พระพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ตอน การเสด็จไปทรมานพกพรหมผู้กระด้างด้วยลัทธิ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 11 สิงหาคม 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    พระพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ตอน การเสด็จไปทรมานพกพรหมผู้กระด้างด้วยลัทธิ
    16775383965836__3585_7.gif
    ภิกษุ ท. ! ในกาลครั้งหนึ่ง เราพักอยู่ ณ ควงพญาไม้สาละ ป่าสุภควันในเขตอุกกัฏฐนคร. ภิกษุ ท. ! สมัยนั้น พกพรหมมีทิฏฐิอันชั่วร้ายอย่างนี้ว่า “พรหมสภาวะเช่นนี้ เป็นของเที่ยง (นิจฺจํ) ยั่งยืน (ธุวํ) มีอยู่เสมอ (สสฺสตํ) เป็นของอย่างเดียวตลอดกาล (เกวลํ) มีความไม่เคลื่อนเป็นธรรมดา (อจวนธมฺมํ) ; เพราะว่าพรหมสภาวะเช่นนี้ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่เคลื่อน ไม่อุบัติ ; ก็แหละไม่มี สภาวะอื่นที่เป็นนิสสรณะเครื่องออกไปจากทุกข์ ยิ่งไปกว่าพรหมสภาวะนี้” ดังนี้.
    ภิกษุ ท. ! ครั้งนั้นแล เรารู้ปริวิตกของพกพรหมในใจด้วยใจแล้วละจากควงแห่งพญาไม้สาละ ไปปรากฏตัวในพรหมโลกนั้น ชั่วเวลาสักว่า บุรุษแข็งแรงเหยียดแขนหรือคู้แขนเท่านั้น.
    ภิกษุ ท. ! พกพรหมได้เห็นเราผู้มาอยู่จากที่ไกล แล้วได้กล่าวกะเราว่า “ท่านผู้นิรทุกข์ ! เข้ามาเถิด, ท่านผู้นิรทุกข์ ! ท่านมาดีแล้ว, ท่านผู้นิรทุกข์ ! ต่อนาน ๆ ท่านจึงจะมาถึงที่นี้. ท่านผู้นิรทุกข์ ! พรหมสภาวะนี้ เป็นของเที่ยง ยั่งยืน มีอยู่เสมอ เป็นของอย่างเดียวตลอดกาล มีความไม่เคลื่อนเป็นธรรมดา ; เพราะว่าพรหมสภาวะนี้ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่เคลื่อน ไม่อุบัติ ; ก็แหละไม่มีสภาวะอื่นที่เป็นนิสสรณะเครื่องออกไปจากทุกข์ ยิ่งไปกว่าพรหมสภาวะนี้” ดังนี้.
    ภิกษุ ท. ! เมื่อพกพรหมกล่าวอย่างนี้, เราได้กล่าวกะเขาว่า “พกพรหมผู้เจริญไปสู่อวิชชาเสียแล้วหนอ ! พกพรหมผู้เจริญไปสู่อวิชชาเสียแล้วหนอ ! คือข้อที่ท่านกล่าวสิ่งที่ไม่เที่ยงเลย ว่าเป็นของเที่ยง, กล่าวสิ่งที่ไม่ยั่งยืนเลย ว่ายั่งยืน, กล่าวสิ่งที่ไม่มีอยู่เสมอ ว่าเป็นของมีอยู่เสมอ, กล่าวสิ่งที่ไม่เป็นของอย่างเดียวตลอดกาล ว่าเป็นของอย่างเดียวตลอดกาล, กล่าวสิ่งมีความเคลื่อนเป็นธรรมดา ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีความเคลื่อนเป็นธรรมดา ; และข้อที่ กล่าวสิ่งที่เกิด ที่แก่ ที่ตายที่เคลื่อน ที่อุบัติ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่เคลื่อน ไม่อุบัติ ; และกล่าวนิสสรณะอันยิ่งอื่นที่มีอยู่ ว่าไม่มีนิสสรณะอื่นที่ยิ่งกว่า” ดังนี้. ....
    หมายเหตุ : ข้อความตอนต่อไปจากข้างบนนี้ ยังมีอีกยืดยาว ; กล่าวถึงมาร มาช่วยพวกพรหมโต้กับพระองค์ ทั้งขู่ทั้งล่อ เพื่อให้พระองค์ทรงยอมตามพวกพรหม. แม้พกพรหมก็ยังยืนยันและอธิบายลัทธินั้นด้วยอุปมาที่น่าคล้อยตาม. ทรงแก้คำของ พรหมด้วยอาการต่าง ๆ เช่นว่าพกพรหมยังไม่รู้จักพรหมที่เหนือขึ้นไปจากตน เช่นพรหม พวกอาภัสสระ–สุภกิณหะ–เวหัปผละ ; และทรงแสดงข้อที่พระองค์ไม่ทรงยึดถือดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นต้น. ในที่สุด มีการท้าให้มีการเล่นซ่อนหากัน และทรงชนะ แล้วตรัสคาถา ที่เป็นหัวใจแห่งพุทธศาสนาที่เหนือกว่าพรหมโดยประการทั้งปวง กล่าวคือความรู้สึก ที่อยู่เหนือภพและวิภพ ซึ่งพุทธบริษัททุกคนควรสนใจอย่างยิ่ง. พวกพรหมยอมแพ้ มารก็ยอมรับแต่ก็ยังแค่นขอร้องอย่าให้พระองค์ ทรงสอนลัทธิของพระองค์เลย ; ตรัสตอบมารว่านั่นมันไม่เป็นความเกื้อกูลแก่สัตว์โลก ; สัมมาสัมพุทธะที่มารอ้างมานั้น เป็นสัมมา
    ________________________________
    ที่มา. บาลี พรหมนิมันตนิกสูตร มู.ม. ๑๒/๕๙๐/๕๕๒. ตรัสแก่ภิกษุ ท. ที่เชตวัน.
     

แชร์หน้านี้

Loading...