เรื่องเด่น พระอาจารย์อารยวังโส นำพระภิกษุ พุทธศาสนิกชนกว่า ๔๐๐ คนปฏิบัติธรรมตลอดคืน

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 26 ตุลาคม 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    tnews_1508999042_8055.jpg

    ประกาศพระคุณท่านให้สามโลกสาธุการ พระอาจารย์อารยวังโส นำพระภิกษุ พุทธศาสนิกชนกว่า 400 คนปฏิบัติธรรมตลอดคืนงานพระราชพิธี

    ๒๖ ตุลาคม.. วันกตัญญูกตเวทิตาคุณของชาวไทย!!

    เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. คำว่า “จิตศรัทธามั่นคง” .. มีความหมายลึกซึ้งทางจิตวิญญาณของความเป็นชาวพุทธยิ่งนัก ด้วยศรัทธาในความหมายของพระพุทธศาสนานั้น หมายถึง ความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นในจิตใจด้วยการรู้เข้าใจในสิ่งนั้นๆ ว่า มีคุณประโยชน์ เหมาะควร จึงตั้งจิตมั่นคงขึ้นในความเชื่อดังกล่าวอย่างแน่วแน่ ที่จะนำไปสู่ความเพียรชอบอย่างมีสติปัญญา...

    ได้เห็นภาพชาวไทยเรามีศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๙ ที่เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว ยิ่งปีติยินดีในจิตกตัญญูตาคุณ.. ทำให้เกิดความมั่นใจว่า ประเทศไทยจะสืบเนื่องความมั่นคงเข้มแข็งต่อไปอย่างแน่นอนในการพัฒนาประเทศชาติไปเบื้องหน้า ความกตัญญูรู้คุณนั้นเป็นเครื่องหมายของสัตบุรุษหรือบัณฑิต ที่หากเกิดปรากฏในบ้านใด .. ในสังคมใดแล้วนั้น ย่อมเกิดประโยชน์กับบ้านเรือนหรือสังคมแห่งนั้น...

    ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ... จึงเป็นวันกตัญญูกตเวทิตาคุณของชาวไทย ที่พร้อมใจกันน้อมถวายความจงรักภักดีอย่างรู้คุณ... เป็นวันบูชาคุณของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงธรรม ที่ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรมอย่างประจักษ์ต่อสายตาประชาชนและชาวโลกมานานถึง ๗๐ ปี ที่ทรงครองราชย์สมบัติ ดำรงฐานะเป็นองค์ประมุขของประเทศ.. ที่ชาวไทยถวายความเคารพรักอย่างเป็นที่สุด ดังที่เปล่งวาจาเรียกขานว่า “พ่อหลวงของชาวไทย.. พ่อแห่งแผ่นดิน... พ่อผู้รักประชาชนดุจลูกในสายโลหิต...”

    ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ อาตมา (พระอาจารย์อารยวังโส) คณะสงฆ์รวม ๓๒ รูป จากวัดป่าฯ ลำพูน, เชียงราย, อยุธยา, ภูเก็ต, เชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดในการปกครอง พร้อมพุทธศาสนิกชนในฐานะพสกนิกรของพระมหาราชาผู้ทรงธรรม .. ได้พร้อมใจร่วมกันแสดงพลังสามัคคีธรรม ด้วยการปฏิบัติบูชาธรรมตลอดทั้งคืน โดยอาตมาจะนำพระภิกษุสมาทานเนสัชชิกังคธุดงค์ถวายเป็นพระราชกุศลในวันคืนของ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ดังกล่าว เพื่อปฏิบัติธรรมบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์.. จะได้น้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน “พ่อหลวงของชาวไทย” ด้วยการนำพาพระภิกษุและพุทธศาสนิกชนร่วมเกือบ ๔๐๐ ชีวิต ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม เคารพธรรม ประพฤติธรรม ตลอดคืนที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ณ อาคารราชนาวิกสภา กองทัพเรือ ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของผู้บัญชาการทหารเรือและเสนาธิการทหารเรือ...

    5_15(1).jpg

    268_1213312457_jpg_861.jpg

    ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ตั้งแต่ ๑๗.๐๐ น. พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนที่แจ้งความจำนงไว้และได้รับการตอบรับแล้ว จะเดินทางถึงกองทัพเรือ ผ่านเข้าสู่อาคารราชนาวิกสภา ทางด้านประตูหอประชุมกองทัพเรือ ทั้งนี้ โดยสามารถเดินทางมาจากปิ่นเกล้า-แยกอรุณอัมรินทร์-ร.พ.ศิริราช เข้าทางกรมอู่ทหารเรือ สู่อาคารราชนาวิกสภา ผ่าน ร.ร.ศึกษานารี มาเลี้ยวขวาตรงสี่แยกวัดเครือวัลย์ เข้าทางหอประชุมกองทัพเรือ สู่ อาคาราชนาวิกสภา

    อาคารราชนาวิกสภา .. เป็นอาคารสวยงามแบบตะวันตกสองชั้น ผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันด้านหน้าตามยาวออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ตรงกับหมู่พระมหาปราสาทของพระบรมมหาราชวังฟากตรงข้ามของแม่น้ำ ตัวอาคารชั้นล่างเป็นที่ทำงานของราชนาวิกสภา... อาคารชั้นบนเหมาะสมกับการปฏิบัติธรรม จึงได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศลในค่ำวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ตลอดคืน และจะมีการร่วมถวายสังฆทานในรูปสลากภัตในเช้าวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ และต่อเนื่องโดยการเทศนาธรรมนำอบรมจิตภาวนาโดยอาตมา(พระอาจารย์อารยวังโส) ในฐานะพระวิปัสสนาจารย์ /หัวหน้าสำนักปฏิบัติธรรมจังหวัดลำพูน แห่งที่ ๑ (ธรรมยุต)เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อหลวง .. พระมหาราชาผู้ทรงธรรมของเราชาวไทย...

    ตลอดคืน จะมีการสนทนาธรรม ปฏิบัติธรรม สลับกันไป.. เรียกว่าใช้ทุกนาทีให้มีค่าด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ... เพื่อบูชาพระคุณผู้ควรแก่การบูชาด้วยการพร้อมใจกันประกาศพระคุณท่านให้สามโลกได้น้อมรับ “สาธุการ” ในคุณความดีของพระองค์ที่ทรงกระทำมายาวนานตลอด ๗๐ ปีที่ทรงครองสิริราชย์สมบัติ อันอนุชนรุ่นต่อไปพึงจะได้น้อมนำมาศึกษาปฏิบัติ เพื่อสืบเนื่องศาสตร์แห่งพระราชาต่อไปบนแผ่นดินไทย !

    สำหรับ “สลากภัต” ในเช้าวันที่ ๒๗ ตุลาคม ณ อาคารราชนาวิกสภา กองทัพเรือ นั้น นอกจากเป็นบุญกุศลอันยิ่งในรูปหนึ่งของสังฆทานแล้ว... คณะศรัทธาสาธุชนก็จะได้พร้อมในกันถวายเป็นมตกภัต เพื่อพลีบุญอุทิศแด่บรรพชนผู้ล่วงลับไปแล้ว... อันเป็นไปตามพระบรมพุทธานุญาต ถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัย โดยเฉพาะ “สังฆทานในรูปสลากภัต และเป็นมตกภัตนั้น...” เดี๋ยวนี้ชาวพุทธไม่ค่อยจักคุ้นเคยกันแบบชาวพุทธในสมัยก่อน ที่จะนิยมถวายในงานบุญใหญ่ๆ ที่มีพระมีสาธุชนมาร่วมกันจำนวนมาก

    รูปแบบ “สลากภัต” จะนำไปสู่ความรื่นเริงปีติยินดีด้วยการต้องจับสลากว่า คณะศรัทธาสาธุชนคนใด กลุ่มใด จะได้ถวายพระภิกษุรูปใด ตามหมายเลขที่มีการจัดแสดงไว้.. ซึ่งไม่เป็นการเฉพาะเจาะจงพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการจับสลากที่ได้มาตามหมายเลขนั้นๆ ... จึงเป็นลักษณะทานถึงสงฆ์ และในเช้าวันที่ ๒๗ ตุลาคม .. ได้มีการจัดแบ่งศาสนิกชนที่มาจากทั้งสี่ภาคของประเทศ ที่ได้รับความเห็นชอบอนุญาตให้เข้าร่วมงานปฏิบัติธรรมถวายพระราชกุศลในคืนแห่งวันประวัติศาสตร์ของชาวไทย ที่เราได้พร้อมใจกันเจริญธรรมสังเวช เป็นหมู่คณะ ๓๒ คณะ โดยแต่ละหมู่คณะจะมีการจัดเตรียมภัตตาหารและไทยทานบริวารทั้งหลายตามกำลัง เพื่อน้อมถวายพระสงฆ์ โดยจะจับสลากภัตว่าจะได้ถวายพระภิกษุหมายเลขใด อันเป็นการถวายทานถึงสงฆ์ที่มีผลยิ่งมีอานิสงส์ยิ่ง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อหลวงของชาวไทย เนื่องในงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๙ ณ มณฑลพระราชพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากอาคารราชนาวิกสภาไม่เกิน ๓ กิโลเมตร เรียกว่า ยังอยู่ในคลองจักษุ

    สำหรับพระภิกษุทั้ง ๓๒ รูป รวมถึงอาตมา ก็จะจับหมายเลขเพื่อเป็น ๑ ใน ๓๒ รูป เมื่อได้หมายเลขประจำองค์แล้วก็จะแสดงตนให้คณะศรัทธาสาธุชนได้รับทราบ ...กลุ่มคณะใดได้จับได้หมายเลขใดก็จะแสดงตนประกาศหมายเลขของพระภิกษุ เมื่อพระภิกษุรูปนั้นตอบรับ... คณะศรัทธาก็จะนำภัตตาหารและไทยทานบริวารทั้งหลายที่เตรียมมาตามกำลัง เข้าน้อมถวายพระภิกษุรูปนั้นๆ.... ที่จะได้กระทำการอนุโมทนาวิธีตามพระวินัยนิยมบรมพุทธานุญาต ดังเป็นอริยประเพณีสืบเนื่องมาจากอดีต...

    arayawangso_400(1).jpg

    เสร็จสิ้นการถวายสลากภัต (สังฆทาน) แล้ว จะได้ประชุมกันบูชาธรรม ปฏิบัติธรรม ... เพื่อบูชาคุรของพระองค์ท่านที่ทรงปกครองแผ่นดินด้วยการสละประโยชน์สุขของพระองค์เองเพื่อประชาชนมาโดยตลอด และจะร่วมกันกล่าวคำพลีบุญถวายพระราชกุศลและเจริญเมตตาอุทิศถวายเป็นสุดท้าย ก่อนจะได้กราบขอขมาพระรัตนตรัย กระทำการอนุโมทนาบุญซึ่งกันและกัน .. ก่อนจะแยกย้ายเดินทางกลับ

    การจัดงานปฏิบัติธรรมอย่างอุกฤษณ์ในครั้งนี้จะเป็นไปได้ด้วยดีตามแผนงานที่กล่าวนั้น ก็ด้วยการสนับสนุนของกองทัพเรือ โดย พลเรือเอกนริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอกพิเชฐ
    ดานะเศรษฐ เสนาธิการทหารเรือ และคณะทหารและเจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือ ที่ได้ช่วยจัดการวางระบบดูแลให้ความสะดวก/ถวายความสะดวกในทุกด้านเป็นอย่างดี เพื่อสนับสนุนให้งานปฏิบัติธรรม “กตัญญูกตเวทิตาคุณ” ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยสมบูรณ์ สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ทาน ศีล ภาวนา

    จึงนำมาสู่ความปลาบปลื้มปีติยินดีของพระภิกษุและสาธุชนในฐานะพสกนิกรชาวไทยในพระองค์ท่าน ที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ประวัติศาสตร์ของงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพ่อหลวงของแผ่นดินไทย ในค่ำคืนวันที่ ๒๖ ตุลาคม ดังกล่าวนั้น.... ด้วยกองทัพเรือนับว่าอยู่ในพื้นที่พระราชพิธี จึงยากมากที่จะมีโอกาสได้เข้าไปใช้สถานที่.. ซึ่งทราบว่า พื้นที่บางส่วนใกล้กับอาคารราชนาวิกสภา เป็นสถานที่เตรียมถวายการรับรองพระบรมวงศานุวงศ์... ค่ำคืนนั้น คณะผู้ปฏิบัติธรรมทั้งพระภิกษุและสาธุชนทุกท่าน จึงอยู่ในพื้นที่ถวายความปลอดภัยระดับสูงสุด... ที่ได้รับการถวายการดูแลอย่างเป็นที่สุด เพื่อร่วมกันถวายความจงรักภักดีอย่างสุดชีวิต ครั้งยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์ไทย….

    อาตมาได้รับทราบจากข้อมูลของกองทัพเรือว่า “ตรงระเบียงขนาดใหญ่ทางด้านหน้าอาคารที่ชั้นบนของอาคารราชนาวิกสภา ที่พระภิกษุและสาธุชนจะได้รับอนุญาตให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมตลอดทั้งคืนนั้น เคยใช้เป็นสถานที่รับเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อประทับทอดพระเนตรริ้วขบวนพยุหยาตราทางชลมารคมาแล้ว...” จึงนับเป็นมงคลยิ่งในสถานที่ดังกล่าวอันควรยกขึ้นสู่การเป็นสถานปฏิบัติธรรม... เพื่อน้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติตั้งแต่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ นับเนื่องทรงครองราชย์ยาวนานถึง ๗๐ ปี โดยเสด็จสวรรคตเมื่อ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ...และ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ นี้ เป็นวันถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระองค์.. เราชาวไทยทุกหมู่เหล่าจึงพร้อมใจกันน้อมถวายกตัญญูกตเวทิตาคุณโดยพร้อมเพรียงกัน ดังเช่น.. คณะของอาตมาร่วม ๔๐๐ ชีวิต ณ อาคารราชนาวิกสภา กองทัพเรือ... เพื่อเจริญธรรมสังเวชตามมติพุทธศาสนา เพื่อระลึกถึงพระองค์ท่านตราบชั่วนิจนิรันดร์... เพื่อร่วมกันสืบสานโครงการพระราชดำริของพระองค์ท่าน อันเป็นมรดกทางปัญญา .. ที่ชาวไทยจะช่วยกันสืบรักษาให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยสืบตลอดไปตราบนานเท่านาน...

    เจริญพร

    เรียบเรียงโดย

    ทิพยจักร จันทร์โพธิ์ศรี : สำนักข่าวทีนิวส์

    ----------

    http://www.tnews.co.th/index.php/contents/372127
     

แชร์หน้านี้

Loading...