พบลาวเก่งวิชาไสยศาสตร์

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย gatsby_ut, 20 กรกฎาคม 2010.

  1. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    [​IMG]

    <O:p
    อันนี้อยากจะเล่า เมื่อเล่าถึงตอนนี้แล้วนะ จริงๆ ตอนนี้มันก็เป็นตอนหลัง เล่าถึงอานุภาพของความเป็นหมอรักษาสิ่งที่ไม่น่าจะปรากฏขึ้นมาได้ ก็อยากจะเล่าเรื่องนี้ สืบไปเสียเลยทีเดียวคือว่า ต่อมาไม่ช้าปรากฏว่าหมอคนที่ทำเด็กคนนั้น เขามีความโกรธหลวงพ่อปาน เขาถือว่าเขาไม่ได้ค่าจ้าง เพราะการกระทำ เมื่อเด็กคนนี้ไม่ตาย เขาก็ไม่ได้ค่าจ้างรางวัล เมื่อเขาเห็นว่าหลวงพ่อปานเป็นคนแก้โรคอย่างนี้หาย เขาก็จะจัดการกับหลวงพ่อปานเสียเอง
    <O:p
    วันหนึ่งเวลาเย็น ปรากฏว่ามีลาวคนหนึ่งเดินมาทางหลังวัด เข้ามาอาศัยนอนอยู่ในป่าช้า คือมันมีกระท่อมเล็กๆ อยู่หลังหนึ่งที่คนตายชื่อว่า ตาสุด เวลาตายแล้วเขาปลูกกระท่อมหลังนั้น เป็นที่เก็บศพ แต่ว่าขณะนั้นศพเผาไปแล้ว แต่ว่ากระท่อมเขาไม่ได้รื้อ เป็นที่อาศัยของพระเจริญสมณธรรม
    <O:p
    พระที่เจริญกรรมฐานไปอยู่ที่นั่น เวลากลางวันกลางคืนตามแต่อัธยาศัย ลาวก็มา นอนอยู่ในที่นั้น จ้างเด็กตักนํ้าไปให้ ถังละ ๑ สตางค์ เมื่อลาวมาพักอยู่ในตอนเย็น เมื่อถึงเวลาตีสอง หลวงพ่อปานลุกขึ้นเรียกฉัน ฉันนอนอยู่ใกล้ๆ บอกให้ไปตามพระมาให้หมด ถึงตีสองแล้ว
    <O:p
    ฉันก็ไปตามพระมา ไม่รู้ท่านประสงค์อะไรก็บอกว่า เมื่อพระมาครบถ้วนแล้ว ท่านก็บอกว่า ดูอะไรนี่ ฉันมองเห็นตะขาบตัวเท่าแขนฉัน ขดกลมอยู่หน้าเตียงของท่าน ก็ถามว่าอะไรครับหลวงพ่อ ท่านบอกนี่แหละ "คุณคน" <O:p
    ถามว่า ตะขาบเป็นคุณคนได้หรือครับ ตะขาบทำไมตัวโต ท่านบอกเป็นตะขาบวิชา ไอ้ลาวคนนั้นมันทำฉัน มันจะฆ่าฉัน<O:p
    พอท่านบอกเท่านั้น พระหนุ่มๆ ก็ทำท่าฮึดฮัด จะไปเล่นงานลาว ท่านบอกไม่ต้อง กรรมของเขาให้เขารับไป อย่าไปทำเขา ถ้าทำแล้วมันบาป
    <O:p
    ท่านบอกว่า ตะขาบตัวนี้เขาเสกมาให้กัดฉัน ถ้ามันกัดฉันได้ละก็ฉันตาย แก้ไม่ทันหรอกมั้ง พวกแกนี่แก้ไม่ได้ ไม่มีใครมีความรู้ แก้ก็ไม่ทัน แต่ว่าบังเอิญฉันตื่นขึ้นมาก่อน เห็น ตะขาบมันวิ่งมาด้วยความไว ฉันก็เลยใช้หวายขีดเส้นสะกัด มันก็หยุดอยู่แค่เส้นที่ฉันขีด แล้วฉันก็เอาหวาย วนๆ มันก็ขดไปตามหวายที่ฉันวง

    [​IMG]

    <O:p
    ท่านบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ของ ๆ ใครก็ให้เขานะ เราไม่รับ เราไม่ได้ทำมานี่ แต่เมื่อเขาทำมาเราก็คืนให้เขา มันจะเป็นอะไรก็เป็นเรื่องของเขา เราไม่ได้ตั้งใจให้เขาตาย ท่านก็เอาหวายขีด วงย้อนกลับ คือคลายตัว ตะขาบก็คลายไปตามเส้นที่ท่านขีด เมื่อตะขาบตั้งตัวตรง คือคลายเป็นตัวตรงแล้ว ท่านก็เอาหวายเคาะกระดานข้างหลัง ตรง ๆ แต่ห่าง ๆ ตะขาบ ๓ ครั้ง ตะขาบก็หายปั๊บไปทันตา ในพริบตาเดียว ไม่รู้ว่าตะขาบไปอย่างไร ทั้ง ๆ กุฏิก็มีข้างฝา ปิดหน้าต่างประตูหมด แต่ตะขาบหายออกไปอย่างไร ไม่มีใครรู้
    <O:p
    เมื่อตะขาบหายไปแล้ว ท่านก็สั่งว่ารีบไป ถามว่ารีบไปไหนครับ ท่านบอก พวกเธอรีบไปที่ลาวนั่น หามมันมาหาฉัน ประเดี๋ยวมันจะตายเสีย มันจะแก้ไม่ทัน ของๆ มันเล่นงานมันเสียแล้ว พระทั้งวัดก็เฮโลไปที่ลาว ที่ไหนได้เจ้าลาวคนนั้น นอนร้องครวญครางฮือฮา บวมทั้งตัว พวกเราก็รีบหามมาหาท่าน ท่านก็ปล่อยให้ยังบวมอยู่อย่างนั้น ยังปวดอยู่อย่างนั้น แล้วท่านก็สอบสวนว่า ตะขาบเธอทำมาใช่ไหม ทีแรกเขาไม่รับ ท่านบอก ถ้าไม่รับก็ตายเสียเถอะ เป็นของของเธอ ไม่ใช่ของของฉัน ไอ้เจ้าลาวคนนั้นทนไม่ไหวก็บอกรับ รับว่าทำ
    <O:p
    ถามว่า ทำทำไม<O:p
    บอก จะฆ่าท่าน <O:p</O:p
    ถามว่า จะฆ่าฉันทำไม<O:p
    บอก จะฆ่าให้ตาย เพราะว่าทำมาทีไรก็แก้ได้ทุกที
    <O:p
    ผลที่สุดท่านก็บอกว่า ถ้าหากเธอไม่ฆ่าฉัน ฉันจะไม่ตายเหรอ ฉันก็ต้องตายเหมือนกัน เธอจะฆ่าฉันให้มันบาปทำไม ในที่สุดลาวก็ขอให้ท่านแก้ ให้ท่านรักษาให้หาย ท่านก็บอกรักษาให้หายได้ แต่เธอต้องให้สัญญาก่อนว่า
    <O:p
    ๑. หายแล้ว เธอจะบวช<O:p
    ๒. เมื่อบวชแล้ว เธอจะละวิชาความรู้นี้ทั้งหมด ไม่ทำต่อไป
    <O:p
    ถ้าเธอให้สัญญากับฉัน ฉันจะรักษา ถ้าเธอไม่ให้สัญญากับฉัน ฉันจะไม่รักษา เจ้าลาวคนนั้นดื้อแพ่งอยู่พักหนึ่ง แต่ในที่สุด ก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว ก็ยอมรับ เมื่อยอมรับท่านก็นำนํ้ามาขันหนึ่งมาทำเป็นนํ้ามนต์ เอามาพรมๆ แล้วให้ลาวคนนั้นดื่ม พอดื่มเข้าไปประเดี๋ยวเขาก็หาย ชักจะหายปวด บรรเทาปวดลงไป แล้วก็บอกว่า ชักจะปวดอุจจาระ
    <O:p
    ท่านก็บอกว่า ให้ไปถ่ายอุจจาระที่กลางนอกชาน ให้ถ่ายร่องให้มันค้างดินอยู่ เราก็ไม่เข้าใจถามว่า หลวงพ่อทำไมทำอย่างนั้นละครับ มันสกปรก ท่านบอก ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวเธอจะเห็นของดี ไอ้ของที่ออกมาไม่ใช่อุจจาระ เป็นไอ้ตะขาบตัวเมื่อกี้
    <O:p
    ผลที่สุดก็เป็นความจริง เมื่อเขาถ่ายอุจจาระมาแล้ว ท่านก็บอกให้เอาไฟไปส่องดู ก็ปรากฏว่าเป็นโซ่เส้นเล็กๆ ผูกลวดหนามไว้เต็ม เอาลวดหนามพันเข้าไว้ นี่ตะขาบเขาทำด้วยโซ่พันไปด้วยลวดหนาม ในเมื่อเข้าไปในตัวแล้วมันก็บาดลำไส้ พุง อวัยวะต่างๆ ท่านบอกว่า ของอย่างนี้เมื่อเข้าไปอยู่ในตัวแล้ว มันจะทำอันตรายเต็มที่ เพราะเขาทำเต็มที่ ถ้ามันขยายตัวเต็มที่เมื่อไหร่ อวัยวะภายในก็จะขาด เพราะมันทนต่อความถ่วงของเหล็ก หรือว่าทนต่อลวดหนามไม่ไหว

    [​IMG]


    <O:p
    ก็เป็นอันว่าลาวคนนั้นก็ยอมรับ ก็บวช เมื่อหายดีเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ไปนิมนต์ พระครูรัตนาภิรมย์ มาเป็นอุปัชฌาย์ บวชให้ และลาวคนนั้น ก็เลิกจากการปฏิบัติอย่างนั้น เพราะอาศัยที่เขาฝึกอย่างนั้นมีสมาธิสูงอยู่แล้ว เมื่อเวลาเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา หลวงพ่อปานก็สอนให้เจริญพระกรรมฐาน รู้สึกว่าเขาทำได้ดีมาก ทำได้รวดเร็วมาก จนกระทั่งได้อภิญญา พรรษาเดียวนะเขาได้อภิญญา ๕ แต่ยังเป็นฌานโลกีย์ ทำอะไรต่ออะไรได้หมดทุกอย่าง เมื่อเขาทำได้แล้ว ฉันเองก็เข้าไปถามเขาว่า เสียดายความรู้เดิมไหม
    <O:p
    เขาบอก ไม่เสียดาย แต่ว่าเสียดายเวลา เวลาที่ไปฝึกฝนความรู้เดิม ที่มันเป็นทางของบาป และ อกุศล ทำตนให้ตกไปในอบายภูมิ ถ้ารู้ว่าวิชาอย่างนี้มีเขาศึกษาเสียนานแล้ว แล้วเขาก็ได้อภิญญานานแล้ว เมื่อออกพรรษา เขาก็ขอลากลับ เพราะบ้านเขาอยู่จังหวัดอุบลราชธานี
    <O:p
    เขาบอกว่าเขาจะไปสอนลูกศิษย์ลูกหาเขาปฏิบัติตามนี้บ้าง และก็เพื่อนของเขาอีกหลายคน ที่ยังใช้วิชาความรู้เดิม รับจ้างทำคนให้ตาย รับจ้างทำคนให้ป่วยไข้ไม่สบาย เขาจะไปโปรดพวกนั้น ให้เลิกละจากกรรมประเภทนั้น ให้กลับมาประพฤติปฏิบัติในสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน
    <O:p
    ก่อนที่เขาจะไป หลวงพ่อปานได้เรียกมาฝึกวิปัสสนาญาณ ๓ เดือน เมื่อท่านพอใจแล้วท่านก็ส่งไป ก็ปรากฏว่าพระองค์นั้นเป็นพระอภิญญา และมีวิปัสสนาญาณพอสมควร เมื่อไปจังหวัด อุบลราชธานี ก็ได้ไปสอนลูกศิษย์ลูกหา
    ให้ได้อภิญญาสมาบัติกันมากมาย
    <O:p
    เมื่อถึงเวลาที่ หลวงพ่อปานไหว้ครู วันเสาร์ ๕ เดือนไหนก็ตามถ้าข้างขึ้น ๕ คํ่า ตรงกับวันเสาร์ หรือวันเสาร์ ๕ หลวงพ่อปาน ท่านต้องไหว้ครูท่าน เขาก็พาลูกศิษย์ลูกหาของเขา สมัยนั้น ไอ้รถเรือมันก็ไม่ค่อยจะมี ต้องเดินกันมา ในระยะทางไกล จนกว่าจะถึงทางรถไฟรถยนต์

    [​IMG]

    <O:p
    รถยนต์ก็หายาก ก็มีรถไฟเป็นส่วนมาก ต้องใช้เวลาตั้งเดือน ถึงจะมาถึงสำนักของอาจารย์ได้ เขาก็อุตส่าห์มากัน มากันในวันไหว้ครู รู้สึกมากันคราวละมาก ๆ ลูกศิษย์ของเขามีกี่คน เขาต้องพามาจนหมด เรียกว่าทุกคนต้องเก็บหอมรอมริบไว้ เพื่อวันเสาร์ ๕ เมื่อถึงวันเสาร์ ๕ ก็ต้องไหว้ครู ตามที่ครูบาอาจารย์กำหนดไว้ นี่รู้สึกว่าเคร่งครัดมาก
    <O:p
    เป็นอันว่า วิชาหมอของท่าน ที่ท่านเรียนมานี่ เป็นประโยชน์มาก นอกจากจะรักษาคนไข้ให้หายแล้ว ยังได้ลูกศิษย์ลูกหาที่ดี ๆ สำเร็จอภิญญาสมาบัติก็มาก และเป็นนายช่าง เป็นอะไรต่ออะไรก็มี.. สวัสดี...


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1024088/[/MUSIC]​

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กรกฎาคม 2010
  2. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]
    อภิวาท วันทา
    อนุโมทนา สาธุ...สาธุ...สาธุ...
    อนุโมทามิ
     
  3. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +5,066
    อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณไสยนี่น่ากลัวจริงๆ โชคดีที่เดี๋ยวนี้ไม่มีคนเก่งเหมือนสมัยก่อน
     
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p

    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
  5. pinya

    pinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +842
    อนุโมทนาคะ...ตะขาบน่ากลัวอะ...ขนพองสยองเกล้า...มะไหว...อึ๋ยๆๆๆ
    ไสยศาสตร์น่ากลัวจังคะ...ผลสุดท้ายใครทำคนนั้นก็รับไป
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    [​IMG]

    ไสยศาสตร์เป็นศาสตร์ดำ
    ไม่ทราบว่ายุคสมัยปัจจุบัน ยังมีอยู่มากน้อยเพียงใดนะคะ
     
  7. วิบากจิต

    วิบากจิต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +90
    อยากรู้ว่าคนลาวคนที่ว่านั้น ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ถ้ายังบวชเป็นพระอยู่ ไม่ทราบว่าอยู่อำเภอไหนของจังหวัดอุบลราชธานีครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...