พบวัดพิลึก ห้ามไหว้พุทธรูป

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 26 กรกฎาคม 2008.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ภายหลัง นสพ.ไทยรัฐ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ไปทำบุญที่วัดสามแยก บ้านห้วยยางทอง ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ว่า ทางวัดห้ามชาวบ้านกราบไหว้ พระพุทธรูปแถมยังติดป้ายข้อความไว้หน้าองค์พระอย่างไม่เหมาะสม กลายเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านทั้งในและพื้นที่ใกล้เคียง จ.เพชรบูรณ์

    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ภายหลัง นสพ.ไทยรัฐ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ไปทำบุญที่วัดสามแยก บ้านห้วยยางทอง ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ว่า ทางวัดห้ามชาวบ้านกราบไหว้ พระพุทธรูปแถมยังติดป้ายข้อความไว้หน้าองค์พระอย่างไม่เหมาะสม กลายเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านทั้งในและพื้นที่ใกล้เคียง จ.เพชรบูรณ์


    ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบเป็นวัดอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ประมาณ 150 กม. ทางเข้าวัดเป็นลูกรังขรุขระ ระยะทางกว่า 13 กม. ด้านหน้าวัดมีป้ายขนาดใหญ่เขียนแจ้งให้ผู้ที่เข้ามาภายในเขตวัดอ่านและปฏิบัติตามกฎของวัดอย่างเคร่งครัดหลายสิบข้อ ก่อนเข้าวัดมีเหล็กกั้นขวางทางเข้า-ออก ลักษณะเป็นเหล็กแป๊บยาวที่ใช้กั้นทางเข้าเขตหวงห้ามทั่วไป ภายในวัดมีโรงธารขนาดใหญ่ ศาลาการเปรียญสองชั้น 1 หลัง ในศาลามีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้จับภาพผู้ที่เข้ามาภายในวัด บริเวณด้านหลังวัดมีกุฏิพระหลังเล็กๆอยู่ล้อมรอบหลายหลัง แต่ไม่มีโบสถ์วิหารเหมือนวัดทั่วไป รวมทั้งห้ามถ่ายภาพนิ่งภายในเขตวัดและบริเวณสงฆ์

    ส่วนหน้าศาลาการเปรียญมีป้ายข้อความเขียนอย่างเด่นชัดว่า “ตามที่ข้าฯสอนคำพุทธองค์ยังพึ่งมนต์ การปลุกเสกเครื่องรางฯ รูปเคารพ ถ้าอยากฟัง สิ่งที่ข้าฯพูดให้ได้ประโยชน์ ควรนำสิ่งเหล่านั้นออกให้พ้นจากความคิด แล้วมาฟังถามปัญหากับข้าฯ ใครทำไม่ได้อย่ามา เสียเวลาเหนื่อยเปล่าๆ ทั้งคนพูดและคนฟัง ขอยืนยันคำพุทธแท้ท่านไม่ให้พึ่งสิ่งเหล่านั้น ใครพึ่งถือว่าเป็นชาวพุทธสกปรก” ลงชื่อ พระเกษม อาจิณณสีโล


    อีกป้ายมีข้อความว่า “เมื่อข้าฯเทศน์ให้ผู้พึ่งมนต์ เครื่องรางของขลังฟัง ข้าฯเหนื่อย หงุดหงิด ไม่สบายใจ รู้สึกไม่ดี เมื่อไม่พึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแท้จริง ไม่ต้องมาฟังข้าฯเทศน์ ข้าฯเหนื่อยโดยเปล่าประโยชน์ เพราะผู้มีเครื่องรางของขลัง ของอย่างนี้ฟังไม่เข้าใจ” นอกจากนี้ ในศาลาการเปรียญยังมีข้อความคำสอนที่อ้างอิงจากพระไตรปิฎกติดไว้ตามเสาศาลาการเปรียญจำนวนมาก และพบพระพุทธรูปทองเหลืองคล้ายพระพุทธชินราช สูงประมาณ 150 ซม. หน้าตักกว้าง 90 ซม.ตั้งอยู่บนแท่นมีป้ายข้อความ 2 แผ่นวางไว้หน้าองค์พระ ป้ายแรกวางระบุว่า “ห้ามนำดอกไม้และเครื่องบูชามาวางไว้บริเวณนี้” ส่วนอีกป้ายวางไว้ตรงฐานพระเขียนว่า “ทองเหลืองหล่อนี้ ไม่ใช่พุทธเจ้าแน่ ไม่ต้องกราบมัน”


    สอบถามทราบว่า เจ้าอาวาสวัดนี้ชื่อ พระเกษม อาจิณณสีโล อายุ 48 ปี ถึงเหตุผลที่ต้องปิดป้ายห้ามกราบไหว้พระพุทธรูปจนกลายเป็นเรื่องฮือฮาในหมู่ชาวพุทธ ได้รับการชี้แจงว่า หากใครไม่ยินดีที่จะรับฟังคำสอนก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางมา เพราะวัดนี้ได้ยึดตามแนวพระไตรปิฎกทั้งสิ้น โดยไม่ยึดถือตำราใดๆ และการมีวัตถุมงคลนั้นถือเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงแก่นของพระพุทธศาสนา หากผู้ใดไม่นำสิ่งของวัตถุมงคลทั้งพระพุทธรูป ตะกรุด พระห้อยคอต่างๆออกจากตัวและบ้านพักเคหสถาน แล้วก็ไม่ต้องเข้ามาที่วัดแห่งนี้ เพราะที่วัดสอนอย่างมีหลักการและเหตุผลสำหรับคนที่เปิดประตูรับเท่านั้น และจะต้องไม่ติดยึดกับวัตถุมงคลเพราะเป็นพุทธพาณิชย์


    พระเกษมยังกล่าวอีกด้วยว่า การสอนธรรมะก็เช่นกัน ในพระไตรปิฎกได้บัญญัติไว้ว่าให้สอนธรรมะด้วยภาษาท้องถิ่น การสวดเป็นภาษาบาลีให้คนไทยฟังโดยไม่มีความเข้าใจในความหมายนั้นจะไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก่อนหน้านั้นผู้ที่มีความรู้หรือการศึกษาระดับสูงเคยเข้ามาที่วัดครั้งแรกก็ไม่เข้าใจในแนวทางนี้ แต่เมื่อได้รับหนังสือของวัดไปศึกษาก็บังเกิดความเข้าใจและกลับไปนำพระพุทธรูปออกจากบ้าน นำพระเครื่องออกจากคอและหันกลับมาศึกษาในพระไตรปิฎกซึ่งเป็นแก่นแท้ของพุทธศาสนาอย่างแท้จริง “อาตมาไม่ได้มุ่งหวังจะให้ทุกคนต้องเข้ามาตามแนวทางนี้ หากมา 10 คนสามารถเข้าถึง 1 คน หรือหากมา 100 เข้าถึง 5 คน ก็ไม่เป็นไร ได้เท่าไรก็เท่านั้นเพราะขึ้นอยู่กับการเปิดรับของแต่ละบุคคล แม้มีเพียง 5 คนที่เข้าใจก็จะสอนให้ เท่านั้น” พระเกษมกล่าว


    จากการสอบถามลูกศิษย์คนหนึ่งของพระเกษม กล่าวว่า คำสอนของพระเกษมไม่ให้ติดยึดกับเครื่องรางของขลัง ก่อนหน้านั้นที่บ้านของตนมีพระพุทธรูปและพระเครื่องที่ได้มาจากบรรพบุรุษ แต่พอได้ฟังธรรมจากพระเกษมที่สอนว่าในพระไตรปิฎก ไม่ได้กล่าวถึงการสร้างวัตถุมงคล หรือพระพุทธรูป ถือเป็นสิ่งงมงายกับวัตถุที่อุปโลกน์กันขึ้นมา แถมยังทำให้จิตใจผูกติดอยู่กับสิ่งนั้น ไม่เข้าใจถึงแก่นของพระธรรม คำสอนของพุทธเจ้าได้ พระอาจารย์สอนว่า ที่ผ่านมาเราเชื่อและกราบไหว้พระพุทธรูป ก่อนตายให้นึกถึงคุณพระเอาไว้ ทำให้จิตของคนที่กำลังจะตายติดอยู่ในพระพุทธรูปองค์แล้วเราก็นำมา กราบไหว้โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังไหว้วิญญาณของคนที่ตายไป ที่ถูกควรระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ใช่มายึดถือกราบไหว้พระพุทธรูป


    ลูกศิษย์พระเกษมกล่าวอีกว่า วัดสามแยกเคยได้รับบริจาคพระพุทธรูป วัตถุมงคลจำนวนมาก หลังรับมาแล้ว พระอาจารย์จะขุดหลุมนำพระพุทธรูปและวัตถุมงคลต่างๆวางในหลุมแล้วราดด้วยน้ำกรดผสมเกลือเพื่อให้ผุพังและฝังกลบทิ้งทันที เหลือแต่พระพุทธรูปทองเหลืองเพียงองค์เดียวที่ทางวัดเก็บไว้ให้เป็นการเตือนสติ ไม่ให้ยึดถือโดยเขียนป้ายห้ามกราบไหว้ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งคำสอนไม่ให้ติดยึดกับวัตถุมงคลอาจจะแตกต่างจากวิถีชีวิตของพุทธศาสนิกชนทั่วไป แต่ที่จริงแล้วก็เหมือนกัน เพราะดำเนินการไปตามแนวทางของพระไตรปิฎกอย่างเคร่งครัด


    ด้านนายอินทภร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักพระพุทธศาสนา จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนมาหลายเดือน ได้ส่งเรื่องถึงพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ฝ่ายธรรมยุตไปแล้ว เพื่อดำเนินการไปตามขั้นตอนของสงฆ์ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงที่พักสงฆ์ไม่ใช่วัด ส่วนการห้ามกราบไหว้พระพุทธรูปนั้นอาจไม่เหมาะสม


    ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามพระวิสุทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ฝ่ายธรรมยุตถึงเรื่องเดียวกันได้รับการเปิดเผยว่า เรื่องร้องเรียนพระเกษมที่ได้รับมาครั้งแรกเป็นเรื่องห้ามชาวบ้านแขวนพระเครื่อง และได้ให้เจ้าคณะอำเภอไปว่ากล่าวตักเตือนแล้ว ส่วนเรื่องห้ามกราบไหว้พระพุทธรูป หรือทำลายพระพุทธรูปนั้นยังไม่ทราบเรื่อง ต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน “พระเกษมเป็นคนที่เถรตรงเกินไป เรื่องบางเรื่องไม่เหมาะสมก็ทำ อย่างเรื่องการโอนบุญให้เชื้อโรคก็ไม่เคยมีในศาสนาพุทธ แต่กลับทำกัน เรื่องนี้ต้องขอตรวจสอบก่อน” เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์กล่าว


    http://thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=98311
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pic_5.jpg
      pic_5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.6 KB
      เปิดดู:
      7,266
  2. 2499

    2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    450
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +6,033
  3. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    ไม่เห็นด้วย
     
  4. virot05

    virot05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,679
  5. tanawat

    tanawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2006
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +1,765
  6. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    ผิดปกติอย่างมากค่ะ........สอนผิดมาก ๆ เลยค่ะ.....

    เท่าที่อ่านข่าวทั้งหมดแล้ว.....พระท่านขาดการใส่ใจโดยแยบคาย...ในพระไตรปิฏกค่ะ....

    ขาดความเข้าใจ....ในพระไตรปิฏกค่ะ......จึงทำให้พระท่านเกิดมิจฉาทิฐิค่ะ


    หรือไม่ท่านก็อาจจะไม่สบายค่ะ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2008
  7. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    เจ้าอาวาสท่านมีเหตุผลอะไรกันนะถึงได้ทำอย่างนี้

    แล้วเราชาวพุทธ...จะรู้สึกอย่างไร...?..

    ในเมื่อ...พระพุทธรูป หมายถึง รูปที่สร้างขึ้นแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อกราบไหว้บูชาระลึกถึงความดีงามและคำสั่งสอนของพระองค์
     
  8. table

    table เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +730
    เฮ่อ ไม่น่าเลย แต่ก่อนเคยฟังเรื่อง การอุทิศส่วนกุศล ที่ดีแล้ว แต่ตอนนี้ ไม่น่ากลับกลายเพี้ยนไปอย่างนี้เลย....เวรกรรรม .....แต่ก็เป็นข้อพิสูทธิ์ แท้แน่ว่า ท่านไม่ใช่พระอรหันต์ หรือพระอริยเจ้าแล้วแน่แท้

    พระอรหันต์หลายรูปที่อัฐิเป็นพระธาตุ ไม่มีใครเคยสอนแบบนี้ มีแต่ท่านสร้างพระพุทธรูปให้คนได้เตือนสติ กราบไหว้ แทนพระพุทธองค์ เพราะพวกเรามีบุญน้อย เกิดไม่ทันสมัยพุทธกาล เช่นหลวงปู่ขอม สร้างพระไว้มาก และหลงพ่อแพร วัดพิกุลทอง สร้างพระองค์ใหญ่ไว้สวยงามมาก

    และหากไม่สร้างไว้ ............ พระพุทธศาสนา จะหาหลักฐาน ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาพระศาสนาไม่ได้แน่นอน ............. ศาสนาเราก็จะถูกศาสนาอื่น ลบล้าง และเบียดเบียนแน่

    เรื่องนี้เป็นข้อพิสูทธิ พระที่ดีหรือไม่ดี.............. โชคดีที่ไม่ได้เป็นลูกศิษท์
     
  9. table

    table เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +730
    อยากทราบเหมือนกันว่า ............ ทางพระกรรมฐานสายพระป่า อีสาน .. ที่ผมเคยเห็นนิมนต์หลวงพ่อเกษมไปเทศน์ ที่เจดีย์ หลวงปู่ ....จำชื่อไม่ได้ และก็เป็นที่ยอมรับ ในเรื่องอภิญญา สามารถเห็นวิญญาร ภูตผีปีศาจ ได้ของหลวงพ่อเกษม จะมีความเห็นว่าอย่างไร


    แต่ที่รู้ ..... การทำลายพระพุทธรูป ในพระไตรปิฏกก็เขียนไว้ไม่ใช่หรือ ว่ามีผลอย่างไร
    และเรื่องเล่าของหลวงปู่แหวน ที่มีโจรทำร้ายพระพุทธรูป แล้วเกิดเป็นเปรตอสุรกาย ... จะว่าอย่างไร
     
  10. table

    table เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +730
    เหมือนพระเจ้าอชาติศัตรู ที่หลงไปนับถือ พระเทวทัต เพราะมีอยู่ช่วงแรก ๆ ได้อภิญญา เหาะได้ ..... สงสารลูกศิษท์ และชาวบ้าน ที่หลงเดินทางผิด ตามพระเจ้าอชาติศัตรู

    ( ใครเคยอ่านหนังสือ การอุทิศส่วนกุศล ของหลวงพ่อเกษม คงเข้าใจความหมายดี )
     
  11. pipat

    pipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +128
    ทะแมงๆอะครับ ไม่เห็นด้วยครับ
     
  12. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,578
    คำว่า'ไม่ต้องกราบมัน'ออกจะดุเดือดไปกระมัง หากใจคิดว่าได้กราบคาระวะและทำความเคารพพระพุทธเจ้า ก็ค่อยมีปัญญา หากกราบเพื่อขอหวย ขอโชค ก็ไม่สนับสนุน เป็นงมงายไป ซึ่งยุคนี้มีมากมาย พระเกษมครับอย่าตึงเกินไป อยู่ในทางสายกลาง เพราะคนมี ๔ ประเภท คงรู้นะครับต้องใจเย็นๆ เกรงจะถูกขับไล่เอา เพราะคนงมงายมีมากกว่าคนมีปัญญาครับ...สาธุ(sing)
     
  13. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    กำ
     
  14. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    ไม่เห็นด้วยกับพระรูปนี้(มิจฉาทิฏฐิสุดๆ)

    พระพุทธรูป เป็นเหมือนองค์แทน พระผู้มีพระภาคฯ ควรอย่างยิ่งต่อการกราบไหว้

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2008
  15. ธนานุวัตร

    ธนานุวัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +968
    ผมเคยคิดที่จะลองศึกษาคำสอนของ พระเกษม อาจิณณสีโล ครั้งนึง แต่พออ่าน หัวข้อ แนวทาง คำสอนแล้ว มีความรู้สึกไม่เห็นด้วย เลยขอผ่านไป ไม่คิดที่จะศึกษาอีก ขนาดพระอรหันต์ ท่านยังไหว้พระพุทธรูป ส่วนผมศีล5 ก็ยังไม่ทรงตัว แต่ก็ยังนับถือและกราบไหว้ เพราะพระพุทธรูปเกือบทุกครั้งที่เห็น แม้นั่งรถผ่านก็ยังยกมือไหว้ พระพุทธรูปก็เหมือนตัวแทนของพระพุทธเจ้า เวลาเรากราบไหว้ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ ไม่ได้คิดว่าเป็นแค่รูปปั้นเลย
     
  16. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับแนวทางของ พระเกษม อาจิณณสีโล ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2008
  17. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173


    น่าเสียดาย ไม่น่ามีความเห็นที่เป็นมิจฉาทิฏฐิเลย




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กรกฎาคม 2008
  18. แอ๊บแบ้ว

    แอ๊บแบ้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,335
    ค่าพลัง:
    +2,544
    <CENTER>
    [​IMG]
    <B>[SIZE=+1]มุตโตทัย[/SIZE]</CENTER>
    บันทึกโดยพระอาจารย์วิริยังค์ สิรินฺธโร ( ปัจจุบันพระราชธรรมเจติยาจารย์ วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ) ณ วัดป่าบ้านนามน กิ่ง อ. โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร พ.ศ. ๒๔๘๖

    </B>
    ซึ่งประกอบด้วยหัวข้อธรรมดังต่อไปนี้



    <TABLE cellSpacing=0 cols=1 cellPadding=0 width="80%" border=0><TBODY><TR><TD>๑. การปฏิบัติ เป็นเครื่องยังพระสัทธรรมให้บริสุทธิ์

    ๒. การฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า
    ๒. การฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า
    ๔. มูลฐานสำหรับทำการปฏิบัติ
    ๕. มูลเหตุแห่งสิ่งทั้งหลายในสากลโลกธาตุ
    ๖. มูลการของสังสารวัฏฏ์
    ๗. อรรคฐาน เป็นที่ตั้งแห่งมรรคนิพพาน
    ๘. สติปัฏฐาน เป็น ชัยภูมิ คือสนามฝึกฝนตน
    ๙. อุบายแห่งวิปัสสนา อันเป็นเครื่องถ่ายถอนกิเลส
    ๑๐. จิตเดิมเป็นธรรมชาติใสสว่าง แต่มืดมัวไปเพราะอุปกิเลส
    ๑๑. การทรมานตนของผู้บำเพ็ญเพียร ต้องให้พอเหมาะกับอุปนิสัย
    ๑๒. มูลติกสูตร
    ๑๓. วิสุทธิเทวาเท่านั้นเป็นสันตบุคคลแท้
    ๑๔. อกิริยาเป็นที่สุดในโลก - สุดสมมติบัญญัต
    ๑๕. สัตตาวาส ๙
    ๑๖. ความสำคัญของปฐมเทศนา มัชฌิมเทศนา และปัจฉิมเทศนา
    ๑๗. พระอรหันต์ทุกประเภทบรรลุทั้งเจโตวิมุตติ ทั้งปัญญาวิมุตติ







    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </B>

    ๑. การปฏิบัติ เป็นเครื่องยังพระสัทธรรมให้บริสุทธิ์
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่าธรรมของพระตถาคต เมื่อเข้าไปประดิษฐานในสันดานของปุถุชนแล้ว ย่อมกลายเป็นของปลอม (สัทธรรมปฏิรูป) แต่ถ้าเข้าไปประดิษฐานในจิตสันดานของพระอริยเจ้าแล้วไซร้ ย่อมเป็นของบริสุทธิ์แท้จริง และเป็นของไม่ลบเลือนด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อยังเพียรแต่เรียนพระปริยัติถ่ายเดียว จึงยังใช้การไม่ได้ดี ต่อเมื่อมาฝึกหัดปฏิบัติจิตใจกำจัดเหล่า กะปอมก่า คือ อุปกิเลส แล้วนั่นแหละ จึงจะยังประโยชน์ให้สำเร็จเต็มที่ และทำให้พระสัทธรรมบริสุทธิ์ ไม่วิปลาสคลาดเคลื่อนจากหลักเดิมด้วย
    ๒. การฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า
    ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา
    สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทรมานฝึกหัดพระองค์จนได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็น พุทฺโธ ผู้รู้ก่อนแล้วจึงเป็น ภควา ผู้ทรงจำแนกแจกธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ สตฺถา จึงเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้มีอุปนิสัยบารมีควรแก่การทรมานในภายหลัง จึงทรงพระคุณปรากฏว่า กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต ชื่อเสียงเกียรติศัพท์อันดีงามของพระองค์ย่อมฟุ้งเฟื่องไปในจตุรทิศจนตราบเท่าทุกวันนี้ แม้พระอริยสงฆ์สาวกเจ้าทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้วก็เช่นเดียวกัน ปรากฏว่าท่านฝึกฝนทรมานตนได้ดีแล้ว จึงช่วยพระบรมศาสดาจำแนกแจกธรรม สั่งสอนประชุมชนในภายหลัง ท่านจึงมีเกียรติคุณปรากฏเช่นเดียวกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ถ้าบุคคลใดไม่ทรมานตนให้ดีก่อนแล้ว และทำการจำแนกแจกธรรมสั่งสอนไซร้ ก็จักเป็นผู้มีโทษ ปรากฏว่า ปาปโกสทฺโท คือเป็นผู้มีชื่อเสียงชั่วฟุ้งไปในจตุรทิศ เพราะโทษที่ไม่ทำตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์สาวกเจ้าในก่อนทั้งหลาย...........
    http://www.luangpumun.org/muttothai_main.html
     
  19. chonthipat

    chonthipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    157
    ค่าพลัง:
    +543
    บาปแท้หนอ ผมเคยได้ยินท่านเทศมาครั้งหนึ่ง เรื่องวิญญาณ แมลงอะไรจำไม่ได้บนหลังกบ และเรื่องท่านเห็นผีเทวดา ของอย่างนี้ในพระพุทธศาสนารับรองว่ามีอยู่จริง แต่ผู้พูดคงจะไม่เคยเห็นถ้าเคยเห็นนรกสวรรค์รับรองว่าคงไม่กล้าทำเช่นนี้แน่ และลีลาการเทศของท่าน บอกตรงๆว่ารับไม่ได้ นึกอยู่แล้วสักวันต้องเป็นแบบนี้ พระอริยะเขาไม่เคยกล้าคิดที่จะปรามาสพระพุทธเจ้าเด็ดขาด อย่างนี้ให้อภัยไม่ได้ครับ ถ้ามีแนวการสอนแบบนี้ต่อไปศาสนาพุทธวิบัติแน่
     
  20. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,438
    [​IMG]
    ผมอ่านแล้วเศร้าใจผมไม่เคยนับถือท่านตั้งแต่ท่านบอกว่าผู้หญิงผู้ชายมีไรกันก็เบิกบุญได้ ผมเลยเอาอานิสงส์สร้างพระพุทธรูปของหลวงพ่อพระราชพรหมยานมาลงให้อ่านกันนะครับ
    อานิสงส์สร้างพระพุทธรูป
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE style="FONT-SIZE: 14pt; FONT-FAMILY: CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif" width="100%" border=0 font><TBODY><TR><TD>[FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]อานิสงส์สร้างพระพุทธรูป [/FONT]
    <HR>[FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม :[/FONT][FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif] "หลวงพ่อคะ การสร้างพระพุทธรูป กับการถวายปัจจัยอย่างไหนมีอานิสงส์ดีกว่าคะ.?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "การสร้างพระพุทธรูปจัดว่าเป็น พุทธบูชา ถ้าในเรื่องกรรมฐานจัดเป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าตายจากความเป็นคนไป เกิดเป็นเทวดา มีรัศมีกายสว่างไสวมาก ถ้าถวายปัจจัยถวายเป็นของสงฆ์ จัดว่าเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา จัดเป็น จาคานุสสติกรรมฐาน เกิดมาชาติหน้าก็รวย[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]การสร้างพระถวาย ด้วยอำนาจพุทธบูชาทำให้มีรัศมีกายมาก เป็นคนสวย ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "พุทธบูชา มหาเตชะวันโต" = "การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชอำนาจมาก"แต่ถ้ามีอำนาจแต่ขาดสตางค์ก็อดตายนะ ใช่ไหม.. แต่ตัวเป็นจอมพลแต่ไม่มีสตางค์ในกระเป๋า แย่นะ...[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]อีกแบบหนึ่ง มีสตางค์มาก ๆ แต่ขาดอำนาจราชศักดิ์ก็โดนโจรปล้นอีก ฉะนั้นทำมันเสีย 2 อย่างเลยดีไหม..?"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : "ดีค่ะ..แต่ได้ยินเขาว่า การสร้างพระพุทธรูปนี่ควรสร้างพระประธานจึงมีบุญมาก"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : " ก็เขียนไว้สิ สร้างพระประธาน องค์เล็กองค์ใหญ่ก็เขียนไว้ ก็เป็นพระพุทธรูปเหมือนกัน เราสร้างแล้วก็ได้บุญแล้ว ใครไปโยนทิ้งก็ซวยเอง"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : "ถ้าหากว่าจะย้ายพระประธานไปบูชาเป็นประธานวัดอื่นจะได้ไหมคะ..?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "เรื่องของบูชา สำหรับที่วัดนี้ถือว่าเขาถวายมาเพื่อบูชา ตั้งอยู่ที่ใดก็ตามถ้าพระย้ายไปที่อื่นนอกเขตถือว่าย้ายเจดีย์ ทางวินัยท่านปรับ อาบัติ และถ้าของนั้นเขาถวายสงฆ์เขามีเจตนาเฉพาะจุดนั้น ถ้าเราเอาไปถือว่าขโมยของสงฆ์ อันดับแรกเขาลง บัญชีอเวจีไว้ก่อน ของสงฆ์นี่แม้แต่เศษ กระเบื้องถ้านำไปก็ลงบัญชีอเวจีเลย"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : "หลวงพ่อเจ้าคะ การสร้างพระพุทธรูป ทำด้วยโลหะกับทำด้วยปูน อย่างไหนจะดีกว่ากันเจ้าคะ..?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "ถ้าเป็นเจตนาของฉันนะ ชอบให้ทำด้วยปูนมากกว่าปั้นด้วยปูนแล้วก็ปิดทอง เพราะอะไรรู้ไหม .. เพราะพระปูนไม่มีใครขโมย พระโลหะเผลอหน่อยเดียวคนตัดเศียรแล้วดีไม่ดีเอาไปทั้งองค์ ฉะนั้นปูนดีกว่า มีอานิสงส์เท่ากัน ราคาถูกกว่า ทนทานและรักษาง่ายกว่า"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]"การสร้างพระพุทธรูป นี่เป็นพุทธบูชาเป็น พุทธานุสสติ ในกรรมฐาน 40 กอง ท่านบอกว่ากำลัง พุทธานุสสติเป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่ากองอื่น ก็เห็นจะจริง เพราะว่าพระพุทธเจ้าท่านอยู่ที่นิพพานนี่ และท่านก็เป็นต้นตระกูลของพระนิพพาน ใช่ไหม.. ทีนี้ถ้าเราต้องการสร้างให้สวยตามที่เราชอบ เห็นแล้วก็ทำให้จิตใจสดชื่น่ จิตมันก็นึกถึงพระอยู่เสมอ ถ้าจิตนึกถึงพระพุทธรูปองค์นั้นอยู่เสมอก็จัดเป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าใจเราเกาะพระพุทธเจ้าเป็นปกติ ตามแล้วลงนรกไม่เป็น ฉะนั้นถ้าหากโยมเห็นว่าพระที่ทำด้วยโลหะสวยกว่า ชอบมากกว่า โยมก็สร้างแบบนั้น"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : "หลวงพ่อคะ ถ้าหากว่าเดินไปเช่าตามร้านกับการจ้างเขาหล่อให้แล้วเททองเอง อานิสงส์จะได้เท่ากันไหมคะ?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "กุศลน้อยกว่าที่เขาทำสำเร็จแล้ว เพราะว่าเราต้องเหน็ดเหนื่อย ดีไม่ดีหัวเสีย ที่เขาทำเสร็จแล้วน่ะ เราก็เลือกดูเอาตามใจชอบ ใช่ไหมล่ะ วิธีการแบบนั้นไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลยนี่ ร้อนก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย บางทีไอ้ตัวร้อนตัวเหนื่อยนี่มันตัดเลย[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ทำบุญทุกอย่าง ทำให้จิตสบาย กายสบาย อันนี้ถือว่ามีผลสูง ถวายสังฆทานนี่มีค่าสูงมาก การที่นิมนต์พระมาเลี้ยงข้าวที่บ้าน 4 - 5 องค์ อานิสงส์เป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่ดีไม่ดีมันน้อยกว่าอย่างนี้ เพราะยุ่งกว่า ดีไม่ดีคนแกงบ้าง คนต้มบ้าง เราไม่ชอบใจก็โมโห ไอ้ตัวโมโหนี่แหล่ะมันตัด ใช่ไหม..?"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : "หลวงพ่อคะ ถ้าเรามีพระบูชาเราควรจะหันหน้าไปทางทิศไหนคะ ?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "พระบูชาที่นิยมกัน เขาหันหน้าไปทาง ทิศตะวันออกถ้าหันไปทางทิศใต้ กับ ทิศตะวันตก สตางค์ไม่เหลือใช้ ลองดูก็ได้"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : "เป็นเพราะเหตุใดคะ ?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "อันนี้ฉันไม่รู้ละ รู้แต่ว่าสมัยหลวงพ่อปาน ถ้าลูกศิษย์ท่านหันหน้าพระพุทธไปทาง ทิศตะวันตกหรือทิศใต้ ท่านบอกว่าควรหันไปทาง ทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : "แล้วอย่างพระพุทธรูปที่บอกว่ายังไม่เบิกพระเนตร หมายความว่าอย่างไรคะ ?[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "ถ้ายังไม่ เบิกพระเนตรแสดงว่ายังไม่มีลูกตา พระองค์ไหนมีลูกตาแล้วพระองค์นั้นเบิกพระเนตรแล้ว..ใช่ไหม.."(ผู้ถามหัวเราะ)[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]" "ฉันว่ามันเป็นพิธีสมัยก่อนโน้นละมั้ง คือ เขาปั้นพระพุทธรูปแล้วยังไม่ได้ทำลูกตา เลยหาช่างมาทำลูกตามากกว่า เวลานี้ก็เลยเอาวิธีการนั้น พระที่วัดฉันไม่ต้อง เบิกเนตรเห็นท่านมีตาทุกองค์ ใครเขาถามว่า เบิกพระเนตรหรือยัง .. ฉันไม่ทำละ มีแล้วนี่ ควรจะเบิกเนตรเราให้ดีเท่าเนตรท่านดีกว่าใช่ไหม..?"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : "แล้วถ้าหากว่าเรามีพระพุทธรูป แต่พระเนตรท่านปิดอย่างนี้ต้องเบิกพระเนตรไหมคะ..?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "เอาล่ะซิ ขืนไปเบิกเข้า ตาท่านฉีกแน่ บาป ต่อไปชาติหน้าตาเหลือก"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : (หัวเราะ)"คือท่านหลับตานั่งสมาธิค่ะ"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "เขาทำหลับตาก็ปล่อยให้หลับตา ทำสมาธิก็ต้องหลับตาใช่ไหม.?"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : "หลวงพ่อครับ การถวายพระพุทธรูปองค์เล็ก ๆ กับถวายพระประธานองค์ใหญ่ ๆ พระประธานในโบสถ์นะครับ จะมีอานิสงส์เหมือนกัน เหมือนกันหรือเปล่าครับ ..?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "เหมือนกัน คือเขียนเหมือนกัน เขียนว่า "อานิสงส์ถวายพระพุทธรูป" .. แต่ว่าเราไปเทียบกันไม่ได้นะ สุดแล้วแต่กำลังใจ ถ้าคนที่เขามีฐานะน้อย เขามีเงินจริง ๆ แค่สร้างพระพุทธรูปขนาด 3 นิ้ว ทำด้วยปูนพลาสเตอร์ แต่ว่ากำลังใจเขามั่นคง ฐานะมันแค่นั้นก็มีอานิสงส์สูง ถือว่าเขาทำดีที่สุดของฐานะอยู่แล้วใช่ไหม...[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]สร้างพระประธานในโบสถ์ อานิสงส์ก็คือสร้างพระพุทธรูป ถ้าหากว่าเจ้าของคิดว่าสร้างเพื่ออวดชาวบ้าน ก็สู้สร้างองค์เล็ก ๆ ไม่ได้ เพราะคิดด้วยจิตบริสุทธิ์"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม :[/FONT][FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif] "แล้วถวายพระประธานเพื่อแก้บนเล่าครับ คือว่า ลูกชายง่อง ๆ แง่ง ๆ ใจไม่ค่อยดี ก็คิดว่าถ้าหากลูกชายแข็งแรงดี จะถวายพระประธาน ประจำอุโบสถสักองค์หนึ่ง จะแตกต่างกับถวายพระประธานเนื่องในการไม่แก้บนไหมครับ ..?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "ต้องดูเจตนาก่อน เราแก้บน แต่ตั้งเจตนาให้ถูกนะ ถือว่าสร้างพระพุทธรูปไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อสักการะของคนและพระ มันจะมีอานิสงส์เหมือนกัน แต่ถ้าคิดว่านี่เพราะลูกเราไม่ตาย เพราะการถวายพระพุทธรูปอย่างนี้อานิสงส์น้อยมาก เพราะมีการแลกเปลี่ยน[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]เราบนก็จริงแหล่ แต่คิดว่าการสร้างพระพุทธรูปนี่สร้างไว้เป็นที่สักการะของคนและพระเณร ก็ถือว่าเราสร้างไว้ในพระพุทธศาสนา ไม่ถือเป็นการแลกเปลี่ยน ถ้าคิดว่าแก้บน มันเป็นการแลกเปลี่ยน แต่ว่าเราบนไว้จริง แต่ว่าเจตนาเราตั้งไว้อีกหน่อยหนึ่ง"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : "เรื่องพระประธานผ่านไป ทีนี้ เรื่องพระแตก มีบางคนเขาบอกว่า ห้อยพระที่แตกหรือหัก ลูกเมียจะทะเลาะกัน พระศุกร์จะเข้า พระเสาร์จะแทรก บางคนถึงขนาดเอาเศียรพระหัก ๆ แตก ๆ ไปไว้ตามต้นโพธิ์ ตามวัด ความจริงเป็นยังไงครับหลวงพ่อ..?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "ถ้าจะให้แน่คุณก็ลองห้อยดูก่อน ใครได้พระสมเด็จแตก ๆ มาให้ฉันทีเหอะ ฉันเอาหมด.. ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก มันจะด่ากันเองน่ะ เลยไปโทษพระใช่ไหม..แต่ว่าที่เห็นเขาถือกันก็คือ พระพุทธรูปถ้าชำรุดเขาไม่บูชาไว้ที่บ้าน อันนี้ไม่มีตำรา อาจจะมีประสบการณ์ก็ได้นะ[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]แต่พวกที่โบราณเขาเขียนบอกไว้ต้องระวังหน่อย บางทีมีประสบการณ์ แต่หาเหตุมาไม่ได้ก็ต้องเชื่อเหมือนกัน อย่างสมัย หลวงพ่อปานถ้าลูกศิษย์ท่านหันหน้า พระพุทธไปทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้ อันนี้ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน แต่สตางค์ไม่เหลือใช้ ท่านบอกว่าควรหันไปทางทิศตะวันออก หรือ ทิศเหนือ ทีนี้หากว่าเราเห็นว่าชำรุด เราตกแต่งให้ดีก็คงจะดีมั้ง"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม : "หลวงพ่อขอรับ ได้ทราบว่าหลวงพ่อจะ สร้างแท่นพระสำหรับพระพุทธรูปข้างพระอุโบสถวัดท่าซุงนั้น อยากจะทราบว่า การสร้างแท่นพระมีอานิสงส์อย่างไรขอรับ..?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "สร้างแท่นก็เหมือนกับการสร้างพระพุทธรูป คือ แท่นพระพุทธรูปเขาบกพร่องอยู่ เราทำให้เต็มอย่าง นางวิสาขา หรือ พระสิวลี อานิสงส์ไม่ใช่เล็กน้อยนะ อานิสงส์ใหญ่มาก คนจะรวยแล้วนะ วาสนาบารมีจะสูง สร้างแท่นพระ หนุนพระให้สูงน่ะ แล้วพระพุทธเจ้าด้วยนะ เราฐานะก็จะดีขึ้น"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม :[/FONT][FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif] "ดิฉันและน้อง ๆ ได้สร้างพระพุทธรูปปิดทองฝังเพชรขนาด 30 นิ้ว ถวายเป็นพุทธบูชา ไปไว้ที่วัดท่าซุง พอถวายแล้ว หลวงพ่อให้พรว่า "ขอให้รวยทุกคน รวยเท่าพระพุทธเจ้านะลูก" กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า รวยเท่าพระพุทธเจ้าเขารวยแบบไหนเจ้าคะ..?"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "จะเอาแบบไหนล่ะ จะเอาแบบทรัพย์มาก หรือ จะเอาแบบกิเลสหมด..?"[/FONT]


    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]ผู้ถาม :[/FONT][FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif] "ตอนนี้เอาทรัพย์ก่อนแล้วกันค่ะ เพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อ : "พระพุทธเจ้านี่รวยมากเพราะกิเลสหมดนะ คือว่า พระพุทธเจ้าใครบอกไม่มีทรัพย์สินน่ะไม่ถูกหรอก ที่นั่งอยู่ที่นี่ทรัพย์ที่นำมาให้เป็นของพระพุทธเจ้าทั้งหมดนะ ฉันไม่คิดว่าเป็นของฉัน พระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ไหนไม่เคยจน อย่างวิหารของนางวิสาขาเขา สร้างราคาเท่าไร ก็รวมความว่า พระพุทธเจ้ามีทรัพย์สินมากราคาเป็นล้าน ๆ โกฏิ เอารวยแบบนั้นก็แล้วกันนะ"[/FONT]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif]หลวงพ่อมักให้พรอย่างนี้เสมอว่า "รวย รวย รวย" [/FONT]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...