พลังแห่งความเป็นผู้นำสู่ผู้นำ

พลังแห่งความเป็นผู้นำมีอยู่ในตัวเราทุกคน หากเราเชื่อมั่นและตระหนักว่าเราสามารถทำได้ ก็จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองและผู้อื่นให้ดีขึ้นได้




เรื่อง : ภาดนุ ภาพ : ทีเอ็มเอ

ครั้งนี้เราจึงขอหยิบยกคำสอนของ พระพรพล ปสันโน หรือ หลวงพี่โบ๊ท เลขานุการเจ้าอาวาส วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ทายาทตระกูล “ณรงค์เดช” นักธุรกิจผู้เลือกทางเดินเข้าสู่สายธรรมะ ซึ่งหลักธรรมได้เปลี่ยนมุมมองในเรื่องความสำเร็จ จากความร่ำรวยทางวัตถุมาเป็นการช่วยเหลือ และชี้นำสายธรรมให้กับผู้อื่น จากงาน Leadership Energy Summit Asia 2017-Thailand ซึ่งสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ได้จัดสัมมนาขึ้นมาฝาก

“คนในยุคปัจจุบันถือว่าอยู่ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วที่สุด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ย่อมส่งผลให้เกิดแรงกดดันมากขึ้น ในฐานะที่เป็นผู้นำจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้จักเปลี่ยนแปลงไปตามความเป็นไปของโลก รวมถึงรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วย

“ทั้งนี้ในแง่มุมของพระพุทธศาสนาเองต้องยอมรับว่า พระพุทธเจ้าถือเป็นผู้นำที่มีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศอินเดียถือเป็นประเทศที่มีความแตกต่างทางความคิดความเชื่อมากที่สุดประเทศหนึ่ง โดยในสมัยที่ยังไม่มีพระพุทธศาสนาถือกำเนิดขึ้น อินเดียเป็นประเทศที่มีศาสนา ลัทธิ ความเชื่อมากมาย แต่องค์ศาสดากล้าที่จะเสนอหลักคำสอนใหม่ๆ ซึ่งค้านกับหลักความเชื่อเดิมๆ ถ้าถามว่าอะไรคือ แรงบันดาลใจให้พระพุทธเจ้ากล้าที่จะคิดนอกกรอบแบบนั้น คำตอบก็คือ พระองค์ทรงมีเป้าหมายที่กว้างไกล ที่อยากจะทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นนั่นเอง

“โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว ไม่ชอบคนที่มีความคิดที่แตกต่าง แต่พระพุทธองค์เล็งเห็นแล้วว่า ถ้าทำเหมือนเดิมแล้ว มันไม่พ้นทุกข์ ฉะนั้นจะต้องคิดหาแนวทางที่แตกต่างจากเดิม เพื่อให้หลุดพ้น และแนวทางนั้นจะต้องมีหลักเหตุและผล ดังนั้นผู้นำที่ดีต้องมีความแตกต่าง แต่ต้องเป็นความแตกต่างที่มีหลักการและเหตุผล สามารถตรวจสอบได้ วิเคราะห์ได้ ไม่ใช่มีแค่หลักคิดเท่านั้น

“นอกจากนี้ การจะเป็นผู้นำที่ดี จะต้องเป็นผู้ที่นึกถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว พร้อมทั้งต้องมีอุดมการณ์ที่ชัดเจน เพราะอย่างที่ทราบกันดี ผู้นำนั้นเป็นผู้ที่มีอำนาจ และหากนำอำนาจไปใช้ในทางที่ผิด ก็จะนำพาองค์กรไปสู่อันตรายได้เช่นกัน ดังนั้นอุดมการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่ช่วยทำให้ผู้นำสามารถนำพาองค์กรไปในเส้นทางที่ถูกต้องได้”

หลวงพี่โบ๊ท กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดงานสัมมนาครั้งนี้ขึ้นก็เพื่อมุ่งหวังจะช่วยจุดประกายและส่งต่อพลังผู้นำในการช่วยส่งเสริมให้ทุกคนมุ่งไปข้างหน้า สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง ผลักดันให้เกิดการดำเนินการต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ และจุดประกายทีมงานของตัวเองให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในประเทศไทยทางด้านการดำเนินธุรกิจและการสร้างผู้นำในระดับโลก และยังเชื่อมั่นอีกว่า การใช้พลังแห่งผู้นำจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศชาติต่อไปได้




ขอขอบคุณที่มา
http://40plus.posttoday.com/dhamma/11035/