((พระเครื่องพระบูชาพระเกจิ...จังหวัดขอนแก่น))

​

เงื่อนไข
1.พิมพ์"จอง-ปิด"รายการต่างๆได้เลยครับ
2.โอนเงินภายใน 7 วันหลังจากวันที่โพสต์จอง-ปิด
3.แจ้งรายละเอียดการโอนทางกล่องข้อความ(ด้านบนขวามือ)พร้อมที่อยู่จัดส่ง
4.จัดส่ง EMS ในวันถัดไปและจะแจ้งเลขส่งทางข้อความให้ทราบ
5.รับประกันพระแท้ตามกฏ-กติกาสากลทุกประการ

รายการที่ 1 เหรียญ"ช.ก."เนื้อทองแดงรมดำ ปี 2524 ในงานฉลองศาลาสมเด็จพระรญาณมุนี พร้อมพระบูชาหลวงพ่อผาง จิตตคุตโต หน้าตัก 5 นิ้วเนื้อปูนขาวทารักสีดำ เหรียญบล็อกนี้มาแกะพิมพ์เพิ่มที่ขอนแก่น ไม่มี"อุ"และ ช.ก.อยู่ขอบริม ส่วนมีอุนั่นออกที่โคราช วัดศรีษะละเลิง จ.โคราช ปี 2514 ซึ่งจะตอกโค๊ต ชก.ที่ด้านหลังเหรียญอีกด้วย อีกบล็อกเป็น ช.ก.ขยับตำแหน่งเข้าข้างในอีกนิด ออกในปี 2516 ไม่ตอกโค๊ต ออกวัดศรีษะละเลิงเหมือนกัน แท้ทุกบล็อกครับ ขอที่ 250.- ฟรีส่ง EMS

สภาพสวยงาม รับประกันแท้ตามกฏทุกประการ

 

รายการที่ 2 เหรียญ"เจริญพร"ลป.พระมหาโส กัสฺสโป วัดป่าคำแคนหนือ จ.ขอนแก่น ทายาทธรรมสายวิปัสนากรรมฐาน ในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่กราบอย่างสนิทใจอีกรูป ขอที่ 200.- ฟรีส่ง EMS


พลังศรัทธาในบุญาบารมีของหลวงปู่ สุดยอดพระอริยสงฆ์เมืองขอนแก่น

 

รายการที่ 3 เหรียญ"7 รอบ"หลวงปู่บุญมา มุนิโก วัดบ้านหนองตูม จ.ขอนแก่น เนื้อทองแดง ปี 2537 แจกในงานฉลองศาลาการเปรียญ สภาพสวยปิ้ง พร้อมเลี่ยมขั้นเทพ ราคาเบาสุดคุ้ม ขอที่ 150.-ฟรีส่ง EMS

หลวงปู่บุญมา มุนิโก ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีปฏิปทาและวัตรปฏิบัติที่งดงาม เก่งเวทยาคมมากๆอีกรูปหนึ่ง ท่านจึงมีลูกศิษย์ท่านเต็มบ้านเต็มเมือง และยังชอบศึกษาร่ำเรียน จนได้บวชตั้งแต่อายุ 18 ปี เป็นต้นมา ปัจจุบันท่านมรณะภาพแล้ว เมื่อพ.ศ. 2549 อายุ 95 ปี

 

รายการที่ 4 เหรียญพระญาณวิศิษฏ์ (หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม วัดป่าสาลวัน) ออกวัดป่าอภัยวัน จ.ขอนแก่น เนื้อกะไหล่ทอง สร้างใน ปี 2518 ไม่ ทัน หลวงปู่สิงห์ แต่เหรียญรุ่นนี้ พิธีปลุกเสกดีมาก ปลุกเสกโดย พระเกจิฯกสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต อาทิ หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ขาว หลวงพ่อผาง หลวงปู่อ่อน หลวงปู่ชอบ ฯลฯ ขอที่ 350.-ฟรี ส่ง EMS

 

รายการที่ 5 ล็อกเก๊ต"อายุ 7 รอบ"หลวงปู่บุญมา มุนิโก วัดบ้านหนองตูม จ.ขอนแก่น รุ่น 2 ปี 2537 แจกในงานฉลองศาลาการเปรียญ สภาพสวยปิ้ง หลังยันต์พระเจ้า 5 พระองค์ ราคาเบาสุดคุ้ม ขอที่ 250.-ฟรี ส่ง EMS

 

รายการที่ 6 พระผงรูปเหมือน"100 ปี"พระธรรมวิสุทธาจารย์ (เหล่ว สุมนมหาเถร) วัดธาตุขามแก่น (อารามหลวง) จ.ขอนแก่น ลงสีทั้งหน้าหลัง เป็นพระลับ เลี่ยมเดิมๆจากวัด มีบิ่นห่วงขาดหน่อย ขอที่ 150.-ฟรี ส่ง EMS

 

รายการที่ 7 รูปหล่อ"รุ่นแรก"พระครูโพธิสารคุณ-ประยงค์ อุปลวณฺโณ-(หลวงพ่อโพธิ์)วัดโพธิ์โนนทัน จ.ขอนแก่น ตั้งอยู่ริมบึงแก่นนคร ถือเป็นวัดที่ใช้สำหรับปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ หลวงพ่อโพธิ์ท่านเป็นพระสงฆ์พระมีวิชาอาคมสูงครับ อาจารย์ใหญ่สายวิปัสนากรรมฐานของเมืองขอนแก่น น่าเก็บครับ ก้นอุดมวลสศักดิ์สิทธิ์ ของแท้ต้องมีทุกองค์ครับ ขอที่ 200.-ฟรี ส่ง EMS

ประวัติหลวงปู่พระครูโพธิสารคุณ
อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ อดีตอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานประจำจังหวัดขอนแก่น
---------------------------

ชาติภูมิ
หลวงปู่พระครูโพธิสารคุณ มีนามฉายาว่า อุปลวัณโณ นามเดิมว่า ประยงค์ นามสกุล ไสยฮาดวงค์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ตรงกับวันแรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน ณ บ้านโพนงาม ตำบลแพง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เป็นบุตรของคุณพ่อสงค์ คุณแม่กิ่ง ไสยฮาดวงค์ มีอาชีพทำนา มีพี่น้องร่วมจำนวน ๗ คน คือ ๑. พระครูโพธิสารคุณ (ประยงค์ อุปลวัณโณ) ๒.นายแก่น ไสยฮาดวงษ์ ๓.นางค้วน ไสยฮาดวงษ์ ๔. นายสุทัศน์ ไสยฮาดวงษ์ ๕. นางก้าน ไสยฮาดวงษ์ ๖.ร้อยตำรวจตรีศรี ไสยฮาดวงษ์ ๗.นายบุญถึง ไสยฮาดวงษ์ ต่อมาเกิดฝนแล้งบิดามารดาของท่านจึงได้พาย้ายไปตั้งถิ่นฐานไปอยู่แถบลำน้ำพอง (บ้านแจ้งนอก) จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านท่าสีสะอาด (บ้านหินชา) อยู่ที่บ้านเลขที่ ๑๗ หมู่ที่ ๑๐ ตำบลบ้านโคก อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เนื่องจากท่านเป็นลูกคนแรกจึงต้องช่วยงานพ่อแม่ในการประกอบอาชีพ และเลี้ยงดูน้องๆ ตลอดจนถึงการนำควายไปเลี้ยงทุกวัน นอกจากนี้ท่านยังมีจิตใจโอบอ้อมอารีย์ ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ จนเป็นที่รักใคร่ของเพื่อน และผู้ใหญ่มักจะยกยอท่านเป็นแบบอย่างอยู่เสมอ หลวงปู่เล่าว่าท่านเป็นคนที่หัวไม่ดี แต่อาศัยความขยันหมั่นเพียร ไปโรงเรียนไม่เคยขาด หลังเลิกเรียนท่านก็รีบออกไปทุ่งนาเพื่อช่วยงานพ่อแม่เป็นประจำทุกวัน เมื่อเสร็จฤดูกาลทำนาท่านก็มักจะเข้าวัดเพื่อรับใช้พระภิกษุ สามเณร และช่วยงานวัดอยู่เป็นประจำ ทำให้จิตใจโน้มเอียงมาทางพระพุทธศาสนา หลังจากท่านเรียนจบชั้น ป.๔ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐ จากโรงเรียนกุดกระหนวน ตำบลบ้านโคก อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ได้เข้าไปขออนุญาตพ่อแม่บรรพชาเป็นสามเณร แต่ในขณะนั้นพ่อของท่านเห็นว่าเด็กชายประยงค์ยังเด็กอยู่ และยังเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว จึงยังไม่อนุญาตให้บรรพชาในเวลานั้น
อุปสมบท
เมื่อท่านอายุครบ ๒๐ ปี สามเณรประยงค์จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ตรงกับวันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ ตรงกับวันแรม ๕ ค่ำเดือน ๖ ปีมะแม ณ พัทธสีมา วัดตาลเรียง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม โดยได้รับฉายาว่า "อุปลวัณโณ" หลังจากบวชแล้วท่านก็ย้ายมาอยู่วัดศรีนวล จังหวัดขอนแก่น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๗ โดยได้รับหน้าที่อบรมสั่งสอนพุทธศาสนิกชน และสอนโรงเรียนพระปริยัติธรรม ในสมัยพระสารธรรมมุนี เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีนวลและเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น จากนั้นท่านได้ยินข่าวว่าพระพิมลธรรมและพระมหาโชดกได้เปิดอบรมวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร ท่านจึงเกิดความสนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงได้กราบลาพระสารธรรมมุนีไปศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นเวลา ๑ ปี (พ.ศ.๒๔๘๗-๒๔๘๘) หลังจากนั้นท่านก็กลับมาอยู่ที่วัดศรีนวล ซึ่งท่านนำความรู้เรื่องวิปัสสนากรรมฐานมาอบรมสั่งสอนประชาชนชาวจังหวัดขอนแก่น โดยเปิดอบรมที่วัดศรีนวลเป็นแห่งแรก

เริ่มออกธุดงค์
ในปีต่อมาท่านได้ออกเดินธุดงค์ไปเพียงรูปเดียวตามป่าเขาลำเนาไพร ท่านปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเคร่งครัด ข้อความตอนหนึ่งจากเทปบันทึกเสียงการแสดงธรรมของท่านกล่าวว่า การธุดงค์ครั้งแรกของท่านนั้นเป็นไปอย่างยากลำบากมาก ท่านต้องเดินเท้าจากบ้านสู่ป่า จากป่าสู่เขา ต้องเผชิญกับสิงสาราสัตว์นานาชนิด ซึ่งท่านไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน บางครั้ง ๗ วันไม่ได้ฉันข้าว เนื่องจากไม่พบหมู่บ้านที่พอจะออกรับบิณฑบาต บางครั้งพบหมู่บ้านแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าพระเดินอุ้มบาตรมาทำไม ซึ่งท่านก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ยังมุ่งมั่นปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในอิริยาบถยืน เดิน นั่ง นอน โดยมีสติอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งลืมฉันข้าว บางครั้งเป็นเดือนก็ไม่ฉัน เพราะไม่หิว แม้จะญาติโยมเอาอาหารมาถวายและพยายามให้ท่านฉัน ท่านก็ฉันไม่ลง ต้องใช้น้ำล่อให้กลืนอาหารลงท้อง พอถึงเวลากลางคืนก็ถ่ายออกหมด ช่วงนี้การปฏิบัติธรรมของท่านก้าวหน้าอย่างมาก เพราะไม่มีปริโพธความกังวลใดๆ แต่เมื่อท่านพิจารณาลักกษณะของจิตตอนนั้นก็รู้สึกว่าความกำหนัดยินดีเบาบางลงมาก แต่มีโทสะรุนแรง โกรธง่าย ท่านจึงใช้อุบายด้วยการเดินดูวิถีชีวิตของสิงสาราสัตว์ และพยายามแผ่เมตตาอยู่เสมอ จึงทำให้โทสะที่รุนแรงมาเป็นจิตที่อ่อนโยน ส่งเสริมให้จิตสงบมากขึ้นตามลำดับ จากนั้นเมื่อถึงช่วงเข้าพรรษาท่านก็กลับมาจำพรรษาที่วัดศรีนวล และได้มีเวลาอบรมกรรมฐานให้กับประชาชน แต่ท่านก็ยังปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดเหมือนเดิม บางครั้งท่านปฏิบัติธรรมอย่างอุกฤษฏ์จนไม่สนใจอัตภาพร่างกาย ทำให้ร่างกายซูบผอม หนวดเครายาวเหมือนแขก ทำให้หลวงพ่อพระสารธรรมุนี (เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นในเวลานั้น) เรียกท่านว่า พระอาจารย์แขก

อ่านต่อ(คลิก) ประวัติท่านน่าสนใจมากครับผม

 

รายการที่ 8 รูปหล่อ"รุ่นแรก"พระครูโพธิสารคุณ-ประยงค์ อุปลวณฺโณ-(หลวงพ่อโพธิ์)วัดโพธิ์โนนทัน จ.ขอนแก่น ตั้งอยู่ริมบึงแก่นนคร ถือเป็นวัดที่ใช้สำหรับปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ หลวงพ่อโพธิ์ท่านเป็นพระสงฆ์พระมีวิชาอาคมสูงครับ อาจารย์ใหญ่สายวิปัสนากรรมฐานของเมืองขอนแก่น น่าเก็บครับ ก้นอุดมวลสศักดิ์สิทธิ์ ของแท้ต้องมีทุกองค์ครับ ขอที่ 200.-ฟรี ส่ง EMS

 

รายการที่ 9 เหรียญ"รัตนเจดีย์"ลป.พระมหาโส กัสฺสโป วัดป่าคำแคนหนือ จ.ขอนแก่น เนื้อทองแดงรมดำ ตอกโค๊ต สวยแท้ทุกวัน ทายาทธรรมสายวิปัสนากรรมฐาน ในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่กราบอย่างสนิทใจอีกรูป ขอที่ 100.- ฟรีส่ง EMS

พลังศรัทธาในบุญาบารมีของหลวงปู่ สุดยอดพระอริยสงฆ์เมืองขอนแก่น

 

รายการที่ 10 เหรียญ"รัตนเจดีย์"ลป.พระมหาโส กัสฺสโป วัดป่าคำแคนหนือ จ.ขอนแก่น เนื้อทองเหลืองขัดมัน ตอกโค๊ต สวยแท้ทุกวัน ทายาทธรรมสายวิปัสนากรรมฐาน ในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่กราบอย่างสนิทใจอีกรูป ขอที่ 100.- ฟรีส่ง EMS

 

รายการที่ 11 เหรียญ"เจริญพร"ลป.พระมหาโส กัสฺสโป วัดป่าคำแคนหนือ จ.ขอนแก่น ทายาทธรรมสายวิปัสนากรรมฐาน ในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่กราบอย่างสนิทใจอีกรูป ขอที่ 100.- ฟรีส่ง EMS

 

รายการที่ 12 พระสมเด็จ"ปรกโพธิ์"พระอาารย์เก้า จันทรทวัณโณ วัดป่าสันติธรรม จ.ขอนแก่น สภาพสวยงาม นิมนต์ปู่กลับบ้านนะครับ ขอที่ 100.- ฟรีส่ง EMS

 

รายการที่ 13 เหรียญ"รัตนเจดีย์"ลป.พระมหาโส กัสฺสโป วัดป่าคำแคนหนือ จ.ขอนแก่น พิมพ์รูปไข่ เม็ดแตงใหญ่ เนื้อทองเหลืองขัดมัน ตอกโค๊ต สวยแท้ทุกวัน ทายาทธรรมสายวิปัสนากรรมฐาน ในองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่กราบอย่างสนิทใจอีกรูป ขอที่ 100.- ฟรีส่ง EMS

รับไปด้วยครับ ล็อกเก็ต หลวงปู่พระมหาโส.....สวยๆครับ

 

รายการที่ 14 เหรียญพระธาตุพนม"นครขอนแก่นร่วมสร้าง"ลป.ผาง จิตฺตคุตโต ปลุกเสก ปี 2519 เนื้อทองแดง เพื่อนำปัจจัยร่วมบูรณะพระธาตุพนมที่พังทลายลงมา จังหวัดขอนแก่นเป็นเจ้าภาพสร้างถวาย เกจิสายอีสานร่วมในพิธีเยอะครับ สภาพผิวหิ้งนี้ ขอที่ 100.- ฟรีส่ง EMS

 

รายการที่ 15 พระเนื้อผงวิเศษ"พระลับ"หลวงปู่พระเทพวิมลโมลี (เหล่า สุมโน) เจ้าอาวาสวัดพระธาฯตุ(อารามหลวง)สร้าง ในโอกาสเปิดเผยพระลับให้คนรู้จัก หลังจากที่ถูกเก็บไว้มานาน และสร้างบูรณะวิหารขึ้นใหม่อีกด้วย เมื่อปี 2537 และเปิดให้บูชาร่วมบุญกันในปี 2538 สุดยอดปรากฏการณ์พระชุดนี้หมดลงในวันเดียวนั่นเอง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมงานพิธีในครั้งนั้นด้วย ขอที่ 250.- ฟรีส่ง EMS

ประวัติ หลวงพ่อพระลับ วัดธาตุ จ.ขอนแก่น

หลวงพ่อพระลับ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยสัมฤทธิ์ ขนาดหน้าตักกว้าง 11 นิ้ว สูง 29 นิ้ว ประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระพักตร์รูปไข่ พระนลาฏกว้าง พระขนงโก่ง พระเนตรเรียว เหลือบตาลงต่ำ พระนาสิกสันปลายแหลม พระโอษฐ์แย้ม
ขนาด พระเกศาเล็กแหลม พระเกตุมาลาใหญ่ รัศมีเป็นเปลวตั้งอยู่บนฐานกลีบบัว ครองจีวรห่มเฉียง เปิดพระอังสาขวา ชายจีวรยาวลงมาจรดพระนาภี นิ้วพระหัตถ์ยาวเสมอกัน ฐานปัทม์ยกสูงทรงสี่เหลี่ยมบัวคว่ำหงาย และแนวลูกแก้วอกไก่งอนขึ้นทางด้านบน

หลวงพ่อพระลับ จัดอยู่ในกลุ่มพระพุทธรูปศิลปะลาว สกุลช่างเวียงจันทน์ คล้ายพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ระเบียงหอพระแก้ว เมืองเวียงจันทน์ มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 22-24

ประวัติเล่าสืบกันมาว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 1 (พ.ศ.2077-2114) เป็นกษัตริย์ครองเมืองหลวงพระบาง เมื่อพม่ายกทัพมาตีเมือง หลวงพระบาง พ.ศ.2090 พระองค์อพยพไป ตั้งเมืองหลวงใหม่ ชื่อ เวียงจันทน์บุรีศรีสัตนาค

การอพยพครั้งนี้ได้นำพระแก้วมรกต พระปางพระพุทธรูปองค์อื่นๆ ไปด้วย ซึ่งพระพุทธรูปทั้งหมดสร้างในสมัยเชียง แสน เชียงใหม่ และสมัยพระเจ้าโพธิสารมหาธรรมิกราชาธิราช

จากการ ศึกษาพระพุทธลักษณะจึงสันนิษ ฐานว่า หลวงพ่อพระลับ สร้างขึ้นโดย 'พระเจ้าโพธิสาร พระมหาธรรมิกราชาธิราช' ประมาณปี พ.ศ.2068 ณ นครหลวงพระบาง เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 1 สวรรคต พ.ศ.2114 พระเจ้าศรีวรมงคล ผู้น้องขึ้นครองราชย์สืบมา พระนามว่า พระยาธรรมิกราช (พ.ศ. 2134-2165) มีโอรส 1 พระองค์ ชื่อ เจ้าศรีวิชัย

เมื่อพระยาธรรมิกราชสิ้นพระชนม์ กลุ่มของพระยาแสนสุรินทร์ขว้างฟ้า ยึดเมืองเวียงจันทน์ ได้ เจ้าศรีวิชัยจึงหลบหนีพร้อมนำพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไม่ทราบจำนวน ซึ่งมีหลวงพ่อพระลับ รวมอยู่ด้วย ไปอาศัยอยู่กับท่านพระครูหลวง (เจ้าอาวาสวัดโพนสะเม็ด)

ทั้งนี้ หลวงพ่อพระลับ ได้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐานตามที่ต่างๆ หลายแห่ง กระทั่ง พ.ศ. 2332 ท้าวศักดิ์ บุตรชายเจ้าเมืองสุวรรณภูมิ ได้อพยพประชาชนพลเมือง ประมาณ 330 ครอบครัว พร้อมนำเอาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ไปไว้เคารพสักการะเป็นมิ่งขวัญเมือง ด้วย ตั้งบ้านใหม่เรียกว่า "บ้านบึงบอน" และได้ก่อสร้างหลักเมืองฝั่งตะวันตกบึง

เมื่อสร้างบ้านเรือนอยู่ อาศัยเรียบร้อยแล้ว จึงได้สร้างวัดขึ้น 4 วัด คือ วัดเหนือ ให้เจ้าเมืองและลูกไปทำบุญอุปัฏฐาก วัดกลาง ให้เสนาอำมาตย์พร้อมลูกหลานไปทำบุญอุปัฏฐาก 'วัดใต้' ให้ประชาชนพลเมืองทั่วไปทำบุญอุปัฏฐาก วัดท่าแขก อยู่ฝั่งบึงด้านทิศตะวันออก สำหรับพระภิกษุ

เมื่อสร้างวัดเหนือแล้ว จึงสร้างธาตุมีอุโมงค์ภายใน นำเอาพระพุทธรูปไปเก็บซ่อนไว้อย่างลับที่สุด รู้แต่เจ้าอาวาสวัดเหนือเท่านั้น คนทั้งหลายจึงเรียกว่า พระลับ หรือหลวงพ่อพระลับ สืบมาจนถึงทุกวันนี้

กระทั่ง พ.ศ.2340 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีพระบรมราชโองการยกฐานะบ้านบึงบอนขึ้นเป็นเมืองขอนแก่น ตั้งให้ ท้าวศักดิ์ เป็นเจ้าเมืองขอนแก่นคนแรก มีนามว่า 'พระนครศรีบริรักษ์'

เมื่อกล่าวถึงพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ในพระธาตุก็จะเรียกว่า พระลับ เพราะไม่มีใครเคยเห็น ปัจจุบัน บ้านพระลับกลายเป็นเทศบาล เมืองขอนแก่น เหลือเป็นอนุสรณ์ คือ ตำบลพระลับ ส่วนวัดเหนือเปลี่ยนชื่อเป็น วัดธาตุ (พระอารามหลวง)