**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

ร่วมงานบุญ ร่วมสร้างเจดีย์ "จันทสาโรนุสรณ์" ในครั้งนี้ ท่านได้เมตตามอบเหรียญรุ่น "เมตตา"
1,500.00 บาทครับ

 

ขอร่วมบุญด้วย 3 เหรียญครับ

 

ร่วมทำบุญเหรียญเมตตา 6 เหรียญ ครับ

 

รับทราบการจอง อนุโมทนาครับ ร่วมบุญ 10 เหรียญ สาธุครับ

 

สาธุครับ อนุโมทนา แต่ได้แค่ 2 เหรียญนะครับ หมดพอดีครับ อนุโมทนาครับ

 

ต้องขออภัยด้วยนะครับ พอดีเหรียญหมดแล้วครับ แต่ก็อนุโมทนาในกุศลจิตครั้งนี้ด้วยครับ สาธุครับ

 

ปิดร่วมบุญครับ
ต้องขออนุโมทนากับทุกท่าน ที่ร่วมบุญกันในครั้งนี้ครับ
พอดียอดครบแล้ว เลยต้องขออภัยท่านที่ไม่ทันด้วยครับ

แต่ก็ขออนุโมทนากับทุกๆท่านที่มีจิตอันเป็นกุศลร่วมบุญกันครั้งนี้ นับว่าเป็นการสร้างบุญรับปีใหม่ครับ

สุดท้ายนี้ขอบารมีคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระอริยะสงฆ์
บารมีธรรมหลวงปู่หลุย จันทสาโร โปรดดลบันดานให้ท่านและครอบครัวมีความสุข ความเจริญๆ ด้วยกุศลที่ท่านได้ทำในครั้งนี้

อนุโมทนา สาธุครับ

เงินทุกบาทน้อมถวายหลวงปู่สำลี สมทบสร้างเจดีย์จันทสาโรนุสรณ์ ในวันพรุ่งนี้ครับ สาธุๆครับ​

 

ปฏิปทาจากอาจารย์สู่ศิษย์ ตามรอยธรรมหลวงปู่หลุย

หลวงปู่สำลี สุทธจิตโต จะกล่าวได้ว่า ท่านเป็นลูกศิษย์องค์เอกองค์หลวงปู่หลุย จันทสาโร โดยแท้เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นปฎิปทา ข้อวัตรปฎิบัติ ท่านรับมาจากหลวงปู่หลุยในทุกเรื่อง

ซึ่งตัวผู้เขียนเองเจอท่านครั้งแรกเมื่อหลายปีที่แล้ว(เกือบๆ8ปีก่อน) โดยไปตามหาท่าน ตามคำบอกเล่าของ ครูบาอาจารย์ในพื้นที่หลายๆท่านกล่าวถึง.....ไปเจอท่านครั้งแรก ท่านไม่มีกุฎิเป็นหลัก ท่านจะจำวัดในศาลาโดยใช่ผ้ากางกั้น ไว้เท่านั้น (เหมือนหลวงปู่มั่นในสมัยก่อน) มีเพียงหมอน ผ้าห้ม โดยไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรเลย....

ส่วนตัวผู้เขียนนั้นเดิมอาชีพหลักเขียนหนังสือ แนววิเคราะห์งานวิชาการอยู่แล้วจึงเป็นคนที่ค่อนข้างชอบ สอบถามและหาข้อมูลเสมอ และแน่นอนว่าหลายปีที่ผ่านมาตัวผู้เขียน จะสอบถามข้อมูลเชิงลึกของครูบาอาจารย์ที่เคยพบ เคยเห็นเสมอๆ เมื่อมีโอกาส

หลายเรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาจากครูบาอาจารย์ ตัวผู้เขียนก็มักจะบันทึกไว้เสมอ(เริ่มบันทึกจริงจังราวปี 2522) บางเรื่องครูบาอาจารย์ท่านก็เล่าเป็นการส่วนตัวให้ฟัง บางเรื่องท่านก็เล่าให้ญาติโยมที่ไปด้วยกันฟัง(แต่ถ้าเป็นเรื่องเล่าปากต่อปากตัวผู้เขียนจะไม่บันทึก).....



วันนี้ก็จะนำเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ ของหลวงปู่สำลี มาเล่าสู่กันฟังในเชิงที่หลายๆท่านอาจจะไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน หลวงปู่สำลี ท่านเป็นพระสายกรรมฐาน ท่านหนึ่งที่ไม่เปิดตัวนักแม้ในพื้นที่ หรือนอกพื้นที่ก็ไม่ค่อยรู้จักท่าน ท่านพึ่งจะมาเปิดตัวเป็นที่รู้จัก ของศรัทธาญาติโยมเมื่อ 3-5 ปีมานี้ที่มีการเริ่มสร้างเจดีย์ "จันทสาโรนุสรณ์" หรือเจดีย์ขององค์หลวงปู่หลุย นั้นเอง

ครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยสนทนาธรรมกับท่านเพียงสามคน(กับเพื่อนท่านหนึ่ง) เรื่องวิชาม่างกาย ผู้เขียนสอบถามหลวงปู่ว่าเป็นอย่างไร หลวงปู่หลุยสอนกรรมฐานหลวงปู่แบบไหนครับ....



ท่านเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่หลุยสอนวิชา ม่างกาย โดยท่านเล่าความเป็นมาว่า ได้วิธีการม่างกายนี้มาจากแม่ชี ท่านหนึ่งในขณะที่สนทนาธรรมกัน โดยหลวงปู่หลุยได้สอบถามแม่ชีท่านนี้ เรื่องวิธีการละกามราคะอย่างไร โดยแม่ชีท่านนี้ได้กล่าววิธีปฎิบัติของตนเองเพื่อละว่าง"กามราคะ" ให้หลวงปู่หลุยท่านฟังแล้วบอกว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดี แต่การม่างกายต้องอาศัย ฐานสมาธิที่ดีนั้นคือความสงบที่แน้นหนา มั่นคง

ซึ่งต้องอาศัยกำลังสมาธิมากนั้นเองโดย ถ้าทำให้เกิด "นิมิตธรรมได้ยิ่งดี" หลวงปู่สำลีท่านกล่าวว่า...การม่างกายคือการกำหนดอสุภะดูความไม่สวย ไม่งามในร่าง โดยการแยกส่วนต่างๆของร่างกายออกเป็นส่วนๆ ท่านยกตัวอย่างการแยกธาตุสี่

โดยให้แยกส่วนต่างๆออกเป็นกองๆ ธาตุดินกองหนึ่ง ธาตุน้ำกองหนึ่ง ธาตุลมกองหนึ่ง ธาตุไฟอีกกองหนึ่ง ท่านว่าให้กำหนดดูการเกิด ดับของมัน เพ่งดูไปเลื่อยๆ ว่าเกิดมายังไง ตั้งอยู่อย่างไร ดับอย่างไร แล้วธรรมะมันจะเกิด

น้อมลงไตรลักษณ์ก็ได้ มันจะเป็นความจริงอยู่แบบนั้น ซึ่งในขณะนั้นท่านกล่าวว่า การเพ่งนี้ จิตจะดูกาย(ตรงนี้อาจเข้าใจยากหน่อยนะครับ) จะเห็นตัวเราอาจจะนอนอยู่ หรือนั่งอยู่ก็แล้วแต่นิมิตนั้นจะปรากฎออกมาเป็นเครื่องหมายธรรมะอย่างไรก็ให้เพ่งดูตามนั้น แล้วธรรมะจะเกิดขึ้นเอง

ผู้เขียนถามท่านต่อว่า ก่อนจะไปถึงการม่างกาย จะต้องสงบก่อนหรือครับ...ท่านตอบว่าใช่ ถ้าจิตไม่สงบพอจะม่างกายไม่ได้ จะเพ่งไม่เห็น ท่านกล่าวต่อไปอีกว่า การที่จิตจะสงบช้าเร็ว ขึ้นอยุ่กับบุญวาสนา จริตนิสัยแต่เคยทำมาแต่ก่อนกาลด้วย ถ้าเคยทำมาก่อนก็ได้เร็ว เพราะวาสนาจะติดตัวมา

ผู้เขียนขอโอกาสถามหลวงปู่ เพื่อเป็นคติธรรมว่า ตั้งแต่หลวงปู่ท่านบวชมา สงบครั้งแรกเมื่อไร....ท่านว่าจริงๆท่านสงบมาตั้งแต่เป็นเด็กๆแล้วเพราะชอบสวดมนต์ ไหว้พระนั่งสมาธิแต่เด็กๆ เพราะแม่พาเข้าวัดประจำ ตอนเป็นฆราวาสนั้น หลายครั้งท่านก็เคยสวดมนต์ถวายหลวงปู่หลุยฟัง จนทำให้หลวงปู่หลุยออกปากว่า อยากให้บวชปฎิบัติธรรม ท่านว่าท่านจึงได้บวชแต่นั้นมา โดยหลวงปู่หลุย พาท่านไปบวชด้วยตัวเอง

ผู้เขียนถามต่อว่าหลวงปู่ภาวนาอย่างไรจิตจึงสงบลง....ท่านกล่าวว่าท่านใช่ภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ โดยตั้งแต่ท่านออกปฎิบัติใหม่ๆ ท่านชอบเดินจงกลมมากกว่า โดยท่านกล่าวว่าการเดินนั้นเมื่อสงบแล้ว ฐานสมาธิจิตจะแน่นหนากว่านั่ง เพราะส่วนใหญ่ชีวิตเราเวลาทำอะไรจะเคลื่อนไหวอยู่เสมอ เช่น การเดินวันๆหนึ่งเราจะเดินมากกว่านั่ง ดังนั้นถ้าจิตสงบในเวลาเดิน จิตจะมีการคล้องตัวมาก เวลาทำกิจการงานอะไรจะคล้องตัวจับที่จิตได้เร็วกว่า


ภาพประกอบเดินจงกลม

และท่านก็บอกว่าจริงๆแล้วการภาวนาเราจะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ สัมมาอรหัง ก็ได้ ยุบหนอ พองหนอ ก็ได้ พุทโธ ก็ได้เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องผูกจิตเท่านั้น พอจิตเริ่มสงบลงแล้ว จิตก็จะปล่อยคำภาวนาแล้วไปจับความสงบนั้นแทน

ท่านว่าแต่ก่อนท่านใช้คำภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ ต่อมาเมื่อจิตเริ่มสงบเข้าๆท่านก็ภาวนา พุทโธ อย่างเดี่ยวจิตก็สงบแล้ว โดยท่านว่าสมัยก่อนท่านจะภาวนาองค์เดี่ยวในถ้ำ ซึ่งตั้งแต่ท่านมาภาวนาที่นี้จิตสงบลงหลายครั้ง ทำให้ท่านมีความชำนาญพอจะม่างกายได้ ท่านพูดแบบรวบรัดว่า...สุดท้ายจิตกับกายมันจะแยกออกจากกัน ใดๆในโลกไม่มี เป็นเพียงจิตอุปทาน กับกาย กับขันธ์เท่านั้น...

ท่านทั้งหลายครับจะเห็นได้ว่าองค์หลวงปู่สำลี นอกจากท่านจะเป็นพระที่ปฎิบัติตามแนวทางองค์หลายปู่หลุยแล้ว ด้านจิตภาวนาของท่านก็ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เพราะวิธีม่างกายนั้น ผู้ที่จะบอกสอนได้จะหาได้น้อยมาก เพราะเคล็ดวิธีนี้ยาก โดยผู้ฝึกต้องมีความชำนาญด้านจิตภาวนาเพียงพอ ถึงจะม่างกายออกดูได้....สุดท้ายหลวงปู่หลุยได้กล่าวกับหลวงปู่สำลีไว้ว่า

ท่านสำลี ท่านบวชแล้วให้ตามรอยเรานะ ให้เอาพุทโธนะ

เป็นโอวาทสุดท้ายขององค์หลวงปู่หลุย ท่านฝากไว้กับหลวงปู่สำลี

​

 

วันนี้เวลา 8.10 น.โอนเงินบูชาพระ รายการ 88,89 จำนวน 1,500 บาท บูชาพระ 1,100 บาท ร่วมทำบุญสร้างเจดีย์ 400 บาท ครับ จัดส่งที่เดิมนะครับ ขอบคุณครับ

 

แจ้งโอนเงินร่วมบุญเรียบร้อยแล้วครับ รายละเอียดทาง pm

 

โอนปัจจัยไปร่วมบุญเรียบร้อยแล้วครับ เวลา 10:17 น. รายละเอียดแจ้งทาง PM ครับ

 

วันนี้ 7/1/60 ส่งพระให้คุณ

- supachaipnu EQ 3150 0569 6 TH
- somsakasat EQ 3150 0570 5 TH
- sumobaimon EQ 3150 0571 9 TH
- nattawut8899 EQ 3150 0573 6 TH
- อาทิตย์03 EQ 3150 0574 0 TH

ขอบคุณและอนุโมทนาครับ สาธุ

 

วันนี้ 7/1/60 เวลา 18.02 น. ได้ไปร่วมงาน "บูรพาจารย์" วัดป่าสัมมานุสรณ์ พระเดชพระคุณหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และได้โอกาสถวายปัจจัยร่วมสร้างเจดีย์ หลวงปู่สำลี สุทธจิตโต โดยหลวงปู่ได้รับนิมนต์มาสวดเจริญพระพุทธมนต์ ในงานบูรพาจารย์ ในโอกาสนี้ครับ​

เงินจำนวนนี้คือเงินที่ ท่านได้ร่วมบุญกันในครั้งนี้ครับ
(จำนวน 8500 ร่วมกันอนุโมทนาครับ...)



อาจจะดูฉุกละหุกหน่อยนะครับ แต่หลวงปู่ท่านก็อนุโมทนากับท่านผู้ร่วมบุญ ทุกท่านและท่านกล่าวว่า จะแผ่เมตตาให้กับท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ให้มีความสุข ความเจริญ ทุกๆท่านครับ

ร่วมกันอนุโมทนาครับ

​

 

เรื่องพระนางพญาเสด็จที่พระตำหนักสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช

(บันทึกโดยสมเด็จญาณสังวร)
​

วันจันทร์ ที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๑๙

เวลาประมาณ ๓ ทุ่ม (๒๑.๐๐น)

ได้ไหว้พระบริกรรมสวดมนต์ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ที่กุฏิคอยท่า ชั้น ๒ ตามเคย

และนั่งทำสมาธิต่อไปถึง ๔ ทุ่มเศษ

ได้ยินเสียงตกกระทบดังกิ๊กที่โต๊ะบูชา

คิดว่าคงเป็นก้อนน้ำตาเทียนหล่นจากปลายเทียนที่กำลังจุดบูชามาถูกเชิงของเชิงเทียนหรือจานรอง จึงลืมตาขึ้นดูที่จานรองก็ไม่พบอะไรหล่น

ดูเทียนก็ไม่พบก้อนน้ำตาเทียนอะไรติดอยู่ เพราะเป็นพวกเทียนไขที่ไม่ค่อยมีน้ำตาเทียนหรือที่เรียกว่าขี้เทียน

จึงหลับตาทำสมาธิต่อไปอีกครู่หนึ่ง จึงเลิก มองไปที่พรมและผ้าที่ปูไว้สำหรับกราบพระ

ก็ได้พบพระ(แบบพระนางพระยา)องค์หนึ่งวางอยู่ จึงหยิบขึ้นมาดู

เห็นเป็นพระแบบที่เรียกกันว่าพระสมเด็จนางพระยา เป็นดินเผาของเก่างดงามสมบูรณ์ และได้เห็นมีพระบรมธาตุฝังติดอยู่ที่ไหว้พระศอ ๑ องค์

ได้เกิดปีติโสมนัสว่าพระสมเด็จนางพระยาองค์นี้ได้เสด็จมาโดยปาติหาริย์ เป็นพระเทพประทาน ประจักษ์เฉพาะหน้า เป็นการอัศจรรย์เฉพาะหน้าครั้งแรก

ได้กราบสำนึกรู้พระมหากรุณาธิคุณในพระพุทธาทิรัตนตรัย และสำนึกในคุณแห่งเทพ หากได้อำนวยประทาน

แสดงว่าคุณพระมีอยู่ เทพมีอยู่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีอานุภาพอภิบาลรักษาพระศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งประเทศชาติไทยให้วัฒนสถาพรสวัสดี

สด.พระญาณสังวร

(หากถอดคำใดผิด ต้องกราบขออภัยท่านผู้รู้ไว้ ณ ที่นี้ด้วย)

เครดิตภาพและเนื้อความ โดย เพจ มูลนิธิ พระบรมธาตุในสังฆราชูปถัมภ์

​

​

 

รายการที่ 91
เหรียญสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สนั่น จันทปัชโชโต) วัดนรนารถสุนทริการาม จ.กรุงเทพฯ. ปี2535 สภาพสวยมาก



เหรียญท่านนั้นค่อนข้างหายาก และเป็นที่หวงแหนในหมู่ศิษย์ เพราะพระของท่านนั้น นอกจากท่านจะอธิษฐานจิตเป็นการภายในหลายวาระแล้ว ยังนำเข้าพิธีสำคัญๆอีกหลายครั้ง ศิษย์ที่เก็บต่างรู้กันดี

สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สนั่น จันทปัชโชโต) ท่านเป็นอาจารย์ขององค์หลวงตามหาบัว อีกหนึ่งท่านโดยองค์หลวงตามหาบัวกล่าวไว้ในหนังสือหยดน้ำบนใบบัว ว่า "เรามีอาจารย์อยู่ 2 องค์ คือองค์หนึ่งสอนปริยัติเรา คือท่านเจ้าคุณฯ วัดนรนารถฯ อีกองค์คือ พ่อแม่ครูจารย์มั่น สอนเรื่องภาวนาภายในแก่เรา เราไม่เคยลืมบุญคุณท่านทั้งสองนะ "


หลวงตามหาบัว กราบนมัสการสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สนั่น จันทปัชโชโต) แห่งวัดนรนาถสุนทริการาม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กทม. หลวงตามหาบัวมักจะยกย่องท่านเจ้าคุณฯ วัดนรนารถฯ องค์นี้ว่า ท่านเก่งปริยัติก็จริง เพราะท่านจบเปรียญ 9 แต่ท่านรักการปฏิบัติและการภาวนาอย่างมาก



แม้ท่านมรณะภาพไปอัฐิธาตุก็เป็นพระธาตุครับ

300
(หายากจริงๆครับ ท่านเป็นพระราชาคณะที่ทรงคณธรรมมากจากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์หลายท่าน)

จอง


​

 

จองรายการ 91 ครับ

 

รายการที่ 92.
พ​

 

ขอจองรายการที่ 92 ครับอาจารย์

 

จองรายการ 92

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ