ธรรมชาติก็ดี ภัยอันเกิดแต่มนุษย์ก็ดี กันได้ทั้งสิ้น กันภัยจากอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะมีขึ้นในอนาคต ท่านเรียกการอธิษฐานแบบนี้ว่า “เสกครอบลงไป”

    การเสกแบบนี้ไม่เหมือนกับการเสกพระเครื่องทั่วไปของท่าน ท่านจึงย้ำว่า “ปฐวีธาตุนี้เป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่” เหนือกว่าวัตถุมงคลทั้งปวงของท่าน

    ครั้งหนึ่งท่านพระอาจารย์เวทย์ อาจารย์สัมปันโน ศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่คำพัน คิดหาปฐวีธาตุ ชนิดถูกต้องตามตำราทุกประการมาถวายหลวงปู่คำพันเสก จึงหาอาสาสมัครได้พระ เณร และญาติโยมจำนวนหนึ่ง ออกค้นหาปฐวีธาตุในลำน้ำโขง

    การตามล่าหาของดีในคราวนั้นเป็นความยุ่งยากลำบากเหลือแสน เพราะน้ำในแม่น้ำโขง เย็นยะเยียบ เมื่อลงแช่ไปนานๆ ก็เกิดหนาวสั่นจับไข้ไม่สบายกันถ้วนหน้า อีกทั้งกรวดที่ควานขึ้นมานับร้อยๆ ก้อนในแต่ละครั้ง จะมีใสตามตำราสักก้อนก็แสนยาก

    บางก้อนใสแจ๋วแต่บิ่นก็ต้องทิ้งไป เวลาทิ้งก็ต้องเอาไปทิ้งไกล ไม่อย่างนั้นเวลางมลงไปก็เจอก้อนเก่าอีก บางทีลุยป่าหญ้าเข้าไปหาในที่ที่ว่างเปล่า งมๆ อยู่เจ้าของที่ก็มาไล่เพราะเขาไม่รู้ว่ามาทำอะไรกันก็มี จึงเป็นความทุกข์สาหัสของผู้ออกหาจริงๆ ทีมล่าปฐวีธาตุดำเนินการอยู่นานนับเดือน ปรากฏปฐวีธาตุชนิดถูกแบบ 100 % ได้เพียง 200 กว่าก้อนเท่านั้น

    เป็นของยืนยันว่าหายากแท้ๆ

    เมื่อนำปฐวีธาตุไปถวายหลวงปู่คำพันอธิษฐานจิตแล้ว คณะผู้ค้นหาก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ของดีขนาดนี้จะทำอย่างไรจึงสมควร ถ้าเพียงแต่เก็บงำเอาไว้กับคนบางคนก็จะตกอยู่แค่นั้น และต่อไปในกาลข้างหน้า ใครจะทราบไว้ว่ากรวดก้อนนี้คืออะไร ?

    จึงตกลงใจสร้างรูปเหมือนหลวงปู่คำพัน ขนาด 3 นิ้วเศษๆ ด้วยเนื้อว่าน แล้วบรรจุของสำคัญสุดยอดนี้ลงไปเพื่อให้อยู่เป็นที่เป็นทาง และเพื่อเพิ่มความเป็นมหามงคลให้กับรูปเหมือน

    พระรุ่นนี้สร้างในปี พ.ศ. 2538 มีจำนวนเพียง 227 องค์ เท่ากับจำนวนศีลของพระ รูปเหมือนทั้งหมดดำเนินการปลุกเสกแบบ “บินเดี่ยว” โดยหลวงปู่คำพันในอุโบสถโบราณของวัดแก่งตอย เป็นการเสกแบบเฉพาะเจาะจงลงไปสำหรับพระบูชา 3 นิ้ว, รูปเหมือนลอยองค์เนื้อว่าน ชนิดแขวนคอ รุ่น 2 และพระอุปคุตพันฤทธิ์ มีเรื่องแปลกอยู่ว่าขณะดำเนินการสร้างรูปเหมือนแบบบูชานี้อยู่ หลวงปู่คำพันก็ให้คนมาเอารูปเหมือนที่เสร็จก่อนเพื่อนไป 2 องค์ บอกว่าเพื่อเอาไปเสกก่อน แล้วมอบให้กับศิษย์คนสำคัญในวงการ 2 คน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระรูปเหมือนรุ่นนี้ยิ่งนัก

    เมื่อผู้เสกถูกใจ คงไม่ต้องคิดให้มากว่าจะดีวิเศษอย่างไร ผมเห็นปฐวีธาตุเป็นของที่ดีที่สุดอยู่แล้ว จะหาชนิดถูกแบบอย่างนี้ก็หายาก ในเมื่อมีบรรจุอยู่ในรูปเหมือนนี้ ก็ต้องคว้าไว้ก่อน

    ปัจจุบันรูปเหมือนแบบบูชารุ่นแรกยังพอมีเหลืออยู่ที่ท่านพระอาจารย์เวทย์เจ้าอาวาสวัดแก่งตอย จำนวนที่เหลืออยู่เข้าใจว่าราว 30 องค์ ทราบว่าทางวัดยังคงอัตราค่าบูชาไว้เท่าเดิม คือ 1,500 บาท ถ้าจะว่าแพงก็จงดูความละเอียดประณีตของงานก่อนเถิด ทั้งผง ทั้งเส้นเกศา ทั้งปฐวีธาตุชนิดถูกแบบล้วนมีอยู่ในพระรุ่นนี้อย่างสมบูรณ์ (บทความนี้เขียนไว้หลายปีแล้ว) ที่สำคัญ ราคานี้หลวงปู่คำพันเป็นผู้ตั้งเอง

    ปัจจัยทั้งหมดหาได้ตกอยู่กับใครไม่ แม้แต่หลวงปู่คำพันผู้เป็นองค์เสก แต่จะเป็นทุนในการบูรณะวัดแก่งตอย ซึ่งเป็นวัดร้างมาเนิ่นนานในอดีตให้กลับเจริญรุ่งเรืองใช้ประโยชน์ได้สมเป็นศาสนสถานในพระพุทธศาสนา

    ได้ทั้งของดี ได้ทั้งบุญ จะเอาอย่างไรอีก

    ใครคิดว่าจะบูชามาเพื่อแกะปฐวีธาตุออกแขวนผมก็ไม่ว่ากัน

    สมัยก่อนที่ คุณอำพล เจน อนุญาตให้บริเวณบ้านเป็นสนามลองพระอยู่นั้น ได้มีการหยิบยกเอาปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันชนิดไม่ถูกแบบมาทดสอบให้เห็นจริง โดยระบบ “ยิง” ซึ่งเป็นระบบพิสูจน์ให้เห็นจริงกันได้จะจะตา

    คุณอำพลไม่ได้เป็นคนยิง ผู้ยิงเป็นตำรวจแม่นปืน แต่แม่นปืนก็ยังไม่ชัวร์ จึงต้องเอาปืนจ่อปฐวีธาตุในระยะ “เผาขน” ปากกระบอกปืน ห่างจากปฐวีธาตุไม่เกิน 1 นิ้ว เรียกว่าใครดีใครอยู่

    ก่อนจะกดเปรี้ยงลงไป

    ผลคือลูกปืนแฉลบผ่านองค์ธาตุไปได้อย่างน่าประหลาด ซึ่งในระยะจ่อยิงขนาดนั้น อย่าว่าแต่ปฐวีธาตุเลย ให้ยิงเด็ดหนวดยุงตัวผู้ก็คงไม่พลาด เป็นที่ประจักษ์ว่าคงอานุภาพด้านแคล้วคลาดกันภัยได้จริง

    แม้ว่าปฐวีธาตุก้อนนั้นจะเป็นชนิดไม่ต้องตามตำราก็ตาม

    แล้วถ้าถูกต้องตามตำราเล่า

    เครดิต : ปฐวีธาตุ ที่สุดแห่งขลัง ของหลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ
     
  11. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    “ปฐวีธาตุ” ที่สุดแห่งขลังของ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ ภาค 2

    ในศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 341 เมื่อต้นปีที่แล้ว ผมได้เคยเรียนให้ทราบถึงความเป็นมาและอานุภาพของ “ปฐวีธาตุ” มรดกขลังที่น่าอัศจรรย์ในพุทธคุณของหลวงปู่คำพัน ผู้เป็น “เพชรบนยอดมงกุฏ” แห่งเมืองนครพนม

    [​IMG]

    หลายท่านขวนขวายหาจนน่าเห็นใจในความศรัทธา บ้างบุกบั่นฟันฝ่าไปขอกับหลวงปู่ถึงนครพนม ครั้นท่านว่าที่ท่านไม่มี แต่ไปมีอยู่ที่ศิษย์เอกคือ ท่านพระอาจารย์เวทย์ อาจารสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดแก่งตอย เมืองอุบลฯ ก็โลดแล่นไปพบจนถึงที่ แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเพราะหมด

    หมดกระทั่งเม็ดสุดท้ายในย่าม

    องค์สุดท้ายนั้นเป็นของเฉพาะที่หลวงปู่คำพันมอบให้ท่านพระอาจารย์เวทย์กับมือ ท่านจึงเก็บรักษาดังแก้วตาดวงใจ ไม่มีของขลังอื่นใดนอกจากปฐวีธาตุในย่าม คิดดู...แต่แล้วก็มาถูกควักดวงใจไปอีก “ให้” ด้วยความเมตตาที่ไม่มีประมาณของท่านแท้ ๆ

    ต้นเหตุคือผมหรือเปล่าหนอ?

    [​IMG]

    ก็เพราะมีคนหูดีตาถึงออกเสาะหากันมาก ท่านพระอาจารย์และคณะจึงหารือร่วมกัน และเห็นพ้องไปในทางเดียวไม่มีทางแยก คือ ติดตามล่าหาปฐวีธาตุกันอีกสักครั้ง

    ข่าวการอาพาธที่เริ่มหนักหน่วงขึ้นทุกทีของหลวงปู่คำพัน เป็นดังพลังมหาศาลที่ผลักดันให้คณะค้นหาปฐวีธาตุ เร่งมือกระชั้นเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่มีใครหยั่งรู้อนาคตได้แน่นอน จึงจำเป็นยิ่งที่ต้องรีบทำกิจอันควรให้เสร็จเสียโดยไว ก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกิน

    ทว่าการหาปฐวีธาตุไม่ใช่ของง่ายสะดวกดายดังที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้วว่ายากเพียงใด น้ำในแม่น้ำโขงทั้งเชี่ยว ทั้งเย็น จึงเป็นอุปสรรคต่อการควานกรวดโดยรวมขึ้นมาแล้วต้องแยกแยะขุ่น-ใสออกจากกัน ก่อนจะถึงขั้นตอนคัดก้อนใสที่ไม่บิ่น, ไม่แตก, ไม่ร้าว อีกที

    ท่ามกลางกระแสน้ำที่เย็นยะเยือกแต่เบื้องบนคือแดดที่แผดเผา คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่กลั่นกรองทีมงานให้งวดคน ท่านพระอาจารย์เวทย์จึงจำต้องใช้ปัจจัยหรืออีกนัยก็คือ “เงิน” ดี ๆ นี่แหละ เข้าไปเชิญชวนคนขยันมาร่วมกันขุดค้นของที่หายากที่สุดในแผ่นดิน

    คณะล่าปฐวีธาตุทำงานกันอย่างแข็งขัน-ใส่ใจ ครั้นลุถึงกลางปี 40 ก็หาปฐวีธาตุได้เป็นจำนวน 1,000 ก้อนพอดิบพอดี ฟังดูเหมือนว่าจะเยอะ แต่ถ้าให้นับกรวดต่าง ๆ ที่ควานขึ้นมาเพื่อเฟ้นหาแล้ว ปรากฏว่าใช้ไม่ได้ต้องทิ้งไป...เปรียบมวยกันละก็

    ปลาซิวกัดกับปลาบึกนั่นแล

    หากว่าการหากรวดในลำน้ำโขงเป็นงานยากดุจกำฝุ่นโต้ลม แล้วทำไมจึงไม่เสาะหาเอาจากแหล่งน้ำต่าง ๆ เล่า เรื่องนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะเกี่ยวพันไปถึงผู้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกซึ่งเรามองไม่เห็นด้วยตา ได้ปรารภกับหลวงปู่เอาไว้

    คราวหนึ่งที่หลวงปู่กำลังนั่งภาวนา ปรากฏมานพหนุ่มขึ้นในท่ามกลางสมาธิ ชายผู้นั้นกล่าวเชิญชวนหลวงปู่คำพันให้ไปยังดินแดนซึ่งตนอาศัยอยู่ด้วยความเคารพยิ่ง หลวงปู่ก็หาขัดไม่ กำหนดจิตตามผู้นิมนต์นั้นไปด้วยอาการอันสงบ ปรากฏว่าบุรุษนั้นพาท่านมาเหนือลำน้ำสายใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งท่านคุ้นตาเป็นที่สุด จิตของท่านบอกกับตัวเองว่านี้คือแม่น้ำโขง ก่อนที่ท่านจะดำดิ่งลงสู่ใต้น้ำ

    เมื่อถึงจุดหนึ่งในแม่น้ำ หลวงปู่ได้พบวัตถุบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกรวด แต่เปล่งแสงเรืองรองออกเป็นประกายพรึกดังเพชรลูก ระยิบระยับเกลื่อนกลาดอยู่ทั่วท้องน้ำ ชายลึกลับได้เรียนให้หลวงปู่ฟังว่า ของนี้มีพลังอยู่ในตัว แต่ขอให้หลวงปู่เก็บเอาไปเพื่ออธิษฐานจิตอีกครั้ง แล้วสิ่งนี้จะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มีอานุภาพเป็นอย่างยิ่ง

    และกราบเรียนหลวงปู่เสียด้วยว่า มนุษย์คนใดก็ตามที่มีศีลธรรมได้ถือครองกรรมสิทธิ์ในของมงคลนี้ไว้โดยชอบแล้ว พวกเขาจะขึ้นจากดินแดนข้างล่างมาคุ้มครองทุกคนที่มีวัตถุนี้อยู่กับตัวเมื่อเกิดภัยพิบัติ

    เรียกว่า 1 ต่อ 1 เลยทีเดียว

    ครั้นหลวงปู่คำพันออกจากสมาธิ ท่านก็มาลำดับเรื่องราวที่ได้พบเห็น แล้วในวันที่ว่างจากภาระท่านก็เดินทางไปดูสถานที่ที่จิตท่านมาหยุดชม “วัตถุประหลาด” น่าอัศจรรย์อยู่ไม่น้อยที่ท่านเสาะหาทำเลนั้นจนพบ อีกทั้งทิวทัศน์รอบ ๆ ยังเหมือนกับที่ท่านได้เห็นในนิมิตทุกประการ

    ผิดกันตรงไม่มี “วัตถุประหลาด” นั้นแม้เงา

    ก็อาจเป็นไปไดที่ “สิ่งนั้น” จะอยู่ต่ำใต้กระแสน้ำลึกลงไปจนสามัญชนไม่อาจล้วงควักกันให้เพลินมือ หลวงปู่จึงขยายพื้นที่ในการสืบค้นต่อไป แล้วท่านก็ได้พบแหล่งของ “กรวดมหัศจรรย์” นั้นจริง ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนักจากจุดหมายในคราวแรก รุ่นหนึ่งนั้นจึงถือได้ว่าท่านดำเนินการเองโดยตลอดตั้งแต่เก็บจนถึงเสก

    น่าแปลกที่ไม่มีใครสามารถย่ำรอยเดิมของท่านได้อีก ไม่ว่าจะขุดคุ้ยสักเท่าไร ณ ที่แห่งนั้นก็ไม่มีกรวดที่ต้องตามตำราให้เก็บอีกเลย “เขา” มาเอาคืนไปหรือเรือดูดทรายมันมาเอาไปก็ไม่รู้

    แต่ที่แน่ ๆ คณะของท่านพระอาจารย์เวทย์แทบจะพลิกท้องน้ำขึ้นหาสิ่งดังกล่าว ความอุตสาหะเช่นนี้แม้ผมก็ไม่อาจทำได้ จึงยอมเป็นคนเห็นแก่ตัวนอนคอยแม่นกเอาเหยื่อมาป้อนใส่ ท่านผู้อยู่ใต้ลำน้ำโขงนั้นอยากจะมาคุ้มครองคนหลังไม่สั้นเช่นผมไหมนี่ ?

    พูดถึงผู้อยู่ต่างภพต่างภูมิในลำน้ำโขงนั้นจะเป็นใครกัน ผมก็ไม่อาจบ่งชัดลงไปได้ ทราบเพียงหลวงปู่คำพันปรารภถึงท่านผู้เป็นเจ้าของกรวดว่า

    “นาค เป็นผู้ที่มีสามธาตุ จึงมีฤทธิ์มาก สามารถคุ้มครองผู้บูชาปฐวีธาตุนี้ได้” !!

    [​IMG]

    ในกลางปี 40 ที่ท่านอาจารย์เวทย์ได้ปฐวีธาตุชนิดถูกแบบจำนวน 1,000 องค์ มาแล้วนั้น ก็ปรากฏว่าไม่อาจนำขึ้นถวายให้หลวงปู่คำพันแผ่เมตตาให้ได้ เพราะหลวงปู่มีอาการอาพาธเป็นอันมากด้วยวัยที่ชราภาพถึง 82 ปี ความเมตตาที่ทำให้ท่านต้องไปในงานนิมนต์แทบทุกงานทั้งไกล-ใกล้ ต้องรับแขกซึ่งหลั่งไหลมาจากทุกทิศานุทิศ ณ วัดธาตุมหาชัยทุกวัน ๆ

    สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องบั่นทอนสุขภาพของท่านให้ทรุดโทรมลง ความกตัญญูต้องมาเป็นที่หนึ่ง ท่านอาจารย์เวทย์จึงต้องระงับการเสกเอาไว้ เฝ้าดูแลพระอุปัชฌาย์จนมีอาการดีขึ้น กระทั่งมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์พร้อม จึงได้ขอโอกาสนำปฐวีธาตุเข้าถวาย ซึ่งหลวงปู่ก็รับไว้ด้วยความยินดีในของที่ถูกต้องตามตำราทุกประการ

    ปฐวีธาตุชุดนี้นับแต่วันที่ท่านรับไว้เสกจนถึงวันที่ท่านคืนให้ เบ็ดเสร็จได้ 4 เดือน

    เลยไตรมาสเสียอีก

    การเดินทางอันยาวนานบนเส้นทางขลัง ปฐวีธาตุจัดได้ว่าเป็นมงคลวัตถุที่น่าทึ่งทั้งในความเป็นมา และพลังงานอันไร้ขอบเขตในตัวเองซึ่งยากจะหาสิ่งใดมาทัดเทียม นับแต่ท่านเจ้าคุณนรฯ แห่งวัดเทพศิรินทรฯ ได้ประกาศในคุณานุภาพของปฐวีธาตุ ล่วงมาจนถึงหลวงปู่ขาว อนาลโย และหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ของนั้นแม้น่าไขว่คว้าแสวงหา แต่ก็ไม่น่าจะคว้าพอ ๆ กัน

    ใครเล่าจะยืนยันได้ว่า กรวดนี้ ก้อนนั้น มีพุทธคุณอยู่จริง ใครเล่าที่ครอบครองของแท้อยู่ในมือแล้วจะปล่อยให้หลุดหาย

    ดังนั้นเรื่องของปฐวีธาตุที่ว่า “กันนิวเคลียร์และกันไฟได้” ดังคำท่านเจ้าคุณนรฯ กำชับ จึงเป็นเพียงฝันของผู้ศรัทธา

    แต่วันนี้เรามีคนทำความปรารถนาให้เป็นจริง ปฐวีธาตุ 500 องค์ ใน 1,000 องค์ถูกแบ่งออกนำถวายท่านผู้ทรงคุณธรรมสูงท่านหนึ่ง อีก 500 องค์ ท่านอาจารย์เวทย์ยังคงเก็บรักษาไว้ ครั้นแบ่งปันในหมู่ศิษย์ที่เป็นกำลังสำคัญให้ท่านแล้ว ก็ยังมีเหลืออยู่ราว 400 องค์เศษ

    ตรงนี้แหละที่จะเป็นของเรา

    เมื่อผมคุยกับท่านอาจารย์ถึงปฐวีธาตุ 400 องค์ ว่าจะทำอย่างไร ท่านได้กล่าวว่าในวันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 นี้ ท่านเจ้าคุณพระสุนทรธรรมากร หรือ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ มีเมตตานำกองผ้าป่าซึ่งท่านเป็นองค์ประธาน ไปทอดถวาย ณ วัดบ้านวังแคน ต.โพธิ์ไทร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ซึ่งพระสงฆ์ที่นั่นจะเป็นผู้รับจตุปัจจัยกับกองผ้าป่า และ 1 ในคณะสงฆ์นั้นก็มีท่านอาจารย์เวทย์รวมอยู่ด้วย เพราะวัดบ้านวังแคนเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน

    ที่สำคัญเหนืออื่นใดปัจจัยทั้งหมดที่ได้จากการนี้ ท่านจะมอบให้กับการศึกษาอำเภอพิบูลมังสาหาร เพื่อเข้ามูลนิธิพัฒนาเด็กเรียนดี ซึ่งมีความประพฤติดีแต่มีฐานะทางบ้านยากจน พ่อแม่ไม่อาจส่งเสียให้เรียนต่อได้ทั้งที่มีปัญญาถึงพร้อม ก็ต้องลาออกอย่างน่าเสียดายในอนาคตซึ่งควรจะไปได้ไกลว่าที่เป็นอยู่

    ท่านอาจารย์เวทย์จึงตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยเหลือโอบอุ้มเด็กเหล่านั้น ให้มีการศึกษาต่อไปเท่าที่สติปัญญาเขาจะเอื้ออำนวย เพราะเหตุนี้ท่านจึงต้องการปัจจัยไปเพื่อให้เด็ก ไม่ใช่เพื่อให้ท่าน และด้วยน้ำใจอันงาม ท่านจึงคิดตอบแทนผู้ร่วมทำบุญโดยจะมอบปฐวีธาตุให้กับทุกท่านที่บริจาคปัจจัย

    ผมตาเหลือก

    ก็ท่านจะให้ทุกคนที่ทำบุญ หมื่นนึงก็ให้ พันถึงร้อยก็ให้ แล้วถ้าเขาทำสิบ-ยี่สิบท่านก็ให้ ผมถามหน่อยว่าท่านจะเอาที่ไหนมาแจกหนักหนา ถ้าผมทำ หมื่นบาทได้รับ 1 องค์ ไปนั่งคุยกับใครก็ไม่รู้ถืออยู่ 1 องค์ ผมถามว่าบริจาคไปเท่าไร เขาตอบ 50 บาท

    ผมจะรู้สึกอย่างไร ?

    มันมีข้อเหลื่อมล้ำอย่างนี้เอง ที่สำคัญถ้าให้บูชาองค์ละร้อย ปฐวีธาตุมี 400 องค์ จะได้ปัจจัย 40,000 บาท ตั้งกองทุนด้วยเงินสี่หมื่นอย่างไรได้ นักเรียนคนหนึ่งมีค่าเทอม, ค่ารถ, ค่าอาหาร, ค่าหนังสือ, ค่าอุปกรณ์การศึกษา เช่น ดินสอ, ไม้บรรทัด ฯลฯ และอีกมากมายที่คนเคยเรียนหนังสือมาก่อนจะทราบได้ดี

    เพียงนักเรียนมีสัก 50 คน เงิน 40,000 จะฉุดลากไปได้แค่ไหนกัน ?

    ผมกราบเรียนท่านไปอย่างนี้ ท่านก็นิ่งเงียบ ผมทราบในใจท่านดีว่า ท่านไม่ประสงค์จะให้เช่าหากท่านอยากจะตอบแทนใครก็ได้ที่มีเมตตาต่อเด็กยากจน ท่านมีน้ำใจของท่านอย่างนี้แต่ไหนแต่ไร

    ทว่า โปรดเข้าใจสักหน่อยเถิด ปฐวีธาตุเป็นของหาง่ายกระนั้นหรือ ก่อนจะได้มาท่านทุ่มเททั้งค่าแรง ค่ารถ ฯลฯ และแม้แต่องค์เสกคือหลวงปู่คำพัน กว่าท่านจะยืนหยัดมาถึงวันนี้ได้ กว่าท่านจะเข้าถึงข้อบังคับในตำราที่ระบุไว้ ท่านเพียรสักแค่ไหนเล่า ?

    ผมคิดถึงตรงนี้ก็ตัดสินใจที่จะบอกว่า ผมขอความกรุณาให้ท่านร่วมเป็นกรรมการทอดผ้าป่าสามัคคี กองละ 1,000 บาท โดยจะใช้ทุนส่วนตัวของท่านเอง หรือบอกบุญหมู่เพื่อนก็ไม่ว่ากัน แต่ทุก ๆกอง เราจะมอบปฐวีธาตุชนิดถูกต้องตามตำราทุกประการให้ 1 องค์

    ณ เวลานี้ อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ปฐวีธาตุจะถือกำเนิดขึ้นในโลกโดยน้ำมือของหลวงปู่คำพัน พระมหาเถระที่แข็งกล้าในวิปัสสนาญาณแห่งลุ่มน้ำโขง เพราะความชราภาพของหลวงปู่ประการหนึ่ง และเพราะค่าใช้จ่ายบวกกับความลำบากเหลือแสนเพื่อการเสาะหาประการหนึ่ง

    หากจะดุด่าเฆี่ยนตีผมทางใจ โปรดทบทวนสักนิดเถิดครับว่า ปัจจัยทุกบาททุกสตางค์คือท่านได้ร่วมทำบุญกับหลวงปู่คำพันและท่านพระอาจารย์เวทย์ โดยมอบความรู้ให้แก่เด็กด้อยโอกาส ซ้ำท่านยังได้ “ของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่” ดังคำกล่าวของหลวงปู่ไปบูชา

    ไม่คุ้มหรือครับ

    ผมเชื่อว่าท่านที่เห็นความสำคัญของการให้การศึกษาต่อเด็กมีอยู่ ได้เวลาที่ท่านทั้งหลายจะขวนขวายสร้างมหากุศลกันอีกแล้วล่ะ

    ผมเป็นแต่เพียงผู้บอกครับ

    หมายเหตุ : บทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2541


    เครดิต : “ปฐวีธาตุ” ที่สุดแห่งขลังของ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ ภาค 2
     
  12. holy-amulet

    holy-amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2009
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +425
    ปฐวีธาตุ มีอีกไม้ครับ ขอจอง 1 องค์ครับ
     
  13. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    [​IMG]

    [​IMG]

    3.ปฐวีธาตุ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ บูชา 800 บาท (ปิดรายการให้กับท่านที่จองทางโทรศัพท์มือถือครับ)

    ปฐวีธาตุองค์นี้ผมไปเช่าบูชามาเอง ที่วัดธาตุมหาชัย เมื่อนานหลายปีมาแล้ว รับประกันแท้แน่นอน 100%

    ขนาดใหญ่ประมาณเหรียญ 5 ลักษณะรูปร่างตามในรูปภาพ เป็นปฐวีธาตุแบบทึบ พลานุภาพก็เหมือนกับแบบใส ลองอ่านในบทความที่ผมนำมาลง ที่โพสต์ #10

    "คุณอำพลไม่ได้เป็นคนยิง ผู้ยิงเป็นตำรวจแม่นปืน แต่แม่นปืนก็ยังไม่ชัวร์ จึงต้องเอาปืนจ่อปฐวีธาตุในระยะ “เผาขน” ปากกระบอกปืน ห่างจากปฐวีธาตุไม่เกิน 1 นิ้ว เรียกว่าใครดีใครอยู่

    ก่อนจะกดเปรี้ยงลงไป

    ผลคือลูกปืนแฉลบผ่านองค์ธาตุไปได้อย่างน่าประหลาด ซึ่งในระยะจ่อยิงขนาดนั้น อย่าว่าแต่ปฐวีธาตุเลย ให้ยิงเด็ดหนวดยุงตัวผู้ก็คงไม่พลาด เป็นที่ประจักษ์ว่าคงอานุภาพด้านแคล้วคลาดกันภัยได้จริง

    แม้ว่าปฐวีธาตุก้อนนั้นจะเป็นชนิดไม่ต้องตามตำราก็ตาม

    แล้วถ้าถูกต้องตามตำราเล่า
    "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2015
  14. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    ได้ครับ ขอบคุณครับ

    ...

    Update 4 ธันวาคม : ขอยกเลิกสิทธิ์การจองนะครับ เพราะเลยกำหนดแล้วไม่ได้โอนเงิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2015
  15. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    หมดแล้วครับ มีท่านหนึ่งติดต่อมามาทางโทรศัพท์ตั้งแต่ช่วงเที่ยงแล้วครับ ซึ่งผมบอกว่าจะถ่ายรูปให้เขาดู เมื่อถ่ายรูปเสร็จผมก็โพสต์รายการที่ 3 และบอกให้เขาเข้ามาดู ซึ่งเขารับบูชาแล้วครับ และเขารับบูชาอีกองค์หนึ่งที่อยู่ที่ญาติธรรม

    ต้องขออภัยนะครับ
     
  16. นวลลดา

    นวลลดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    446
    ค่าพลัง:
    +687
    พญานาคเกี้ยวมีอีกมั้ยคะถ้ามีจอง1ค่ะ
     
  17. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    “ปฐวีธาตุ” ที่สุดแห่งขลังของ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ ภาค 3

    ตั้งแต่เรื่องราวของปฐวีธาตุในองค์หลวงปู่คำพัน ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้ศรัทธานำไปสักการะบูชากันมากมาย บ้างก็ประสบเหตุน่าพิศวงจนยากจะหาคำตอบ บ้างก็พบกับปรากฏการณ์ที่เรียกศรัทธาความเลื่อมใสในอิทธิคุณของปฐวีธาตุและองค์หลวงปู่คำพันให้ยิ่งขึ้นไปอีก

    และไม่น้อยเช่นกันที่บูชาแล้วยังเงียบขรึมไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นระทึกใจ เคยมีศิษย์คนหนึ่งกล้าออกปากถามหลวงปู่เอาตรง ๆ ว่า บูชาพระหลวงปู่มาตั้งนานแต่ไม่เห็นมีประสบการณ์อะไรเลย ท่านตอบศิษย์อย่างเป็นธรรมโดยแท้ว่า

    “ไม่มีประสบการณ์นั่นแหละคือประสบการณ์”

    [​IMG]

    ฟังแล้วก็ได้คิดว่าเหตุใดครูบาอาจารย์จึงบอกว่าแคล้วคลาดนั้นดีที่สุด ไม่เจ็บตัว และไม่เจ็บใจ เพราะอาศัยความเคารพในพระคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งมีหลวงปู่คำพันเป็นที่สุดนั้นเองเป็นเหตุให้เกิดบุญกุศลขึ้น และพลังของบุญกุศลนี้ก็ผลักดันให้เรื่องไม่ดีหายสิ้น ที่หนักก็เป็นเบา ที่เบาก็หมดไป

    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร เคยบอกว่า การที่เราเลื่อมใสในคุณของพระรัตนตรัยโดยมีการกราบไหว้บูชาหรือระลึกถึงอยู่นั้น อย่าเข้าใจว่าเป็นของเล็กน้อย แต่เป็นบุญอันมหาศาลในทุก ๆ ครั้งที่นึกถึงพุทโธอยู่

    ผมจึงมีความเห็นว่า ใครก็ตามที่ได้ครอบครองแล้วซึ่งปฐวีธาตุ ขอจงได้หมั่นทำการสักการบูชา จงให้ความเคารพบูชาจากใจจริงเถิด เชื่อว่าไม่ช้าท่านก็ได้ประจักษ์ชัดกับคุณานุภาพที่แฝงเร้นอยู่ในปฐวีธาตุอย่างน่าอัศจรรย์

    พลังงานซึ่งไม่มีที่สิ้นสุดและปราศจากขอบเขตของปฐวีธาตุ อันเกิดจากกระบวนการอธิษฐานทางจิตที่ซับซ้อนของหลวงปู่คำพัน ผนวกกับจิตวิญญาณซึ่งประมาณจำนวนไม่ได้ในผู้เป็นเจ้าของเดิมอยู่ก่อน ได้สร้างประสบการณ์ซึ่งยากจะหาคำตอบให้กับผู้มีปฐวีธาตุอยู่ในมือหลายต่อหลายครั้ง จนหลวงปู่คำพันถึงกับออกปากว่า

    “ที่หลวงปู่เป็นที่รู้จักของลูกศิษย์จำนวนมาก ก็เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของปฐวีธาตุ”

    [​IMG]

    จึงไม่น่าแปลกใจที่ท่านเคยปรารภว่า “ปฐวีธาตุเป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่” ผู้ที่ได้จงภูมิใจเถิดเพราะท่านกำลังครอบครองซึ่งของสูงค่าในทุก ๆ ทางอยู่ในมือ ด้วยมงคลวัตถุนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายดาย เมื่อเปรียบกับสิ่งสักการะทั้งหลายในโลกของวัตถุมงคล

    คิดดูแล้วกันว่าแม้แต่หลวงปู่คำพันเอง ท่านก็ยังนำเอาปฐวีธาตุนี้แช่น้ำสะอาดตั้งบูชาไว้ในที่สูง และเมื่อท่านจะทำน้ำมนต์ก็ดี อธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่องของขลังใด ๆ ก็ดี ท่านจะต้องนำปฐวีธาตุมาอธิษฐานประกอบตลอดเวลาทุกครั้งไป

    สำคัญไหมเล่า ?

    ท่านทำประดุจว่าในความเป็นปฐวีธาตุนั้นมี ‘ธาตุรู้’ อะไรบางอย่างสิงสถิตอยู่ ‘ธาตุ’ ที่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง แปลกแยกออกไปจากรูปเหรียญต่าง ๆ ของหลวงปู่ที่เป็นเพียง ‘ภาชนะ’ บรรจุคุณ

    ผมค่อนข้างเชื่อมั่นว่า ปฐวีธาตุต้องมีอะไรที่ลึกลับเกินปุถุชนอย่างผมจะเข้าไปรู้ได้ซุกซ่อนอยู่ภายใน สิ่งซึ่งไม่มีในวัตถุมงคลทั่วไป และสิ่งนี้เองที่ทำให้ปฐวีธาตุเป็นวัตถุมงคลที่ยิ่งกว่าวัตถุมงคล

    เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 คุณเสถียร จิยะพงศ์ พนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ จ.เชียงใหม่ ได้ส่งจดหมายพร้อมหลักฐานไปถึงท่านพระอาจารย์เวทย์ อาจารสัมปันโน ที่เมืองอุบลฯ ผมเห็นว่าเป็นเรื่องแปลกที่พบได้ยากจึงขอนำมาลงให้อ่านโดยทั่วกัน

    -----------------------------------------------------------------------------

    นมัสการท่านพระอาจารย์เวทย์
    เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 ค่อนรุ่งของเช้าวันอาทิตย์ กระผมได้ฝันว่าไปในสถานที่หนึ่ง ได้ก้มลงเก็บปฐวีธาตุใส่ในกระเป๋าเสื้อ แต่สะดุ้งตื่นเสียก่อนด้วยความเสียดายที่เก็บไม่หมด พอมาทำงานเช้าวันจันทร์ที่ 14 ก.ค. เพื่อนร่วมงานคือ นายนาวิน เอื้อพิทักษ์ ซึ่งได้บูชารูปเหมือนของหลวงปู่คำพันองค์ละ 1,500 บาท ได้เล่าให้ฟังว่า เขาได้แกะเอาปฐวีธาตุที่อยู่ใต้รูปเหมือนไปทดลองยิง โดยขอร้องให้รองสวป. สภอ.เมืองเชียงใหม่ คือ ร.ต.อ. วชิระ แพงไทยสง ทำการยิงในระยะ 2 เมตรด้วยปืน .38

    โดยขออนุญาติทางจิตต่อหลวงปู่ว่าจะทำการยิงเพียง 1 นัด เมื่อนำองค์ปฐวีธาตุใส่กล่องกำมะหยี่สีเขียวแล้วตั้ง ทำการยิงพอกระสุนระเบิด ปรากฏว่ากล่องกระเด็นจากที่ตั้ง แต่ไม่ปรากฏรอยกระสุนเลย จึงนำองค์ปฐวีธาตุออกจากกล่องแล้วทำการยิงอีก 2 นัด ผลออกมากระสุนทะลุทั้ง 2 นัดตามที่กระผมได้ส่งมาให้พระอาจารย์ดูพร้อมจดหมายฉบับนี้

    [​IMG]
    [​IMG]

    สิ่งที่บุคคลทั้งสองทำการทดลองยิงนั้น กระผมไม่แปลกใจเท่าไร เพราะอย่างไร ๆกระผมก็เชื่อว่าองค์ปฐวีธาตุมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว แต่มีสิ่งแปลกและมหัศจรรย์เกิดขึ้นก่อนการทดลองนั้นซิครับน่าสนใจจริง ๆ

    ในตอนเช้าขณะที่นายนาวินกำลังแกะองค์ปฐวีธาตุจากรูปเหมือนของหลวงปู่ที่อยู่ใต้ฐาน และได้ฟังเพลงจากเทปจนหมดเพลงสุดท้ายแล้ว ปรากฏมีเสียงผู้ชายพูดขึ้นว่า

    “ช่วยไม่ได้”

    พร้อม ๆ กับองค์ปฐวีธาตุหลุดจากใต้ฐานรูปเหมือนของหลวงปู่ ทำให้นายนาวินตกใจที่มีเสียงพูดเช่นนั้นอยู่ในเทปได้อย่างไร เมื่อกรอเทปนั้นฟังใหม่ ก็หาคำพูดคำดังกล่าวไม่พบเลย ซึ่งเทปม้วนนั้นกระผมก็ได้ทดลองเปิดฟังแล้วครับ แล้วยังมีเหตุการณ์ต่ออีก เมื่อนำองค์ปฐวีธาตุมาส่องดูว่าแสงทะลุผ่านหรือไม่ องค์ปฐวีธาตุเกิดหลุดจากมืออีกหาไม่พบ จึงได้อาราธนาพระคาถาของหลวงปู่บุดดาที่ใช้หาหรือขอของที่หาย จึงได้หาพบครับ

    ด้วยเหตุดังกล่าว คงเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเชื่อ ซึ่งเทพเทวดาที่ดูแลคงไม่ปรารถนาจะให้ทำการทดลองจึงมาบอกเหตุล่วงหน้า แต่ไม่สามรถทัดทานได้ จึงมีคำพูดออกมาจากเทปดังกล่าวข้างต้น กระผมจึงมีความปลื้มใจที่ทำให้เขาได้มีความเคารพและมีศรัทธาด้วยตนเอง

    จึงเรียนมาให้ท่านพระอาจารย์ทราบ
    นายเสถียร จิยะ..

    เป็นอีกหนึ่งในหลายร้อยเรื่องราวปาฏิหาริย์ซึ่งเป็น ‘ปัจจัตตัง’ คือรู้จำเพาะตน ยากที่คนทั่วไปจะรู้ตามหากไม่ได้ประสบกับตนเอง ผมนึกดีใจที่คุณเสถียรและคุณนาวินจะได้บูชาปฐวีธาตุนี้ด้วยศรัทธาจากใจจริง โดยไม่มีความลังเลสงสัยมากางกั้นอีกต่อไป

    ความเห็นของผมที่ว่ามีอะไรบางอย่างแฝงเร้นอยู่ในปฐวีธาตุ นอกเหนือไปจากพลังงานธรรมชาติในตัวของเขาเองและความสามารถทางจิตของหลวงปู่ที่บรรจุอยู่

    บัดนี้มีพยานที่ 1 แล้ว

    ต่อไปจะทำการชี้ตัวพยานที่ 2 ซึ่งได้ให้ปากคำกับท่านพระอาจารย์เวทย์ เป็นจดหมายไว้เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2541 ดังต่อไปนี้

    -----------------------------------------------------------------------------

    กราบนมัสการท่านพระอาจารย์เวทย์ที่เคารพอย่างสูง

    หลวงพี่คงจำผมได้นะครับ ผมนายสมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล ที่เคยได้รับเมตตาจากหลวงพี่ส่งปฐวีธาตุให้ผม หลังจากที่ได้รับปฐวีธาตุจากหลวงพี่ ผมก็นำเรื่องไปเล่าให้พี่ชายภรรยาฟัง พี่ชายภรรยาก็บอกผมว่าเดี๋ยวนี้หลงงมงายถึงขนาดไหว้ก้อนหินแล้วหรือ ผมก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองคือ ชักท้อถอยเพราะถูกตำหนิดูแคลน

    ผมจึงอธิษฐานต่อปฐวีธาตุในบางคืนก่อนนอนบางครั้งผมก็นำมาไว้ในฝ่ามือนั่งสมาธิด้วย ก่อนนอนก็นำไว้ใต้หมอน ทุกครั้งที่หนุนศรีษะนอนผมก็จะฝันถึงเมืองบาดาลบ้าง เมืองอะไรคล้าย ๆโลกอื่นบ้าง ผมจึงนำเรื่องไปเล่าให้ลูกศิษย์ของอาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์ ฟังซึ่งอาจารย์เป็นศิษย์ของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ศิษย์ของอาจารย์ศุภรัตน์บอกว่า ไหน ๆ ก็ไม่แน่ใจในปฐวีธาตุว่าเป็นก้อนหินธรรมดาหรือไม่ ก็อยากจะขอปฐวีธาตุไปป่นเป็นผงผสมในมวลสารที่อาจารย์ศุภรัตน์กำลังสร้างพระเครื่องอยู่พอดี

    ในคืนวันที่ 20 มี.ค. 2541 ผมจึงนำปฐวีธาตุมาอธิษฐานว่า มีคนมาขอท่านไปทำมวลสาร มีคนดูแคลนผมว่านับถือก้อนหิน และที่ฝันเห็นก็ไม่มีอะไรยืนยันความจริง ผมขอตั้งจิตต่อท่านว่า ถ้าคืนนี้ความฝันไม่มีอะไรแน่ชัด ผมจะมอบปฐวีธาตุให้คนอื่นไปทำมวลสารสร้างพระเครื่องแล้วนะ

    คืนนั้นเอง ผมก็เห็นมานพหนุ่ม 2 คน มาปรากฏกายต่อหน้าผม ในความรู้สึกผมรู้ว่าชายทั้งสองคนนั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า

    “อย่ามอบปฐวีธาตุให้คนอื่นไป แต่จงหาพระธาตุมาบูชาคู่กันกับปฐวีธาตุเป็นระยะเวลาหนึ่ง พออายุมากกว่านี้จะถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่แต่ไม่ใช่ขณะนี้ และความเคลือบแคลงสงสัย หรือการถูกผู้อื่นดูถูกดูแคลนนั้น ขอให้หายสงสัยได้เลย เพราะปฐวีธาตุนี้เป็นสิ่งที่เราเหล่ามานพและคนธรรพ์ใช้เป็นสื่อติดต่อกับมนุษย์ได้ และเพื่อยืนยันว่าเป็นความจริง เราจะบอกเลข 3 ตัวให้และเลข 3 ตัวนี้จะออกในวันที่ 1 เมษายน ไม่ต้องตีความ ไม่ต้องกลับ ไม่ต้องเผื่ออะไรทั้งสิ้น”

    พอชายหนุ่มท่านนั้นพูดมาถึงตรงนี้ ผมจึงถามว่า

    “ท่านมาจากที่ใด”

    ชายคนนั้นตอบว่า

    “เรามาจากบ้านเลขที่ 5 ทับ 6 หมู่ 3”

    ผู้ชายที่มาด้วยกันอีกคนหนึ่งกล่าวว่า

    “อ้าว! ท่านไม่ใช่มาจากบ้านเลขที่ 5 ทับ 6 หมู่ 1 ดอกหรือ”

    ชายคนแรกพูดว่า

    “บอกแล้วว่า เรามาจากบ้านเลขที่ 5 ทับ 6 หมู่ 3 แล้วอย่าลืมว่านี่คือข้อพิสูจน์ ไม่ต้องกลับ ไม่ต้องเผื่อใด ๆ ทั้งสิ้น”

    พอถึงตรงนี้ผมก็ตกใจตื่นและจำเรื่องราวได้อย่างแม่นยำ ผมพยายามหาตามแผงขายล็อตเตอรี่ก็ไม่มีเบอร์ 563 และงวดวันที่ 1 เมษายน 2541 เลขท้าย 3 ตัว ชุดหนึ่งออก 563 ตรงเผงเลย

    นี่คือข้อพิสูจน์ถึงปฐวีธาตุว่าไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา เพราะทุกครั้งที่เอามาหนุนใต้หมอนนอน ก็มักจะฝันถึงโลกอื่นซึ่งไม่ใช่โลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายสองคนนั้นมายืนยันว่าจะให้เบอร์ตรงเผงเป็นข้อพิสูจน์ก็เป็นจริง

    ผมจึงเขียนมาเล่าให้หลวงพี่ฟัง และหากหลวงพี่จะเมตตาผมอีก ผมขอพระธาตุเพื่อนำมาบูชาคู่กับปฐวีธาตุให้เหมือนในฝันซึ่งผมเชื่อว่าเป็นความจริง

    หวังในเมตตาธรรมของหลวงพี่ในการตอบจดหมายและในการส่งพระธาตุให้ผมบูชาคู่กับปฐวีธาตุด้วย และผมจะพร้อมยืนยันความเป็นจริงในเรื่องนี้

    ขอนมัสการลาหลวงพี่มา ณ ที่นี้ด้วยความรอคอย

    สมบูรณ์ ติยะ...

    -----------------------------------------------------------------------------

    จดหมายทั้งสองฉบับนี้คือบุคคลที่มีปฐวีธาตุของแท้จากแม่น้ำโขงอยู่ในครอบครอง ควรแล้วที่จะได้พบเหตุการณ์ซึ่งเกี่ยวโยงไปถึงจิตวิญญาณอันนอกเหนือไปจาก คงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด และเมตตา ซึ่งเป็นประสบการณ์ธรรมดา ที่หาได้ทั่วไปในหมู่ผู้นิยมของขลัง

    เพราะประสบการณ์ดังว่านั้นไม่เกี่ยวกับบุคคลที่ 3 เลย

    เป็นเรื่องระหว่างผู้เสกกับผู้แขวนล้วน ๆ แต่ปรากฏการณ์อันเนื่องมาจากปฐวีธาตุ กลับมีใครบางคนหรืออะไรบางอย่างคอยเฝ้าดูเราอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเราไม่อาจมองเห็นหรือสัมผัสได้ ทว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน ‘ผู้ดูแล’ อยู่นั้นก็ก้าวออกจากเงามืดมาช่วยเหลือเราได้ทันท่วงที

    นี่คือความอัศจรรย์ที่ไม่อาจหาได้ในวัตถุมงคลทั่วไป

    แต่คำว่า ‘โชคดี’ คงไม่อาจใช้ได้กับผู้มีปฐวีธาตุอยู่ในมือ หากเพิ่มคำว่า ‘ด้วยบุญบารมีเก่า’ ก็น่าจะสมควรอย่างหาคำแย้งได้ยาก

    สำหรับการบูชาสักการะปฐวีธาตุ ถ้าท่านไม่ได้นำติดตัวไปไหนมาไหน หลวงปู่สั่งว่าให้นำปฐวีธาตุแช่ลงในน้ำสะอาด ซึ่งภาชนะนั้นต้องเป็นของสะอาดด้วย จากนั้นก็ให้ตั้งบูชาไว้ในที่สูง จะเป็นหัวนอนที่น้ำไม่หก หรือบนโต๊ะหมู่บูชาก็ได้ทั้งนั้น

    ถ้าจะให้ดีภาชนะที่ใส่ปฐวีธาตุควรมีฝาปิด เพื่อจะได้นำน้ำสะอาดนั้นมาดื่มกินเพราะเป็นน้ำมนต์ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งยวด จะใช้พรมบ้านเรือนให้เกิดสิริมงคล หรือพรมร้านค้า-สินค้า ให้ซื้อง่ายขายคล่องก็วิเศษ

    จะเอาน้ำมนต์ใส่โอ่ง ใส่ถังผสมกับน้ำเปล่าล้างหน้าและอาบน้ำทุกเช้าก็เยี่ยม เพราะนั่นจะเป็นมงคลแก่เราได้ตลอดวัน สุดแท้แต่จะอธิษฐานเอาในทางใด

    ในวันพระหลวงปู่ให้เอาน้ำอบ-น้ำหอม และดอกมะลิมาใส่ถวายบูชา ซึ่งคาถาบูชานอกจากจะสวดสรรเสริญคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วก็ให้ว่าคาถาดังนี้

    “ทิตะทิรา มันทะโล กะสิลา กะละลาสติ โสจะถิโห คะนะตะเน” 3 จบเป็นอย่างน้อย จากนั้นก็ตั้งจิตระลึกถึงปู่คำพัน โฆษปัญโญ หมู่เทพยดา และพญานาคที่รักษาปฐวีธาตุอยู่ แล้วอธิษฐานเอาในสิ่งที่ปรารถนาด้วยจิตที่มุ่งมั่นต่อพระรัตนตรัยและเดชานุภาพของปฐวีธาตุจักบันดาลให้เกิดความสำเร็จได้ไม่ช้าก็เร็ว

    ขอให้ทำจริงเถิด

    นั่นเป็นพิธีการของผู้มีปฐวีธาตุอยู่แล้ว แต่คนไม่มีจะทำอย่างไร ? คงจำกันได้ที่ผมบอกไว้ในศักดิ์สิทธิ์ ฉบับที่ 363 ว่ามีปฐวีธาตุจำนวน 500 องค์ ถูกแบ่งออกถวายท่านผู้ทรงคุณธรรมสูงท่านหนึ่ง แต่ผมไม่ได้บอกว่าใคร ที่ไม่บอกเพราะกลัวคนจะไปรุมท่านเอาจนอาพาธ แต่ตอนนี้บอกได้

    หลวงปู่คำพันนั่นแล

    ที่บอกได้ เพราะปฐวีธาตุจำนวน 300 องค์ถูกแบ่งออกจากหัวนอนหลวงปู่หลังจากผ่านการอธิษฐานซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึง 7 เดือนเศษ มาสู่มือท่านอาจารย์เวทย์เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2541 นี้

    โดยเหตุผลที่ว่า คราวหนึ่งหลวงปู่ไปเยี่ยมท่านพระอาจารย์เวทย์ที่วัดแก่งตอย เมืองอุบลฯ และท่านได้เดินสำรวจบริเวณวัด เมื่อเห็นที่ดินของวัดซึ่งติดกับแม่น้ำเซบก ท่านก็บอกกับพระอาจารย์เวทย์ว่า ให้ทำกำแพงและซุ้มประตูวัดเสียเพื่อแยกอาณาเขตวัดกับของชาวบ้านให้ชัดเจน จะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง

    แต่ท่านอาจารย์เรียนว่า มีปัจจัยไม่พอ หลวงปู่จึงเงียบไป และในปลายเดือนมีนาคม เมื่อท่านอาจารย์ขึ้นไปเยี่ยมหลวงปู่ที่วัดธาตุมหาชัย หลวงปู่ก็ได้มอบปฐวีธาตุคืนมาให้ 300 องค์ และบอกให้นำออกบูชาเพื่อเอาปัจจัยมาทำประตูโขงต่อกำแพง ซึ่งต้องใช้เงินราว 350,000 บาท

    จำเป็นหรือที่ต้องทำ?

    ตอบได้ว่าจำเป็นมาก เพราะถ้าไม่มีกำแพงและประตูวัด ชาวบ้านอาจเข้าไปยิงนกตกปลา ล่าสัตว์ในวัด หนักไปกว่านั้นก็อาจรุกที่วัดได้ ทั้งนี้จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม

    บาปมหันต์ทั้งสิ้น

    การทำประตูและกำแพงจึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดยิ่งกว่าการแก้ไข ผมจึงถือโอกาสบอกบุญมายังท่านทั้งหลาย ใครที่ต้องการบูชาปฐวีธาตุชนิดถูกต้องตามตำราทุกประการ ขอให้เร่งขวนขวายคว้าเอาไว้ให้ด็ซึ่งของดีและบุญกุศลแบบนี้ทำบุญเท่าเดิมครับ องค์ละ 1,000 บาท

    ถ้าท่านมีปัจจัยพอเพียงก็ให้รีบเถิด เพราะขณะนี้หลวงปู่คงไม่ไหวที่จะเสกปฐวีธาตุต่อไปแล้ว และท่านอาจารย์เวทย์ก็คงไม่ไหวที่จะออกหาเช่นกัน

    ผมนึกถึงคำพูดที่หลวงปู่กล่าวในปี พ.ศ. 2538 ว่า

    “ปฐวีธาตุมีพลังครอบจักรวาล เมื่อใดเกิดปัญหาก็ให้อธิษฐานขอให้ช่วยได้”

    คิดถึงตรงนี้ทีไร อบอุ่นใจเหมือนมีท่านอยู่ข้าง ๆทุกที


    หมายเหตุ บทความนี้ได้ตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 1 ตุลาคม และ 16 ตุลาคม 2541


    เครดิต : “ปฐวีธาตุ” ที่สุดแห่งขลังของ หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ ภาค 3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2015
  18. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    หมดแล้วครับ ต้องขออภัยนะครับ
     
  19. Muang99

    Muang99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4,251
    กระทู้เรื่องเด่น:
    6
    ค่าพลัง:
    +6,517
    รอประมาณ 5 วันนะครับ ถ้ามีหลุดจอง ผมจะแจ้งให้ทราบครับ
     
  20. holy-amulet

    holy-amulet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2009
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +425
    ถ้าพอมีหรือหาได้อีกสักองค์ ช่วยบอกผมด้วยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...