พระแสดง อภิญญา หรือ ปาฏิหารย์ ไม่ผิดและไม่อาบัติ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย หยดน้ำเพชร, 30 กรกฎาคม 2012.

  1. หยดน้ำเพชร

    หยดน้ำเพชร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +70
    พระแสดง อภิญญา ปาฏิหารย์ ให้คนอื่นๆเห็นนิจะผิดหรือเปล่า
    แต่ในความเชื่อของผมไม่ผิดนะคับเพราะพระศาสดาของเรายังทรงแสดงฤทธิ์อำนาจเพื่อให้คนที่กระทำชั่วๆได้สำนึกตนและเข้ามาเป็นสาวกอีกทั้งยังกำราบคนพาลต่างๆให้หันกลับเข้ามานับถือศาสนาอย่างจริงจัง
    คราวนี้เราคงไปหยุดพระสงฆ์บางรูปที่เค้าแสดง ปาฏิหารย์ ออกมาเพื่อที่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ก็ไม่เห็นผิด เพราะเราเชื่อว่าพระศาสดาของเรายังทำได้เราก็ควรทำได้ไม่อาบัติ ยกตัวอย่างพระโมคัลลานะท่านเป็นผู้เลศทางฤทธิ์ท่านยังใช้กำลังฤทธิ์ของท่านเพื่อควบคู่ไปกับพระพุทธศาสนาได้

    เพราะฉะนั้นคราวนี้ถ้าใครว่าพระสงฆ์ที่ แสดง ปาฏิหารย์ นั้นอาบัติคงเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างเต็มประตูเลยทีเดียว ผู้มีฤทธิ์ย่อมกำราบคนพาลให้กลับตัวกลับใจและหันหน้าเข้ามาสู่พระธรรม




    อนุโมธนาสาธุ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  2. auychaiqc

    auychaiqc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +135
    ขอร่วมแสดงความเห็นครับ..เห็นด้วยโดยเป็นไปเพื่อยังประโยชน์ในการของศาสนาโดยของยกตัวอย่างในพุทธประวัติตอนที่พระอัครสาวกเบื้องขวาพระสารีบุตรมากราบลาเข้าพระนิพพานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (เพียงตัวอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วครับ) สาธุ
     
  3. Aummetal

    Aummetal Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +58
    ผมมีคำถามนึง ติดใจมาตั้งแต่มัธยม ถามพ่อก็ไม่กล้า ตอนแรกจะตั้งกระทู้ถามก็กลัวโดนด่า เลยมาขอถามพี่ๆในนี้ดีกว่า

    ทำไมคนเราถึงต้องนับถือพระ ที่อิทธิฤทธิ์ แค่คำสอนไม่เพียงพอหรือไง

    เป็นคำถามซื่อๆ ไม่ได้มีเจตนากวนพี่ๆแต่อย่างใดนะครับ จากใจจริงเลย
     
  4. sazaki

    sazaki เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    107
    ค่าพลัง:
    +284
    ขอบตอบอันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ คงอยู่ที่จริตคนที่ไม่เหมือนกันครับ ทำให้เรามีจุดนับถือตอนแรกที่ต่างกัน ขอยกตัวอย่างผมกับเพื่อนนะครับ ต่างคนต่างนับถือหลวงพ่อฤาษีทั้งคู่ แต่ผมรู้จักท่านนับถือท่านจากคำสอนของท่านก่อน จากนั้นจึงได้ศึกษาเรื่องราวของท่านจึงรู้ว่าท่านมีเรื่องคำสอนแนวอิทธิฤทธิ์ด้วยแต่ก็เพียงเพื่อการนำมาฝึกเพื่อตัดกิเสสเท่านั้น ส่วนเพื่อนผมนั้นเริ่มจากการอ่านหนังสือของหลวงพ่อชอบอิทธิปาฏิหารย์ของท่านก่อน จากนั้นก็มาศึกษาตามคำสอนของท่านซึ่งท่านก็จะสอนให้ตัดกิเลส สุดท้ายถึงเริ่มไม่เหมือนกันแต่จุดมุ่งหมายเป็นสิ่งเดียวกันครับ อีกอย่างการที่เรานับถือพระสงฆ์ไม่ว่าด้วยคำสอนหรืออิทธิปาฏิหารย์ล้วนดีทั้งสิ้นเพราะเป็น สังฆานุสสติกรรมฐานครับ
     
  5. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ผมเห็นว่า
    ปัจจุบันความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มีมาก มนุษย์ยึดกับเรื่องวัตถุ ห่างไกลเรื่องจิตวิญญาณจนมองว่าเป็นความเชื่อ เป็นเรื่องงมงาย ถ้ามีใครสามารถแสดงว่าเรื่องจิตวิญญาณมีอยู่จริงก็ย่อมเป็นการดีที่จะทำให้คนเรามาตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษได้

    แต่ ผมก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องมาแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไร เพราะผมเชื่อตามพระพุทธเจ้านะครับ ลองอ่านที่มาที่ไปดู เพราะเหตุใดจึงแสดงยมกปฏิหาริย์ และปาฏิหาริย์นี้คืออะไร เกิดเหตุการสำคัญอะไรขึ้น-วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล

    จริงๆผมก็ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรที่พระพุทธเจ้าห้าม แต่ลองมาพิจารณาเองคิดว่าน่าจะเป็นเพราะ
    1.ไม่อยากให้คนหลงติดกับสิ่งเหล่านั้นเพราะไม่ใช่แก่นแท้ของคำสอน
    2. พระอรหันต์ก็มีหลายประเภท(จากวิกิ) คือ
    แบ่งตามคุณวิเศษ
    พระสุกขวิปัสสก (ไม่มีญาณวิเศษใดๆ นอกจากรู้การทำอาสวะให้สิ้นไป (อาสวักขยญาณ) อย่างเดียว) อานิสงค์จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนาเพียงอย่างเดียว
    พระเตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา 3 คือบุพเพนิวาสานุสสติญาณ (รู้ระลึกชาติได้) จุตูปปาตญาณ (รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย)อันเป็นที่เกิดจากการเข้าใจในกฎแห่งกรรมอย่างแท้จริงจึงรู้เหตุการณ์ที่จะเป็นไปได้ทั้งสิ้น อาสวักขยญาณ (รู้ทำอาสวะให้สิ้น) อานิสงค์จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนา และถือวัตรธุดงค์
    พระฉฬภิญญะ (ผู้ได้อภิญญา 6 คือทิพฺพจักขุ ตาทิพย์ (คือฤทธิที่สามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ใกล้ไกลได้ มีพระอนุรุทธะ เป็นเอกทัคคะ เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านการมีตาทิพย์ คือสามารถมองเห็นโลกใบนี้ ราวกับ มองเม็ดมะขามป้อมบนฝ่ามือ) ทิพยโสต หูทิพย์อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้ (โดยเฉพาะมโนมยิทธิการแยกร่างและจิต เป็นฤทธิที่แสดงได้เฉพาะพระอรหันต์ประเภทฉฬภิญโญเท่านั้น ) เจโตปริยญาณ (ทายใจผู้อื่นได้) บุพเพนิวาสานุสสติญาณ (ระลึกชาติได้ ) และอาสวักขยะญาณ (ญานที่ทำให้อาสวะสิ้นไป) อานิสงค์จากการปฏิบัติวิปัสสนาและเจริญสมาธิจนได้ฌานสมาปัตติ
    พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4) คือแตกฉานในความรู้อันยิ่ง 4 ประการ ได้แก่ อัตถปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในอรรถ ธัมมะปฏิสัมภิทาความแตกฉานในธรรม นิรุตติปฏิสัมภิทาความแตกฉานในภาษา ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในปฏิภาณไหวพริบ

    ดังนั้นถ้าต้องมาแสดงอิทธิฤทธิ์แล้วพระอรหันต์ที่ไม่มีฤิทธิ์คนก็จะไม่เชื่องั้นหรือ หรือถ้าเป็นนักมายากลสามารถแสดงกลให้คนเห็นยิ่งใหญ่กว่าพระคนจะไปนับถือนักมายากลนั้นหรือ
    3. ลองคิดดูว่าการที่พระอรหันต์ต้องมาแสดงอิทธิฤทธิ์เรียกศรัทธานั้น ผมมองว่าจะเสียมากกว่าได้ คือ
    - คนนอกศาสนาจะต้องหาวิธีมาท้าทาย
    - คนที่คิดไม่ดีกับศาสนาก็จะจ้องทำลายพระเหล่านั้น
    เป็นต้น
    4. พระที่แสดงฤทธิ์โดยหวังลาภยศสรรเสริญก็มี เราปุถุชนจะไปแยกได้อย่างไรว่าท่านเหล่านั้นมีเพียงโลกียฌาณแบบพระเทวทัตที่เหาะเข้าหน้าต่างเรียกศรัทธาจากพระเจ้าอชาติศัตรูให้ฆ่าบิดาได้ หรือว่าพระรูปไหนได้โลกุตรฌาณจริง
    ดังนั้น เกิดพระที่มีฤทธิ์มาก แต่ไม่บรรลุ หวังเรียกร้องศรัทธา กับพระที่บรรลุแต่ไม่มีฤทธิ์ เราจะแยกได้หรือไม่

    แล้วถ้าไม่แสดงอิทธิฤทธิ์จะรู้ได้ยังไงว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาอันประเสริฐ เรื่องจิตวิญญาณมีจริง
    - ผมว่าขึ้นกับบุญของคนด้วย คนมีบุญจึงจะได้พบพระพุทธศาสนา ได้เจอพระปฏิบัติดีปฏิบัตชอบ อย่างสมัยพุทธกาลก็มีบางคนทำบุญกับพระที่ธุดงค์ผ่านมา โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นพระอรหันต์ที่เพิ่งออกจากฌาณสมาบัติ ทำให้ที่นาของตนกลายเป้นทองคำเป็นต้น ดังนั้นถ้ามีบุญก็ย่อมนำพาให้ได้ไปพบคนดี คนมีศีลมีธรรม
    - พระที่ไม่มีฤทธิ์ แต่มีศีลมีธรรม ก็ย่อมมีปัจจัยหลั่งไหลมาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาแสดงอิทธิฤทธิ์เพื่อเรียกหาสิ่งเหล่านั้น
    - เรื่องพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุก็เป็นสิ่งที่เป็นประจักษ์พยานได้จริง มีปาฏิหาริย์เรื่องเหล่านี้ให้ได้พบเห็นอยู่เรื่อยๆ
    - แม้พระท่านจะไม่ได้เหาะเหินเดินอากาศก็จริง แต่คิดว่าคนมีปัญญาก็ย่อมจะรู้ได้ว่าสิ่งที่ท่านสั่งสอนมีประโยชน์และนำไปสู่ความสุขที่แท้จริงได้หรือไม่
    - แม้ว่าพระท่านจะไม่แสดงฤทธิ์เอง แต่เพราะความวิเศษอัศจรรย์ของศาสนาก็มีอยู่ การเกิดปาฎิหาริย์ต่างๆก็ยังมีอยู่ให้แม้แต่เทวดาก็ยังเคารพศรัทธา
    - ที่สำคัญ ปุถุชนอย่างเราก็สามารถฝึกปฏิบัติจนรู้เองเห็นเองได้ว่าเรื่องจิตวิญญาณมีจริงหรือไม่

    สรุป - ผมเคารพพระพุทธเจ้าจึงเชื่อว่าการที่ท่านห้ามนั้นเหมาะสมแล้ว แต่ก็คงไม่แปลกอะไรหากจะมีปาฏิหาริยิ์หรือความอัศจรรย์บางอย่างเกิดขึ้น เพราะแม้ท่านไม่ได้ตั้งใจจะแสดงแต่เพราะความวิเศษของท่านมีมากจนแม้ไม่แสดงเราก็สามารถรับรู้ได้

    ปล. - เห็นด้วยกับความเห็นบน บางครั้งเรื่องปาฏิหาริย์ก็เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง บางคนฝึกสมาธิไม่ไช่เพื่อพ้นทุกข์แต่ต้องการให้ได้ฌาณก็มี แต่ถ้าเป็นชาวพุทธก็ย่อมไม่ไปหลงกับเรื่องฌาณแต่ต้องรู้จักนำฌาณมาใช้พิจารณาจึงจะเกิดปัญญาได้ ก็ในเมื่อฌาณมีอยู่จริง จิตวิญญาณต่างๆมีอยู่จริงผมว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากพระท่านจะกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้ ยิ่งถ้าเราสงสัยท่านก็พร้อมจะแก้ไขข้อข้องใจได้อยู่แล้ว

    ปล.2 - พระแสดงปาฏิหาริย์เหมือนเคยได้ยินว่าผิดปาจิตตีย์(ไม่แน่ใจนะ ไม่รู้อยู่ข้อไหน) แต่ถ้าแสดงคุณที่ไม่มีในตน(อวดอุตริมนุสธรรม)ถึงขั้นอาบัติปราชิกเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2012
  6. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    พระแสดง อภิญญา หรือ ปาฏิหารย์ ให้อุปสัมบรรณ (สะกดอาจผิดครับ) ผิดข้อ ปาจิตตีย์ ครับ ถ้ามีจริง
    ถ้าไม่มีจริงอวดอ้าง ว่ามี อภิญญา หรือ ปาฏิหารย์ ต่อ อุปสัมบรรณ ผิดข้อ ปราชิกย์ (สะกดอาจผิดครับ) นี่คือพระวินัย
    ส่วนกรณีพระโมกคัลลานะนั้น การแสดง ยมกปาฏิหารย์ แสดงก็ต่อเมื่อท่านได้รับอนุญาตจากพระพุทธเจ้าครับ
     
  7. สายลมสีขาว

    สายลมสีขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +144
    ขอตอบนะครับ
    ไม่ใช้ว่านับถือแต่พระธรรมอย่างเดียวไม่พอต้องเอาฤทธิ์ด้วย

    แต่เป็นเรื่องของเส้นทางสู้มรรคผลครับ
    เปรียบการบรรลุเป็นปลายทาง เส้นทางย่อมมีหลายทาง ทางที่เอาแต่พระธรรมไม่เอาฤทธิ์ก็เป็นทางหนึ่ง ทางที่มีฤทธิ์ก็เป็นทางหนึ่งซึ่งก็ไม่ผิด(พระอัครสาวกเบื้องซ้ายในสมัยพุทธการก็เป็นผู้เลิศด้านฤทธิ์). ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกแบบไหนเพราะต่างคนต่างจริต ต่างความถนัด ต่างความชอบ บำเพ็ญบารมีก็คนละแบบกัน

    สำหรับผู้มีชอบทางที่มีแต่พระธรรมนั้นแต่ยังไม่มีความเข้าใจอาจมองว่า ทางที่มีฤทนั้นธิ์อ้อมโลกถึงธรรมช้าเพราะมีเรื่องฤทธ์เข้ามา แถมทำให้คนหลงผิดยึดติดด้วย

    แต่ผู้ที่ชอบทางที่มีฤทธ์ ย่อมรู้สึกว่าทางนี้ง่ายกว่าเพราะใจชอบอยู่แล้ว แถมฤทธ์ก็เป็นเสมือนอาวุธในการประหารกิเลสได้(ถ้าไม่เผลอไปยึดติด) เช่น สมมุติคนที่ถอดจิตไปนรกเป็นย่อมเกรงกลัวบาปจับใจเพราะเห็นนรกเป็นปกติ. สำหรับคนระลึกชาติเป็นย่อมระลึกได้ว่าโลกนี้ไม่เที่ยงและเอาแน่นอนไม่ได้จริงๆเพราะชาติก่อนอาจเป็นคนรวยชาตินี้เป็นคนธรรมดา

    จะเห็นได้ว่าฤทธิ์เป็นเครื่องประหารกิเลสได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติครับ หากไปยึดติดฤทธ์ก็นำมาซึ่งกิเลสและความหลงผิดได้เช่นกัน

    ..……………


    "สำหรับพระอริยเจ้านี้ มีอยู่ 4 ประเภทด้วยกัน ว่ากันเฉพาะพระอรหันต์คือมี สุขวิปัสสโก เตวิชโช ฉลภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปปัตโต สำหรับพระอริยเจ้าที่เป็นพระสุขวิปัสสโก ประเภทนี้ไม่มีบทบาทอะไรทั้งหมด หมายความว่าละกิเลสได้แบบเงียบๆ ผีสาวเทวดาท่านก็ไม่เห็น นรกสวรรค์ท่านก็ไม่เห็น แต่ว่าจิตสงัดจากกิเลส สำหรับท่านเตวิชโช อันนี้ได้ทิพยจักขุญาณ กับปุพเพนิวาสนุสติญาณ คือว่าสามารถจะเห็นผี เห็นเทวดา เห็นสวรรค์เห็นนรก เห็นพรหมโลก เห็นนิพพานได้ตามอัธยาศัย แล้วก็สามารถระลึกชาติได้ ชาติของตัวเองเคยเป็นอะไรมาบ้างรู้หมด ต่อไปก็ฉลภิญโญ อภิญญา 6 อันนี้ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ สำหรับปฏิสัมภิทัปปปัตโต ก็แสดงได้อย่างกับท่านอภิญญา 6 แต่มีกรณีพิเศษโดยเฉพาะ เอาอย่างที่แปลกที่สุดคือรู้ภาษาทุกภาษาโดยไม่ต้องเรียน นี่กว่ากันอย่างย่อๆ รู้ภาษาทุกภาษาทั้งหมดโดยไม่ต้องเรียน ภาษาคนภาษาสัตว์รู้หมด" (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง)
     
  8. สายลมสีขาว

    สายลมสีขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +144
    ชาวบ้านทั่วไปอยู่เฉยไม่ได้หันมาสนใจพระพุทธศาสนา แต่พอรู้ว่ามีเรื่องปาร์ฏิหารย์เข้ามา ก็เป็นเครื่องจุดศรัทธาได้ บางครั้งอาจทำให้ติด แต่ติดดีก็ดีกว่าติดเลวนะครับ เพราะอย่างต่ำการมีฤทธิ์ก็ต้องมีสมาธิสูง(ก็เป็นความดี)
     
  9. หยดน้ำเพชร

    หยดน้ำเพชร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +70
    เท่าที่รู้มานะคับพระศาสดาท่านทรงบอกไม่ให้ใช้ฤทธิ์ ในข้อนี้หมายถึงพวก อวิชาหรือ เวทย์มนต์คาถาเพราะว่า เป็นมนต์ของผู้ไม่หลับไหลหรือไม่ไปนิพาน หรือเห็นผิดนั้นเองมัวเมาแต่เรื่องใช้ถาคาอาคม แต่ถ้าเป็น อภิญญา หรือจิตล้วนๆก็ไม่ผิดเพราะคนที่เล่นฤทธิ์ก็สามารถจะบันลุธรรมได้เหมือนกัน
    ยกตัวอย่างเช่น วิชา มโนมยายิทธิ ที่สามารถเห็นนรกสวรรค์ ถ้าทำวิชานี้ได้จริงๆเราไปเห็นนรกสวรค์มาแล้วก็จะเกรงกลัวต่อบาปและจะตั้งใจทำความดีอีกอย่างยิ่งดีไปกว่านี้เพราะว่าว่าหากเราสามารถเล่นฤทธิ์ได้แล้วก็จะตั้งมั่นในการบำเพ็นญาณสมาธิให้สูงๆขึ้นไปหนทางนี้นี้แหละที่จะสามารถบันลุธรรมได้เหมือนกัน


    อนุโมธนาสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...