พระราชปัจฉิมวาจา ; พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในห้อง 'ในหลวงกับพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย aom-am 1, 17 กันยายน 2009.

  1. aom-am 1

    aom-am 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +731
    พระราชปัจฉิมวาจา ; พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรสของพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ประสูติเมื่อวันมหาปวารณา พ.ศ. 2347 และสวรรตในวันมหาปวารณา พ.ศ. 2411

    คุณมหัศจรรย์ครั้งสุดท้ายของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันสวรรคตอันเป็นวันมหาปวารณา ขึ้น 15 ค่ำ เวลาเย็น พระองค์ทรงประชวนหนัก แต่ทรงสมบูรณ์ด้วยพระสติสัมปชัญญะ ทรงกำหนดวาระสุดท้ายแห่งพระชนมายุของพระองค์เป็นแน่แล้ว จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสให้พระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก) เข้าไปใกล้พระที่บรรทม มีพระราชดำรัสพระราชนิพนธ์เป็นภาษาเขมร ให้พระยาศรีสุนทรโวหารจนเป็นอักษร แล้วอัญเชิญไปอ่านในที่ประชุมสงฆ์วัดราชประดิษฐ์ฯ แต่ในที่นี้จะตัดเอามาเฉพาะครึ่งสุดท้ายเท่านั้น (ขอแปลเป็นภาษาไทย) มีความตามพระราชประสงค์เหมือนทรงภาษัท ณ สังฆสันนิบาต (ที่ประชุมสงฆ์) ว่า

    “บัดนี้ โยมได้ตั้งจิตอธิษฐานสมาทานศีลห้าแล้ว กระทำมนสิการไว้ในใจ โยมศึกษาอยู่ว่า ในบรรดาขันธ์ห้า อายตนะภายในหก อายตะภายนอกหก วิญญาณหก สัมผัสหก (และ) ในเทวนาที่เป็นไปในทางทวารทั้งหก สิ่งนั้นไม่มีเลยในโลก โยมได้ศึกษาถึงการไม่ยึดมั่นอยู่ว่า “สังขารทั้งปวงไม่เที่ยงธรรมทั้งปวง ไม่ใช่ตัวตนย่อมเป็นไปตามปัจจัย สิ่งนั้นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั้น นั้นไม่ใช่ตัวตนของเรา”

    ความตายใดๆ ของสัตว์ทั้งหลาย ความตายนั้นไม่น่าอัศจรรย์ เพราความตายนั้นเป็นวิถีทางของสัตว์ทั้งปวง ขอพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด, โยมขอลา โยมไหว้สิ่งใดที่โยมผิดพลั้ง ขอสงฆ์จงอดโทษสิ่งนั้นแก่โยมเถิด แม้เมื่อกายของโยมกระสับกระส่ายอยู่ แต่จิตของโยมจักไม่กระสับกระส่ายไปตามกาย โยมทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าศึกษาอยู่อย่างนี้”

    เมื่อพระองค์ทรงรับสั่งพระยาศรีสุนทรโวหารเสร็จแล้ว ก็ทรงมนสิการชำระจิตให้สะอาด ด้วยภาวนาพระกรรมฐาน ซึ่งกล่าวกันว่าพระองค์ทรงกำหนดอานาปาณสติ คือ การกำหนดลมหายใจเข้าออกประกอบด้วยบทภาวนาพุทโธกำกับ จึงทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดในสมัยนั้นได้ยินพระสุรเสียงว่า “พุท-โธ, พุท-โธ, พุท-โธ… แล้วพระสุรเสียงก็ค่อยแผ่วเบาลงๆ ได้ยินเสียงคำว่า “โธ-โธ-โธ... แล้วเสด็จสวรรคตด้วยอาการอันสงบ

    เพราะฉะนั้น การจากไปของพระมหากษัตริย์ของไทยพระองค์นี้ ชื่อว่าจากไปด้วยธรรมหาได้ยาก โดยมีกรรมารมณ์ฝ่ายดีเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะจากไปอย่างสงบ ด้วยการมีพระสติสัมปชัญญะมั่นคงมุ่งตรงต่อพระธรรมที่พระองค์ทรงยึดมั่นเป็นที่พึ่ง


    ขอขอบพระคุณและโมทนาบุญอย่างสูงสำหรับข้อมูลจาก :
    • หนังสือชีวประวัติ, วัตรปฏิบัติ, ปฏิปทา, และปาฏิหาริย์ หลวงปู่สี ฉันทสิริ: ชนินทร์ ดีนานข้อมูล และจักรภพ เจริญรัตน์ เรียบเรียง. หน้า 38-40.


    ที่มา www.dannipparn.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...