พระราชพรหมยานมหาเถรานุสรณ์

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 16 มิถุนายน 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    อนุสรณ์ พระราชพรหมยาน (วีระ – ฤาษีลิงดำ เปรียญ)แห่งวัดท่าซุง อุทัยธานี

    พระราชพรหมยาน หรือที่รู้จักกันทั่ว ๆ ไป ว่า “ท่านมหาวีระ – ฤาษีลิงดำ” ศิษย์เอกหลวงพ่อปานวัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านมีพระราชทินนามอันงดงาม มีนามเดิมก็ไพเราะ มีนามแฝงอันเหมาะสม อันมีสำนักให้การศึกษาปฏิบัติธรรม ณ วัดท่าซุง หรือวัดจันทาราม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี มีชื่อเสียงอันเกรียงไกรเป็นที่รู้จักกันทั่ว ๆ ไป ทั้งเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนในวงกว้างทั่วประเทศ

    นับว่าท่านได้อุบัติเกิดมาเป็น “โชติ โชติ ปรายโน – สว่างมาและสว่างไป” เป็นชีวิตที่มีประสิทธิภาพ ประกอบประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นอย่างสมบูรณ์ ชีวิตความเป็นอยู่ของท่าน ชื่อว่าเป็น สุชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ดีงาม เสฏฐชีวิต มีความเป็นอยู่อย่างประเสริฐ และ อโฆชีวิต มีความเป็นอยู่ที่ไม่ว่างเปล่าจากประโยชน์ ทั้ง นี้เพราะท่านมี จักรธรรม คือ ล้อแห่งความดีหมุนชีวิตของท่านไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ๔ ประการ คือ

    ๑. ปฏิรูปเทสสวาสะ อยู่ในถิ่นที่ประเทศอันสมควรฯ
    ๒. สัปปุริสปัสสยะ คบหาสมาคมกับคนดี ที่เรียกว่า สัตบุรุษฯ
    ๓. อัตตสัมมาปณิธิ มีการตั้งตนไว้ชอบ ประกอบด้วยศีลธรรมฯ
    ๔. ปุพเพกตปุญญตา เป็นผู้มีความดีงาม คือบุญที่ได้ทำไว้ก่อนฯ

    ท่านจึงได้เสียสละ ออกบรรพชาอุปสมบท มอบกายถวายชีวิตแด่พระรัตนตรัยด้วยความศรัทธาเลื่อมใส ดำเนินรอยตามปฏิปทาของสมเด็จพระบรมศาสดาในข้อว่า

    “อนิวตติ ภวิสสามิ พรหมเจรปรายโน เราจักไม่ถอยหลังกลับ จะมุ่งประพฤติพรตพรหมจรรย์ไปไม่หยุดยั้ง”

    ท่านจึงได้นามว่าเป็น “พระเถระ ผู้มีคามมั่นคงยั่งยืน ด้วยอายุพรรษาอย่างเพียบพร้อมตามคุณของพระเถระ ๔ ประการ คือ
    ยมหิ สจจญจ ธมโม จ อหิสา สญญโม ทโม
    สเว วนตมโล ธีฌร โส เถโรติ ปวุจจติ
    (พุทธ.ขุ.ธ.๒๕/๕๐)

    ท่านผู้ใดมีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรมนำใจ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีความสำรวมระวัง และมีความข่มใจ ท่านผู้นั้นแลได้ชื่อว่า ผู้มีปัญญาหามลทินมิได้ มีนามว่า พระเถระมั่นคง พระราชพรหมยาน (วีระ – ฤาษีลิงดำ เปรียญ) ได้ปฏิบัติตามจริยาวัตรของพุทธสาวก มุ่งหมายเพื่อดัด ขัด เกลา กาย วาจา ใจ ให้สะอาดผ่องใสบริสุทธิ์ โดยหลักปฏิบัติ คือ

    กายกมมํ สุจิ เตสํ กายกรรมของท่านสะอาด วจีกมมํ อนาวิลํ วจีกรรมของท่านไม่เศร้าหมองขุ่นมัว มโนกมมํ สุวิสุทธํ มโนกรรมของท่านบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะอาศัยการตั้งจิตคิดชอบ ดังคำประพันธ์ว่า

    [FONT=AngsanaUPC,AngsanaUPC][FONT=AngsanaUPC,AngsanaUPC]ตั้งจิตคิดชอบ ตามกรอบศาสนา
    สัมผัสศรัทธา ไม่ย่อท้อถอย
    ผลความดีงาม ติดตามรอคอย
    ทำดีบ่อยบ่อย ทยอยรายรับฯ


    ขอถวายความเคารพ
    พระเทพกิตติเมธี
    วัดราชผาติการาม
    [/FONT][/FONT]
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เหลือไว้แต่ความทรงจำ

    ข้าพเจ้าอยู่ในฐานะศิษย์ของหลวงพ่อรูปหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ในฐานะใกล้ชิดแบบซี้ปึก แต่ก็มีความเคารพนับถือในหลวงพ่อมิได้ด้อยไปกว่าศิษย์ท่านอื่นคนอื่นแน่ ข้าพเจ้ารู้จักหลวงพ่อเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยพระมหาวิจิตร วิจิตโต อดีต เจ้าอาวาสวัดภาวนาภิรตาราม เพื่อนซี้ของข้าพเจ้าเป็นผู้พามากราบและรู้จัก ก่อนหน้านี้ ถ้าคุยกันเรื่องหลวงพ่อดัง ๆ หรือพระสุปฏิบัติ พระมหาวิจิตรต้องยกหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นหนึ่ง อะไรก็หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อะไรก็หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ข้าพเจ้าก็อดนึกขำไม่ได้ว่า พระอะไรวะ เป็นพระไม่ชอบ ชอบเป็นฤาษี ชอบเป็นลิง ชาวบ้านก็โง่ พระไม่นับถือ ไปนับถือฤาษี ไปนับถือลิง

    แต่เมื่อได้มากราบท่าน ได้เห็นปฏิปทาของท่าน ได้มาเห็นผลงานการพัฒนาทั้งด้านวัตถุและด้านจิตใจตามหลักพระพุทธศาสนา ก็เลยหมดข้อกังขา และนับตั้งแต่บัดนั้นมา ข้าพเจ้าก็ได้กลายมาเป็นศิษย์ของหลวงพ่ออีกคนหนึ่ง ข้าพเจ้าขึ้นมากราบหลวงพ่อแทบทุกปี หรือบางทีก็ปีละหลายหน บางครั้งก็มากับพระมหาวิจิตร บางครั้งก็มากับพระมหาสันติ (มหาดำ) หรือไม่ก็มากับญาติโยมที่ต้องการมากราบหลวงพ่อ และทุกครั้งที่ขึ้นมาพบท่าน ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับจากหลวงพ่ออย่างดี

    ท่านยิ้มย่องทักทายเหมือนลูกหลาน ให้ศีลให้พร ไม่แสดงอาการถือตนวางตัว หรือยกตนข่มว่าข้าเป็นพระดังระดับเกจิอาจารย์ แม้พระในวัดจันทาราม และศิษย์ของหลวงพ่อทั้งหลาย ก็ให้ความเคารพนับถือข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน

    ปกติที่วัดของหลวงพ่อ จะมีการปฏิบัติกรรมฐานทุกวัน ในระยะต้น ๆ นั้น หลวงพ่อจะลงสอนกรรมฐานเอง ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเข้ากรรมฐานกับหลวงพ่อเป็นเวลา ๒ คืนติดต่อกัน คืนสุดท้ายได้มีนิมิตเกิดแก่ข้าพเจ้าที่ต้องจดจำไว้ไม่เคยลืม คือ ขณะที่ข้าพเจ้ากำหนดอารมณ์กรรมฐานตามที่หลวงพ่อสอนอยู่นั้น ได้เกิดทุกขเวทนาอย่างแรงกล้าแก่ข้าพเจ้ามีความรู้สึกเหมือนกายทั้งสิ้นถูกจับบิดแทบจะละเอียด เจ็บปวดร่างกายแทบจะแตกดับ รู้สึกว่าใจมันเหลืออยู่เพียงน้อยนิด ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังรวบรวมสติ และขันติต่อสู้อยู่กับทุกขเวทนานั้น ได้ยินเสียงหลวงพ่อบอกว่า ตั้งสติไว้ให้มั่นนะเจ้าคุณ สังขารทั้งหลายมันเป็นอย่างนี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนอะไรของเรา ไปบังคับให้มันไม่ให้เจ็บปวดก็ไม่ได้ อย่าไปยึดถือมัน ข้าพเจ้าค่อยระบายลมหายใจกำหนดทุกขเวทนา

    สักครู่ทุกขเวทนานั้นก็หายไป ข้าพเจ้ามีเหงื่อไหลออกมาโทรมกายทีเดียว ขณะนั้นยังอยู่ในลักษณะที่หลับตาอยู่ รู้สึกว่ามีมือมาตบที่หัวไหล่เบา ๆ พร้อมมีเสียงพูดว่า “เป็นอย่างไร เจ้าคุณ” ข้าพเจ้าลืมตา เห็นหลวงพ่อนั่งยอง ๆ อยู่ใกล้ ๆ ยิ้มอยู่ข้างหน้า

    ข้าพเจ้าตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ พอทนได้ แต่ก็หนักเอาการทีเดียว ไม่เคยพบอย่างนี้มาก่อนครับ” หลวงพ่อบอกว่า “ก่อนที่จะนั่งนั้น ผมมองเห็นหน้าเจ้าคุณมีอะไรผิดสังเกตอยู่ ก็เลยบอกลูกศิษย์ไว้ให้คอยสังเกตดูเจ้าคุณ หากมีอะไรให้บอก เมื่อเขาไปบอก ผมก็รีบมาเตือนสติให้สู้กับมันด้วยปัญญา แต่ไม่นึกถึงว่ามันจะเล่นงานเจ้าคุณหนักขนาดนี้”

    ข้าพเจ้ามองท่านเป็นเชิงถาม ท่านกล่าวต่อไปว่า “ก็ขันธมาร ไงเล่า เจ้าคุณ” กล่าวจบท่านก็ลุกไป ข้าพเจ้านึกตามหลังท่านในใจว่า เออ จริง จากการที่ได้รับทุกขเวทนาคราวนั้น ข้าพเจ้าได้ถือเอามาเป็นบทเรียน เมื่อมีความทุกข์กายทุกข์ใจ ข้าพเจ้าก็ทนได้ เพราะมันเทียบกับทุกข์ในครั้งนั้นไม่ได้แม้แต่นิด

    ต่อมา ข้าพเจ้าได้จัดตั้งสถาบันบาฬีศึกษาพุทธโฆส เพื่อฟื้นฟูการเรียนการสอนคัมภีร์ไวยากรณ์ชั้นสูง คือ มูลกัจจายน์ หลวงพ่อได้ให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ ได้ปวารณาถวายความอุปถัมภ์ค่าครูสอนมูลกัจจายน์ปีละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยมอบถวายในวันทำบุญประจำปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ และในปีเดียวกันนี้ ข้าพเจ้าได้จัดแปลและพิมพ์คัมภีร์มูลกัจจายน์ทั้งพากย์ภาษาบาลีและภาษาไทย ๒ เล่ม หลวงพ่อทราบและรู้ถึงความสำคัญของคัมภีร์มูลกัจจายน์ว่าเป็นหัวใจของการเรียนภาษาบาลี ขอรับเป็นเจ้าภาพพิมพ์ทั้งหมดเป็นจำนวนเงิน ๒๒๐,๐๐๐ บาท ในหนังสือที่จัดพิมพ์นั้น ข้าพเจ้าได้นำรูปของหลวงพ่อลงไว้เป็นเกียรติประวัติ และได้นำขึ้นถวายกรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูป

    อนึ่งเมื่อคราวที่มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแห่งคณะสงฆ์ไทย ฝ่ายมหานิกายจัดงานสมโภชน์พระไตรปิฏก และอรรถกถาฉบับมหาจุฬาเตปิฏกํ ได้ถวายพระไตรปิฏกและอรรถกถาแก่เจ้าคณะจังหวัดทั่วประเทศ ข้าพเจ้าก็ได้มอบคัมภีร์มูลกัจจายน์ทั้งพากย์ภาษาไทยและบาลีถวายแก่เจ้าคณะจังหวัดทั่วประเทศร่วมไปด้วย โบราณกล่าวกันว่าการเรียนมูลกัจจายน์ ได้บุญแรงมากลงตัวเปกหนึ่ง (คงหมายถึงการเขียนสูตรมูลฯ ลงในกระดาน) หลวงพ่ออุปถัมภ์การจัดพิมพ์มูลกัจจายน์หมด ทั้งพากย์ภาษาบาลีและไทย จะได้บุญมากสักปานไหน แล้วหนังสือนี่ก็ถูกทอดทิ้งมานานไม่ได้เล่าเรียนกันถึง ๗๐–๘๐ ปีแล้ว นอกจากจะได้บุญในการจัดพิมพ์แล้ว หลวงพ่อยังได้ชื่อว่า เป็น พระอนุรักษ์มรดกทางปัญญาของพระพุทธศาสนาไว้ด้วย

    ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปกราบหลวงพ่อครั้งสุดท้าย เมื่อกลางพรรษา โดยมาทำวัตรกับท่าน ตามประเพณีศิษย์กับอาจารย์ หลวงพ่อยังได้ถามถึงงานที่สถาบันบาฬีศึกษาพุทธโฆส และได้ปรารภว่าจะหยุดงานก่อสร้างที่วัดจันทารามนี้ในราวปี ๒๕๓๘ จากนั้น จะหันมาส่งเสริมการศึกษาของเยาวชน และสอนการปฏิบัติ ถึงตอนนั้นก็คงจะช่วยเหลือข้าพเจ้าได้เต็มที่ ข้าพเจ้าก็รู้สึกเป็นปลื้มไปน่ะซิ กลับจากกราบหลวงพ่อครั้งนั้นแล้ว ข้าพเจ้าตั้งใจจะไปกราบหลวงพ่ออีก เพราะมีเรื่องลักไก่หลวงพ่อไว้เรื่องหนึ่ง แต่ก็ผลัดวันประกันพรุ่งว่า เมื่อนั้นเถอะ เมื่อนี้เถอะ จนกระทั่งวันที่ ๒๘ ตุลาคม กลับจากสอนหนังสือหันไปเปิดทีวีดู เห็นตัวอักษรวิ่งในจอประกาศว่า พระราชพรหมยาน หลวงพ่อ
    ฤาษีลิงดำ อาพาธหนักต้องการเลือดมาก เชิญบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลศิริราชด่วน รีบโทรศัพท์ไปถามท่านมหาสันติ นัดกันว่าพรุ่งนี้ตอนเย็น ๆ จะไปเยี่ยม ก็ได้แต่ภาวนาขอให้หลวงพ่ออย่าเป็นอะไรมาก

    รุ่งขึ้นวันที่ ๒๙ ตุลาคม ข้าพเจ้าไปสอนหนังสือที่มหาจุฬาฯ และเลยไปฟังสวดศพที่วัด มกุฏกษัตริยาราม พบคนรถของเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ที่ประตู บอกว่าท่านมหาสันติกำลังโทร.ตามหาท่านเจ้าคุณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำมรณภาพแล้ว เมื่อประมาณ ๔ โมงนี้ ข้าพเจ้ายืนสงบนิ่งทำใจอยู่ชั่วครู่ เมื่อตั้งสติได้แล้วจึงคิดว่าประเดี๋ยวฟังสวดศพแล้วจะไปที่โรงพยาบาล หลังจากฟังสวดศพแล้วขออาศัยรถเจ้าประคุณสมเด็จฯ กลับวัดด้วย เมื่อส่งสมเด็จที่วัดแล้ว ได้ขอแรงเด็กให้ขับรถไปที่โรงพยาบาลไปที่ตึก ๘๔ ถามยามรักษาการ ยามได้บอกว่า ลูกศิษย์ของหลวงพ่อได้นำศพของหลวงพ่อกลับวัดท่าซุงแล้ว กว่าข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปกราบศพหลวงพ่อก็ล่วงไปวันที่ ๒ พฤศจิกายน

    ทั้งหมดนี้ เป็นความเกี่ยวข้องระหว่างหลวงพ่อกับข้าพเจ้าที่ควรบันทึกไว้เพื่อความทรงจำ สุดท้าย ขอกล่าวสรุปชีวิต และผลงานของหลวงพ่อสั้น ๆ ว่า

    หลวงพ่อเป็นพระดีผู้รักษาโลก เป็นที่พึ่งของชาวโลก
    หลวงพ่อเป็นพระดีผู้สร้างโลก สร้างสมบัติไว้แก่โลก
    หลวงพ่อเป็นพระดีประดับโลก ประดับพระศาสนา
    นรชาติวางวายมลายสิ้นทุกอินทรีย์ สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดีประดับไว้ในโลกา
    ทาดีก็ปรากฏ เกียรติยศก็ฤาชา ทำชั่วก็นินทา ทุรยศยินขจร ํ


    พระราชปริยัติโมลี
    รองเจ้าคณะภาค ๑๓
    ผู้อำนวยการสถาบันบาฬีศึกษาพุทธโฆส
    รองเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม
    ๗ มกราคม ๒๕๓๖
     
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    [​IMG]
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com<O:p
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2010
  4. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]
    อภิวาทวันทา
    อนุโมทนา สาธุ...สาธุ...สาธุ...
    อนุโมทามิ
     
  5. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    สาธุ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นะโมพุทธายะ อนุโมทามิ
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    จดหมายฉบับสุดท้าย

    ข้อความในจดหมายปรากฏอยู่ในเอกสารที่ถ่ายส่งมา มีข้อความที่ชวนให้ระลึกถึงความหลังอยู่ตอนหนึ่งซึ้งใจมาก ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน ได้สรุปท้ายว่า “เป็นอันว่า คณะกินพริกป่นกับน้ำปลา คงเหลือแต่ท่านเจ้าคุณกับผมเท่านั้น ยังไม่แน่ใจว่าใครจะตายก่อนใคร ใครตายก่อนก็สบายก่อน”

    คำว่า คณะกินพริกป่นกับน้ำปลานั้น หมายถึง พระภิกษุจำนวนหลายรูปที่อยู่และฉันร่วมกันที่หอสวดมนต์ คณะ ๗ วัดอนงคาราม กทม. ในความอุปการะเลี้ยงดูของพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณมหาโพธิวงศาจารย์ เจ้าอาวาสวัดอนงคาราม รูปที่ ๗ ในสมัยนั้นมีสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ได้รับราชทินนามว่า “พระมงคลเทพมุนี” เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นเจ้าอาวาส รูปที่ ๖ มีสมณศักดิ์ ในสมัยนั้นเป็นพระราชาคระชั้นหิรัญบัตร มีราชทินนามว่า “พระมหาโพธิวงศาจารย์”

    คณะดังกล่าว เท่าที่จำได้ ซึ่งดำรงเพศบรรพชิตอยู่มาตลอด มี ๕ รูป เรียงตามลำดับที่เป็นพระราชาคณะ คือ

    ๑. พระสรภาณโกศล (สมบูรณ์ โชติปาโล ป.ธ. ๖) เป็นเจ้าอาวาสวัดรัชฏาธิฐาน (วัดเงิน) เขตตลิ่งชัน กทม.

    ๒. พระเทพวิสุทธิเวที (ไสว สุจิตโต ป.ธ. ๖) เป็นเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม กทม. รูปที่ ๙

    ๓. พระสรภาณกวี (เจือ อุตตมวํดส ป.ธ. ๖) เป็นเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม กทม. รูปที่ ๑๐

    ๔. พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร ป.ะ. ๔) เป็นเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

    ๕. พระราชสุธี (ยิ้ม ภทรธมโม ป.ธ. ๙) เป็นเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม กทม. ปัจจุบันรูปที่ ๑๑

    ทั้ง ๕ รูปนี้ เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์สำนัก ฉันข้าวหม้อเดียวกัน ได้เป็นเจ้าอาวาสและเป็นพระราชาคณะทุกรูป แปลกแต่จริง อาจเป็นเพราะฉันข้าวคลุกพริกป่นกับน้ำปลามาด้วยกระมัง ใช่หรือไม่ก็ไม่ทราบ บัดนี้ คณะดังกล่าวมรณภาพไป ๔ รูปแล้วตามวิสัยสังขาร ยังคงเหลืออยู่รูปเดียวคือรูปที่ ๕ ซึ่งเป็นผู้เขียนบทความนี้ (ถ้ามรภาพไปหมดแล้วก็คงไม่ได้เขียน…)

    บัดท่านนี้ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน ท่านก็สบายไปก่อนแล้วตามคำพูดของท่านว่า “ใครตายก่อนก็สบายก่อน” ด้วยอำนาจบุญกุศล ขอจงเป็นพลวปัจจัยให้ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน ประสพสุขบริสุทธิ์เทอญ[FONT=Cordia New,Cordia New][FONT=Cordia New,Cordia New].
    [/FONT]
    [/FONT]
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พระราชสุธี
    เจ้าอาวาสวัดอนงคาราม กทม.
    ๔ มกราคม ๒๕๓๖

    (จดหมายจากหลวงพ่อเขียนถึงพระราชสุธี)
    วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี

    ๑๖ กันยายน ๒๕๓๔

    เรียน ท่านเจ้าคุณ ที่นับถือ

    หนังสือแจ้งงานพระราชทานเพลิงศพ ท่านเจ้าคุณสรภาณกวีนั้น ผมได้รับแล้ว แต่ไม่สามารถมาด้วยตนเองได้ เพราะกำลังป่วย และป่วยพิเศษกว่าที่แล้ว ๆ มา เพราะมันบวมตั้งแต่เท้าถึงหน้า อาการแบบนี้เป็นมาหลายเดือนแล้ว ประเดี๋ยวบวม แล้วมันก็ยุบ เมื่อยุบไม่กี่วันมันก็บวมใหม่ มีอาการมึนงงเป็นปกติ เดินไม่ถนัด จึงมอบผ้าไตร ๑ ไตร และปัจจัย ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ให้พระปลัดวิรัช นำมาถวายท่านเจ้าคุณ สุดแล้วแต่ท่านเจ้าคุณเห็นสมควรในการใช้

    เป็นอันว่า คณะกินพริกป่นกับน้ำปลา คงเหลือแต่ท่านเจ้าคุณกับผมเท่านั้น ยังไม่แน่ใจว่าใครจะตายก่อนใคร ใครตายก่อนก็สบายก่อน
    ที่สุดนี้ ขอให้ท่านเจ้าคุณคงมีความสุขในฐานะเจ้าอาวาสวัดหลวง เท่าที่จะพึงสุขได้

    พระราชพรหมยาน

    ถวายท่านเจ้าคุณกวีวงศ์
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ระลึกถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อ

    เมื่อผมได้ทราบข่าว ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) (ฤาษีลิงดำ) มรณภาพ ผมฟังแล้แทบจะไม่เชื่อเลย เพราะผมเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านเป็นคนแข็งแรง สง่าผ่าเผย มีสุขภาพดี เป็นคนดีอารมณ์ดี หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ มองดูภายนอกไม่บ่งบอกว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อจะมรณภาพเร็วเช่นนี้ แต่ตามคติธรรมคนเราเกิดแล้ว ย่อมหนีไม่พ้นความตายด้วยกันทั้งนั้น จะตายหรือช้าเท่านั้น และตายแล้วเกิด แต่การเกิดนั้นสุดแต่ผลกระทบและอกุศลกรรม ที่ตนได้กระทำไว้ในชาตินี้ กุศลกรรมทำให้เกิดในสุคติ อกุศลกรรมทำให้เกิดในทุคติ

    ผมได้นั่งรำพึงกับตัวเองว่า ชีวิตเรานี้ ไม่มีอะไรแน่นอนเลย เห็นหน้ากันอยู่วันนี้ พรุ่งนี้ก็มีอันเป็นไปเสียแล้ว ทั้ง ๆ ที่คิดว่าคนนี้ยังไม่ควรตายเหมือนอย่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่ท่านมรณภาพรวดเร็ว กะทันหัน จนทำให้ผู้คนมากมายที่เคารพรักในพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ตกใจและเสียใจกันเป็นอย่างมาก ตามที่ทราบ ๆ กัน และผมในฐานะที่เคารพรัก พระเดชพระคุณหลวงพ่อรูปหนึ่ง รู้สึกตกใจมากที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อมาจากไปรวดเร็วเช่นนี้ ก็เชื่อว่าคุณความดีทั้งหลาย ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้บำเพ็ญไว้ทุก ๆ ด้าน ดังที่เห็นประจักษ์ จะเป็นบุญกุศลส่งให้วิญญาณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ประสบแต่สันติสุข ตามควรแก่คติวิสัยในสัมปรายภพ ทุกประการฯ


    พระโสภณรัตนาภรณ์
    เจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม
    เลขานุการ ศ.ต.ภ.
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    วาลยคาถา

    พระราชพรหมยาน อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี ได้รู้จักคุ้นเคยกับอาตมา มาเป็นเวลาประมาณ ๓๐ กว่าปี ตั้งแต่ท่านเป็นพระมหาวีระ ถาวโร ต่อมาท่านเจ้าอาวาสองค์เก่า คือ ท่านพระครูสังฆรักษ์อรุณ อรุโณ ท่านได้สร้างหอสวดมนต์ ๑ หลัง แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ท่านจึงได้ไปรับท่านพระมหาวีระถาวโรมาช่วยทำการก่อสร้างจนสำเร็จเรียบร้อยเป็นอันดี

    ต่อมาท่านพระครูสังฆรักษ์อรุณ อรุโณ ได้ลาสิกขาบทแล้วท่านพระมหาวีระ ถาวโร ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดจันทาราม อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี สืบต่อมาเป็นเวลาหลายปี จนท่านถึงมรณภาพไปตามอายุสังขาร

    พระราชพรหมยาน ท่านได้พัฒนา วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี จนเจริญรุ่งเรืองที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยตั้งแต่สร้างวัดจันทารามมาจะเห็นได้ด้วยสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในวัดจันทาราม อย่างมากมาย นับว่า พระราชพรหมยานเป็นพระนักพัฒนารูปหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานี

    พระราชพรหมยาน เป็นพระนักปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน ประชาชนทั้งหลายในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ที่ยังไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา เมื่อได้มาฟังธรรมะจากพระราชพรหมยานแล้ว ก็พากันนับถือพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้นและมากมาย ที่นับถืออยู่แล้วก็นับถือพระพุทธศาสนายิ่ง ๆ ขึ้นไปเป็นลำดับ ได้ชื่อว่าท่านเป็นผู้ประกาศพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองรูปหนึ่ง หากท่านมีชีวิตอยู่นานกว่านี้ พระพุทธศาสนาจะเจริญขึ้นอีกไม่น้อย เป็นที่น่าเสียดาย ท่านมาด่วนจากไปเสีย

    พระราชพรหมยาน ทำให้จังหวัดอุทัยธานีเจริญขึ้นเป็นลำดับ ทั้งพุทธจักร และอาณาจักร ทำให้ประชาชนทั่วประเทศยังไม่รู้จักจังหวัดอุทัยธานีก็ได้รู้จักขึ้นเป็นลำดับอย่างมากมาย เพราะจังหวัดอุทัยธานี เป็นจังหวัดเล็ก มีอำเภอเพียง ๗ อำเภอเท่านั้น คือ อำเภอเมือง อำเภอหนองฉาง อำเภอทัพทัน อำเภอหนองขาหย่าง อำเภอบ้านไร่ อำเภอสว่างอารมณ์ อำเภอลานสัก และกิ่งอำเภอห้วยคต เท่านั้น ตั้งอยู่ห่างจากถนนสายเอเซียประมาณ ๑๖ กิโลเมตร

    ฉะนั้นประชาชน ภาคเหนือก็ตาม ภาคกลางก็ตาม และภาคใต้ก็ตาม ถ้าเดินทางมาทางสายเอเชีย ถ้าไม่ตั้งใจแวะเข้ามาแล้ว จะไม่เห็นจังหวัดอุทัยธานีเลย เหตุนี้ประชาชนทั่วประเทศจึงไม่ค่อยรู้จักจังหวัดอุทัยธานี แต่พระราชพรหมยาน ท่านมาอยู่จำพรรษาจังหวัดอุทัยธานี จึงดึงดูดประชาชนทั่วประเทศให้รู้จักจังหวัดอุทัยธานีได้อย่างมากมาย

    แต่พระราชพรหมยานได้จากไปด้วยความรัก ความอาลัยอย่างซาบซึ้งเป็นอันมาก แต่อย่างไรก็ตาม สังขารทุกชนิด เมื่อเกิดขึ้นในโลกนี้แล้ว ย่อมตกอยู่ในพระไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยกันทุกรูปนาม อาตมาเพียงแต่อ้อนวอนวิญญาณของท่านว่า ด้วยคุณงามความดีที่ท่านได้สั่งสมไว้อย่างมากมายนี้ จงดลบันดาล ให้ท่านได้ไปสู่สุคติภพด้วย เทอญ.



    พระสุรทรมุนี
    เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี
    วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม

     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    คำไว้อาลัย

    ในวโรกาสที่ พระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน (ฤาษีลิงดำ) อดีตเจ้าอาวาสวัดทาราม (ท่าซุง) ได้มาถึงแก่มรณภาพลงนั้น นับว่าเป็นการสูญเสียพระมหาเถระผู้ใหญ่ ผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลวงพ่อ ท่านได้เป็นนักเสียสละทั้งกำลังกาย กำลังใจ ตลอดถึงกำลังทรัพย์ ในการจรรโลงพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะวัดจันทารามนั้นให้เจริญรุ่งเรืองตลอดมา

    ฉะนั้น การที่หลวงพ่อได้มาจากไปอย่างไม่มีวันที่จะได้กลับมาเช่นนี้ ได้ทิ้งความอาลัยไว้ให้แก่คณะศิษยานุศิษย์ ทั้งทางไกลและทางใกล้ไว้เป็นจำนวนมาก ศิษยานุศิษย์ทุก ๆ คนจะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ก็ตาม ยังมีความเคารพนับถือในคำสั่งสอนของหลวงพ่อดัวยดีเสมอมามิเคยที่จะลืมเลย ยังประทับอยู่ในดวงใจของคณะศิษยานุศิษย์แต่ละคน และจะประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของหลวงพ่อที่ได้อบรบมา จะเป็นเสียงหรือภาพของหลวงพ่อก็ตาม ยังปรากฏแก่สายตาของคณะศิษยานุศิษย์ชั่วนิรันดร์กาล

    ขอให้ดวงวิญญาณของหลวงพ่อ จงไปสู่ที่อันสงสุขอันพึงปรารถนาในสัมปรายิกภพ จงทุก ๆ ประการ


    พระอุดรคณารักษ์ วัดพระเชตุพน
    คณะใต้ ต.๑ เขตพระนคร
    กรุงเทพมหานคร
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ระลึกถึงท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน

    ระลึกถึงท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน
    (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วีระ ถาวโร)
    อดีตเจ้าอวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
    วิสาสา ปรมา ญาตี
    ความคุ้นเคย เป็นญาติอย่างสนิทฯ


    ญาติทางพระพุทธศาสนามีอยู่ ๒ ทาง ทางหนึ่งได้แก่ ญาติทางสายสัมพันธ์เรียกว่า ญาติสายโลหิต หมายถึงความใกล้ชิดทางสายเลือด เป็นญาติที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติตัดไม่ได้ ขายไม่ขาด นักปราชญ์ท่านแนะให้ดูแลรักษาเกื้อกูลกัน ทอดทิ้งไม่ได้ ญาติอีกประการหนึ่งเรียกว่าญาติธรรม หมายถึง ความเกื้อกูลใกล้ชิดสนิทสนมกันในทางความเห็นในประเด็นข้อคิดสนิทสนมกัน ด้วยการสงเคราะห์เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันทั้งทางวัตถุ และคุณธรรมเหมือนข้อความที่ว่า “ถึงไม่ใช่ชาติ ไม่ใช่เชื้อ ถ้ามีความเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้ออาตมา”

    หลวงพ่อมหาวีระ ฤาษีลิงดำ เป็นพระเถระที่มีความอัจฉริยะเฉพาะตัวในทางปฏิบัติใช้ความรู้ความสามารถในทางความเห็นที่เรียกว่า ทิฏฐิสามัญญตา ทำให้ผู้มีปัญญาพิจารณาได้เห็นจริง และเข้าใจในการปฏิบัตินั้น ๆ ได้รับประโยชน์มีความสุขได้เฉพาะตัว ละจากความประพฤติชั่วกลับตัวประพฤติเป็นอย่างเดียวกัน ที่เรียกว่า สีลสามัญญตา มีภาวะประพฤติเป็นอย่างเดียวกัน ในทางสร้างสรรค์เสมอกันทางศีลยอมประพฤติปฏิบัติวิรัติงดเว้นในสิ่งที่เป็นบาปเป็นกรรม ไม่กระทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อนปราศจากความเห็นแก่ตัวมัวเมาด้วยอำนาจความเห็นที่ประกอบไปด้วยมานะทิฐิไม่ถูกต้อง

    ข้าพเจ้ามีความสนิทสนมเคารพนับถือหลวงพ่อมหาวีระฯ ในทางญาติธรรมมีความประพฤติปฏิบัติในพระธรรมวินัยเดียวกัน แม้จะอยู่ไกลกันคนละวัด คนละจังหวัดแต่ก็ใกล้กันทางความประพฤติในข้อจำกัด คือ จตุปาริสุทธิศีล เป็นอย่างเดียวกัน มีโอกาสได้พบกันอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง แต่ขณะนี้ โอกาสที่เคยหวังทางการสนทนาความคุ้นเคย จำต้องละเลยผิดหวัง พบแต่ความเวิ้งว้างของสิ่งก่อสร้างถาวรวัตถุ ก็นับวันแต่จะผุสึกหรอไปตามภาวะการณ์ แม้แต่สังขารของหลวงพ่อที่ต้องต่อสู้ผจญมากับสิ่งเหล่านี้ ก็ถึงความพ่ายแพ้ ถึงความเป็นผู้ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น แม้ทุกคนต้องการให้หลวงพ่อกลับคืนมาอย่างเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะสังขารทั้งหลายถึงความเป็น วิปรินามธรรม ถึงความเปลี่ยนแปลงทางเกิดดับของสังขาร เท่ากับเป็นการยืนยันให้เห็นสัจจธรรมอย่างเด่นชัดขึ้นยามเมื่อทุกคนยังเป็น ย่อมให้ทุกคนมองเห็นความเด่นดังทางความยิ่งใหญ่ที่มีใจปรารถนาไม่เท่ากัน พอถึงกาลอวสานดับชีวิตขั้นสุดท้าย ก็จะมองเห็นได้ในสัจจธรรมว่า “ต้องเล็กว่าโลก” เหมือนกันหมด

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้ไปแล้วตามสภาวธรรมที่เป็นจริง ทอดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งตัวตนเป็นที่รัก ไม่สามารถหลบหลีกเล่นให้พ้นตาย พ้นอุบายที่จะหนีได้แต่ตาย ด้วยความดีหากปรากฏมีก็ไม่น่าเสียใจ เพราะตายแล้วก็เหมือนยังไม่ตาย ขอฝากไว้เป็นคติว่า

    ถึงแผ่นดินจะกลบลบกายวายสังขาร
    ถึงไฟจะผลาญเผาซากสิ้นสาปสูญ
    แต่ความดีนั้นยังอยู่คู่ค้ำคุณ
    ช่วยเทิดทูนแทนซากที่จากไปฯ

    ถึงจะตายก็เหมือนไม่ตาย เพราะศาสนวัตถุ ศาสนธรรม คำสอน ข้อปฏิบัติยังปรากฏชัดเจนอยู่ในใจของอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย ขอให้ทุกฝ่ายดูแลปฏิบัติมรดกธรรมที่หลวงพ่อมอบไว้ให้ โดยท่านได้มอบไว้ไม่ได้นำสมบัติอันใดไปแม้แต่น้อย นอกจากคุณธรรมที่มีในใจของท่านเท่านั้นความดีที่หลวงพ่อได้ทำไว้ ไม่สามารถจะพรรณนาลงในหน้ากระดาษเพียงเล็กน้อยนี้ได้หมดสิ้นเหมือนจะกล่าวถึงคุณความดีของแผ่นดิน อายุก็คงจะสิ้นเสียก่อน เพียงจะกล่าวย้อนถึงชื่อที่เป็นเพียงสรรพนาม ก็พอจะรู้ความถึงลักษณะซุกซนเพราะความอยากรู้วิชา ที่ครูอาจารย์มีหลวงพ่อปานเป็นต้นขนานนามไว้ให้ เป็นเครื่องหมายที่ท่านขวนขวายในการเจริญ เพื่อความถูกต้องถ่องแท้ ตามรำของครูอาจารย์ประกอบกับโวหารพุทโธวาทว่า ให้ทุกคนละชั่ว (บาปอกุศล) ให้ตั้งตนประพฤติชอบ ประกอบสุจริตให้ทุกคนทำจิตให้ผ่องใสคลายจากความโลภ โกรธ หลง เป็นหนทางตรงพระนิพพาน เป็นโวหารที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วีระ ถาวโร กล่าวไว้ จึงเป็นที่น่าเสียดาย ที่คณะสงฆ์ส่วนใหญ่ต้องสูญเสียพระเถระ คือ ท่าเจ้าคุณพระราชพรหมยานไป ในลักษณะ ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีก็ไม่ได้ เหลือแต่คติธรรมที่ฝากไว้ว่า ถ้าอยากจะพบของจริงแล้ว อย่าทิ้งพระ ขอให้ใช้ธรรมะนำชีวิตตลอดไป เทอญฯ


    พระวิมลปัญญาภรณ์
    วัดสุวรรณาราม
    เขตบางกอกน้อย
    กรุงเทพมหานคร
    ๒๘ ธันวาคม ๒๕๓๕​
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พระอาจารย์นักปริยัตินักปฏิบัติ

    พระเดชพระคุณพระราชพรหมยานศึกษาภาษาบาลี ซึ่งเป็นภาษาทางพระพุทธศาสนา แตกฉาน ชำนาญในพระไตรปิฏกและอรรถกถา ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปริยัติ ท่านไม่หยุดแค่นั้น ยึดหลักปริยัติธรรมรวบรวมพลังกายพลังใจปฏิบัติธรรม เป็นนักปฏิบัติเป็นตัวอย่างทางด้านการปฏิบัติมีลูกศิษย์ทั่วเมืองไทย

    ขอบารมีธรรมซึ่งพระเดชพระคุณบำเพ็ญมา จงเป็นปัจจัยในธรรมชั้นสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วย เทอญ


    พระศรีวิสุทธิดิลก
    อาจารย์ใหญ่ สำนักเรียนวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
    กรุงเทพมหานคร
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    อนุสรณ์กถา

    ทางวัดจันทาราม (ท่าซุง) ได้แจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า มีความประสงค์จะได้ข้อเขียนสักเล็กร้อยจากข้าพเจ้า เพื่อนำจัดพิมพ์รวมกับเรื่องอื่น ๆ ในการทรงพระกรุณาโปรดบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร พระราชทานศพพระราชพรหมยาน อดีตอธิบดีสงฆ์วัดจันทาราม ข้าพเจ้าถึงตกลงรับคำทันทีเพื่อฉลองศรัทธา เพราะข้าพเจ้าได้รู้จักคุ้นเคยกับพระราชพรหมยานและให้ความเคารพนับถือท่านในฐานปูชนียบุคคลมาช้านาน

    ความเป็นพระนักปฏิบัติ พระธรรมกถึกและความเสียสละของท่าน ย่อมเป็นที่กระเดื่องเลื่องลือชื่อสำหรับบุคคลทั่วไป ทุกระดับ ทั้งชาววัด ทั้งชาวบ้านเป็นอย่างดียิ่งอยู่แล้ว ยากมีผู้อื่นจะทำได้ ถึงแม้ว่าจะมี ก็คงหาไม่ได้ง่ายนัก จึงไม่จำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องมาปรารถความมีชื่อเสียงในทางนี้ของท่านแต่ประการใด แต่ที่จะฝากถึงท่านในยามนี้คงไม่พ้นไปจากคุณธรรม หรือคุณสมบัติของท่านพระราชพรหมยาน ท่านมีชาติภูมิในชนบท ได้สร้างตนให้สูงส่ง และตำแหน่งอันสูงศักดิ์ขึ้นมาโดยลำดับ โดยที่ไม่คาดฝันมาก่อนเลย แต่เพราะท่านมีมงคล ๓ ประการ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในมงคลสูตร คือ การอยู่ในปฏิรูปประเทศ ๑ ความเป็นผู้มีบุญได้ทำไว้ในชาติก่อน ๑ ความตั้งตนไว้ชอบ ๑ จึงนำท่านสู่ความสูงส่งและตำแหน่งอันสูงศักดิ์ดังกล่าวมา

    พระราชพรหมยานนั้น หากผู้ที่เคารพนับถือท่าน หรือผู้ที่คุ้นเคยใกล้ชิด พอจะมองเห็นธรรมหรือคุณสมบัติประจำตัวของท่านที่เป็นหลักใหญ่ ๆ อยู่หลายประการ ล้วนเป็นสิ่งที่ควรเจริญรอยตาม ในที่นี้จะขอยกมาเพียงเอกเทส คือ พลธรรม ๔ ประการ

    ๑. ปญญาพลํ กำลังปัญญา คือ ความรู้ ๓ ทาง ทางเจริญ ๑ ทางเสื่อม ๑ ทางเจริญและทางเสื่อม ๑

    ๒. วิริยพลํ กำลังความเพียร ต่อสู้ไม่ย่อท้ออุปสรรค จนกว่าจะได้บรรลุสิ่งต้องประสงค์

    ๓. อนวชชพลํ กำลังความสุจริต คือ มีกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมบริสุทธิ์ มีความประพฤติหน้าที่การงานสุจริต พูดจริงมีเหตุผล มุ่งดีไม่มุ่งร้ายใคร ทำทุกอย่างด้วยเจตนาบริสุทธิ์

    ๔. สงคหพลํ กำลังสงเคราะห์ คือ การยึดเหนี่ยวน้ำใจและการประสานใจของประชาชนไว้ในความสามัคคี สงเคราะห์ด้วยสังควัตถุ ๔ ประการ คือ

    ๔.๑ ทานํ การให้ปัน ได้ช่วยเหลือการให้ทุน หรือปัจจัยช่วยยังชีพตลอดจนช่วยแนะนำ สั่งสอนให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ให้เขาพึ่งตัวเองได้

    ๔.๒ เปยยวชชํ พูดได้ไพเราะจับใจ พูดด้วยความหวังดีมุ่งประโยชน์ให้เกิดความเชื่อถือ ช่วยแนะนำให้เข้าใจหลักของสัจธรรมแก่หมู่ชนที่ต้องการ

    ๔.๓ อตถจริยา การบำเพ็ญประโยชน์ ได้ช่วยเหลือให้ประชาชนมีความเชื่อถืออย่างถูกต้อง มีความประพฤติงาม ให้มีปัญญา ให้มีการเสียสละ

    ๔.๔ สมานตตตา ความวางตนเหมาะตน ไม่เอาเปรียบ ไม่ถือสูงต่ำ
    คุณธรรมทั้ง ๔ ประการดังกล่าวมา คงจะประจักษ์ชัดแก่สายตาและปรากฏเป็นมโนภาพแก่ท่านทั้งหลายอยู่ครบถ้วนทุกประการ

    ผลงานที่ท่านได้สร้างไว้ในพระพุทธศาสนาเหล่านี้ รวมกันเข้าทั้งหมดแล้ว มีราคามิใช่น้อย คนที่มีใจไม่ถึงเห็นจะทำได้ยาก แต่พระราชพรหมยานมีใจถึง การเสียสละ เช่นนี้จึงเป็นของง่าย บุคคลประเภทนี้ ข้าพเจ้าจึงพูดว่ายากนักที่จะหาพบได้ เมื่อท่านต้องมาจากไป จึงเป็นเหตุให้เสียดายมิรู้หาย

    ก่อนจบอนุสรณ์กถานี้ ข้าพเจ้าคงจะไม่ต้องกล่าวคำอธิษฐาน ขอให้ดวงวิญญาณของพระราชพรหมยานเข้าสู่สุคติภูมิ เพราะนั่นจะเป็นการกล่าวคำอธิษฐานที่น้อยเกินไป เพราะตัวของท่านเองได้นำวิญญาณของท่านเข้าสู่ภูมิที่ปรารถนาด้วยตนเองแล้ว ข้าพเจ้ามีความเชื่ออยู่เช่นนี้ฯ


    พระศรีปริยัติบดี
    เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง
    (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา)
    วัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร
    ๒๔ ธันวาคม ๒๕๓๕

     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ระลึกถึงหลวงพ่อ

    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสว่า

    น ปุปผคนโธ ปฏิวาตเมติ
    น จนทนํ ตครมลลิกา วา
    สตญจ คนโธ ปฏิวาตเมติ
    สพพา ทิสา สปปุริโส ปวายติ
    จนทนํ ตครํ วาปิ อุปปลํ อถ วสสิกี
    เอเตสํ คนธชาตานํ สีลคนโธ อนุตตโร
    ซึ่งแปลว่า “กลิ่นดอกไม้ ย่อมฟุ้งไปทวนลมไม่ได้ กลิ่นจันทน์หรือกลิ่นกฤษณา และกลิ่นกะลีพักก็ฟุ้งไปทวนลมไม่ได้ แต่กลิ่นของสัตบุรุษย่อมฟุ้งไปทวนลมได้ กลิ่นจันทน์ก็ดี แม้กลิ่นกฤษณาก็ดี กลิ่นอุบลก็ดี กลิ่นดอกมะลิก็ดี กลิ่นศีลเป็นเยี่ยม กว่ากลิ่นชาติทั้งหลาย”

    พุทธภาษิตนี้ เป็นสัจธรรมจริง ๆ ผมได้ยิน ได้ฟัง ได้ทราบถึงคุณความดีของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) มานาน ยังไม่เห็นรูปกายที่แท้จริงของหลวงพ่อเลยได้ยินแต่กลิ่นศีล คือ คุณธรรมความดีของหลวงพ่อสมัยเมื่อศึกษาปริญญาตรีและปริญญาโทอยู่ที่ประเทศอินเดีย ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๙–๒๕๒๒ คุณนภาพร ชอบวิจารณ์การส่งหนังสือ “คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน” และ “กรรมฐาน ๔๐” ไปให้ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งผู้เขียนหนังสือทั้ง ๒ เล่ม นี้ คือ พระมหาวีระ ถาวโร (ฤาษีลิงดำ) นั่นเอง
    ผมได้อ่านหนังสือทั้ง ๒ เล่มนี้แล้ว ยอมรับเลยว่า หลวงพ่อท่านเป็นนักปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวธ ผมได้ยึดถือเป็นบรมครูและชื่นชมในตัวหลวงพ่อมาก ท่านเขียนหนังสือทั้ง ๒ เล่มนี้ได้ดีจริง อ่านเข้าใจง่าย และเปิดเผยคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พุทธบริษัทได้เข้าใจในธรรมปฏิบัติ ผมได้หลักการปฏิบัติพระกรรมฐานจากหลวงพ่อในการดำเนินชีวิต

    ในฐานะนักศึกษาต่างแดน หลวงพ่ออยู่ที่ประเทศไทย แต่กลิ่นศีล คือ คุณความดีของหลวงพ่อในฐานะที่เป็นนัก ปริยัติ (คือ ศึกษาหลักคำสอนพระพุทธศาสนาจนแตกฉานเข้าใจแล้วนำออกเผยแผ่) ปฏิบัติ (คือ หลวงพ่อลงมือปฏิบัติจนเกิดเป็น วสี มีความชำนาญเป็นแบบอย่างให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม) และ ปฏิเวธ (คือบรรลุถึงผลแห่งการปฏิบัติ) คุณธรรมเหล่านี้คงประจักษ์ชี้ชัดแก่ศิษยานุศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อเป็นอย่างดี

    ในวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๒๒ ผมได้พบได้เห็นหลวงพ่อที่สนามบินกัลกตา ประเทศอินเดีย หลวงพ่อท่านนำคณะของท่านประมาณ ๗๔ ท่าน ไปกราบมนัสการพุทธสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย ผมมีโอกาสและวาสนาได้ให้การต้อนรับหลวงพ่อในฐานะกรรมการศึกษาไทยที่มหาวิทยาลัยมคธ รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย แล้วพาคณะของหลวงพ่อไปพัก ณ วัดไทยพุทธคยา แล้ว
    พาคณะของหลวงพ่อออกไปกราบมนัสการสังเวชนียสถาน คือ สถานที่ตรัสรู้ สถานที่แสดงปฐมเทศนา และสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น นาลันทา ราชคฤห์

    หลวงพ่อได้พาคณะของท่านปฏิบัติธรรมตลอดในขณะที่อยู่ประเทศอินเดีย และพาคณะของท่านปฏิบัติพระวิปัสสนากรรมฐานทำให้ได้รู้ว่า การศึกษาระดับปริญญาตรี-โท-เอก ในโลกนี้นั้น หาได้ยิ่งใหญ่ไปกว่า พุทธศาสตร์ ไม่ ทำให้ภูมิใจว่าเรานี้เกิดมาเป็นชาวพุทธพบพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสศึกษาและปฏิบัติธรรมซึ่งจะนำไปชีวิตคนเราไปสู่ความร่วมเย็นได้จริงทุกคนในคณะของหลวงพ่อ เป็นผู้มีความรู้ระดับปริญญาตรี-โท-เอก แต่น่าอัศจรรย์ใจว่าหลวงพ่อท่านสอนคนได้ทุกระดับ คณะของหลวงพ่อเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ทุกคนมีความอดทน รับผิดชอบสูง จะสังเกตเวลาเช้า คณะของหลวงพ่อไปจากที่พักในวัดไทยพุทธคนาแล้ว ทุกท่านจะเก็บที่นอนทำความสะอาดห้องจนสะอาดเรียบร้อยทุกท่าน ซึ่งไม่มีคณะแสวงหาบุญคณะไหนจะปฏิบัติได้เหมือนอย่างคณะศิษย์ของหลวงพ่อ ทำให้ชื่นชมเคารพนับถือในหลวงพ่อมาก

    เมื่อกลับมาประเทศไทย ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อนิมนต์ไปงานวันเกิดของหลวงพ่อ ซึ่งคณะศิษย์จัดถวายในเดือนมีนาคม ทุกปี ได้มาเห็นศิษย์ของหลวงพ่อเป็นจำนวนนับหมื่นนับแสนคน ทุกคนสงบเรียบร้อย รับศีลได้อย่างพร้อมเพรียงอาการกิริยาวาจาใจสงบเรียบร้อย ขอชื่นชมหลวงพ่อว่า ท่านฝึกคนสอนคนได้ทุกระดับตั้งแต่ศีล สมาธิ และภาวนา ให้เห็นคุณค่าของชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ทุกคนปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสมกับฐานะและร่วมมือในกันปฏิบัติภารกิจหน้าที่ได้อย่างมีคุณค่า ทุกคนเป็นศิษย์ของหลวงพ่อล้วนแต่มีคุณธรรม มีระเบียบเรียบร้อยในการปฏิบัติงานยังความปลื้มปิติยินดัให้แก่ผู้พบเห็น และเกิดพลังใจที่จะประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นคนดีสมกับที่หลวงพ่อมีเมตตาะรรมเสมอกันทุกท่าน

    บัดนี้ หลวงพ่อได้จากเราทุกคนไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ ทำให้วงการคณะสงฆ์ต้องสูญเสียพระมหาเถระที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรม พระผู้เสียสละเพื่อประเทศชาติ พระศาสนาไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง แต่หลวงพ่อท่านจากพวกเราไปเพื่ออยู่ (ตายเพื่ออยู่) คือ คุณความดีของหลวงพ่อยังประทับอยู่ในดวงใจของผม และศิษยานุศิษย์ทุกท่านอย่างไม่มีวันลืม จะเป็นอนุสรณ์ คือ สังฆานุสสติตลอดไป

    พวกเราได้แต่น้อมรำลึกถึงคุณความดีของหลวงพ่อและจะปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อให้สมกับคำขวัญจากหลวงพ่อว่า

    ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ได้ รักษาปฏิปทาสาธารณประโยชน์ ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่าพ่ออยู่กับลูกตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกายาของหลวงพ่อจะสลายไป แต่ใจของหลวงพ่อยังอยู่กับใจของลูก ลูกจะไปไหนก็ชื่อว่าพ่อไปด้วย ช่วยลูกทุกประการ” ดุจพระพุทธดำรัสที่ตรัสว่า “โย ธมมํ ปสสติ โส ธมมํ ปสสติ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าเห็น (ตถาคต)”

    หมายความว่า ผู้ใดประพฤติตามคำสั่งสอนของสมเด็จพระ
    พุทธสัมมาสัมพุทธเจ้า ปฏิบัติตามธรรม ปฏิบัติสมควรแก่ธรรม มีธรรมอยู่ในใจ ยกจิตใจให้สูงด้วยคุณธรรม ผู้นั้นก็ชื่อว่าเห็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและมีพระพุทธองค์อยู่กับเราตลอดไป

    ขอถวายความเคารพหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ณ โอกาสนี้โดยยิ่ง


    พระสุธีปริยัตยาภรณ์ ​
    (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ. ๗, MA.)

    เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา
    วัดปทุมคงคา เขตสัมพันธ์ กรุงเทพฯ ๑๐๑๐๐
    โทร. ๒๓๕–๙๒๐๖
    ๒๐ ธันวาคม ๒๕๓๕

     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปาฏิหาริย์พระราชพรหมยาน

    ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน เป็นพระรุ่นอาจารย์ของข้าพเจ้า และท่านก็เป็นเพื่อนเกลอกัน คือ พระเทพวิสุทธิเวที (ไสว สุจิตโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม เมื่อข้าพเจ้ามาอยู่วัดอนงคารามใหม่ ๆ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๘ ก็ได้พบเห็นท่านบ้าง เวลาที่ท่านมาเยี่ยมเจ้าคุณอาจารย์ ซึ่งเป็นพระมหาไสว ในขณะนั้นและก็ได้ทราบว่า ท่านเคยอยู่วัดอนงคารามมาก่อน ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

    ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน มีความคุ้นเคยรักใคร่กับเจ้าคุณอาจารย์ของข้าพเจ้ามาโดยตลอดเสมอต้นเสมอปลาย มีความกันเองทุกโอกาส ข้าพเจ้าประจักกับตาตัวเองมาแล้ว

    ท่านเจ้าคุณอาจารย์เล่าถึงท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานให้ข้าพเจ้าฟังอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งบอกกับข้าพเจ้าพร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง (รศ.บุญเรือง อินทวรันต์) ว่า “เออ องค์นี้เขามีอะไรแปลก ๆ เมื่อครั้งอยู่ด้วยกันคุยกันไปคุยกันมา เขาก็พูดอะไรออกมาเป็นการทายล่วงหน้า และเมื่อกาลเวลาผ่านมาถึงก็ปรากฏเป็นอย่างนั้นจริงหลายเรื่องทีเดียว เข้าใจว่าจะได้ มโนมยิทธิ” ซึ่งข้าพเจ้าก็รับฟังไปเหมือนศิษย์ฟังอาจารย์เล่านิทานให้ฟัง ไม่ได้แสดงความคิดคัดค้านหรือสนับสนุนใด เพราะไม่ได้ปรากฏ ไม่เห็นด้วยตนเอง

    ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานกับท่านเจ้าคุณอาจารย์ของข้าพเจ้า สนิทสนมกับมากจริง ๆ แม้ต่างคนต่างมีตำแหน่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะด้วยกันแล้วก็ยังทักทาย พูดจาหยอกเย้ากันเหมือนเมื่อครั้งหนุ่ม ๆ ด้วยกัน เรียกชื่อเล่นที่เคยล้อเลียนเป็นกันเองทั้งขณะที่อยู่กันสองต่อสอง หรือแม้ต่อหน้าชุมชนลูกศิษย์ลูกหา ท่านจะเรียกท่านเจ้าคุณอาจารย์ว่า “เบี้ยว” เพราะเวลาพูดนั้นปากท่านเจ้าคุณจะเบี้ยวนิด ๆ

    ต่อมาภายหลัง ท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นพระราชาคณะและเป็นพระสังฆาธิการบริหารงานคณะสงฆ์ที่สำคัญด้วยรูปหนึ่ง เพราะสมัยเป็นพระมหาเปรียญนั้น ท่านเจ้าคุณอาจารย์เคยดำรงตำแหน่งเลขานุการสังฆมนตรีว่าการสาธารณูปการ ได้เรียนงานและสนองงานพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทธสรมหาเถระ) อดีตเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม และพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระมหาโพธิวงศาจารย์ (สาลี อินทโชดต) ซึ่งระยะนั้น ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานได้เคยไปพำนักเรียนบาลีอยู่ที่วัดอนงคารามด้วย (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๕–๒๔๘๗) ท่านเจ้าคุณอาจารย์จึงมีความรู้เชี่ยวชาญงานสารบัญและงานเลขานุการ ตลอดจนระเบียบกฎหมาย การอธิกรณ์ของคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก ได้รับมอบหมายได้รับนิมนต์ให้ไปบรรยายและปฏิบัติงาน ด้านนี้ติดต่อกันมาจนถึงมรณภาพ ข้าพเจ้าก็เป็นคนโชคดีที่ได้ติดสอยห้อยตามท่านเจ้าคุณอาจารย์อยู่เสมอ แม้ที่วัดจันทารามหรือที่วัดท่าซุงนี้ ข้าพเจ้าก็เคยมากับท่านเจ้าคุณอาจารย์

    เมื่อท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานมาอยู่ใหม่ ๆ ประมาณ ๑๕–๒๐ ปี มาแล้วยังไม่มีการก่อสร้าง ขยายเขตวัดกว้างขวางอย่างในปัจจุบัน ตอนนั้นดูสภาพแล้วมีอาคารไม่กี่หลัง ศาลาก็ไม่ใหญ่โตนัก ตอนนั้นท่านกำลังเริ่มจะดัง ซึ่งเห็นได้จากที่มีญาติโยมศรัทธามาหามาเยี่ยมมนัสการกัน มาก ๆ ทุกวัน
    เมื่อข้าพเจ้ามากับท่านเจ้าคุณอาจารย์ในคราวนั้น เป็นเวลาที่ท่านกำลังรับแขกอยู่ที่ศาลา ซึ่งเต็มไปด้วยศิษยานุศิษย์ พอท่านเห็นก็ลุกขึ้นมาต้อนรับด้วยความดีใจและเป็นกันเอง พร้อมกับทักทายด้วยเสียงดังว่า “เฮ้ย เบี้ยว…เบี้ยว…มา…นิมนต์…” เหมือนเพื่อนที่รักกันคิดถึงกันได้มาพบกัน

    นอกจากพระราชพรหมยานจะสนิทสนมอย่างยิ่งกับท่านเจ้าคุณอาจารย์แล้ว ท่านไม่เคยลืมวัดอนงคาราม ที่ท่านเคยได้พำนักอาศัยเล่าเรียนภาษาบาลีอยู่ระยะหนึ่งด้วย เมื่อท่านมีชื่อเสียง มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว วัดอนงคารามมีงานอะไร เช่น พิธีพุทธาภิเษก ก็ดี หรือ เมื่อพระเถระผู้ใหญ่วัดอนงคารามมรณภาพก็ดี เมื่อท่านทราบ หรือได้รับบอกเล่านิมนต์ไป ท่านไม่ขัดไปด้วยทุกครั้ง ท่านเคยไปนั่งปรกบริกรรมในพิธีพุทธาภิเษกเหรียญรูปเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทธสรมหาเถระ) รุ่นปี พ.ศ. ๒๕๒๖ นับว่าเหรียญรุ่นนั้นได้รับความนิยมจากศิษยานุศิษย์และผู้ศรัทธาเป็นอย่างมาก เหมือนปาฏิหาริย์

    เมื่อสิ้นเจ้าคุณอาจารย์แล้ว พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชพรมยาน ก็ไม่เคยลืมวัดอนงคาราม เมื่อมีกิจใด ๆ ที่วัดท่าซุง ท่านก็นิมนต์พระเถระวัดอนงคารามมาร่วมด้วยทุกครั้ง

    ข้าพเจ้าได้มาที่วัดท่าซุงอีกครั้ง ในงานคล้ายวันเกิดของท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๕ ต้องตื่นตาตื่นใจ อัศจรรย์ใจ เพราะได้เห็นสิ่งก่อสร้างถาวรวัตถุใหญ่โตมโหฬาร กว้างขวาง จนเข้ามาหลงทาง มีความวิจิตรตระการตา อีกทั้งผู้คนญาติโยมก็มากมายล้มหลามจากทั่วสารทิศ ผิดกับเมื่อคราวมาครั้งแรกเมื่อ ๑๕ ปีก่อนโน้น ข้าพเจ้ารำพึงอยู่ในใจว่า นี่คือ “ปาฏิหาริย์”

    สิ่งก่อสร้างทุกอย่างรวดเร็ว สวยงามเหมือนเนรมิตด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ เกินวิสัยสามัญชนจะทำได้ นอกจากผู้นั้นจะสำเร็จญาณ วิชชา อภิญญา การที่ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานสามารถสร้างสรรค์วัดท่าซุงได้ขนาดนี้ ที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์เคยพูดว่า ท่านมีนโมยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ) นั้น ข้าพเจ้าเริ่มจะมองเห็นชัด และเข้าใจวันนี้เอง เพราะผลที่ท่านฝึกจิตมาอย่างดีถึงขั้น จึงทำให้ท่านปรารถนาสิ่งใด ไม่ว่าทรัพย์สินเงินทองหรือญาติโยมก็จะได้ จะหลั่งไหลมาอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นปาฏิหาริย์

    การที่ผู้คนหลั่งไหลมามากมาย ชนิดมืดฟ้ามัวดิน เต็มที่บริเวณวัดที่กว้างใหญ่พากันมากราบไหว้ บูชา มนัสการ ฟังโอวาท รับสิ่งของเพื่อเตือนสติเกิดพลังแก่ตน และได้ร่วมทำบุญกับท่านนั้น ก็เพราะท่านสามารถหยั่งรู้ความคิด อุปนิสัยของคนอื่นไดท่านจึงทำสิ่งที่คนอื่นพอใจ ชื่นใจ ยอมรับ จึงนับว่าท่านมี อาเทศนาปฏิหาริย์

    การที่คำสั่งสอน การเทศนาของท่านโดยนำพระพุทธธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแสดงและเขาเหล่านั้น ได้นำไปประพฤติปฏิบัติจนเกิดผลดีแก่เขาตามที่เขามุ่งหวัง เป็นคนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และได้มาประชุมกันที่วัดท่าซุงเป็นจำนวนแสนเช่นนี้ ก็เพราะท่านใช้ อนุศาสนีปาฏิหาริย์

    ครั้งสุดท้ายที่ข้าพเจ้ามาวัดท่าซุง เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๓๕ พร้อมกับคณะสงฆ์วัด อนงคาราม และสมาคมศิษย์อนงคาราม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อมาบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายแด่ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยาน ในฐานะที่ท่านเป็นศิษย์วัดอนงคารามรูปหนึ่งที่ไม่เคยลืมสำนัก เพื่อนร่วมสำนัก และมีเมตตาแก่วัดอนงคาราม แก่ศิษย์ร่วมสำนักอย่างสูงมาโดยตลอด ครั้งนี้ หลังจากพิธีสวดพระอธิธรรม มาติกาบังสุกุลแล้วได้รับความกรุณาจากวัดท่าซุงพาไปเยี่ยมชมสิ่งก่อสร้างที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง เช่น ที่วิหารแก้ว (หรือจะเรียกอย่างอื่นก็จำไม่ได้) ที่กำลังเตรียมสถานที่ประดิษฐานศพของท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานอยู่ เห็นแล้ววิจิตรพิสดารเกินที่มนุษย์สามัญจะสรรค์สร้างให้เสร็จงดงามโดยเร็วอย่างนี้ได้ ก็ได้แต่คิดคนึงอยู่ในใจว่า นี่คือ ปาฏิหาริย์

    แม้กลับไปถึงวัด และจนทุกวันนี้ ก็ได้แต่รำพึงอยู่ในใจส่งใจมาถวาย มาบูชาพระคุณ พระบารมีของท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานอยู่เสมอเป็นนิจ ว่า ขอให้สรรพสิ่งอันเกิดด้วยอำนาจปาฏิหาริย์แห่งเจ้าคุณพระราชพรหมยานนี้ จงอยู่ยั้งยืนยงแสดงอานิสงส์แห่งมโนยิทธิ เป็นอนุสรณ์สถานให้เกิดสติแก่พุทธศาสนิกชนอำนวยผลให้เกิดปัญญาพิจารณาเห็นสัจธรรมนานัปการ เป็นปาฏิหาริย์ให้เกิดความสุข ความเจริญแก่สาธุชนโดยทั่วกัน และเป็นถิ่นจรรโลงให้เกิดความศรัทธาความมั่นคงแห่งสถาบันพระพุทธศาสนา ตราบชั่วอนาคตกาลอันยาวไกล เทอญฯ


    พระปริยัติกิจโกศล
    คณะ ๘ วัดอนงคาราม เขตคลองสาน
    กรุงเทพมหานคร ๑๐๖๐๐ โทร. ๔๓๘–๖๔๗๓
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปูชนียบุคคล

    ดวงอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้าด้านหนึ่ง ทอแสงไปทั่ว แต่ไม่นานนักก็ต้องลับขอบฟ้าอีกด้านหนึ่ง แสงหรี่ลงเป็นเช่นนี้วันแล้ววันเล่า ระหว่างนั้นคลื่นชีวิตมนุษย์อีกเท่ามดที่ต้องผ่านทุกข์แล้วทุกข์เล่า วนเวียนไม่รู้สิ้น พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เป็นนิยยานิกธรรมมีกระบวนการวิธรแห่งการพัฒนาสังคมให้มีบูรณาการอย่างเต็ม สามารถพัฒนาบุคคลผู้เป็นปุถุชนให้เข้าสู่สภาวะแห่งอริยะได้ เพราะพระพุทธศาสนาแปลว่า “คำสั่งสอนของท่านผู้รู้ ผู้ตื่นขึ้น” ซึ่งเป็นปรัชญาแห่งการหลุดพ้นจากทุกข์ ดังนั้น ผู้รู้จักศาสนา จึงสามารถนำตนให้พ้นจากกองทุกข์ทั้งมวลได้

    การรู้จักพระศาสนา ขึ้นอยู่กับ

    ๑. ความรู้ของครู ๒. ความสามารถของครู ๓. กระบวนวิธีสอนของครู ๔. ประสบการณ์ของครู ๕. ความประพฤติครู

    พระราชพรหมยาน ที่คนรู้จักกันทั่วไปว่า “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ” เป็นครูที่แท้จริง อันเป็นสัญลักษณ์หรือตัวอย่างของสงฆ์ เป็นปูชนียบุคคล เพราะประชาชนเคารพนับถือกระบวนวิธีการสอนปฏิบัติธรรมของท่าน อีกทั้งหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นทั้งผู้แนะนำและผู้นำทางด้านชีวิต วิญญาณ ของประชาชนทั่วไป งดงามไปด้วยวัตรปฏิบัติ เป็นกัลยาณมิตรของศิษย์ เป็นที่รักเข้าถึงจิตใจของศิษย์ด้วยมโนมยิทธิ ทำให้คนอยากเข้าไปหาเข้าไปปรึกษาไต่ถาม เป็นผู้อบรมฝึกตนให้เจริญแล้วด้วยความรู้ เป็นผู้ทรงภูมิปัญญาอย่างแท้จริง มีความรู้ในจริยธรรมเพื่อชีวิต ป้อนให้ศิษย์เจริญด้วยความรู้ มีอุตสาหะ พยายามพร่ำสอน รู้จักพูดชักนำศิษย์ให้ได้รับผลของการปฏิบัติ คือ ชี้แจงให้เข้าใจตักเตือนเป็นผู้รักษาที่ดี ติดตามดูแลศิษย์ด้วยความวิริยะอุตสาหะ เป็นผู้อดทนต่อคำกระทบกระทั่งเสียดสีของผู้อื่น

    พร้อมจะรับฟังความคิดเห็น คำปรึกษา คำซักถามและเมื่อได้รับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ คำตำหนิหรือคำล่วงเกินอะไร ไม่เบื่อหน่ายหรือแสดงอารมณ์ไม่เหมาะไม่ควร เป็นผู้ทรงปัญญาอันลุ่มลึก อธิบายข้อความที่ลุ่มลึกให้ตื้น สิ่งที่เข้าใจยากให้เป็นเรื่องเข้าใจง่าย สอนศิษย์ให้ได้เรียนรู้คุณธรรมที่ลึกซึ้งยิ่ง ๆ ขึ้นไป นับว่าเป็นปูชนียบุคคลชักนำศิษย์ในทางแห่งการพ้นทุกข์ให้บรรลุคุณธรรมที่ควรบรรลุ และทำให้แจ้งในคุณธรรมที่ควรทำให้แจ้ง

    ดังนั้น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ จึงนับได้ว่าเป็นมณีอันล้ำค่าและเป็นสัญลักษณ์ของคณะสงฆ์ไทย เป็นปูชนียบุคคลของคณะศิษย์ เป็นผู้สั่งสอนให้คนประพฤติถูกธรรมหรือสอนให้บรรลุคุณธรรมในพระพุทธศาสนา การละทิ้งสังขารอันเป็นส่วนประกอบขึ้นตามเหตุปัจจัยของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จึงมิใช่เพียงความสูญเสียของคณะศิษย์เท่านั้น ยังเป็นความเสื่อมจากการบรรลุคุณธรรมที่ควรบรรลุในพระพุทธศาสนาของศาสนิกชนทั้งมวล

    พระเมธีธรรมานันท์
    วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม

    ขอขอบคุณท่านพระครูปลัดอนันต์ พทธญาโน เจ้าอาวาสวัดท่าซุง พร้อมด้วยคณะกรรมการและศิษยานุศิษย์ ผู้เป็นเจ้าภาพจัดงานศพหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานเถระ ที่ได้กรุณาให้เกียรติได้มีส่วนร่วมแสดงออกซึ่งคารวะและสดุดีเกียรติคุณของท่านเจ้าคุณหลวงพ่อ ซึ่งมีหลากหลายเป็นที่ประจักษ์แจ้งใจและซาบซึ้งของท่านผู้เคารพบูชาอย่างใหญ่หลวงในฐานะที่ได้เคยอยู่ร่วมกัน ณ วัดประยุรวงศาสวรวิหาร กทม.

    ท่านเป็นนักเทศน์ นักธรรม นักปฏิบัติ ท่านได้ให้ความคุ้นเคยกับผู้เขียนเป็นอย่างมาก ท่านชอบใช้คำว่า เพื่อนกัน เป็นนักเทศน์ด้วยกันแม้ในใบฎีกานิมนต์ทำบุญประจำปีที่ วัดท่าซุงของท่านก็ได้ให้เกียรติเป็นพิเศษ ท่านได้จ่าหน้าซองจดหมายด้วยมือของท่านเองว่า พระครูประสิทธิวรญาณ (มหาทองเดิม) มีแถมท้ายว่า (จีวรหาย)

    พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตร ท่านถามด้วยความสงสัย ได้เรียนท่านว่า ได้ไปเทศน์ด้วยกันสมัยสงครามโลก เสื้อผ้าราคาแพง ก่อนถึงเวลาเทศน์ได้นำจีวรผึ่งแดดหลังกุฏิ จีวรหาย ท่านจำได้แม่นยำ จึงได้หยอกล้อเสมอมา

    การจาไปของท่านครั้งนี้ รู้สึกเสียดายอาลัยเป็นอย่างยิ่ง จึงขอตั้งจิตอธิษฐาน (ขอดวงวิญญาณอันประเสริฐของท่านเจ้าคุณ จงสถิตย์สถาพรในสุคติภพอันสูงยิ่งตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน)

    ด้วยความเคารพคารวะอย่างสูง

    พระครูประสิทธิวรญาณ
    เจ้าอาวาสวัดอัปสรสวรรค์
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    อนุสรณ์

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร) กับข้าพเจ้า คือ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ ข้าพเจ้าไปศึกษาภาษาบาลีจำพรรษาอยู่วัดดีดวด ตำบลท่าพระ อำเภอบางกอกใหญ่ จังหวัดธนบุรี (ขณะนั้น) ได้รู้จักท่านเพราะไปพักอยู่กับพระมหาปรีดา มโหสโถ ท่านพักอยู่กุฏิใกล้ ๆ กับข้าพเจ้า จึงได้มีโอกาสสนทนากับท่านในฐานะสหธมมิกและรู้จักกันตั้งแต่นั้นมา

    ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๒ พระครูอุเทสธรรมนาท เจ้าคณะอำเภอเมืองอุทัยธานี วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (พระสุนทรมุนี เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี) ปัจจุบันนี้ได้ไปขอข้าพเจ้าจากเจ้าอาวาสวัดดีดวดให้มาสอนบาลีที่วัดมณีสถิตกปิฎฐาราม ได้พบกับท่านที่วัดจันทารามอีกครั้ง และให้ความเคารพนับถือกับข้าพเจ้ามาตลอดจนถึงปัจจุบันนี้ ท่านมาอยู่วัดจันทาราม ขณะนั้นวัดจันทารามทรุดโทรมมาก ท่านได้ชักชวนศิษย์และพุทธศาสนิกชนทำการก่อสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุจนวัดจันทารามเจริญรุ่งเรืองที่ปรากฏ อยู่ในสายตาปัจจุบัน และท่านยังเป็นพระมหาเถระผู้ทรงวิทยาคุณอันประเสริฐในทางปฏิบัติกัมมัฏฐานรูปหนึ่ง ท่านได้มุ่งสอนกัมมัฏฐานให้แก่บรรดาศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วไป
    ข้าพเจ้ายืนยันได้ว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานเป็นผู้ประกอบด้วย คุณสมบัติสำคัญทางศาสนา ๔ ประการ คือ ๑. เมตตาธรรม ๒. ความเสียสละ ๓. ความเป็นธรรม ๔. ความรับผิดชอบ

    แม้วันนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านได้ละสังขารไปตามปกติวิสัยแห่งธรรมชาติแล้ว แต่คุณความดีของพระเดชพระคุณท่านยังปรากฏอยู่มิได้สูญหายไปด้วย ดังพุทธศาสนสุภาษิตว่า “รูปํ ชีรติ มจจนานํ นามโคตตํ น ชีรติ รูปของสัตว์ทั้งหลายย่อมย่อยยับไป แต่ชื่อและสกุลหาได้ย่อยยับไปด้วยไม่”

    มรณกรรมของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เป็นความสูญเสียพระมหาเถระผู้มีคุณภาพในพระพุทธศาสนาไปรูปหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงขอกราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานด้วยความอาลัยไว้ในโอกาสนี้.

    พระครูอุทัยคณาภิรักษ์
    รองเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี
    วัดพิชัยปุรณาราม
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    อนุสรณ์แด่พระราชพรหมยาน

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร) หรือพุทธศาสนิกชนเรียกกันทั่วไปว่า “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ” เป็นผู้ทรงศีลาจารวัตรอันบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นพระผู้นั่งอยู่ในจิตใจของชาวพุทธทั่วประเทศและต่างประเทศ เป็นพระเถระผู้ทรงคุณประเสริฐองค์หนึ่ง วัยเวลาหนึ่งที่ผ่านมาหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ท่านปฏิบัติธรรมอย่างสงบวิเวกเพื่อความหลุดพ้นของตนเอง และแสวงหาแนวทางปฏิบัติเพื่อสานุศิษย์เป็นผู้นำแห่งการชนะจิตที่เกาะติดกับกิเลสตัณหา แล้วนำวิถีแห่งพระพุทธศาสนามาชี้นำให้แก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป

    แม้วันนี้ท่านละสังขารจากไปตามปกติวิสัยแห่งธรรมชาติแล้วก็ตาม แต่ธรรมและแนวทางแห่งการปฏิบัติวิปัสสนาสู่เส้นทางแห่งพระอรหันต์ ซึ่งได้ท่านได้ชี้แนะแก่พุทธศานิกชนทั่วไปนั้น นับเป็นความสำคัญอันยิ่งใหญ่ที่จะต้องจารึกไว้ตลอดจนนิจนิรันดร์

    อาตมาขอยืนยันได้ว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เป็นผู้ประกอบด้วย คุณธรรม ๔ ประการ คือ ๑. เมตตาธรรม ๒. กรุณาธรรม ๓. มุทิตาธรรม ๔. อุเปกขาธรรม

    การละสังขารของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เป็นการสูญเสียพระมหาเถระ ผู้มีคุณธรรมและคุณภาพในพระพุทธศาสนาไปรูปหนึ่ง เกล้ากระผมจึงขอกราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานด้วยความเคารพ และอาลัยไว้ ณ โอกาสนี้


    พระครูอุทัยธรรมโกศล
    เจ้าอาวาสวัดสังกัสรัตนคีรี
    เจ้าคณะอำเภอเมืองอุทัยธานี
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ในชีวโลก คือ โลกที่เป็นอยู่นี้มีสภาพอยู่ ๕ อย่าง ไม่มีเครื่องหมายใครก็รู้ไม่ได้ที่เป็นพระดำรัสของพระพุทธเจ้า ว่าใครก็ไม่รู้ หมอก็ทายไม่ถูก ตัวเองก็ไม่รู้ พ่อแม่ก็ไม่รู้ ญาติพี่น้องก็ไม่รู้ สภาพ ๕ อย่างนั้น คือ

    ๑. ชีวิต ว่าคนเกิดมาจะมีชีวิตอยู่กี่ปี แล้วจะปิดฉาก คือ ตายไม่มีใครรู้

    ๒. โรคภัยไข้เจ็บที่จะทำให้ถึงตายนั้น คือ โรคอะไรก็เลือกไม่ได้

    ๓. กาลเวลาที่จะตายก็เลือกไม่ได้ ขอตายเวลาเช้า เวลาบ่าย เวลากลางคืน เวลาเย็น เวลาค่ำ เลือกไม่ได้ไม่มีใครที่จะอนุญาตให้เลือกได้ ไม่มี

    ๔. ที่ที่จะนอนตาย หมายถึงว่า สถานที่ ที่ไหนก็เลือกไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเกิดที่บ้านต้องตายที่บ้าน เกิดโรงพยาบาลก็ต้องตายโรงพยาบาลไม่ใช่ อย่างพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ท่านก็ไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาล เข้าใจว่าอย่างนั้น แต่เวลาที่ท่านมรณภาพไปมรณภาพที่โรงพยาบาล ดังที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้ว

    ๕. คติ ตายแล้วไปไหน ที่คนที่เขาตายกันทุกวันนี้ไปไหน ทางที่จะไปนั้นเมื่อกล่าวโดยย่อก็มี ๒ ทาง คือ ๑. ทางดี ๒. ทางไม่ดี ทางดีเรียกว่า สุคติ ทางไม่ดีเรียกว่า ทุคติ แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ทางทุคติคงไม่มีทางไป เพราะไม่ได้ทำความชั่ว ทางที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานที่จะไปนั้นต้องไปทางสุคติ เพราะท่านได้ทำแต่ความดีทางเดียว อันความดีที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ได้ทำสั่งสมไว้มากถึงท่านจะจากไปก็เพียงวิญญาณเท่านั้น ยังทิ้งสังขารไว้ให้บรรดาศิษยานุศิษย์ และท่านที่เคารพนับถือคือสักการะบูชากราบไหว้กันอยู่จนบัดนี้ และคุณงามความดียังฝังอยู่ในจิตต์ในของประชาชนอีกทั่วไป ด้วยบุญกุศลที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้สั่งสมไว้นี้จงนำดวงวิญญาณของหลวงพ่อให้ไปสู่สุคติด้วยเถิด

    พระครูอุเทศสาธุกิจ
    รองเจ้าอาวาสวัดอุโปสถาราม (วัดโบสถ์) ​
    [FONT=AngsanaUPC,AngsanaUPC][FONT=AngsanaUPC,AngsanaUPC]
    รองเจ้าคณะอำเภอเมืองฯ จังหวัดอุทัยธานี
    [/FONT][/FONT]
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    คติธรรม แด่พระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง)

    “สจจํ เว อมตา วาจา สัจจะเป็นทางที่ไม่ตาย” พระเดชพระคุณพระราชพรหมยานเป็นนักพัฒนาทางด้านถาวรวัตถุ ให้เจริญงอกงามในพระพุทธศาสนา เป็นที่เชิดชูตาของจังหวัดอุทัยธานี และยังอบรมสั่งสอนบุคคลทุกคนให้ตั้งตนอยู่ในคุณงามความดีปฏิบัติธรรมะ ตั้งมั่นในบวรพระพุทธศาสนา
    เดิมเดินทางทางมาอยู่ที่วัดนี้เพียงถุงย่ามแค่ใบเดียว แต่ก็มีความวิระยะอุตสาหะสามารถสร้างวัดให้เจริญ สร้างป่าให้เป็นเมืองได้ จนมีผู้คนหลายจังหวัดและทั่วประเทศมาเที่ยวทัศนาจร และร่วมบำเพ็ญกุศลแก่พระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน เป็นประจำปีหนึ่งปีหนึ่งมีจำนวนเป็นแสนคน

    มีพระเถระผู้ใหญ่ในสายงานที่ปกครองคณะสงฆ์มาตรวจเยี่ยมและร่วมบำเพ็ญกุศลมาโดยตลอด ถึงแม้พระเดชพระคุณจะมรณภาพไปแล้ว ยังมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดสามพระยา มาเป็นประธานในพิธีสรงน้ำศพพระราชทานให้กับพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน โดยตลอดงานพร้อมด้วยพระธรรมราชานุวัตร วัดพระ เชตุพน เจ้าคณะภาค ๓ พระเดชพระคุณพระเทพมุนี วัดบพิตรพิมุข รองเจ้าคณะภาค ๓ ก็มาร่วมพิธีตลอด เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดเบญจบพิตร ก็มาร่วมในพิธีกุศลนี้ด้วย

    สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ก็มาช่วยทำบุญกุศลศพของพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน มีพระเถระผู้ใหญ่เป็นจำนวนมาก ตลอดถึงประชาชนที่เคารพนับถือในพระเดชพระคุณพระราชพรหมยานอดีตเจ้าอาวาส วัดจันทาราม (ท่าซุง) อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี กระผมขอยุติข้อเขียนไว้เพียงเท่านี้


    พระครูอุทัยธรรมสาร
    พระธรรมทูต เจ้าอาวาสวัดธรรมโฆษก
    เจ้าคณะตำบล้ำซึม-ท่าซุง
     

แชร์หน้านี้

Loading...