เรื่องเด่น พระพุทธรูปทรงเครื่อง:เครื่องทรงเยี่ยงกษัตริยาธิราช

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 6 สิงหาคม 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    9fc8611b0a60a92a5d75ffadfc070e1db8623d82ea9bb12d38f92872998a636c.jpg
    สืบเนื่องจากคติความเชื่อเรื่อง ‘พระมหากษัตริย์เป็นสมมติเทพ’ เริ่มมีบทบาทอย่างเด่นชัดในช่วงกรุงศรีอยุธยา นอกเหนือจากรูปแบบการปกครองที่เปลี่ยนไปจากสมัยสุโขทัยโดยสิ้นเชิงแล้ว รูปแบบของศิลปะก็ได้รับอิทธิพลจากขอมในสมัยที่ขอมเรืองอำนาจด้วยเช่นกัน

    ศิลปะพระพุทธรูปของขอมตั้งแต่ยุค Angkorian ไม่ว่าจะเป็นศิลปะนครวัด บาปวน บายน ที่ปรากฏลักษณะทรงเครื่อง รวมถึงพระบูชาและพระเครื่องนั้น ได้ถ่ายทอดอิทธิพลเข้ามาในศิลปะอยุธยาแทบทั้งสิ้น สังเกตได้อย่างเด่นชัดจาก ‘พระพุทธรูปและพระเครื่อง’ ที่ปรากฏในยุคนั้น องค์พระจะแลดูสง่างามและฉลองพระองค์ทรงเครื่องขัตติยราชแบบกษัตริย์ เช่น สวมมงกุฎ กรองศอทับทรวง ฉลองพระบาท ฯลฯ ที่เรียกกันในนาม “พระพุทธรูปทรงเครื่อง”

    ซึ่งนอกจากเหนือจากมูลเหตุดังกล่าวนี้แล้ว ยังมีข้อสันนิษฐานอีกหลายประการ เช่น สร้างตามพระพุทธประวัติ ตอน ‘พระพุทธเจ้าทรงทรมานพระมหาชมพู’ ที่ปรากฏอยู่ในมหาชมพูบดีสูตรว่า "พระมหาชมพู เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีบุญญาธิการและมีฤทธานุภาพมาก ไม่ยอมรับนับถือพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าจึงเนรมิตพระองค์เป็นอย่างพระมหาจักรพรรดิ ทรงแสดงธรรมโปรดจนพระมหาชมพูลดทิฐิมานะ หันมายอมรับนับถือพระพุทธศาสนา" หรือ สร้างตามคติพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ที่จะหมายถึง ‘อนาคตพุทธเจ้า’ เป็นต้น

    72a653b875eaaa7b62a9f2cee95bc28b4fc257dcace5b88bd7aa48f14f46e251.jpg

    พระพุทธรูปทรงเครื่อง



    00de7630833a6083390bd4c496403226212e7076a355d06fb61a9fdead6566d0.jpg

    พระร่วงหลังรางปืน



    7cc32b279bc70a8b51102538cc4b69868be9b51c1aaff125f5f24c96e712c695.jpg

    พระร่วงหลังลายผ้า



    พระพุทธรูปทรงเครื่องที่ปรากฏในรูปแบบ “พระเครื่อง” มีอาทิ พระร่วงหลังรางปืน พระร่วงหลังลายผ้า พระนารายณ์ทรงปืน พระปางนาคปรก พระเทริดขนนก ฯลฯ ซึ่งดูจากอายุของพระเครื่องและพุทธศิลปะองค์พระแล้ว สันนิษฐานว่าน่าสร้างในสมัยขอมเรืองอำนาจและสร้างโดยกษัตริย์เจ้าผู้ครองแคว้น

    พระพุทธรูปทรงเครื่อง ยังมีความหมายในหลาย 'นัย' เช่น เรื่องการรวมร่างกษัตริย์ให้เป็นเทวราชา, การนับถือพระพุทธเจ้าว่าอยู่ในวรรณะกษัตริย์ และยังเป็นการอธิบายความว่า กษัตริย์ของสยามประเทศเป็น 'หน่อพระพุทธเจ้า' หรือผู้สืบเชื้อสายจากพระพุทธองค์โดยตรง เป็นต้น

    ในสยามประเทศ การสร้าง พระพุทธรูปทรงเครื่อง เป็นที่นิยมอย่างมากในสมัยอยุธยาตอนปลาย ในราวพุทธศตวรรษที่ 22-23 จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ราวพุทธศตวรรษที่ 24 โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ พระพุทธรูปทรงเครื่องน้อย และพระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่

    ddbe96958a8724808d3aaf49a66d788894d0a1401dd561690f0381b7dc968a79.jpg

    พระเทริดขนนก



    7a044891c0d79f79b01f209d4d3bcda6f60e9705764b0d4b9efcce2fdf4e5e49.jpg

    พระพุทธรูปทรงเครื่องน้อย-พระชัยพุทธมหานาถ



    894d55c54922afc248ccebeed60a358411d9a53af414a26649746701b9775e3c.jpg

    พระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่-พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ



    'พระพุทธรูปทรงเครื่องน้อย' เป็นพระพุทธรูปที่มีเค้าโครงศิลปะบาปวน ศิลปะบายน อาจทำเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก หรือ ‘พระชัยพุทธมหานาถ’ ซึ่งพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงโปรดฯ ให้จำหลักขึ้นทั้งหมด 23 องค์ และพระราชทานไปประดิษฐานยังที่ต่างๆ ในขอบเขตของพระราชอำนาจ เช่นที่เมืองละโว้หรือลพบุรีเป็นต้น ที่มาปรากฏอย่างชัดเจนในสมัยอยุธยา มีการแต่งองค์ทรงเครื่อง เช่น สวมเทริด หรือศิราภรณ์ มีกุณฑล (ตุ้มหู) สังวาล ทับทรวง ปั้นเหน่ง สนับเพลา รองพระบาท ฯลฯ แต่ยังไม่เต็มยศ

    สำหรับ พระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่' เริ่มปรากฏตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลางเรื่อยมา องค์พระพุทธรูปจะทรงเครื่องขัตติยราชแบบกษัตริย์อย่างเต็มยศมากขึ้น เช่น สวมมงกุฎ มีกรรเจียกจอน ตกแต่งเครื่องถนิมพิมพาพร อาทิ กุณฑล พาหุรัด ข้อพระกร ธำมรงค์ สร้อยสังวาล ทับทรวง ปั้นเหน่ง สนับเพลา ชายไหว กำไลพระบาท รองพระบาท อย่างอลังการ เช่น พระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ วัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งนับเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยาที่มีขนาดใหญ่ที่สุด

    85a4cb616ca7b86e66ae40bff63e7ad0be7e20e71158e6f4b1107e1f323974d7.jpg

    ปางห้ามสมุทร



    78fb28150d4bfb8f499bc682b7cf833425b76f46d48fd7ba79912f91a4fda956.jpg

    ปางห้ามญาติ



    9be594f6342546f93762b0bce8e2acdb16b2e19a102fe68b7ec242d40f5f4712.jpg

    ปางห้ามพระแก่นจันทน์



    นอกจากนี้ยังนิยมทำ “พระพุทธรูปทรงเครื่อง ประทับยืน ประทานอภัย” ใน 3 แบบ คือ ปางห้ามสมุทร คือ ยกพระหัตถ์ทั้งสองขึ้น ปางห้ามญาติ ยกพระหัตถ์ขวา และ ปางห้ามพระแก่นจันทน์ คือ ยกพระหัตถ์ซ้าย ส่วน “พระพุทธรูปทรงเครื่อง ประทับนั่ง” นิยมทำ ปางมารวิชัย

    ล่วงมาในสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ ระยะแรกแม้จะมีการสืบทอดงานศิลปะจากสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ต่อมาเค้าเงื่อนพระพุทธรูปทรงเครื่องที่ปรากฏเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง อาจสืบเนื่องจากการสร้างเครื่องทรง 'พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต' ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) ทรงสร้างถวายในลักษณะของเครื่องทรงเยี่ยงกษัตริยาธิราช ต่อมาปรากฏชัดเจนมากขึ้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ทรงสร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่ปางห้ามสมุทรขึ้น 2 พระองค์ และถวายพระนามว่า ‘พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก’ และ ‘พระพุทธเลิศหล้าสุลาลัย’ (ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงเปลี่ยนสร้อยพระนามเป็น 'นภาลัย') ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เรียกกันในนาม “พระรัตนฯ” จากนั้นก็เริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้น ให้สังเกตที่พระพักตร์และพระศอจะมีลักษณะแข็งเหมือนหุ่นกระบอก เข้าใจว่าไม่นิยมให้พระพุทธรูปแสดงอารมณ์และความรู้สึก นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดเจนว่ามีอิทธิพลของจีนปรากฏอยู่ อาจเนื่องจากรัชกาลที่ 3 ทรงติดต่อค้าขายกับจีนตั้งแต่ยังดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์แล้วก็เป็นได้

    e215e48b83167693c4a3155209dd59b377ec55cbb38c2d5be147f59fbeaab4e4.jpg

    พระพุทธรูปทรงเครื่องนั่ง ปางมารวิชัย



    fc26cb6c63f955bc1e60fc1e16833aa54528424247f6f9d29b27a30d35332c0b.jpg

    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต



    bfdd43f038dfdc3053678d1f09a30a1d7cc0b3c51fa02caa2b7ae86caf4cf6ec.jpg

    พระพุทธรูป พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระพุทธเลิศหล้าสุลาลัย



    4fb80d9071ce952d1b02a26411226b3a0d2047dd0a0e3544bcb947a7c4b51957.jpg

    พระทรงเครื่อง วัดนางนอง กทม.สร้างโดยรัชกาลที่ 3



    เอกลักษณ์สำคัญของ “พระรัตนฯ” ที่ได้รับอิทธิพลจากจีน มีอาทิ การปิดทองล่องชาด และการลงรักปิดทอง นอกเหนือจากการทำจีวรหรือพัสตราภรณ์พระพุทธรูปเป็นลายดอก ส่วนใหญ่จะทำเป็นลายดอกพิกุล ถ้าเป็นฝีมือช่างหลวงจีวรดอกจะละเอียดมากและบางแนบเนื้อ สันนิษฐานว่าคงจะนำลายผ้าจากต่างประเทศมาทำเป็นลายจีวร และต่อมาก็ทำแพร่หลายไปเป็นพระพุทธรูปปางอื่นๆ และกระจายไปถึงรูปพระอรหันต์ พระอัครสาวก เช่น พระมาลัย พระสังกัจจายน์ หรือรูปเคารพอื่นๆ เช่น พระนารายณ์ทรงโค พระแม่โพสพ ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นในการรังสรรค์งานศิลปะแห่ง 'พระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยรัตนโกสินทร์' หรือ ‘พระรัตนฯ’ ที่นิยมกันอย่างกว้างขวางครับผม

    235338bb8b494aecd3c8d27b17e693253765c37d50b529912d8d7fe900a1772d.jpg

    หลวงพ่อพุกกะยาภรณ์มณีศรีปทุม วัดพระธาตุจอมศีล จ.พะเยา พระพุทธรูปทรงเครื่องที่ใหญ่ที่สุดในโลก



    0a9ea153250d1c297afc0d278a6c876ce4ac67105a31e789fe5e3f10abd7fa3c.jpg

    พระรัตนโกสินทร์ ทรงเครื่อง



    215f883dfc9b462c7f8bcd81d32c1af0855894eac6d88285a109eb2be0aad308.jpg

    พระพุทธไสยาสน์ทรงเครื่อง วัดพระทอง หรือ วัดพระผุด จ.ภูเก็ต พระพุทธรูปทรงเครื่องโนรา หนึ่งเดียวในประเทศไทย



    4ceb692c0a4ffce83742f48cb023bd85f50eaf553792fe0f2a1c015b9a0010ef.jpg

    พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ วัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา พระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยาที่มีขนาดใหญ่ที่สุด



    โดย ราม วัชรประดิษฐ์
    -------------
    ขอขอบคุณที่มา
    http://www.siamrath.co.th/n/7117
     

แชร์หน้านี้

Loading...