"พระเก๊มาจากไหน"

พอดีไปเจอบทความดีๆมาครับเลยเอามาให้อ่านกันครับ

"พระเก๊มาจากไหน"


ปัจจุบันวงการพระขยายตัวเป็นอย่างมาก ได้รับความนิยมจากบุคคลทุกกลุ่มทุกชนชั้น ทำให้มีศูนย์พระเครื่องชมรมพระเปิดขึ้น ทั้งซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนกันอย่างมาก แม้กระทั่งทางอินเทอร์เน็ตก็มีการเปิดเวบไซต์เกี่ยวกับพระเครื่องเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา

เมื่อมีผู้นิยมพระเครื่องกันมากขึ้นความต้องการในพระเครื่ององค์นั้นๆ ก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาเช่าหาพระเครื่องในปัจจุบันสูงขึ้นมากเป็นสัจธรรม เมื่อของหายากมีราคาแพง ของปลอมหรือของเลียนแบบย่อมมีเป็นธรรมดา และเมื่อขายได้ราคาสูงของปลอมจึงมีการลงทุนและพัฒนาฝีมือเพิ่มขึ้น

จนปัจจุบันนี้แม้เซียนพระเครื่องในวงการยังออกปากว่า

 

สมเด็จฯ หลังครุฑนูนต่ำ ในตลาดถือว่าเก๊หรือเปล่าครับ

 

เขาท้าสาบานว่า พระแท้ ทัน พระเดชพระคุณสมเด็จโตครับ พวกท้าสาบานนี่ผมเจอมาก่อน...แหะๆ พวกท่านเหล่านี้ หัวชนฝาครับ

 

ความศักสิทธิ์ ต้องแลกมาด้วยเงินตราหรือ

หาใช่สิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านได้รังสรรค์สิ่งดีๆไว้ให้เป็นเครื่องผูกจิต

ถ้ามองเป็นแค่วัตถุ เก่า-ไม่เก่าจริง กล้องถ่ายออร่า เครื่องcarbon 14

คงช่วยให้คลายสงสัยได้ ผู้รู้ที่ศึกษา พบเห็นมามากย่อมเถียงหัวชนฝาหรือท้าสาบาน เป็นธรรมดาครับ

ทำไมไม่ลองศึกษาค้นคว้าอย่างเขาบ้างล่ะ ถ้าไม่เห็นจริงอย่างเขาค่อยมาว่ากัน

ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ ของจริงย่อมทนทานต่อการพิสูจน์

อนุโมทนาในความคิดของทุกท่านที่อยากให้เพื่อนสมาชิกพบแต่ของจริง ของแท้

 

เอามาให้อ่านเป็นวิทยาทานครับ ไม่ได้มีเจตนาเกี่ยวกับการค้าใดๆครับ
http://www1.g-pra.com/webboard/show.php?Category=show&No=65942

 

หลวงพ่อปานเก๊ครับ
http://www1.g-pra.com/webboard/show.php?Category=not_amulets&No=11651
เพื่อเป็นวิทยาทานนะครับ

 

ลองอ่านดูนะครับ
ในฉบับที่แล้วเป็น “ตอนจบ” ของเรื่องราวการปลอม “พระสมเด็จวัดระฆัง” ที่เรื่องราวความเป็นมาค่อนข้างยืดยาวไปบ้างแต่ก็เป็นการลำดับเรื่องราว การปลอมพระสมเด็จวัดระฆังที่เป็นจริงและเกิดขึ้นมาแล้วโดยผู้เขียนขอชี้ว่า มูลเหตุของการนิยมสะสมพระเครื่องอีกมูลเหตุก็คือบรรดาสื่อฯ ต่าง ๆ โดยเฉพาะ “หนังสือพระเครื่อง” โดยตรงในยุคเริ่มแรกที่ท่านปรมาจารย์ “ตรียัมปวาย” หรือ “พันเอกประจญ กิตติประวัติ” ได้จัดทำเป็นตำราการดู “พระสมเด็จวัดระฆัง” พร้อมตำราการดู “พระเบญจภาคี” อื่น ๆ แล้วยุคนั้นยังมีหนังสือแนวพระเครื่องที่มาในรูปแบบ “รายเดือน” บ้าง “รายปักษ์” บ้างออกมาวางขายเล่มละ “๓ บาท” ก็มี “๕ บาท” ก็มีที่ส่วนใหญ่ภาพประกอบส่วนใหญ่จะเป็น “ภาพขาว-ดำ” ก็เนื่องจากยุคนั้นเทคนิคการถ่ายภาพยังไม่ล้ำยุคเหมือนปัจจุบัน

แต่ก็ยังมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่อุตส่าห์เขียนเล่าประสบการณ์อภินิหาร “พระสมเด็จวัดระฆัง” เสียดิบดีโดยใช้ชื่อว่า “รอดตายในดงพญาเย็น” ซึ่งเป็นป่าดงดิบแห่งหนึ่งในแถบภาคอีสานตอนล่างโดยหนังสือเล่มนี้เขียนไว้ว่าเป็น “ผู้มีประสบการณ์ในการอัญเชิญพระสมเด็จวัดระฆัง (น่าจะเป็นของแท้) ทำน้ำมนต์ดื่มแก้โรค “ไข้มาลาเรีย” จนหายเป็นปกติ”

แต่ขอโทษครับ “ภาพประกอบ” ที่นำมาประกอบเรื่องกลับเป็นภาพ “พระสมเด็จวัดระฆังเก๊” ไปเสียฉิบเลยทำให้ตั้งแต่นั้นมาจึงกลายเป็น “การเข้าใจผิด” ของผู้ที่ได้ดูและได้อ่านหนังสือเล่มนั้นและยังทำให้ “พระสมเด็จวัดระฆังเก๊” กลายเป็นพระเครื่องที่มี “ประสบการณ์” ในการอาราธนามาทำน้ำมนต์ดื่ม “แก้ไข้มาลาเรีย” ได้เช่นกันซึ่งเรื่องราวที่ยกมาเป็น ตัวอย่างนี้เป็นเรื่องราวในอดีตที่ผ่านกาลเวลายาวนาน “กว่า ๓๐ ปี” แล้วจึงถือเป็นเรื่องของ “สื่อฯ” ที่ไม่มี “ความรับผิดชอบ” เลยก่อให้เกิดการสร้างค่านิยมและความเชื่อผิด ๆ ต่อผู้ที่ “ไร้สติปัญญา” เพราะเข้าใจเองว่า “พระเก๊” เป็น “พระแท้” ทั้งนี้ก็เนื่องจากโดยธรรมชาติของคนไทยส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ “เชื่ออะไรง่าย” และค่อนข้างจะเป็นไปใน “ทางงมงาย” อีกด้วย ผลที่ตามมาก็คือตกเป็น “เหยื่อ” ของพวกนักต้มตุ๋นฉะนั้นจึงขอให้ผู้ทำ “อาชีพสื่อฯ” ที่ถูกยกย่องว่าเป็นผู้ที่มี “จริยธรรม” ทั้งหลายตระหนักในเรื่องนี้บ้าง

พูดถึงเรื่องสื่อฯปัจจุบัน “สื่อฯ ประเภทอินเทอร์เน็ต” ที่มีเว็บไซต์พระเครื่องก็เป็นที่นิยมแพร่หลายกันมากตามความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่แม้เทคโนโลยีจะเจริญก้าวหน้าไปเพียงใดแต่ก็ยังมี “คนโง่” ที่ตกเป็นเหยื่อของ “คนฉลาด” อยู่ดีแถมยังถูกเทคโนโลยีเป็นสื่อฯช่วยให้ “ถูกหลอก” มากและ “โดยง่าย” ได้อีกด้วยทั้งนี้ก็เพราะ “ผู้เขียน” มักจะใช้เวลาว่างเข้าไปท่องใน “อินเทอร์ เน็ต” ตามเว็บไซต์พระเครื่องต่าง ๆ จึงพบว่า “เวลานี้มีการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อฯ ในการหลอกลวงต้มตุ๋น การขายพระมากขึ้น”

เนื่องจากผู้ที่ดูแลเว็บไซต์ที่เรียกว่า “WEB MASTER” ไม่ค่อยจะใส่ใจดูแลในเรื่องนี้เลยอาจเป็นเพราะไม่มีความรู้เรื่อง “พระเครื่อง” หรืออาจไม่มีเวลาเพราะใช้เวลาไปตักตวงหาผลประโยชน์อื่น ๆ ดีกว่าก็อาจเป็นได้จึงทำให้มี “นักขายพระเก๊” เข้าไปอาละวาดในเว็บไซต์อย่างรุนแรงและมากเว็บไซต์เพราะ “ผู้รับผิดชอบ” ไม่นำพาปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรมของแต่ละคนโดยยึดหลักที่ว่า “ตัวใครตัวมันดูแลกันเอง” ไปโน่นเลย

เพราะเว็บไซต์ที่ว่านี้ (ขอสงวนชื่อ) ในหน้า ซื้อขายพระที่เรียกว่า “บอร์ดซื้อขาย” หรือ “หน้ากระดานซื้อขาย” มีการปล่อยปละละเลยให้ “ผีเว็บไซต์” ซึ่งพัฒนาหรือวิวัฒนาการมาจาก “ผีสนาม” เข้าไปอาละวาดขายพระในลักษณะที่ว่า “เก่าไม่ทราบที่” หรือ “เก่า ไม่รู้วัด” แถมด้วย “เก่าไม่ทราบที่มา” โดยบรรดา “ของเก่า” ทั้งหลายนี้ต่อให้เซียนระดับ “อนุบาล” ดูก็ยังรู้เลยว่าเป็น “ของเก๊” ไม่ว่าจะเป็น “พระสมเด็จ, พระกริ่ง, รูปหล่อ, เหรียญ, เครื่องราง” โดยเฉพาะ “พระกริ่ง” และ “เครื่องราง” จะมีการระบาดมากกว่าอย่างอื่นเพราะจะมี “หมู” ที่ร้อง “อู๊ด ๆ” เข้าไปเคาะให้ราคาปิดการซื้อขายจ่ายสตางค์ส่งมอบของกันเรียบร้อยโรงเรียนผีเว็บไซต์ไปเลย

จะเห็นได้ว่าการซื้อขาย “พระเก๊” นี้มีวิวัฒนาการใหม่ ๆ ไปตามความเจริญของเทคโนโลยีที่สมัยก่อนปักหลักกันอยู่ที่ “หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้” ก่อนจะถูกไล่ที่ไปอยู่ “วัดมหาธาตุ” และปัจจุบันไปตั้งหลักอยู่รอบ ๆ สนามพระ “ท่าพระจันทร์” ตามริมฟุตปาธ เรื่อยไปถึง “ถนนมหาราช” และ “ท่าราชวรดิฐ” แต่ปัจจุบันย้ายวิกไปอยู่ตาม “เว็บไซต์ชื่อดัง ๆ” ก็มีหลายรายทีเดียวโดยคำว่า “ไม่ทราบที่” หากเป็นผู้ที่มี “ความรับผิดชอบ” แล้วจะต้องทำการตรวจสอบให้ถ่องแท้ก่อนที่จะนำมาโพสต์รูปขายในเว็บไซต์ เพราะหากไม่ทำดังว่าถือเป็นการประจานตัวเองไปโดยใช่ที่ เนื่องจากข้อสังเกตของบรรดา “พระเก๊” ที่มีการโพสต์เข้าไปในเว็บไซต์แล้วจะ “ค้างเติ่ง” อยู่อย่างนั้นขอให้แน่ใจได้เลยว่านั่นละคือ “ของเก๊” ที่ไม่มีผู้รู้ “หันไปแลเลย” แต่หากเป็น “ของแท้” แล้วจะมีทั้ง “หน้าม้า, หน้าคน” เข้าไปทำสัญลักษณ์ “ปรบมือบ้าง, ยกนิ้วบ้าง” หรือ “ทำหน้าการ์ตูน” แสดงอาการให้รู้ว่า “อยากได้” รวมทั้งส่งถ้อยคำบ่งบอกกันว่า “อยากขอแบ่ง” แต่หากค้างเติ่งหรือเงียบกริบไม่มีใครแวะเวียนเข้ามาเยือนละก็ให้สรุปไว้ก่อนว่า “เก๊ ๙๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์” เพราะวิญญูชน “คนดูพระเป็น” หรือ “ดูพระออก” จะไม่เสี่ยงเข้าไปโพสต์ข้อความให้กลายเป็นเรื่อง “วิวาท” บาดหมางกันหรอกเข้าทำนองที่ว่า “เอ็งอยากโง่ก็เรื่องของเอ็ง” เนื่องจาก “ความหวังดีของข้า” อาจถูกมองเป็นการ “ประสงค์ร้าย” ไปก็ได้ด้วยเหตุนี้จึงไม่ค่อยมีใครเข้าไปออกความคิดเห็นในเรื่องของ “พระแท้” และ “พระเก๊” ในเว็บไซต์จึงขอให้ “นักซื้อ” ทั้งหลายโดยเฉพาะ “ผู้ที่อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” ระมัดระวังให้ดีจะได้ไม่ถูกใคร “ด่าลับหลัง” ว่าเป็นพวก “นิยมกินหญ้า” เอา.

‘นายรู้ลึก แสนรู้ชัด’


มาจากหนังสือพิมพ์ : http://www.krusiam.com/image/dailynews.gif

 

อีกหน่อยครับ จากเดลินิวส์
‘พระสมเด็จวัดระฆัง’ ของปลอม
<TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR><TR><TD class=message-normal style="HEIGHT: 10px" vAlign=top align=middle><SCRIPT type=text/javascript>// URLs of slidesvar slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/column/images/2007/Talisman/9/8/45433_42992.jpg') ;// Comments displayed below the slidesvar slidecomment = new Array('');var picNo = new Array('0');var i;var j;var picturecontent=''function poppic(ncId,NewsType,picNum){window.open('../../html/popup_news/popup_news_popuppic.htm?' + slideurl[picNum] + '?Daily News Online : Talisman','','resizable=1,HEIGHT=200,WIDTH=200');}function createtable(){picturecontent ='<table width=100% cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ;for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ;document.getElementById("hlblTable").innerHTML=''+picturecontent+'';}createtable();</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top>ด้วยเหตุนี้ “พระสมเด็จฝังเพชรฝังพลอย” รวมทั้ง “พระสมเด็จก้างปลา, พระสมเด็จแจวเรือจ้าง, พระสมเด็จหลังพระบรมรูปเหมือนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕” จึงเป็นการปลอมแบบ “อุปโลกน์” ขึ้นมาว่าเป็นท่านเจ้าประคุณ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺม รังสี)” สร้างขึ้นในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่านซึ่งเรื่องนี้หาก “ท่านผู้อ่าน” พิจารณาให้ดีแล้วจะพบ “ข้อเท็จจริง” ตรงที่ว่าท่านเจ้าประคุณ “สมเด็จพระ พุฒาจารย์ (โต)” หากจะทำการสร้าง “พระสมเด็จ” ท่านจะสร้างด้วย “ปูนเปลือกหอย” ผสมกับ “น้ำมันตังอิ้ว” และ “ผงพุทธคุณ” ที่ท่านจัดทำขึ้นเองผสมกับ “ผงพระกรุ” ยุคเก่า ๆ เท่านั้นอย่างเช่น “พระซุ้มกอกำแพงเพชร” เป็นต้น

ดังนั้นเรื่องของ “พระสมเด็จวัดระฆัง” พิมพ์ประหลาด ๆ เหล่านี้หากเป็นบรรดา “เซียนใหญ่, เซียนมือฉมัง” ที่มีความชำนาญแล้วต่างทราบดีว่าเป็นการปลอมพระแบบ “อุปโลกน์” จึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงซึ่งผิดกับบรรดา “เซียนหน้าใหม่” หรือ “นักสะสมหน้าใหม่” ที่ใฝ่ฝันอยากจะได้ “พระสมเด็จวัดระฆัง” มาครอบครองนี่สิ “น่าเป็นห่วงมาก” เพราะพวกเขาเหล่านี้มักจะหลงเชื่อใน “นิยายน้ำเน่า” ที่บรรดา “นักขายของเก๊” นำมาเล่าเรื่องยาวประกอบการขายเพราะมีอุทาหรณ์มากมายให้เห็นกันมาแล้ว อย่างเช่นสมัยที่ผู้เขียนยังเรียนหนังสืออยู่ต่างจังหวัดได้เห็น “อาเสี่ย” ผู้หนึ่งแขวน “พระสมเด็จวัดระฆัง” รุ่นที่มีการ “ฝังเพชรฝังพลอย” พร้อม “ตลับทอง” กับสร้อยคอทองคำ “เส้นโตเท่าโซ่รถไฟ” โชว์อวดโก้หรูโดยเฉพาะในเวลาที่มีงาน “เทศกาล” รวมทั้ง “งานแต่งงาน” หรือ “งานบุญ” ต่าง ๆ ก็ยิ่งมักจะแขวนโชว์ออกนอกเสื้อให้คนเห็นว่าเป็นผู้มี “พระสมเด็จ” เนื่องจากมีการเล่าขานเลื่องลือไปทั่วว่า “พระสมเด็จวัดระฆังฝังเพชรฝังพลอย” ของอาเสี่ยผู้นี้ “หายากมาก” และประเมินค่าไม่ได้อีกด้วยเพราะเป็น “พิมพ์พิเศษ” ที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โตสร้างถวาย “ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕” จึงเป็นพระที่มีเฉพาะ “ในรั้วในวัง” เท่านั้นดังนั้น “คนภายนอก” จึงยากที่จะได้เห็น

ซึ่งครั้งนั้นผู้เขียนยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมแต่ก็สนใจ “พระเครื่อง” อีกทั้งความรู้เรื่องพระเครื่องในช่วงนั้นก็มีแค่ “งู ๆ ปลา ๆ” เลยมีความเชื่อว่าเป็น “เช่นนั้นจริง” จึงทำการจดจำไว้แบบติดหูติดตามาตลอดเพราะได้ยินได้ฟังทั้งจากคำบอกเล่าและคำร่ำลือถึงสรรพคุณของพระสมเด็จวัดระฆัง “พิมพ์พิเศษ” จึงทำการศึกษาค้นคว้าจากตำรับตำราหนังสือพระเครื่องเล่มเก่า ๆ หลายเล่มแต่ก็ไม่เห็นมีข้อมูลของ “พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์พิเศษ” ที่ว่านี้เลยจึงได้แต่เก็บเอาความข้องใจและกังขาไว้เสมอมากระทั่งมีโอกาสได้เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯจึงอาศัยเวลาหลังเลิกเรียนทำการศึกษาพระเครื่องอย่างจริงจังโดยเฉพาะที่สนามพระ “ท่าพระจันทร์” เพราะอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ผู้เขียนเป็นนักศึกษา อีกทั้งที่สนามพระท่าพระจันทร์จัดเป็น “สนามพระ” ที่มีมาตรฐานบรรดา “เซียนใหญ่” ในยุค ๒๐ ปีที่แล้วมักจะไปรวมตัวเพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายกันที่นั่นเป็นประจำที่นี่เองผู้เขียนจึงได้ “หูตาสว่าง” และได้คำตอบที่ไม่ต้องไปหาจากที่ใดอีกคือที่ “สนามพระท่าพระจันทร์” แห่งนี้ได้พบเห็น “พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์พิเศษ” ดังกล่าววางขายตามแผงริมฟุตปาธสนามพระท่าพระจันทร์หลายต่อหลายแผงจึงทำการสอบถามจากบรรดา “เซียนใหญ่” ระดับปรมาจารย์วงการพระที่สะสมพร้อมแลกเปลี่ยนซื้อขายเฉพาะ “พระแท้” ก็ได้คำตอบว่านั่นคือ “ของเก๊” ที่มีคนทำขึ้นมาขายในราคาไม่แพงมากส่วนเหตุที่มีคนนำไปหลอกขายกันได้ง่าย ๆ ก็เป็นเพราะ “พระสมเด็จวัดระฆัง” ที่เป็น “ของแท้” มีสนนราคาที่สูงเป็น “หลักล้านบาท” จึงเข้าทางพวกนักสร้างพระเก๊โดยทำการ “อุปโลกน์” พระเก๊ให้เป็นพระแท้ดังเช่น “พระสมเด็จต่าง ๆ” ที่เอ่ยมาข้างต้น

ฉะนั้นจึงขอบอกผู้ที่กำลังสนใจศึกษาเรื่อง “พระสมเด็จแท้เก๊” เป็นอย่างไรนั้นในความเป็นจริงแล้วมีหลักพิจารณาที่ง่ายมากคือการเปรียบเทียบ “ข้อเท็จจริง” ทางประวัติศาสตร์โดยหยิบยกเอา “ช่วงบั้นปลายชีวิตของท่านเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต” ช่วงนั้นเป็นช่วงต้นรัชสมัยของ “รัชกาลที่ ๕” ที่ พระองค์ยังทรงเป็น “พระยุวกษัตริย์” แล้วท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตจะสร้าง “พระสมเด็จหลังพระบรมรูปรูปเหมือนรัชกาลที่ ๕” ที่พระพักตร์ทรงไว้ “พระมัสสุ” (หนวด) ได้อย่างไรนี่คือ “ความเป็นจริง” ดังนั้นที่มีการสร้างออกมาจึงล้วนแต่เป็น “ของเก๊” โดยบรรดา “นักปลอมพระ” จะทำการถอดพิมพ์ด้วยการอาศัย “เหรียญพระบรมรูปรูปเหมือนรัชกาลที่ ๕” ที่ผลิตจากต่างประเทศใน “ช่วงกลาง” ของรัชสมัยรัชกาลที่ ๕ (ทรงไว้พระมัสสุ) จึงขอให้คุณผู้อ่านตรองให้ถี่ถ้วนก็จะทราบดีว่า “พระบรมฉายาลักษณ์” ที่ทรงไว้พระมัสสุนั้นเป็นช่วงที่เจ้าประคุณ “สมเด็จพระพุฒาจารย์โต” ถึงแก่มรณภาพแล้วข้อนี้จึงเป็น “พิรุธประการสำคัญ” ของนักอุปโลกน์พระสมเด็จวัดระฆังที่เป็น “ของปลอม” ให้เป็น “ของแท้” ได้อย่างดี

จากที่กล่าวมาเป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของขบวนการสร้าง “พระสมเด็จวัดระฆังปลอม” ที่ผู้เขียนได้เคยกล่าวไว้แล้วในตอนก่อน ๆ ว่า “พระสมเด็จวัดระฆังเป็นพระเครื่องที่มีการปลอมออกมาขายกันมากที่สุดในโลก” ก็เนื่องจากเหตุ “พระสมเด็จวัดระฆัง” มีค่านิยมสูงที่สุดจนได้รับการขนานนามว่า “จักรพรรดิพระเครื่อง” ประกอบกับมีราคาเช่าหากันด้วยราคา “หลักล้าน” อีกทั้งในบรรดานักสะสมทั่วไปต่างเชื่อกันว่าใครมี (ของแท้) อยู่ในครอบครองถือว่าเป็นผู้มี “วาสนา” อีกด้วย.

นายรู้สึก แสนรู้ชัด​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอบคุณมากครับ

 

ครับ

เอารูปพระเก๊แปลกตามาให้ชมเพิ่มครับ เจอแบบนี้หนีให้ไกลนะครับ

 

ต่อเลยครับ พระแบบนี้ถ้าเจอให้หนีให้ไกลเลยนะครับ เป็นพระสมเด็จเก๊มือผีครับ สมเด็จถ้ามีเขียนอะไรแปลกๆทำท่าว่าให้ดูน่าเชื่อถือการเขียนการใช้คำก็ไม่ตรงกับยุคสมัยแล้วนะครับ
เป็นวิทยาทานนะครับ

 

ยังงี้ปลอมหรือป่าวจ้ะ พ่อคนเก่ง

วัดระฆังองค์นี้ปลอมหรือป่าวจ้ะ

 

มีคอมเมนท์ออกมาเรื่อยๆจากกระทู้นี้ครับ
http://www2.g-pra.com/information/show.php?Category=info7&No=184

 

ไม่ทราบซีครับคุณเชน แต่ทราบว่ามีการลงขาพระสมเด็จพระธาตุพนมตามเวปขายพระองค์ไม่กี่ร้อย มีคนในนี้แหละครับไปลงขาย น่าแปลกที่สมเด็จที่ท่านสมเด็จโตสร้าง ราคาจะถูกมากขนาดนี้ แล้วที่สากลนิยมเค้าทำไมแพงจังครับ ราคาน่าจะพอๆกันนะครับ และพระน่าจะหายากพอๆกัน

 

ก็เห็นว่าเก่งนี่ครับจึงวานรบกวนให้ช่วยดุให้หน่อยว่าแท้หรือไม่อย่างไร..จะได้รู้ว่า ดุพระเป้นจริงหรือป่าวหรือแค่พาลชาวบ้านไปวันๆ และถ้าเชื่อมั่นในคุณความรู้ของตนแล้วไซร้ ใยคุณหนุ่ม ท้า สาบานแล้ว ใยท่านไม่กล้าสาบานล่ะครับ กลัวหรือไม่แน่ใจอะไรหรือ.ช่วยตอบให้กระจ่างทีนะครับ

 

ทำไมเงินเเท้......................พระจึงไม่เเท้ครับ

มาลงพระปลอม ได้เงินนิดหน่อย ไม่คุ้มความรู้สึกที่เสียไป....?

น่าจะมีกฎหมายเล่นงานได้นะะะ....เช่นกฎหมายของเก่า เป็นต้น

 

ผมดีใจนะครับที่มีหลายคนเข้าใจ ผมเองทำหน้าที่นี้ด้วยความสมัครใจ เพื่อต้องการให้เพื่อนๆพี่ๆน้องที่สนใจพระเครื่องไม่หลงทางไปกับพวกที่เล่นหาพระเก๊นอกระบบ และดีใจมากๆที่มีคนให้กำลังใจ และดีใจที่สุด ที่ทางทีมงานเล็งเห็นถึงความสำคัญ ขอขอบคุณทีมงานเวปแมสเทอร์ด้วยครับ ขอรับรองว่าจะนำเรื่องราวสาระดีๆและรูปพระแท้ๆมาลงให้ชมพร้อมกับวิธีการดูที่ถูกต้อง ประวัติที่ไม่คลุมเครือ ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ และหลักการศึกษาพระแท้แบบสากลครับ พอดีไปเจอรูป พระกรุวัดธาตุพนม เป็นพระกุเรื่องขึ้นมาน่ะครับ เพราะท่าพระจันทร์มีวางขายเยอะแยะครับ

 

ถ้าเป็นผม ... ผมคงสนใจสิ่งที่นำเสนอมากกว่าสนใจผู้นำเสนอนะ

 

ขอปรบมือให้แก่คนจริงคนกล้าอย่าง คุณมันตรัย ความจริงก็คือความจริงครับ ทุกวันอังคาร6.00-11.00 น. เชิญที่หน้าวัง อยุธยา ครับ แล้วจะพบความจริง พระเก่าอะไร แผงหนึ่งมี 20-30 องค์

 

อนุโมทนาครับ @ - @ http://www.itti-patihan.com @ - @