พระอริยะเจ้าต้องได้ฌาน ๔ ทุกท่าน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์โง๋, 12 พฤษภาคม 2017.

  1. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    “ภิกษุทั้งหลาย ธรรมเป็นที่อยู่แห่งพระอริยะ ซึ่งพระอริยเจ้าทั้งหลาย ได้อยู่มาแล้วก็ดี กำลังอยู่ในบัดนี้ก็ดี จะอยู่ต่อไปก็ดี มีเครื่องอยู่ 10 ประการเหล่านี้ คือ
    ๑) เป็นผู้ละองค์ ๕ ได้ขาด คือ เธอละนิวรณ์ห้าได้ขาด
    ๒) ประกอบพร้อมด้วยองค์หก คือ การสำรวมอินทรีย์ มีอุเบกขา มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะอยู่ได้
    ๓) มีอารักขาอย่างเดียว มีสติรักษาจิต (อานาปาณสติ พุทธานุสติ)
    ๔) มีพนักพิง ๔ ด้าน ป้องกันอันตรายจากปัจจัยสี่ คือ เธอพิจารณาแล้วเสพของสิ่งหนึ่ง, อดกลั้นของสิ่งหนึ่ง, เว้นขาดของสิ่งหนึ่ง บรรเทาของสิ่งหนึ่ง.
    ๕)เป็นผู้ถอนความเห็นว่าจริงดิ่งลงไปคนละทางขึ้นเสียแล้ว คือ ถอนความเห็นในทิฏฐิ 10 ประการ
    ๖) เป็นผู้ละการแสวงหาสิ้นเชิงแล้ว คือ เธอเป็นผู้ละการแสวงหากาม,แสวงหาภพแล้ว และการแสวงหาพรหมจรรย์ของเธอนั้นก็ระงับไปแล้วด้วย
    ๗) เป็นผู้มีความดำริอันไม่ขุ่นมัว คือ ละมิจฉาสังกัปปะ ในใจมีแต่สัมมาสังกัปปะ

    ๘) เป็นผู้มีกายสังขารอันสงบระงับแล้ว บรรลุฌานที่สี่ อันไม่มีสุขไม่มีทุกข์ มีแต่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาแล้วตั้งอยู่ในธรรมนั้นได้

    ๙) เป็นผู้มีจิตหลุดพ้นด้วยดี เธอเป็นผู้จิตหลุดพ้นแล้วจากราคะ โทสะ โมหะ
    ๑๐) เป็นผู้มีปัญญาในการหลุดพ้นแล้วด้วยดี เธอรู้ว่าเราละราคะ โทสะ โมหะ เสียแล้ว ถอนขึ้นได้กระทั่งราก ไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้น”
    http://puredhamma.com/1501a1209we/


    --- จากวิหารธรรมข้อที่ ๘ เป็นผู้มีกายสังขารอันสงบระงับแล้ว บรรลุฌานที่ ๔ เป็นข้อความที่ชัดเจนว่าเป็นลักษณะของ “อารัมมณูปนิชฌาน”

    --- หลายสำนักในปัจจุบันกล่าวกันว่า การบรรลุธรรมในลักษณะ ปัญญาวิมุติ “ผู้ปฏิบัติไม่ต้องได้ฌานก็ได้” เพราะกระบวนการบรรลุจะใช้ฌานอีกตัวที่เรียกว่า “ลักขณูปนิชฌาน" เป็นฌานของวิปัสสนาญาณไตรลักษณ์ในขั้นมรรคผล จึงมักกล่าวกันว่าฌานในพระสูตรหมายถึง ลักขณูปนิชฌาน ก็เพียงพอ

    --- แต่ดูเหมือนว่าหลายพระสูตร ชี้ไปในลักษณะ ผู้ปฏิบัติต้องได้ “อารัมมณูปนิชฌาน” ทุกคน และต้องถึงฌาน 4 เป็นอย่างน้อย

    --- และดูเหมือนว่าพระอริยะเจ้า ต้องสามารถสำเร็จ “อารัมมณูปนิชฌาน” ทุกคนหรือไม่

    --- เป็นไปได้หรือไม่ที่คำว่า “ปัญญาวิมุติ” หมายถึงการบรรลุธรรม”ด้วยการสดับธรรม” เช่นครั้นพุทธกาล แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านจะไม่มี”อภิญญา ปฏิสัมภิทาญาณ”

    --- เช่นพระสารีบุตร ฟังธรรมครั้งแรกก็บรรลุธรรมจากพระอัสสชิ เรียกอากัปกริยาที่ท่านพระสาระบุตรบรรลุธรรมว่า “เป็นปัญญาวิมุติ จากการฟังธรรมแล้วบรรลุ” ได้หรือไม่ และถ้าเป็นเช่นนี้จะสะเทือนความเชื่อใครหลายคนหรือไม่

    --- สอบถามด้วยความไม่รู้ ด้อยปัญญา และชวนสนทนาธรรมครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ ^^
     
  2. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    เข้าใจว่า
    พระอริยะเจ้าทุกประเภท

    มีลักขณูปนิชฌาน ทั้งนั้น
    พระโสดาบันมีปฐมฌาน เป็นต้น

    ส่วนอารัมนูปนิชฌาน มีในหลายๆศาสนา
    หลายๆศาตร์ในการทำสมาธิที่มีอารมณ์เดียว
    ซึ่งมีมาก่อนพระพุทธเจ้ามาสอนเสียอีก

    มีแต่ สติปัฐฐานสี่ จึงยังให้ ลักขณูปนิชฌานบังเกิดขึ้น
    เนื่องด้วย อาศัยสามัญลักษณะ
    คือ ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเป็นเครื่องฝึกสติ
     
  3. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    ใช่ครับ เห็นด้วยทุกประการ
    ประเด็นผมคือเมื่ออ่านสูตร วิหารธรรม ซึ่งเป็นของพระอรหันต์ ได้อธิบายลักษณะของการบรรลุฌานที่ 4 เอาไว้ และเป็นวิหารธรรม(เครื่องอยู่)ของพระอรหันต์
    ส่วนตัวคิดว่า ลักขณูปนิชฌาน เมื่อจบกิจ เสร็จสิ้นความเป็นอรหันต์ ลักษณะฌานตัวนี้น่าจะหมดหน้าที่แล้ว เพราะไม่มีกิจที่ต้องทำอีก

    ขอยกตัวอย่างบทเทศนาของสมเด็จญาณ เกี่ยวกับ ลักขณุปนิชฌาน มาให้อ่านสักเล็กน้อยครับ
    ดั่งนี้ก็เรียกว่าเพ่งลักษณะ ลักขณูปนิชฌานทำให้ได้ปัญญาคือความรู้ทั่วถึงในลักษณะ อันเป็นเครื่องกำจัดความยึดถือ ทำให้เกิดความปล่อยวาง (ตทังค) วิมุติหลุดพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ เพราะว่าเมื่อรู้ในลักษณะที่เรียกว่าตามเป็นจริงคือธรรมตามที่เป็นแล้ว ก็ย่อมจะเกิดความหน่ายไม่เพลิดเพลินติดอยู่ในสิ่งที่รู้นั้น เมื่อหน่ายก็สิ้นความติดใจยินดี เมื่อสิ้นความติดใจยินดีก็หลุดพ้นเป็นวิมุติ นี่เป็นการปฏิบัติในทางลักขณูปนิชฌานอันเป็นทางปัญญา

    http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/somdej/sd-232.htm
     
  4. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    เท่าที่ฟังๆมาบ้าง หลวงตามหาบัว หลวงปู่พุธ หลวงปู่หล้า
    หลวงปู่บุญฤทธิ์ สมเด็จญาณฯ ส่วนใหญ่ พระท่านจะพูดคล้ายๆกัน ลงกันได้หมด
     
  5. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    กิเลสหมด นิวรณ์ ๕ ไม่กำเริบอีกก็คงจะถึงฌาน ๔ ไปเองละมั้งครับ
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ต้องแยกแยะ วินาทีบรรลุธรรม ออกมา

    แยกออกมาจากการด้นเด้า เอาตรรกะ

    วินาทีบรรลุธรรม จะเปนจังหวะที่จิต
    เหนอาสวะกิเลสชัด คือ เหนความเกิดดับ
    ของกิเลส ทั้งปวง

    จิตที่ปราศจากกิเลส หากจำแนกตามเหตุ
    คือกิเลสพ้นไปจากจิต จิตขณะนั้นย่อมหลีก
    ไปจากการมีองค์ประกอบที่เรียกว่า จตุถฌาณ ไม่ได้

    แต่เปนเรื่องการเสพสมาธิ แช่สมาบัติ ที่เรียก
    ว่า สำเร็จฌาณสี่ไหม

    มันคนละเรื่อง

    ปัญญาวิมุตติ อะไรวิมุตติก้แล้วแต่ จิตจะขาด
    จาก อุปกิเลสแล้ว แม้นไม่เคยเสพสมาบัติ
    แต่หากปราถนา มันจะมีอะไรไปขวางได้


    พระสารีบุตร มักถูกยกไม่มีฤทธิ์ หรือ มีก้หาว่า
    ไม่แม่น เช่น ส่งเณรกลับบ้านเพราะเห็นนิมิต
    ว่าเณรหมดอายุขัย แต่เณรกลับเดินทางกลับมา
    ได้ ...หรือตอนยักษ์ทุบด้วยแรงกว่าปรมนูระเบิด
    ตอนลงไปล้างหน้าในคลอง พระโมคคัลลาถาม
    ว่าเจ็บไหม พระสารีบุตรตอบ เจ็บจิ๊ดๆ ๆ เหมือน
    กัน เจ็บแป๊ปๆ ๆ ก้หายไป...หรือ ตอนสุดท้าย
    ท่านเหาะขึ้นไปเจ็ดลำตาล แล้วกำหนดเตโชกสิณ
    เผาสรีระจนเปนปุยสำลีกระจายสองข้างฝั่งเท่าๆกัน

    หรือ....

    หลวงพ่อฤาษีท่านเล่า ท่านไปลองฤทธิ์กับ
    พระสุขวิปัสสโก (ถ้าจำไม่ผิด พระอาจารย์จวนฯ)
    ก้ปรากฏว่า ท่านเล่นฤทธิ์ได้ทุกอย่าง ถ้ามีเหต
    อันสมควรแก่ธรรม

    ตามพระไตรปิฏกปฏิสัมภิทามรรค สุขสิปัสสโก
    สามารถเดินฌาณได้ทั้ง 9ชนิด เพียงแต่ไม่เสพ
    ฌาณนั้นด้วยนามกาย แค่สัมผัสให้เกิดอายตนะ
    รู้แล้วจบลงที่รู้ สลัดคืนทันที

    แล้วตามเหนการสลัดคืนนั้น เปนการฝึกสติ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2017
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    คำว่า ไม่มีกิจอื่นต้องทำอีก ไม่ใช่หยุดเสพฌาณ

    มีจิตห่างจากฌาณ


    คำว่า ไม่มีกิจอื่นตเองทำอีก หมายถึง ธรรมวิจัย
    สัมโพฌชงค์วิจัย จนขันธ์ห้ากระจายตัวเบ็ดเสร็จ
    เด็ดขาด ไม่มีการฉวยขันธ์ใดขึ้นมาสำคัญตนอีก

    ถ้า อนาคามี จะยังงฉวยจิตเปนตน ทำให้จิตยัง
    ใฝ่ หรือ แสวงหาฌาณ ไม่เลิก เรียก รูปราคะสังโยชน์ อรูปราคะสังโยชน์ มานะสังโยชน์
    ยังเหน จิตเปนตัวสุข เหนจิตเที่ยง ทำลายจิต
    ไม่ได้ จิตปรากฏไม่เกิดไม่ดับ

    หลวงปู่ดูลยจึงกล่าวว่า

    "เราพิจารณาแล้ว ครูบาอาจารย์ที่มีขื่อเสียงส่วนใหญ่ เปนผีใหญ่"

    คือ สำเร็จอนาคามี แต่บอกกล่าวผู้อื่นว่าเปนอรหันต์

    หากมีคนเชื่อ ก้ หยุดตรงนั้น

    ท่านจึงกล่าวต่ออีกว่า

    พบจิต ให้ทำลายจิต
    พบ...... ให้ฆ่าทิ้งเสีย
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ไม่ใช
    ไม่ใช่ทำลายจิตค่ะ
    เพราะหลวงปู่บอกว่าจิตว่าง ไม่มีแม้สิ่งใดเจือปน
    แต่...พบผู้รู้ ให้ทำลายผู้รู้
    คือผู้รู้ คือ ดับวิญญาณ
    จะตรงกับพระไตรปิฎก
    ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
    ในสมุจปฏิจจสมุปบาท
    การดับวิญญาณคือการดับรูปนามแล้ว
    เป็นการดับขั้นตอนสุดท้ายในวงจรปฎิจจสมุปบาทค่ะ
    พระพุทธองค์ตรัสไว้อย่างนี้ค่ะ
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    สำเร็จนั่น สำเร็จนี่

    เสกอุกกาบาติได้ ดับตัวมู้ ขยำตัวมู ได้

    แต่พอมา นั่งอี้ แล้วเลิกทำ หายจ้อย

    รับรองเลย มั่วเรื่อง การสิ้นไปของกิเลส
    ตรงไหนสักจุดแล้วหละ ตรรกศาสตร์เอาไปกิน
    ปฏิบัติเปนพิธี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2017
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    กลับไปอ่านใหม่

    เหตุของ วิญญาน ไม่ใช่แค่ รูปนาม

    เหตุของ วิญญาณ มี

    วิญญานเปนเหตุ

    นิทานเปนเหตุ

    สมุทัยเปนเหตุ

    นามรูปเปนเหตุ

    แล้ว อ่านอีกรอบ

    วรรควิญญานนี้ จะเหนว่า

    วิญญาน เปนเหตุ ให้เกิด นามรูป ได้ด้วย

    ดังนั้น

    อ่านแบบตรรกศาสตร นอกจากจะปวดหัว
    แล้ว ห้ามความงงไม่ได้ จะถูก ทิฏฐิ หลอก
    ว่าตัดตรงนี้สิ เลิกวิจัยเลย

    โง่ สิครับท่าน โดนกิเลสหลอก

    ของจริง ต้องย้อนไป ดับ อวิชชา ไม่มีทางอื่น

    แต่ความที่จิตมันไว การมาเหนว่า อวิชชาดับ
    จะอาสัยเหน จังหวะอื่นในปฏิจสมุปบาท แสดง
    ตัวแทนให้ทราบว่า ดับ
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    โพสตะกี้ ลงท้ายด้วยคำว่า "ดับ"

    ถ้าเป็นพระป่า ท่านจะ แย็บอีกว่า "อะไรดับ ?"

    ถ้าคนฟังธรรม ฟังแบบจับศัพท์ไปกระเดียด จะห้าม
    ทิฏฐิที่กระซิบหลอกในใจไม่ได้

    มันจะตอบว่า " อวิชชาดับ "

    น้อยรายจะตอบ "วิญญาณดับ"

    แต่จะตอบว่า อะไรดับ ขึ้นมา พระท่านจะ วางอุเบกขา
    ปล่อยให้ "สัตว์โลก!!" เป็นไปตามกรรม
     
  12. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    ปฐมฌานละเอียดสามารถพิจารณาวิปัสสนาญาณให้เข้าถึงความเป็นพระโสดาบันและพระสกิทาคามีได้

    จตุตถฌานสามารถพิจารณาวิปัสสนาญาณให้เข้าถึงความเป็นพระอนาคามีและพระอรหันต์ได้

    การเป็นพระอริยะเจ้าต้องมี ศีล สมาธิ ปัญญา ครบทั้ง 3 อย่าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...