พระโพธิสัตว์ การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ สโมธานธรรม พระโพธิสัตว์มหายาน โพธิสัตวจริยา

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 9 มิถุนายน 2009.

  1. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][​IMG][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/FONT]
    พระโพธิสัตว์<O>

    </O>คำว่า โพธิสัตว์ เป็นคำที่มาจากคำภาษาสันสกฤต ๒ คำ คือ โพธิ หมายถึง การตรัสรู้ กับคำว่า สตฺตว แปลว่า สัตว์ ภูตผีปีศาจ ชีวิต สิ่งมีชีวิต พลัง สาระ ความเป็น ความจริง คำว่า โพธิสัตว์ แปลรวมความหมายถึง ความเป็นแห่งการตรัสรู้ สาระแห่งการตรัสรู้ ชีวิตเพื่อการตรัสรู้ ไม่ว่าจะแปลอย่างไร คำว่า พระโพธิสัตว์ จะมีความหมายอย่างเดียว คือ หมายถึงผู้ที่สร้างสมบารมีเพื่อที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ คือ พระอดีตชาติของพระพุทธเจ้า เมื่อทรงถือกำเนิดเป็น สัตว์ มนุษย์ เทวดา หรือพรหม แต่เนื่องจากเรื่องราวของพระโพธิสัตว์เมื่อเสวยพระชาติเป็นราชสีห์ ช้าง ลิง พญาแร้ง นกกระเรียน จระเข้ และสัตว์อื่นๆ เป็นที่นิยมนำมาเล่ากันบ่อยๆ จึงทำให้เข้าใจผิดว่า คำว่า สัตว์ ในโพธิสัตว์ มีความหมายเช่นเดียวกับ สัตว์ ในคำว่าสัตว์เดรัจฉาน ที่จริงสัตว์ในโพธิสัตว์ มีความหมายถึง สาระ ความจริง ความเป็น<O></O>

    การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์<O></O>

    ตามความเชื่อของพุทธศาสนานิกายเถรวาทนั้น พระโพธิสัตว์ผู้มุ่งเป็นพระพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างยิ่งยวดต่างๆ ๑๐ ประการ เมื่อบำเพ็ญครบทั้ง ๑๐ ประการแล้ว จะบรรลุพระโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เรื่องราวเกี่ยวกับการบำเพ็ญบารมีในชาติต่างๆ ของพระโพธิสัตว์ รู้จักกันดีในชื่อ นิทานชาดก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิทานชาดก ๑๐ เรื่องสุดท้าย ที่พระโพธิสัตว์ได้ไปเกิด ดังนี้<O>
    </O>
    ๑. เกิดเป็นพระเตมีย์ เพื่อบำเพ็ญเนกขัมมบารมี คือการออกบวช<O></O>
    ๒. เกิดเป็นพระชนก เพื่อบำเพ็ญวิริยบารมี คือ ความเพียร<O></O>
    ๓. เกิดเป็นพระสุวรรณสาม เพื่อบำเพ็ญเมตตาบารมี คือ ความเมตตา<O></O>
    ๔. เกิดเป็นพระเนมิราช เพื่อบำเพ็ญอธิษฐานบารมี คือ การตั้งจิตอธิษฐาน<O></O>
    ๕. เกิดเป็นพระมโหสถ เพื่อบำเพ็ญปัญญาบารมี คือ การมีปัญญา<O></O>
    ๖. เกิดเป็นพญานาคชื่อ ภูริทัต เพื่อบำเพ็ญศีลบารมี คือ การถือศีล<O></O>
    ๗. เกิดเป็นพระจันทกุมาร เพื่อบำเพ็ญขันติบารมี คือ ความอดทน<O></O>
    ๘. เกิดเป็นพระนารท เพื่อบำเพ็ญอุเบกขาบารมี คือ ความวางเฉย<O></O>
    ๙. เกิดเป็นพระวิธูรบัณฑิต เพื่อบำเพ็ญสัจจบารมี คือ การรักษาความสัตย์<O></O>
    ๑๐. เกิดเป็นพระเวสสันดร เพื่อบำเพ็ญทานบารมี คือ การให้ทาน
    <O></O>
    เรื่องพระมโหสถเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในพม่า ในขณะที่คนไทยนิยมฟังเรื่องพระเวสสันดรมากกว่า
    <O></O>
    <O>
    </O>สโมธานธรรม<O></O>

    ประกอบด้วยคำว่า สโมธาน กับคำว่า ธรรม สโมธาน แปลว่า การรวมกัน การประชุมกัน สโมธานธรรม หมายถึง ธรรมชาติ หรือลักษณะที่รวมกันทำให้เป็นพระโพธิสัตว์ที่สมบูรณ์ พระโพธิสัตว์นอกจากจะต้องบำเพ็ญบารมีอันยิ่ง ๑๐ ประการแล้ว ยังต้องประกอบด้วยคุณสมบัติต่างๆ อีก ๘ ประการ ซึ่งเรียกว่า สโมธานธรรม ดังนี้

    <O></O>
    ๑. เป็นมนุษย์เท่านั้น จะเป็นสัตว์ เทวดา หรือ พรหม ไม่ได้<O></O>
    ๒. เป็นบุรุษเท่านั้น จะเป็นสตรี หรือชายลักเพศไม่ได้<O></O>
    ๓. มีศักยภาพที่จะบรรลุอรหัตผลได้<O></O>
    ๔. ต้องได้พบพระพุทธเจ้าในอดีตพระองค์ใดพระองค์หนึ่งมาก่อน และได้กระทำความดีถวายแด่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น<O></O>
    ๕. ต้องออกบวชเป็นบรรพชิต<O></O>
    ๖. ต้องได้อภิญญา ๖ และสมาบัติ ๘<O></O>
    ๗. ต้องได้ประกอบความดีอันยอดยิ่ง<O></O>
    ๘. ต้องมีความพอใจอย่างแรงกล้าในการบรรลุพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า<O>
    </O>
    พระโพธิสัตว์ผู้จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจะขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งใน ๘ ข้อข้างต้นไม่ได้ ถ้าขาดแม้เพียงข้อเดียว ก็จะต้องบำเพ็ญบารมีต่อไปอีกเพื่อให้ได้คุณสมบัติทั้ง ๘ ครบถ้วนก่อน<O>

    </O>พระโพธิสัตว์มหายาน

    <O></O>
    ตามความเชื่อของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน พระโพธิสัตว์มีอยู่ ๒ ประเภท ประเภทหนึ่งเกิดจากฌานของพระอาทิพุทธ คือ พระธยานีโพธิสัตว์ อีกประเภทหนึ่งเป็นอวตารของพระอาทิพุทธ พระโพธิสัตว์ประเภทที่สอง มีมากมายสุดคณานับ สรรพสัตว์ใหญ่น้อยสูงต่ำแตกต่างกันเพียงใด ต่างก็สามารถตั้งจิตปรารถนา และมุ่งบำเพ็ญบารมีเพื่อให้ตนบรรลุเป็นพระโพธิสัตว์และเป็นพระพุทธเจ้าต่อไปได้ทั้งนั้น เมื่อได้เป็นพระโพธิสัตว์แล้วก็ถือว่าเป็นอวตารของพระอาทิพุทธ การได้บรรลุเป็นพระโพธิสัตว์เป็นความปรารถนาสูงสุดของผู้ที่นับถือพุทธ ศาสนาฝ่ายมหายาน การบำเพ็ญบารมีของบุคคลเพื่อให้ได้บรรลุเป็นพระโพธิสัตว์จะได้รับความช่วยเหลือจากพระธยานีโพธิสัตว์<O></O>

    โพธิสัตวจริยา

    <O></O>
    หมายถึง ปณิธานซึ่งผู้ที่ปรารถนาจะบรรลุเป็นพระโพธิสัตว์จะต้องตั้งให้แน่วแน่ตามความเชื่อของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน โพธิสัตวจริยา มี ๔ ประการ ดังนี้
    <O></O>
    ๑. จะดำรงตนมั่นในพรหมวิหาร เพื่อขจัดกิเลสอาสวะของตนให้หมดสิ้น จะได้ช่วยให้สรรพสัตว์ข้ามพ้นห้วงทุกข์ จนกว่าโลกและจักรวาลจะสูญสิ้นไป<O></O>
    ๒. จะขจัดกิเลสของตนให้หมดสิ้นไปเพื่อให้ตนได้เข้าถึงพุทธภูมิ<O></O>
    ๓. จะสั่งสอนสรรพสัตว์ตามสัจธรรมที่ตนรู้<O></O>
    ๔. จะช่วยให้สรรพสัตว์ได้เข้าถึงพุทธภาวะ คือ หลุดพ้นจากทุกข์ในวัฏสงสาร
    <O></O>
    ผู้ที่ประสงค์จะเป็นพระโพธิสัตว์ อาจปฏิญญาณโพธิสัตวจริยากับตนเอง กับอาจารย์ หรือด้วยการน้อมจิตรำลึกถึงพระพุทธเจ้า ก็ได้


    -----------------------------------------------------------------------------


    ขอขอบคุณ
    http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetail.asp?stcolumnid=701&stissueid=2435&stcolcatid=2&stauthorid=19
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • G3664558-3.jpg
      G3664558-3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.6 KB
      เปิดดู:
      1,918
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤศจิกายน 2009
  2. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
  3. มาร-

    มาร- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +487
    สาธุ สาธุ สาธุ
    ดีแล้ว ประเสริฐแล้ว

    เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

    ____________________



    บุญกุศลเหล่าใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจัก จำได้ก็ดี จำไม่ได้ก็ดี ร้อยชาติก็ดี หมื่นชาติก็ดี อสงไขย์ชาติก็ อนันตชาติก็ดี


    ข้า พระพุทธเจ้าขอนอบน้อมอำนาจพระพุทธคุณอันไม่มีประมาณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทั่วทั้งอนันตจักวาลที่มิได้มีประมาณ ทั้ง ห้วงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตกาล โดยมีสมเด็จ ภันเต ภควา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมเด็จองค์พระประถม
    องค์ พระสิริมิตร องค์พระธรรมสามี พระธรรมราชา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระ สิขี ทศพล ญาณที่1 เป็นสมเด็จองค์พระประธาน แห่งองค์พระพุทธคุณ

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจคุณพระธรรม พระสัจธรรมคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อั้นไม่มีประมาณ เป็นองค์พระธรรมคุณ

    ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งองค์พระปัจเจกพุทธคุณ แห่งองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ อันไม่มีประมาณ ทั่วทั้งอนันตจักวาล ทุกกาล ทุกกัปป์ ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็น องค์พระปัจเจกพุทธคุณ

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจ แห่งคุณพระสงฆ์ พระสาวกแห่งพระผู้มีพระภาค องค์ภันเต ภควา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ทั่วทั้ง อนันตจักวาล อันไม่มีประมาณ อันหาที่สุด มิได้ เป็น พระสังฆคุณ

    ข้า พระพุทธขอน้อมอำนาจ แห่งคุณพระบิดา พระมารดา พระอรหันต์ แห่งบุตร ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย และของข้าพเจ้าทุกๆชาติ ทุกๆภพ ทุกๆภูมิ เป็น คุณแห่งบิดาและมารดา

    ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งคุณพระอาจารย์ ทุกๆรูป ทุกๆนาม ทุกๆภพ ทุกๆภูมิ ตลอด อดีต ปัจจุบัน และอนาคต มีพระคุณที่ได้ประสิทธิประสาท วิชา สั่งสอนในคุณความดี ตั้งมั่นในสัมมาทิฐิ เป็น
    คุณแห่งครูบาอาจารย์

    ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งคุณของ พระพรหม และเทพ เทวดา พระยายมราช ทุกรูป ทุกนาม ทุกๆชั้นฟ้า ทั้วทั้ง อนันตจักวาล สากลพิภพ อันไม่มีประมาณ จงร่วมกันบันดาล ปกป้องรักษาและอนุโมทนา

    ขอ อำนาจแห่งพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระปัจเจกพุทธคุณ พระสังฆคุณ คุณแห่งบิดา มารดา คุณแห่งครูบาอาจารย์ และ ทวยเทพเทวดาทั้ง โปรดดลบันให้....

    กุศล ผลบุญ เหล่าใด ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ทำมา ได้บำเพ็ญมาโดยชอบ จำได้ก็ดี จำมิได้ก็ดี ข้าพระพุทธเจ้าขออุทิศกุศลเหล่านั้น แด่ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกรูป ทุกนาม ทุกภพ ทุกภูมิ ขอให้ได้ร่วมอนุโมทนา ขอให้มีส่วนร่วมในกองกุศลของข้าพเจ้า เพื่อยังผลให้ที่สุดแห่งกองทุกข์ จงหมดสิ้นไปด้วยเทอญ....
     
  4. singhol

    singhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +1,940
    ขออนุโมทนาสาธุ...ครับ...ขอให้เราชาวพุทธเร่งปฏิบัติธรรม...เสริมบารมี...เพื่อช่วยให้ประเทศไทยสงบสุขด้วยนะครับ
     
  5. แชมป์คุง

    แชมป์คุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +279
    สาธุๆดีแล้วๆ
    เมี่ยว วิธีมหัศจรรย์อาตยะหกสะอาด
    สาน สัมพันธ์ดีแปรเปลี่ยนเป็นธาตุ
    กวน เพ่งว่างเพ่งรูปรู้สึกแน่
    อิม เสียงแท้หากได้ยินแสวงหา<SCRIPT type=text/javascript> <!-- vBulletin.register_control("vB_ProfilefieldEditor", "5"); //--> </SCRIPT>
     
  6. linake119

    linake119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +578
    ตอบกระทู้

    สาธุ สาธุ สาธุ
    ขอให้ทุกท่านสำเร็จโพธิญานดังปรารถนาครับ
     
  7. บัวเกี๋ยง

    บัวเกี๋ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    549
    ค่าพลัง:
    +431
    อนุโมทนาสาธุครับ
    บุญกุศลเหล่าใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจัก จำได้ก็ดี จำไม่ได้ก็ดี ร้อยชาติก็ดี หมื่นชาติก็ดี อสงไขย์ชาติก็ อนันตชาติก็ดี

    ข้า พระพุทธเจ้าขอนอบน้อมอำนาจพระพุทธคุณอันไม่มีประมาณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทั่วทั้งอนันตจักวาลที่มิได้มีประมาณ ทั้ง ห้วงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตกาล โดยมีสมเด็จ ภันเต ภควา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมเด็จองค์พระประถม
    องค์ พระสิริมิตร องค์พระธรรมสามี พระธรรมราชา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระ สิขี ทศพล ญาณที่1 เป็นสมเด็จองค์พระประธาน แห่งองค์พระพุทธคุณ

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจคุณพระธรรม พระสัจธรรมคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อั้นไม่มีประมาณ เป็นองค์พระธรรมคุณ

    ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งองค์พระปัจเจกพุทธคุณ แห่งองค์พระปัจเจกพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ อันไม่มีประมาณ ทั่วทั้งอนันตจักวาล ทุกกาล ทุกกัปป์ ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เป็น องค์พระปัจเจกพุทธคุณ

    ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจ แห่งคุณพระสงฆ์ พระสาวกแห่งพระผู้มีพระภาค องค์ภันเต ภควา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ทั่วทั้ง อนันตจักวาล อันไม่มีประมาณ อันหาที่สุด มิได้ เป็น พระสังฆคุณ

    ข้า พระพุทธขอน้อมอำนาจ แห่งคุณพระบิดา พระมารดา พระอรหันต์ แห่งบุตร ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย และของข้าพเจ้าทุกๆชาติ ทุกๆภพ ทุกๆภูมิ เป็น คุณแห่งบิดาและมารดา

    ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งคุณพระอาจารย์ ทุกๆรูป ทุกๆนาม ทุกๆภพ ทุกๆภูมิ ตลอด อดีต ปัจจุบัน และอนาคต มีพระคุณที่ได้ประสิทธิประสาท วิชา สั่งสอนในคุณความดี ตั้งมั่นในสัมมาทิฐิ เป็น
    คุณแห่งครูบาอาจารย์

    ข้า พระพุทธเจ้าขอน้อมอำนาจแห่งคุณของ พระพรหม และเทพ เทวดา พระยายมราช ทุกรูป ทุกนาม ทุกๆชั้นฟ้า ทั้วทั้ง อนันตจักวาล สากลพิภพ อันไม่มีประมาณ จงร่วมกันบันดาล ปกป้องรักษาและอนุโมทนา

    ขอ อำนาจแห่งพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระปัจเจกพุทธคุณ พระสังฆคุณ คุณแห่งบิดา มารดา คุณแห่งครูบาอาจารย์ และ ทวยเทพเทวดาทั้ง โปรดดลบันให้....

    กุศล ผลบุญ เหล่าใด ที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ทำมา ได้บำเพ็ญมาโดยชอบ จำได้ก็ดี จำมิได้ก็ดี ข้าพระพุทธเจ้าขออุทิศกุศลเหล่านั้น แด่ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกรูป ทุกนาม ทุกภพ ทุกภูมิ ขอให้ได้ร่วมอนุโมทนา ขอให้มีส่วนร่วมในกองกุศลของข้าพเจ้า เพื่อยังผลให้ที่สุดแห่งกองทุกข์ จงหมดสิ้นไปด้วยเทอญ....
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  8. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    update ครับ ...............................
     
  9. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ๑. เป็นมนุษย์เท่านั้น จะเป็นสัตว์ เทวดา หรือ พรหม ไม่ได้
    ๒. เป็นบุรุษเท่านั้น จะเป็นสตรี หรือชายลักเพศไม่ได้
    ๓. มีศักยภาพที่จะบรรลุอรหัตผลได้
    ๔. ต้องได้พบพระพุทธเจ้าในอดีตพระองค์ใดพระองค์หนึ่งมาก่อน และได้กระทำความดีถวายแด่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น
    ๕. ต้องออกบวชเป็นบรรพชิต
    ๖. ต้องได้อภิญญา ๖ และสมาบัติ ๘
    ๗. ต้องได้ประกอบความดีอันยอดยิ่ง
    ๘. ต้องมีความพอใจอย่างแรงกล้าในการบรรลุพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า
    aMANwal




    :cool:สวัสดีครับ ท่านเจ้าของกระทู้ และพี่ๆน้องๆทุกๆท่านทราบ ๘ ข้อที่ว่านี้ ท่านเอามาจากไหน ผมไม่ได้มาหาเรื่อง แต่สงสัย วันนี้เลยเข้ามาคุยหน่อย จริงๆไม่อยากเข้ามา แต่จะเอาประสบการจริงมาแชร์ และตัวอย่างที่เห็น ข้อ ๑ คุณบอกว่า จะเป็นสัตว์ เป็นมนุษย์ เทวดา พรหมไม่ได้ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ในอดีดถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น มหายาน มหานิกาย มันไปที่เดียวกันหมด ถ้าจบหลักสูตรก็ที่เดียวกันหมด เกิดเป็นพรหมเทวดาได้ มากมาย กว่าบารมี จะเต็ม แต่เขาไม่คิดรวมบารมีให้ นอกจากเกิมมาเป็นคน กับสัตว์เท่านั้น ขยันเกิดขยันตาย ดูตัวอย่างมากมาย ช้างปาริไลยกะ ช้างนาราคีรี สัตว์ตัวอย่าง ของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ชาดกมากมายตัวอย่าง หมา หลวงพ่อ ฤาษี วัดท่าซุง ท่านสิงดอกพุทธภูมิ อีก ๓ ชาติ เต็ม ท่านเจ้าโทน หมาที่ผมเลี้ยง และอีกท่าน ไปกับพระมาธุดงค์ห้วยขาแข้ง


    แล้ว ข้อ ๒ คุณบอกว่า พระโพธิสัตว์ จะเป็นชายเท่านั้น เป็นหญิงไม่ได้ พระแม่กวนอิม คนเขาปั้นรูป ท่านมากราบไหว้บูชา ทั่วโลกในหลายๆประเทศ ๆของเรานั้นก็มากมาย พระโพธิสัตว์จริงๆ เกิดได้มากมาย ถ้าทำความชั่ว ก็ลงนรก เปตร อสูรกาย อันนี้ ไม่ใช่ บำเพ็ญนะครับ ลองลงไปชิม นรกดู ไม่งั้นไปเป็นครูเขาไม่ได้ใช่ไหม ถ้ายังทำความชั่ว ถ้าบำเพ็ญบารมีถึงขั้น ปรมัตถบารมี ขั้นสุดท้าย นั่นน่ะ ถึงจะไม่เกิดเป็นหญิง ปรมัตถบารมี ยังมี หยาบ กลาง และละเอียดอีกนะครับ
    แต่การบำเพ็ญบารมี ต้น และกลาง มีปอดจาก นรก กับไม่ปอดอีก ส่วนใหญ่แล้ว ผมว่า ทำผิดน่ะไม่น้อบเลย ผิดมากกว่าถูก ลองผิดลองถูก


    ข้อ ๓ คุณว่ามีสักภาพ สำเร็จพระอรหันต์ได้ พระโพธิสัตว์ ถ้าไม่ลาพุทธภูมิ ไม่มีสิทธิ ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ นอกจากลาพทธภูมิ เมื่อบารมีล้นแล้ว เท่านั้น แต่ถ้ายังไม่ลา ก็ต้องเรียนรู้ อารมย์ ของพระโสดาบัน อารมย์ของพระสกิทาคามี อารมย์พระอนาคามี และเรียนรู้อารมย์พระอรหันต์ เขาเรียกเมื่อเรียนจบ หลักสูตรนั้น เขาเรียกอารมย์เทียบเท่าครับ


    ข้อ ๔ ก็แน่นอนอยู่แล้ว ต้องได้พบเจะเจอพระพุทธเจ้า ถ้าไม่ได้พบพระพุทธองค์แล้ว ใครมันจะปราถนาเล่า ในเมื่อไม่ได้พบของจริง เมื่อพบพระพุทธองค์ เห็นความอรรศจรรย์ ของพระพุทธองค์ แล้วนั่นแหละ สัตว์ทั้งหลายจึง ทำความปราถนา ที่ตนอยากเป็น อยากได้ การทำความปราถนานั้น ท่านเปรียบเทียบ ไว้ดังนี้ การทำความปราถนา คนสัตว์มากมาย มากมายเท่านขนโค แต่คนสัตว์ ที่ไปถึง มันมี เขาโค เท่านั้น ขนโคตัวหนึ่ง มันมีกี่แสนๆ กี่ล้านๆเส้น หลวงปู่ครูบาวงค์ ท่านเคยพูดว่า เอาแค่ผมบนหัวคน มัน มามายไม่รู้กี่ ล้านเส้น แล้วมาดูขนโค ตัวหนึ่ง คุณว่ามันมีกี่ล้านๆเส้นเล่าครับ แล้วพระพทธเจ้าท่านตรัสเอง คนสัตว์ ที่สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านั้น เท่าเขาโค เขามีแค่ ๒ เขาเท่านั้น ท่านลองคิดดู ส่วนใหญ่แล้ว ลากันเป็นแถว ในสมัยพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง


    ข้อ ๕ คุณบอกต้องออกบวช เป็นบรรชิตเท่านั้น มันจริงตรงไหน ก็ในเมื่อ ตอนองค์สมเด็จ เป็นพระโพธิสัตว์ มีทั้งฆราวาส และออกบวช และเป็นสัตว์ แล้วความเหมาะสมเท่านั้น เมื่อบารมีเต็มแล้ว แบบพระเวสสันดร ก็คือต้องออกบวชแบบคุณว่ามา ข้อ ๖ คุณบอกต้องได้ อภิญญาหก และสมาบัติ ๘ บางชาติ หรือ มากมาย ที่คุณพูดมา ท่านไม่ได้ อะไรเลยก็มี ตัวอย่างเกิดเป็นสัตว์เดรัชฉาน อย่าลืมนะ ช้างนาราคีรี กับช้างปาริไลยกะ มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกัปนี้นะครับ ข้อ ๗ ผมพูดอย่างเดียวว่า เมื่อทำความปราถนาแล้ว จิตใจเขาจะเป็นพระโพธิสัตว์ทันทีไม่ว่าใครแหละ แต่จะได้หรือไม่ได้นั้นไม่เกี่ยว ผมไม่อยากเอ่ยตัวอย่างอีก มันใช้เวลามากเกินไป


    ข้อ ๘ เป็นอันว่า ที่ผมพูดมา พอได้ใจความแหละครับ เมื่อจิตใจ เป็นพระโพธิสัตว์ แล้ว มันก็ต้องเข้าเกณ กระทำความดีทุกๆอย่าง เป็นผู้นำบุญทุกๆด้าน ผู้นำจิตวิญญาณ ทุกๆด้าน เป็นผู้นำออกบวชทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นฤาษีชีไพร นักบวช นอกพระศาสนา และนักบวช ในพระศาสนา เรียนรู้ วิชาสรรพศาสตย์ทุกๆแขนง เรียนจบไตรเพท ช่างทุกๆชนิดบนโลกนี้ นักเกษตร ทุกๆชนิด และโดยเฉพาะ กรรมฐาน ๔๐ มหาสติปัฏฐาน ๔ ได้จนนับชาติไม่ถ้วน และต้องเรียนรู้อารมย์ พระอริยเจ้าทุกขั้นตอนจนจบหลักสูตร ตำราเป็นเพียงแนวทางเดินเท่านั้นการปฏิบัติ มันเป็นของจริง มันผ่านกันไม่ง่ายๆหรอกครับ ล้มลุกคลาน เกิดแล้วตายจนนับชาติไม่ถ้วน บางที ก็แสดงเป็นนักบวช บางทีแสดงเป็นนักรัก เป็นโจร ผู้ร้าย ท้ายๆก็เป็นักรบเสียส่วนใหญ่


    ดูตัวอย่างเถอะ พ่อหลวงของแผ่นดิน ท่านเป็นนัก รบการเกษตร นักรบการพัฒนา นักรบการปกครอง แผ่นดินโดยธรรม นักรบนักธรรม นักรบ ศาสนูปถัมภก ทุกศาสนา นักรบเกี่ยวกับความยากจน ของพสกนิกร ให้อยู่ดีกินดี นักรบ นักวิทยาศาสตร์ นักดนตรี นักกีฬา โอย พรรณาไม่ไหว และได้ข่าวมาว่า พระองค์ท่าน เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ต่อสู้กับกิเลสตัณหา เป็นผู้ประกอบด้วยความเพียรวิริยะอุตสาหะ ในด้านกรรมฐาน ๔๐ อีกด้วย ปราดเปรื่องพระปัญญา บารมี ๑๐ จนถึงบารมี ๓๐ ทัต ขอประทานอภัย ขอเอ่ยนิดนะครับ ครูบาอาจารย์ถึงกับกล่าวไว้ว่า พระองค์ท่านได้ ฌาณ ๔ ตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ แค่นี้ก่อนครับสวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2014
  10. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    แวะมาตอบท่านบุญทรงพระเครื่องครับ พอดีผมพอเข้าใจอยู่บ้าง จึงขออธิบายสั้นๆดังนี้

    ธรรมสโมธาน 8 ประการ เป็นองค์ประกอบของความพร้อมของพระโพธิสัตว์ที่พระพุทธองค์จะทรงพยากรณ์ให้ครับ เมื่อได้รับพยากรณ์แล้วจะหมายความว่าเป็นนิยตโพธิสัตว์ที่สามารถจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้ในอนาคตกาล เพราะมีขีดความสามารถถึงพร้อมแล้วทุกๆด้าน และเมื่อบำเพ็ญบารมีจนเต็มบริบูรณ์แล้วเมื่อไรก็สามารถสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้แน่นอนครับ (ถ้าไม่ลาพุทธภูมิเสียก่อนย่อมสำเร็จแน่ครับ) แต่หลังจากนั้นอาจเกิดเป็นสัตว์ได้เหมือนกันแต่จะมีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และ ไม่ใหญ่ไปกว่าช้าง

    ผมเอารายละเอียดมาฝากไว้ให้อ่านดูนะครับ จะได้เข้าใจได้ชัดเจนขึ้น (สำหรับข้อ 6. ผมเข้าใจว่าต้องได้อภิญญา 5 สมาบัติ 8 ครับ เพราะถ้าได้อภิญญา 6 นั้นแสดงว่าได้อาสวักขยญาณแล้ว น่าจะหมายถึงผู้ที่บรรลุมรรคผลแล้ว)

    http://palungjit.org/threads/ธรรมสโมธาน-๘-ประการ-และบารมีทั้ง-๑๐-แห่ง-พระโพธิสัตว์เจ้า.204903/
     
  11. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:({) สวัสดีครับ คุณเจ้าของกระทู้ ที่คุณตอบมา ผมน่ะเข้าใจ มาไม่น้อยกว่า ๓๐ ปีแล้วครับ และมีเรื่องเข้าใจมากกว่านี้ อีกมากมาย ที่จะพรรณาไหว คุณลองย้อนไปดู ท่านพระสุเมธดาบส บวชเป็นพระฤาษี องค์สมเด็จ พระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ปัจจุบัน ย้อนถอยหลังไป เมื่อ ๔ อสงไขย กำไลยแสนมหากัป พระพุทเจ้าองค์ปัจจุบัน ผมจะไม่เล่าถึงรายละเอียด เอาว่า ท่านเข้าไปทำความปราถนาต่อหน้าพระพัก ของพระพุทธเจ้าๆทรงพญากรณ์ว่า ต่อไปในภายภาคหน้า ท่านสุเมธดาบส จะได้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง ในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้น มีนามว่า พระสมณโคดมพุทธเจ้า


    หลังจากนั้น ท่านได้เกิด เป็นสัตว์เล็กน้อยใหญ่ ทั้งคนและสัตว์ มากมายนานับประการ จนนับชาติไม่ถ้วน ผมว่า เกิดเป็นสัตว์มากกว่า เกิดเป็น มนุษย์ สัตว์เล็กอย่างต่ำไม่เล็กกว่านกกระจอกหรือนกกระจาบ ใหญ่ไม่เกินกว่าช้าง ในชาดก แบบที่พระพุทธองค์ได้แสดงมาเป็นตัวอย่าง ในบางชาติเท่านั้น และ อีก ๑๐ ชาติสุดท้าย ที่พระองค์ แสดง ถึง บารมี ๑๐ อันยิ่งยวด แต่ละชาติ นำหน้าด้วย พระบารมี เช่น นำหน้า ด้วยทาน นำหน้าด้วย ศิล นำหน้าด้วย ปัญญา นำหน้าด้วยเนกขัมมะ นำหน้า ด้วยวิริยะ นำหน้าด้วยขันติ นำหน้าด้วย สัจจะ นำหน้าด้วยเมตตา นำหน้าด้วย อธิษฐาน นำหน้า ด้วยอุเบกขา


    บารมี ๑๐ ตัวใดนำหน้า บารมีทุกๆตัว ก็จะวิ่ง เข้ามาสนับสนุนทันทีครับ เมื่อบารมี ๑๐ เต็ม เป็นปรมัตถบารมี ก็จะเป็นบารมี ๓๐ ทัต ที่ผมได้ ศึกษามาจากครูบาอาจารย์ และประสบการจริง พวกพระโพธิสัตว์ เกิดเป็นพรหม เทวดา เขาไม่รวมคิดให้ ในการสร้างบารมี นอกจากเกิดเป็นคน และสัตว์เท่านั้นครับ ผมว่า ในระหว่างเกิดเป็น เทวดาหรือพรหม (พักทุกข์ชั่วคราว) อันนี้ผมคิดเองครับ พวกไปเป็นครูเขา มันต้องขยันเกิดขยันตาย เพื่อสร้างบารมี ในทุกด้าน จนกว่าบารมีเต็ม เกิดมาไปเป็นบุคคลสำคัญ อรรศจรรย์ของโลก มันต้องทำในสมัยเป็นมนุษย์เท่านั้นทั้งหมดทั้งสิ้น มันไม่เหมือนผู้ที่ปราถนา พระสาวก


    ที่ครูบาอาจารย์ ท่านบอก เอาแค่พระมหาชนกในบารมี ๑๐ ชาติสุดท้าย ต้องตกน้ำไหว้น้ำในทะเลมหาสมุทรมาถึง ๕๐๐ ชาติ ตกน้ำทีไร ก็ได้เป็นกษัติย์ทุกชาติไป เอาแค่เกิดแค่กัปเดียว ก็เกิดไม่รู้เท่าไหร่แล้วครับ ฉนั้นผมจึงสงสัย ใน ๘ ข้อของคุณ ที่ว่ามาครับ มันสวนทางกัน ปรมัตถบารมี มันยังมี หยาบ กลาง ละเอียดอีกครับ ปลีกย่อย มันมากมาย ที่เราๆท่านๆจะคิดถึง ตำรา เป็นแนวทางเดิน การปฏิบัติ เป็นหนทางอันแท้จริง ที่ พวกพระโพธิสัตว์ทั้งหลายต้องทำ ได้แต่คิดกับพูด มันไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดเลยครับ ลงมือทำเท่านั้น นั่นแหละคือของจริงครับ ถึงไม่ถึงก็อีกเรื่องหนึ่งครับ
     
  12. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ตอบท่านบุญทรงพระเครื่องครับ

    พอดีผมไม่ได้เป็นเจ้าของกระทู้ครับ แวะผ่านมาอ่าน คิดว่าพอเข้าใจอยู่บ้างเลยมาตอบเพิ่มเติมให้ครับ ผมอ่านแล้วยังงง สงสัยจะยังไม่เคลียร์ ^_^

    งั้นอธิบายใหม่ครับ สมมุติว่าในชาติใดชาติหนึ่งที่มีโอกาสได้พบหรือได้อ่านเรื่องราวของพระพุทธเจ้า แล้วเกิดความรู้สึกดีหรือประทับใจ จึงมีความปรารถนาอยากจะเป็นพระพุทธเจ้าช่วยเหลือสรรพสัตว์บ้างในใจของตนเอง (ว่ากันว่าวันที่พระพุทธเจ้าเปิดโลก แม้สัตว์เองก็ตั้งความปรารถนาไว้ได้เช่นกัน) สมมุติว่าเป็นชาติแรกก็แล้วกัน ก็อาจจะเริ่มทำความดีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แต่ยังเป็นความดีเล็กๆน้อยตามกำลังของตนเองสะสมไว้เรื่อยๆ ระหว่างนี้ก็อาจมีโอกาสได้พบเจอพระพุทธเจ้าหรือพระพุทธศาสนาขององค์ถัดมาอีกก็ได้ ถ้ายังบำเพ็ญบารมีมาไม่มากพอและอยู่ในเขตบารมีธรรมดาอยู่ กำลังใจยังอ่อนจึงได้แต่ตั้งความปรารถนาเอาไว้ในใจอยู่ครับ ช่วงนี้เป็นการสั่งสมบารมีสิบทัศแรก เป็นบารมีขั้นต้น สามารถสละทรัพย์สินเงินทองของนอกกายได้ในการการบำเพ็ญบารมี ระยะนี้บารมียังไม่เข้มแข็งพอที่จะมั่นใจได้ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงพยากรณ์ให้ ยังจัดว่าเป็นอนิยตโพธิสัตว์อยู่ครับ

    ต่อมาเมื่อบารมีเพิ่มขึ้นจากการทำบุญสร้างกุศลต่างๆ จนกำลังใจเข้าถึงอุปบารมีหรือบารมีขั้นกลาง นอกจากสละทรัพย์สินเงินทองแล้วยังสามารถสละอวัยวะเลือดเนื้อเพื่อการบำเพ็ญบารมีได้ ช่วงนี้จะเริ่มเปล่งวาจาปรารถนาพุทธภูมิต่อสาธารณะแล้ว แต่ระยะนี้บารมีก็ยังไม่เข้มแข็งพอที่จะมั่นใจได้ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ พระพุทธเจ้าจะไม่ทรงพยากรณ์ให้ ยังจัดว่าเป็นอนิยตโพธิสัตว์อยู่ครับ

    พอถึงจุดที่บารมีเข้มแข็งมากพอที่สามารถเอาชีวิตเข้าแลกกับการบำเพ็ญบารมีได้เมื่อไร เมื่อนั้นก็แสดงว่าเข้าเขตปรมัตถบารมีซึ่งเป็นบารมีขั้นปลายแล้วครับ และยังเปล่งวาจาปรารถนาพระโพธิญาณอยู่เช่นกัน แต่ถ้ายังได้ธรรมสโมธานไม่ครบถ้วน 8 ทั้งประการ พระพุทธองค์จะยังไม่ทรงพยากรณ์ให้ จนกว่าจะถึงชาติที่ได้ธรรมสโมธานครบแล้ว พระพุทธองค์จะทรงพยากรณ์ให้และถือว่าเป็นนิยตโพธิสัตว์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไปครับ

    ไม่รู้ว่าที่ตอบไปจะตรงกับที่ท่านต้องการทราบหรือเปล่านะครับ เพราะผมเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าท่านไม่เข้าใจตรงไหนอ่ะนะ ส่วนตัวแล้วก็นับถือท่านบุญทรงพระเครื่องนะครับเพราะเคยแอบไปอ่านในกระทู้ท่าน PCO_ อยู่บ่อยๆ ^_^ ผมแค่แวะมาสนทนาด้วยจ้า

    ป.ล. มีรายละเอียดเพิ่มเติมอ่านได้จาก (อธิบายละเอียดกว่า Link แรกที่เคยลงไว้และมีหลายหน้าครับ สามารถตอบข้อสงสัยของท่านได้มากทีเดียว) การปรารถนาพุทธภูมิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2014
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814


    :cool:({) เอ่อขอโทษทีครับผมเข้าใจว่าคนๆเดียวกัน ลืมดูหัวข้อ กระทู้ไป มาอ่านก็ตอบเลย เอาล่ะ ผมเข้าใจ ในอัตถาธิบาย และข้อของพุทธภูมิ ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึง ปรมัตถบารมี ในสายของ ปัญญา ศรัทธา วิริยาธิกะ ในส่วนของท่าน ที่ปราถนา พุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ อัครสาวก พุทธสาวก ปรกติสาวก ผมเข้าใจ และได้ พบประสบ ของจริง มาตามอัตภาพ ตั้งแต่ พระโพธิสัตว์ ที่จะมาตรัสรู้ในกัปนี้ ทั้ง พระ ฆราวาส ผู้หญิง ผู้ชาย แม้แต่ท่านที่เสวยพระชาติเกิดเป็นสัตว์ ก็หลายท่านอยู่ จึงไม่เครือบแครงสงสัยอะไร

    และอีกประการสำคัญ ก็ได้กราบไหว้ ทำบุญ พระอริยเจ้า ในหลายๆท่าน ตั้งแต่พระโสดาบัน ยันพระอรหันต์ ในสายต่างๆ พอเข้าใจและอนุมานได้ครับ แต่ยังไม่ละเอียดลออพอครับ ในหลายๆด้าน ถือว่ามีพื้นฐานไว้รองรับแล้วครับ แต่การทำให้ถึงนั้น ยังไม่มีในตัวผมเท่านั้นเอง กิเลสยังเต็มหัวอยู่ครับ แต่ประสบการนั้น เจอของจริง ๙๐ ปอร์เซ็น ๑๐ เปอร์เซ็น ให้เป็นเรื่องของตำรา ครูบาอารย์ต่างๆ ในแนวทางเดินครับ ถ้าไม่ได้ครูบาอารย์ทั้งหลาย ในวันนี้ คงไม่ได้มาพูดกับท่านแน่นอน ต้องขอโทษอีกครั้ง ที่ไม่ดูให้ละเอียด :cool:


    ขอเอาเรื่อง ขององค์สมเด็จองค์ปัจจุบัน ในสมัยเกิดเป็นปลาดุก อยู่ในหนองน้ำ น้ำแห้ง มีแต่โคลน ทั้งตัวท่าน บริวาร นับหมื่น นับแสน ใกล้จะตาย ท่านอธิฐาน ให้ฝนตก ทั้งท่านและบริวาร รอดตาย ตอนท่านเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ทำอะไรได้ ท่านบอกไม่อัศจรรย์ ท่านกว่าวว่า ตอนเกิดเป็นปลาดุก ทำให้ฝนตกมาได้ นี่สิ อัศจรรย์กว่า ตอนเป็นพระพุทธเจ้าไม่อัศจรรย์เลย แค่นี้ก่อนนะครับ ดีครับ ตกไหนบกพร่อง ช่วยกัน ทำให้ถูก จะได้ไม่ผิดเพี้ยนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...